วิเคราะห์ฟุตบอลโลก 2014 นัดเปิดสนาม “บราซิล-โครเอเชีย”
กลุ่มเอ
บราซิล – โครเอเชีย
วัน: พฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2557 เวลา: 03.00 น.
สนาม: อารีน่า คอรินเธียนส์
ผู้ตัดสิน: ยูอิจิ นิชิมุระ (ญี่ปุ่น)
สภาพอากาศ: 20-13 °C, ฟ้าโปร่ง
ถ่ายทอดสด: ช่อง 7, CH 8, WC Channel, True 99, True 668
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
บราซิล
6/6/14 กระชับมิตร บราซิล 1-0 เซอร์เบีย
3/6/14 กระชับมิตร บราซิล 4-0 ปานามา
5/3/14 กระชับมิตร แอฟริกาใต้ 0-5 บราซิล
20/11/13 กระชับมิตร บราซิล (N) 2-1 ชิลี
17/11/13 กระชับมิตร บราซิล (N) 5-0 ฮอนดูรัส
โครเอเชีย
6/6/14 กระชับมิตร โครเอเชีย (N) 1-0 ออสเตรเลีย
31/5/14 กระชับมิตร โครเอเชีย 2-1 มาลี
5/3/14 กระชับมิตร สวิตเซอร์แลนด์ 2-2 โครเอเชีย
19/11/13 คัดบอลโลก โครเอเชีย 2-0 ไอซ์แลนด์
15/11/13 คัดบอลโลก ไอซ์แลนด์ 0-0 โครเอเชีย
ผลงานการพบกัน 2 นัดหลังสุด
13/6/06 ฟุตบอลโลก บราซิล 1-0 โครเอเชีย
17/8/05 กระชับมิตร โครเอเชีย 1-1 บราซิล
ความพร้อม-สภาพทีม
บราซิล
เจ้าภาพเตรียมส่งขุนพลชุดหลักลงสนามเหมือนเคย หลังยืนพื้น 11 ตัวจริงชุดนี้มาเกือบตลอดในช่วง 2 ปีหลัง โดยเนย์มาร์ กองหน้าดาวเด่น ไม่มีปัญหาเรื่องความฟิต แม้จะได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้ามาจากการซ้อมก็ตาม และพร้อมลงมาทำเกมรุกทางกราบซ้ายเช่นเคย ส่วนฮัลค์จะเป็นตัวขึ้นเกมทางกราบขวา โดยมีเฟรดจะยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ขณะที่แผงมิดฟิลด์จะใช้งานสามประสานตัวหลักเช่นกัน ประกอบด้วยหลุยซ์ กุสตาโวกับเปาลินโญที่จะเป็นห้องเครื่องในแดนกลาง และออสการ์ที่จะเป็นจอมทัพคอยปั้นเกม ส่วนแบ๊กโฟร์จะนำทัพโดยติอาโก้ ซิลวา กัปตันทีม ซึ่งจะยืนคู่กับดวิด หลุยซ์ตรงกลางแนวรับ โดยมีดานี่ อัลเวสกับมาร์เซโลยืนเป็นฟูลแบ๊ก ส่วนหน้าที่เฝ้าเสาจะเป็นของนายประตูตัวเก๋าอย่างชูลิโอ เซซาร์
โครเอเชีย
ดาเนี่ยล ปรันยิช แบ๊กซ้ายตัวเดียวของทีม เจ็บจากเกมอุ่นเครื่องจนชวดบู๊นัดนี้ และคงเป็นซิเม่ เวอร์ซัลโก้ แบ๊กขวาสำรอง ที่จะถูกโยกไปทำหน้าที่แทน โดยดาริโอ เซอร์น่า กัปตันทีมตัวเก่ง จะประจำการทางฝั่งขวา ส่วนเวดราน ชอร์ลูก้าจะเป็นตัวยืนในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ๊ก โดยกอร์ดอน ชิลเดนเฟลด์ ซึ่งหายเจ็บกลับมาลงซ้อมได้แล้ว ต้องเบียดแย่งโควตาที่เหลือกับเดยัน ลอฟเรน โดยสติเป้ เปลติโคซ่า นายประตูตัวเก๋า ยืนเฝ้าเสาเช่นเคย ในแดนกลางมีอิวาน ราคิทิชกับลูก้า โมดริชเล่นคู่กัน โดยมาเตโอ โควาซิชคงจะยืนสูงคอยปั้นเกมรุกร่วมกับอิวิก้า โอลิชและอิวาน เปริซิชที่จะเป็นตัวขึ้นเกมริมเส้น ส่วนนิคิช่า เยลาวิชคงจะได้ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าแทนมาริโอ มานด์ซูคิชที่ติดโทษแบนมาจากใบแดงในรอบเพลย์ออฟ
นักเตะติดโทษแบน: มาริโอ มานด์ซูคิช
วิเคราะห์รูปเกม
บราซิลลงเตะนัดเปิดสนามภายใต้ความกดดันที่มากกว่ามหาศาล เพราะแบกรับความคาดหวังสูงในฐานะเจ้าภาพและทีมเต็ง แถมยังมีเรื่องของความวุ่นวายภายในประเทศคอยกวนใจ ต่างกับโครเอเชียที่เล่นในฐานะทีมรองบ่อน ขอลุ้นแค่เสมอก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ทำให้คงจะวางแผนมาเล่นแบบรัดกุมและไม่ประมาท แต่คุณภาพของทีมตราหมากรุกยังเป็นรองทีมแซมบาอยู่พอสมควร แถมความพร้อมเจ้าภาพก็ดีกว่า นัดนี้ถ้าเล่นตามเกมของตัวเองได้ บราซิลน่าจะเก็บชัยชนะได้ตามเป้า แต่ถ้าหวังจะโชว์ฟอร์มสวยยิงกระจายคงไม่ง่ายนัก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
บราซิล (4-3-3): ชูลิโอ เซซาร์; ดานี่ อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา, ดาวิด หลุยซ์, มาร์เซโล; หลุยซ์ กุสตาโว, ออสการ์, เปาลินโญ่; ฮัลค์, เฟรด, เนย์มาร์
โค้ช: หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่
โครเอเชีย (4-2-3-1): สติเป้ เปลติโคซ่า; ดาริโอ เซอร์น่า, เวดราน ชอร์ลูก้า, เดยัน ลอฟเรน, ซิเม่ เวอร์ซัลโก้; อิวาน ราคิทิช, ลูก้า โมดริช; อิวิก้า โอลิช, มาเตโอ โควาซิช, อิวาน เปริซิช; นิคิช่า เยลาวิช
โค้ช: นิโก้ โควัช
ฮอตสกอร์: บราซิลชนะ 1-0
สำนักข่าวอิศรา
หมายเหตุ: เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.57 ที่ผ่านมา นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตรองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Vanchai Tantivitayapitak เกี่ยวกับ "หนูหริ่ง" หรือสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) หนึ่งในบุคคลที่ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกเข้าไปรายงานหลังการยึดอำนาจรัฐประหาร
ปีนี้ครบรอบ 10 ปีของสึนามิที่เกิดขึ้นในภาคใต้ เมื่อเดือนธันวาคม 2547 ที่ภาคใต้ ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตมากกว่า 3 พันคน
ปีนั้นผมอยู่ในพื้นที่นาน ทั้งภูเก็ตและพังงา เพื่อเก็บข้อมูลและช่วยเหลือผู้คนเท่าที่จะมีโอกาส
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจมากคือ การได้เห็นจิตใจและความอึดอดทนของหนูหริ่ง ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการระดมอาสาสมัครเพื่อไปช่วยเหลือผู้คนเป็นเวลานานนับเดือน
หนูหริ่งประสานทุกฝ่าย เพื่อจัดตั้งและสร้างระบบอาสาสมัครให้มีความชัดเจน
ท่ามกลางความหดหู่ เสียงร่ำไห้ของญาติพี่น้องและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
การอยู่กับสภาพศพที่กองอยู่ในรถเทลเล่อร์สูงเท่าภูเขาเป็นเวลานาน คงไม่สามารถบอกได้หรอกว่า รู้สึกอย่างไร แต่หนูหริ่งก็อดทนและทำงานต่อเนื่องอย่างน่ายกย่อง เพื่อช่วยเหลือใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของตัวเอง
ผมรู้จักหนูหริ่งหรือคุณสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด มานานมาก รู้จักทั้งภรรยา และลูกสาวที่เห็นตั้งแต่แรกเกิด เห็นการทำงาน ความตั้งใจของเขาในการตั้งศูนย์ช่วยเหลือคนหายในนามมูลนิธิกระจกเงา
เขาเป็นคนรุ่นแรก ๆ ที่สนใจเทคโนโลยีออนไลน์และเก่งอย่างหาตัวจับยากเมื่อยี่สิบกว่าปี
หากตั้งบริษัทคงรวยล้นฟ้าไปแล้ว แต่ก็ใช้พรสวรรค์อันนี้ในการทำงานช่วยเหลือสังคมมาตลอด
หนูหริ่งเป็นคนมีความกล้าและความเชื่อในอุดมคติที่ปรารถนาให้สังคมไทยดีขึ้น
แต่แน่นอนว่าความเชื่อของเขาอาจจะแตกต่างจากอีกหลายคนในสังคม ความมุ่งมั่นของเขาอาจจะทำให้คนมีอำนาจไม่สบายใจมาทุกยุคทุกสมัย
ในท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่กล่าวหาหนูหริ่งต่าง ๆ นานาอย่างไม่เป็นธรรม ผมเพียงอยากบอกว่า ผมภูมิใจที่เป็นมิตรสหายกับหนูหริ่งครับ
แม้ว่าหลายอย่างอาจเห็นเหมือนกัน บางอย่างอาจจะเห็นไม่ตรงกัน แต่ผมนับถือน้ำใจและความกล้าหาญของเขา ซึ่งนับวันจะหาได้ยากในสังคมนี้
สามารถ ราชพลสิทธิ์ โพสต์ข้อมูล ′บอร์ดทีจี′ บินฟรีปีละกี่ล้านถาม .คุณมีความคิดเห็นอย่างไร ? แล้วคดีฮั้วประมูลของกทม.ละว่าไงสามารถ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1402540079
เมื่อ วันที่ 11 มิถุนายน ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
เมื่อ วานนี้ (10 มิ.ย.57) หัวหน้า คสช.ได้สั่งให้หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจไปพิจารณาลดสิทธิประโยชน์ของกรรมการ (บอร์ด) ของรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง เช่น กรณีการบินไทยให้พิจารณาตัดสิทธิการบินฟรีของบอร์ด เป็นต้น
สิทธิ ประโยชน์ของบอร์ดตามระเบียบของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กำหนดไว้ดังนี้ "ให้กรรมการบริษัทฯ ได้รับสิทธิด้านบัตรโดยสารให้เปล่า ไป-กลับ ในเส้นทางต่างประเทศ 10 ใบต่อปี ในประเทศ 10 ใบต่อปี ในชั้นธุรกิจ ซึ่งลดลงจากเดิมที่เคยให้สิทธิประโยชน์ในชั้นสูงสุด First Class ทั้งนี้ หากมีที่นั่งว่างในชั้นสูงสุดสามารถเดินทางในชั้นดังกล่าวได้ โดยให้นำสิทธิประโยชน์ดังกล่าวไปใช้ได้ตามความเหมาะสม โดยกรรมการจะได้รับสิทธินั้นในขณะดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ เท่านั้น"
นั่นหมายความว่า แม้ว่าระเบียบได้กำหนดให้บินในชั้นธุรกิจ (Business Class) แต่ถ้าชั้น First Class มีที่นั่งว่างก็สามารถใช้สิทธิได้
รายได้ที่การบินไทยต้องเสียไปจากการให้บอร์ดบินฟรีสามารถประมาณการได้ดังนี้
1.สมมติว่าบอร์ดแต่ละคนใช้สิทธิตั๋วฟรีเต็มที่ 10 ใบต่อปี สำหรับการเดินทางต่างประเทศ และ 10 ใบต่อปี สำหรับการเดินทางในประเทศ
2. สมมติค่าตั๋วต่างประเทศ 150,000 บาท (ไป-กลับ) และค่าตั๋วในประเทศ 10,000 บาท (ไป-กลับ)
3. บอร์ดมีทั้งหมด 15 คน ดังนั้น การบินไทยต้องเสียรายได้ไปปีละ = (15×10×150,000) + (15×10×10,000) = 24 ล้านบาท
คุณมีความเห็นอย่างไรกับการตัดสิทธิบินฟรีของบอร์ดการบินไทยครับ
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9490000009382
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดขณะนี้อยู่ระหว่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ทำการสอบปากคำนายสามารถ โดยเบื้องต้น พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหาต่อนายสามารถ รวม 3 ข้อหา จากการกระทำความผิด 3 มาตรา คือ มาตรา 10, 11 และ 12 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับเสนอราคาของหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 ขณะเดียวกัน ข้าราชการ กทม.อีก 2 คน จะมีความผิดในมาตรา 11 และ 12 ซึ่งรายละเอียดมาตรา 10 คือ เป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติ แต่ละเว้นการดำเนินการ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภัทธรุตม์ ทรรทรานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม.ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังจากการเดินทางเข้ารับฟังข้อกล่าวหา ของนายสามารถ สำหรับนายอุทัย ขันแก้ว วิศวกร 8 ของกรุงเทพมหานคร อีก 1 ผู้ต้องหาในคดีนี้ ให้ทนายความแจ้งแก่พนักงานสอบสวนว่า จะมาเข้าพบในวันพุธที่ 25 มกราคม เวลา 14.00 น.
****************************************************************************************************************************************************
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9490000009812
หลังการสอบสวนกว่า 5 ช.ม. นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เลขานุการอัยการคดีพิเศษ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายสามารถ และนายภัทรรุฒม์ ข้อหาฮั้วประมูลตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดการเสนอราคาของหน่วยงานรัฐ ส่วนนายอุทัย ขันแก้ว อ้างว่าป่วยได้ให้ทนายความขอเลื่อนนัดพบพนักงานสอบสวน เป็นวันพุธที่ 25 ม.ค.นี้ ส่วนผลการสอบสวนทั้งสองท่านให้การปฎิเสธข้อกล่าวหา โดยนายสามารถได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายแฟ้ม ชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน และให้การในรายละเอียดอื่นๆ ตามที่พนักงานสอบสวนถาม ถือว่าข้อมูลที่ได้เป็นประโยชน์สามารถนำมาพิจารณาประกอบสำนวนได้ ส่วนการสอบสวนขยายผล หากเจอพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับใครก็ต้องดำเนินการต่อไป มีส่วนอื่นอีกเยอะที่กำลังพิจารณา ทั้งนี้ คดีดังกล่าวอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เข้าร่วมตรวจสอบตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ขณะนี้ได้ข้อยุติว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดี
หวานใจตลอดกาล
" พ่อประกาศขายบ้านไปเเล้วเหรอค๊ะ?..."
เสียงของลูกสาวคนโต ถามผู้เป็นพ่อเบาๆ ในขณะที่ใช้ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กๆ ชุบน้ำอุ่นบรรจงเเตะไปตามตัวของผู้เป็นพ่ออย่างเเผ่วเบา
" อืออออ..."
เสียงตอบอย่างเเผ่วเบาของผู้เป็นพ่อ ที่นอนซมเพราะพิษไข้ กำลังให้ลูกสาวเช็ดตัวอยู่ที่โซฟาในบ้าน พร้อมกับพลิกตัวหันตะเเคงข้างบอกเป็นนัยไปยังลูกสาวว่าให้เช็ดอีกด้านหนึ่ง เเต่เเท้ที่จริงเเล้ว เขาพยามที่จะซ่อนหยาดน้ำใสๆ ที่มันกำลังจะไหลรินออกมาจากดวงตาของเขาต่างหาก
นี่หรือคือ ศรชัย เมฆวิเชียร หวานใจคนใหม่ของนักฟังเพลงลูกทุ่ง? ในอดีตนั้นจะไปไหนมาไหนใครก็อยากถ่ายรูปด้วย เเม่ยกเเฟนเพลงล้นหลามทั้งประเทศ เนื้อหอมยิ่งกว่าพระเอกหนังไทยในยุคนั้นเสียอีก นายยง ปราบไชยโจร เด็กหนุ่มจาก อ.จักราช นครราชสีมา คนนี้ ผู้ที่ไม่เคยก้มหัวให้กับความยากลำบากของชีวิต หนักเอาเบาสู้มาตลอด
หลังจากที่บ้านโดนโจรปล้นกลางดึกของวันนั้น ภาพที่พ่อโดนโจรฆ่าตายอย่างทารุณ ในขณะที่พ่อออกไปขวางไอ้พวกสัตว์นรกที่พยายามต้อนควายของพ่อไป มันยังจำติดตาได้ไม่เคยลืม...อยู่ไม่ได้เเล้วบ้านป่าเมืองเถื่อน การที่จะรอคอยความยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนั้น อย่าได้หวังเลย...
นั่งรถไฟเข้ากรุงเทพสู้ชีวิตอย่างลูกผู้ชาย หนักเอาเบาสู้ ไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบาก ทำงานไปประกวดร้องเพลงไป จนกระทั่งมาได้ครูฉลอง ภู่สว่าง เเต่งเพลงให้ชื่อเพลงจูบไม่หวาน ที่จริงเพลงนี้ครูเเต่งไว้สองท่อนเเล้ว กะจะให้ชินกร ไกรลาศ ร้อง กับเพลง ลำดวนลืมดง ก็ดังระเบิดเถิดเทิง มากระทุ้งด้วยเพลงของครูสุรินทร์ ภาคศิริ ทหารเกณฑ์ผลัดสอง โอ้โห..คราวนี้ดังระเบิดติดลมบนกันเลยทีเดียว ชื่อศรชัย เมฆวิเชียร น้ัน หลวงพ่อสุด วัดกาหลง กับหลวงพ่อวัดช่องลมเป็นผู้ตั้งให้
ยิ่งได้ซ้อน้อย อังกินันท์ มาทำวงให้ด้วย เรื่องทุนไม่มีอั้น สำนักงานที่ใช้ก็ใช้กับที่เดียวกันกับวงดนตรี สายัณห์ สัญญา เพราะสายัณห์เกิดได้ก็เพราะซ้อน้อยนั่นเอง ศรชัยจะเรียกสายัณห์ว่าพี่เป้าเสมอ ส่วนสายัณห์ก็จะเรียกศรชัยว่าน้องยงทุกครั้งไป จากการที่ทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนักเเทบไม่ได้พักผ่อนเลย ร่างกายก็เริ่มทรุดโทรม วันหนึ่งๆร้องเพลงเกือบ 30 เพลง เเต่ถ้าวันไหนเล่น 2 รอบ บ่าย-ค่ำ ก็เลยกลายเป็นร้องเพลงจนหน้ามืดไปเลยว่างั้นเถอะ
โชคร้ายมาเยี่ยมเยียนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากการใช้เสียงอย่างไม่บันยะบันยังจนทำให้เขาเป็นมะเร็งที่กล่องเสียงจนได้ เเต่ใจสู้เสียอย่าง เขาตัดสินใจให้หมอผ่าตัดเอาเส้นเสียงออกไปเส้นหนึ่ง จนกระทั่งเขาผ่านพ้นโรคมะเร็งร้ายมาได้ เเต่ก็เหมือนเวรซ้ากรรมซัด โรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง ก็มาซัดกระหน่ำตัวของเขาอย่างรุนเเรงจนกระเพาะทะลุ เขาก็กัดฟันสู้กับเจ้าโรคร้ายจนพอทุเลา คิดว่าเจ้ากรรมนายเวรคงจะคลายอาฆาตลงไปไม่มากก็น้อย ที่ไหนได้...ยังไม่ทันจะฟื้นจากไข้ดี เขาได้รับข่าวร้ายว่าติดไวรัส C ลงตับเข้าให้เเล้ว
หมดกัน...ค่ารักษาตกเดือนละเป็นเเสน เฉพาะยาฉีดก็ 20,000 บาทเข้าไปเเล้ว เเล้วเเพทย์ไม่รับรองว่าจะหายด้วยนะ เงินทองที่เก็บหอมรอมริบใช้จ่ายด้วยความมัธยัสถ์ก็มารักษาตัวหมดไปเป็นล้านๆบาท รถที่ใช้อยู่เป็นประจำก็ต้องขายทิ้งไป เมื่อร้องเพลงไม่ได้งานก็หดเงินก็หาย กินของเก่าไปวันๆ ก็เหลือเเต่เพียงบ้านเก่าๆที่อยู่ซอยภาวนาลาดพร้าวหลังนี้เท่านั้น ที่เขากับภรรยาเเละลูกสาวทั้ง 2 ได้อาศัยหลบเเดดหลบฝนเป็นที่ซุกหัวนอนตั้งเเต่ที่เขาเริ่มมีชื่อเสียงใหม่ๆ
" พ่อจ๋า ปากกาเมจิกอยู่นี่จ่ะ...."
ผู้เป็นพ่อพลิกตัวมาหยิบปากกากับกระดาษ A4 เก่าๆ ที่ลูกสาวเป็นผู้หยิบมาให้ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาวๆ เขียนด้วยลายมือของเขาเองว่า...บ้านหลังนี้ขาย....พร้อมทั้งเสียงสะอื้นเบาๆของลูกสาวลอยมาอย่างวังเวงเงียบเหงาปานประหนึ่งว่าจะขาดใจอยู่ตรงนั้นนั่นเอง.....
2 ผู้ถูกคสช.เรียกรายงานตัว ติดยาวหลังถูกฟ้อง ม.112 ต่อโดยไม่ได้ประกันตัว
Wed, 2014-06-11 00:07
เฉลียว จ. และ คฑาวุธ บ. 2 ผู้เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อ โดยศาลไม่ให้ประกันตัว ส่งไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
10 มิ.ย. 2557 หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งฉบับที่ 44/2557 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้บุคคลจำนวน 28 คนเข้ารายงานตัวที่ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น จำนวนนั้นมี นายเฉลียว จ. และนายคฑาวุธ บ. ซึ่งเดินทางเข้ารายงานตัวตามเวลาที่ คสช.ประกาศ
ล่าสุดหลัง คสช. มีการสอบสวนทั้ง 2 รายและกักตัวครบครบ 7 วันแล้ว วันนี้(10 มิ.ย.) เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘iLaw’ ของ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน รายงานว่า ทั้ง 2 ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อ พร้อมทั้ง ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจึงถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามผู้เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ที่ 44/2557 พบว่านายเฉลียว ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตัดกางเกง ถูกสอบสวนถึง 3 รอบ รวมทั้งสอบสวนผ่านเครื่องจับเท็จอีก 2 รอบด้วยกัน ในขณะที่ผู้ถูกเรียกเข้ารายงานตัวคนอื่นๆถูกสอบสวนเพียง 1 รอบเท่านั้น
เผยเบื้องหลังการเข้ามอบตัวของคุณคฑาวุธ(นายแน่มาก)ต่อคณะทหาร
คน บางคนที่เข้ามอบตัวกับ คสช.ไม่ได้หมายความว่าเขาจะละทิ้งอุดมการณ์
ตัวอย่างเช่น คุณคฑาวุธ บูรณ์พิทักษ์ หรือที่เราจักกันดีในนาม คฑาวุธ เจ้าของรายการ นายแน่มาก ซึ่งในตอนแรกนั้นคุณคฑาวุธ ต้องการจะเดินทางไปต่างประเทศ เพราะอยู่เมืองไทยไม่ปลอดภัย จากการที่ทหารเข้าค้นบ้านคุณคฑาวุธที่ลพบุรี เมื่อวันที่ 29 / 05 / 2557 แต่ไม่เจอตัว คุณคฑาวุธพยายามหลบหนีแต่ด้วยเหตุที่พ่อคุณคฑาวุธป่วยหนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แกจึงไม่สามารถหลบหนีได้ วันทำศพพ่อคุณคฑาวุธ แกได้แค่จุกธูปหน้าศพได้แค่ดอกเดียวเท่านั้น ไม่ได้อยู่รอจนธูปหมด เพราะ ทหาร ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ในงานศพคุณคฑาวุธ และปราการที่สองทหารได้คุกคาม ขมขู่ ลูกเมียคุณคฑาวุธอย่างหนัก เพื่อให้คุณคฑาวุธออกมามอบตัว ช่วงเวลานั้นคุณคฑาวุธบอกผมว่า อยากจะเผาพ่อก่อนมอบตัว แต่แกก็ไม่ได้เผาเพราะทหารส่งหน่วย เก็บกวาด เข้าประกบคุณคฑาวุธตลอดเวลา
ปราการต่อมาผมได้มีการพูดคุยกับคุณคฑาวุธอีกครั้ง หลังจากโทรหากันหลายๆ ครั้ง เหตุผลเพราะคุณคฑาวุธ ไม่สามารถเปิดเครื่องโทรศัทพ์ได้เลย ทหารหน่วยเก็บกวาด ประชิดตัวแกมากขึ้น แกเล่าให้ฟังว่ามีความจำเป็นจะต้องออกเดินเท้า และอาศัย นอนกลางป่าเพื่อความปลอดภัยโดยจุดมุ่งหมายเพื่อออกนอกประเทศ เพื่อมารวมกับพี่น้องร่วมรบที่เดินทางมาก่อนหน้านี้แล้ว ตลอดระยะเวลาที่พูดคุยเสียงของคุณคฑาวุธ สิ้นหวัง แกพูดแต่เป็นห่วงครอบครัว และพี่น้องเราที่ต้องหลบหนี ต่อมาผมได้ติดต่อกับคุณคฑาวุธ อีกครั้ง ....
พอสรุปได้ว่า...แกเหนื่อยและลำบาก กับการหลบหนีประกอบกับร่างกายที่ไม่ค่อย แข็งแรง ต้องกินยาประจำพร้อมกับกาแฟที่ขาดไม่ได้ แกปรึกษาผมว่าจะเข้ามอบตัว เพราะแกเป็นห่วงครอบครัวที่ถูกทหารกดดันอย่างหนัก แกบอกผมว่าไม่สามารถหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้ ชีวิตนักต่อสู้ ถึงอย่างไงแกก็ต้องห่วงครอบครัวนี่ แหละมั้งที่ทำให้หลายๆ คน ต้องยอมจำนนกับอำนาจมืด วันต่อมาช่วงเวลาค่ำ เกือบๆ ห้าทุ่ม เสียงโทรศัทพ์ของผมดังขึ้นอีกครั้ง โดยคุณคฑาวุธเป็นคนโทรหาผมเอง ทำให้ผมแปลกใจ เพราะปกติ ผมจะเป็นฝ่ายโทรหาแกเองมันเหมือนเป็นลางว่าสายที่ผมกำลังจะรับนี้ ต้องไม่ดีแน่ๆ ผมได้ตอบรับสายว่าครับพี่คฑาวุธ ซึ่งทำให้ผมต้องอึ้งเพราะเสียงแกฟังไม่ดีเลยแกบอกผมว่าตัดสินใจเข้ามอบตัว และบอกอีกว่าแกไม่ได้ผิดอะไรกับการที่แกต้องการประชาธิปไตย เราพูดคุยกันนานเหมือนกับการสั่งลาผมรับปากกับแกไว้เรื่องหนึ่ง ซึ่งผมก็ดำเนินการทำให้แกแล้วคงเหลือแต่จะต้องคอยติดตาม ข่าวความคืบหน้าเท่านั้น
" พี่คฑาวุธ ถ้าพี่ได้อ่านหรือรับรู้ข้อความนี้ ขอให้พี่สบายใจได้ ผมจะติดตามงานที่พี่สั่งไว้ ให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ "
ด้วยรักและศรัทธา
จาก อ.อิสระ
จาก บอร์ดการเมือง cr. http://www.prachatai.com/journal/2014/06/53923
'กำนัน'แชะภาพหวานโชว์สื่อ 'ศรีสกุล'FBแซวผ่านมีดหมอจะยิ้มไม่ออก
10 มิ.ย.57 นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ ลุงกำนัน อดีตแกนนำ กปปส. โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัว 'Srisakul Promphan' เป็นภาพที่ถ่ายกับคู่กัน ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเส้นเอ็นที่หัวไหล่ พร้อมข้อความสั้นๆว่า 'ก็ยังยิ้มได้...ยังไม่รู้ละซิว่าหลังผ่าเสร็จจะเจ็บสุดสุดเลย'
ทั้งนี้ นายสุเทพ เข้ารับการผ่าตัดเส้นเอ็นที่หัวไหล่ 4 เส้น ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อเช้าที่ผ่านมา และมีกำหนดนอนพักฟื้นเป็นเวลา 2 วัน
แผน รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ของไทย ชวนเริ่ม ทักษิณหยุด อภิสิทธิ์สานต่อ ยิ่งลักษณ์กู้นอกระบบ
ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นไปทั่วหล้าเพราะขี้ข้ายังคงลอยนวล
มติชนออนไลน์ พาดหัวว่า "ชัชชาติคิด-อภิสิทธิ์ต้าน-ทหารทำ" เป็นการพาดหัวที่ถ้าตามหลักข้อเท็จจริงแล้วคือ จงใจบิดเบือน แต่ถ้าตามหลักการของสื่อนั่นคือ การจงใจบิดเบือนเพื่อทำให้สังคมเข้าใจผิดไปจริงๆว่า ใครคิดกันแน่ ใครต้านอะไร แล้วใครทำยังไง
ต่อกรณีการพาดหัวหน้าปกนั้น ถ้าทางเราเป็นชัชชาติ ทางเราจะอายมาก ทางเราจะรีบออกมาแก้ข่าว !! เพราะในโครงการ 2 ล้านล้าน ไม่ได้มีอะไรที่คิดใหม่เองเลย แผนคมนาคมส่วนใหญ่มีใน หน่วยงานที่แผนของกระทรวงนี้เป็นทศวรรษแล้ว โครงการใน 2 ล้านล้าน แยกหลักๆได้เป็น รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ถนน ท่าเรือ และปรับปรุงสนามบิน ขอย้ำว่าทั้งหมดนี้คือแผนของหลายๆ รัฐบาลอนุมัติแผนผ่านๆ กันมายาวนานมากกว่า 7 รัฐบาล
ถ้าจะให้ถูกต้องจะต้องเป็นแบบนี้ครับ
แผนรถไฟรางคู่
ชวนเริ่ม ทักษิณหยุด อภิสิทธิ์ต่อขยาย
ยิ่งลักษณ์ลอกไปสร้างด้วยเงินนอกระบบ
แผนรถไฟความเร็วสูง
ชวนคิด ทักษิณเปลี่ยนเส้นทาง อภิสิทธิ์วางโครงร่างทั่วประเทศ
ยิ่งลักษณ์ลอกไปตัดจนด้วนเหลือโคราชหัวหิน แล้วไปเร่งสายเชียงใหม่
ส่วนมอเตอร์เวย์ ถนน ท่าเรือ สนามบิน คงเข้าใจได้ไม่ยากนะครับว่า มันเป็นแผนที่ไม่ได้คิดอะไรกันยากเย็น ไม่ได้เป็นแผนอะไรใหม่ๆ เลย
สิ่งที่คิดใหม่จริงๆ ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอยู่อย่างเดียวครับนั่นคือ **การเอาสิ่งที่สร้างได้ในระบบงบประมาณตรวจสอบได้อยู่แล้ว ออกไปสร้างด้วยเงินนอกระบบงบประมาณ กู้ใหม่หมดทั้งก้อน** และสิ่งนี้นี่แหละครับที่คุณอภิสิทธิ์ ฝ่ายค้านทั้งสภา สว.นักวิชาการ และคนสติดีๆ ทั่วประเทศเขาก็ต้านทั่วกันครับ ต้องย้ำอีกรอบนะครับว่า ที่เขาต้าน คือเขาต้านการได้มาของตัวเงิน เขาไม่เคยต้านตัวงาน ทำไมไม่ต้าน วันนี้ก็ชัดเจนแล้วครับว่า "เขาคิดและเริ่มทำกันมาเอง" เขาต้านตรงที่วิธีตรวจสอบได้ดีๆ ไม่ทำไมไม่ทำ จ้องงาบอยากไปทำวิธีที่ตรวจสอบโกงไม่ได้ แล้ววันนี้เป็นยังไง แค่นี้ ป.ป.ช.ก็รอฟันอยู่ 3-4 คดีแล้ว
ส่วนกรณีทหารทำหรือไม่อย่างไร เขายังคุยกันอยู่เลยครับว่า จะทำหรือไม่ทำ ทำโครงการไหน ไม่ทำโครงการไหน แต่ที่แน่ๆ เขาทำในระบบงบประมาณปกติ เขาไม่ได้กู้ทั้งก้อนทั้งพวง 2 ล้านล้าน เขาไม่ได้ทำนอกระบบงบประมาณแบบรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทั้งหมดนี้ก็เห็นใจคุณชัชชาตินะครับ อยู่ๆ ก็มีสื่อจรรยาบรรณเสื่อม เอามาเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้ง จงใจสร้างวาทกรรมให้เกิดความเข้าใจผิด ดูเหมือนจะเป็นคุณ แต่เป็นโทษ สื่อเครือนี้เคยครั้งหนึ่งตอนโพนทะนาว่า คสช.จะเชิญไปปรึกษาแต่แล้วก็เงิบ
อย่างที่กล่าวไปแต่ต้นครับ ถ้าใครเขาเยินยอในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ เราจะออกมาปฏิเสธ เว้นแต่เขาจะเป็นคนแบบนั้นไปแล้วจริงๆ !!
นอกจากนี้ครับ มีสรุปของ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ทีมคมนาคมของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ให้ข้อมูลไว้ชัดเจนมาก แต่ดร.สามารถข้ามหัวยิ่งลักษณ์ไปเลยครับ ข้ามไปให้ชัดไปเลยว่า แม้แต่ทักษิณก็ไม่ได้คิด
ดร.สามารถบอกว่า...
หลังจาก คสช.ประกาศเดินหน้าโครงการรถไฟทางคู่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทบทวนโครงการรถไฟความเร็วสูง ก็มีเสียงค่อนแคะว่า คสช.เดินตามแนวทางที่อดีตนายกฯ ทักษิณคิดไว้ภายใต้แผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
นับเป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงที่คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้คิดโครงการในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แล้วให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์กู้เงินเพื่อดำเนินการก่อสร้าง
ข้อมูลที่ถูกต้องก็คือโครงการทุกโครงการภายใต้แผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่ใช่โครงการใหม่ที่เกิดจากความคิดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่เป็นโครงการเก่าที่มีการวางแผนกันมาแล้วหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า หรือมอเตอร์เวย์
รถไฟทางคู่มีการให้ความสำคัญอย่างจริงจังในรัฐบาลชวน 1 และชวน 2 โดยเริ่มก่อสร้าง 4 สาย ได้แก่ (1) หัวหมาก - ฉะเชิงเทรา (2) ตลิ่งชัน - นครปฐม (3) บ้านภาชี - มาบกะเบา และ (4) บ้านภาชี - ลพบุรี
รัฐบาลต่อๆ มาให้ความสนใจในรถไฟทางคู่น้อยมาก จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ระบบรางได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง โดยได้จัดทำแผนแม่บทรถไฟทางคู่ (รวมทั้งรถไฟสายใหม่) ระยะทาง 3,039 กม. และแผนแม่บทรถไฟความเร็วสูง ที่สำคัญ รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้อนุมัติงบประมาณกว่า 1.7 แสนล้านบาท เพื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 ระยะทาง 767 กม. ซึ่งถือเป็นงบประมาณมากที่สุดที่มีการจัดสรรให้กับระบบราง
ผมขอสรุปความเป็นมาของโครงการสำคัญในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ดังนี้
1. รถไฟทางคู่ที่มีในปัจจุบันเกิดขึ้นหรือริเริ่มในรัฐบาลชวน 1-2 รัฐบาลอภิสิทธิ์จัดทำแผนแม่บทรถไฟทางคู่ 17 สาย โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์หยิบมาใส่ไว้ในแผนเงินกู้ 11 สาย
2. รถไฟสายใหม่ (ทางคู่) มีการจัดทำแผนแม่บทในรัฐบาลอภิสิทธิ์ 11 สาย โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์หยิบมาใส่ไว้ในแผนเงินกู้ 3 สาย
3. รถไฟความเร็วสูง รัฐบาลอภิสิทธิ์จัดทำแผนแม่บทไว้ 5 สาย โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์หยิบมาใส่ไว้ในแผนเงินกู้ 4 สาย พร้อมทั้งตัดเส้นทางให้สั้นลง นั่นคือสายกรุงเทพฯ - หนองคาย เหลือแค่โคราช และสายกรุงเทพฯ - ปาดังเบซาร์ เหลือแค่หัวหิน
4. มอเตอร์เวย์ มีการจัดทำแผนแม่บททั่วประเทศหลายสาย ระยะทางกว่า 4,000 กม. (และก่อสร้างสายแรกในรัฐบาลชวน 1) โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์หยิบมาใส่ไว้ในแผนเงินกู้ 3 สาย
5.ถนน 4 เลนทั่วประเทศเกิดขึ้นในรัฐบาลชวน 1 รัฐบาลต่อๆ มาสานต่อโครงการนี้ รวมทั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ได้บรรจุโครงการถนน 4 เลน หลายสายไว้ในแผนเงินกู้
ชัดเจนเข้าใจตรงกันนะครับ หรือถ้ายังเจอใครที่ยังจะเถียงอีกว่า ลอกทักษิณ ลอกยิ่งลักษณ์ ลอกชัชชาติ ก็เอาบทความนี้ไปให้เขาอ่านกันตามอัธยาศัยครับ
ศาลทหาร ไม่ให้ประกันตัวคุณจาตุรนต์ !!!!
ฝากขังต่ออีก 12 วัน
ทองคำฝังอยู่ในโคลน ล้างน้ำก็สะอาดสุกปลั่ง
จาตุรนต์ แกร่งกว่าที่หลายคนคิด
ขณะที่เขากำลังเรียนแพทย์ ปีที่ 4 ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เกิดรัฐประหาร 6 ตุลา 2519
เขาต้องหนีการไล่ล่าของทหาร เข้าไปร่วมกับ พรรคคอมมิวนิส์แห่งประเทศไทย
จับอาวุธ สู้กับเผด็จการทหารอยู่หลายปี
เมื่อมีนโยบาย 66/23 เขาออกจากป่า ไปเรียนต่อที่อเมริกา
จบปริญญาตรี และโท ด้านเศรษฐศาสตร์
เรียนปริญญาเอก จบ แต่ยังไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์
ก็ถูกพ่อเรียกให้กลับมาสมัคร สส.
วิเคราะห์เมืองไทยได้ถูกต้องจริงๆ อ่านละซึ้ง
บทวิจารณ์: "เกมส์โอเวอร์แล้วสำหรับประชาธิปไตยไทย"
ลองมาเลิกหลอกลวงกันเถอะสำหรับประเทศไทย มีเรื่องแต่งระดับสากลอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ว่ารัฐประหารเมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นแค่การขัดจังหวะการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพียงชั่วคราวเท่านั้น..
ไม่จริง หลักฐานในศตวรรษนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเลยแม้แต่นิดเดียว
รัฐประหารครั้งล่าสุดเป็นการยืนยันว่าประเทศนี้ได้ปฏิเสธหลักการพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็คือการที่ประชาชนเลือกผู้นำของตนตั้งแต่ปี 2001 ประชาชนได้เลือกผู้นำประเทศอย่างเด็ดขาด พวกเขาได้ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคของทักษิณ ชินวัตรและคณะในการเลือกตั้งถึงหกครั้งติดต่อกัน
ในปี 2005 ชัยชนะของทักษิณถือว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ ในขณะที่ชัยชนะของน้องสาวของเขาในปี 2011เป็นอันดับสอง ซึ่งคนไทยได้ยืนยันการตัดสินใจของพวกเขาอีกครั้งในผลสำรวจที่ทำขึ้นเมื่อเพียงแค่สามเดือนก่อน
เหมือนกับทุกๆครั้งในการเลือกตั้งในประเทศไทยที่มีการโกงการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่มีผู้เชียวชาญที่มีความน่าเชื่อถือคนใดกล้าเถียงว่า ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งหกครั้งก่อนไม่ได้สะท้อนถึงตัวเลือกของประชาชนและนั่นชัดเจนมาก
คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อคำพูดผม หนึ่งในผู้นำของผู้ประท้วงเสื้อเหลืองซึ่งช่วยในการล้มล้างรัฐบาลของทักษิณและเจ้าพ่อแห่งสื่อที่มีนามว่าสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดอย่างเรียบง่ายไว้ว่า "ระบบผู้แทนแบบประชาธิปไตยไม่เหมาะกับประเทศไทย"
มันทำให้หนึ่งในเพชรแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศที่มีเศรฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับสองของภูมิภาคอยู่ในแดนสนธยาอันประหลาด ในขณะที่ประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกได้ก้าวหน้าไปยังความเป็นประชาธิปไตยและสิทธิที่เท่ากันของพลเรือนในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา แต่ประเทศไทยกลับถดถอยลงแม้กระทั่งไต้หวัน เกาหลีใต้ และ อินโดนิเซียได้มีการมอบเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ให้แก่ประชาชน แม้กระทั่งนายพลทหารพม่าได้มีการผ่อนผันเพื่อให้มีเสรีภาพทางการเมือง แต่ในประเทศไทยตอนนี้กลับกลายเป็นว่านายพลทหารคือผู้บริหารประเทศ.. อีกครั้ง
อะไรล่ะคือตัวการที่สมคบคิดกันต่อต้านผลลัพธ์ของประชาธิปไตย?
การกวาดล้างรัฐบาลทักษิณแสดงให้เห็นสามสิ่ง หนึ่งคือพลังของการประท้วงบนถนนของเสื้อเหลือง สองคือศาล และ สามคือทหารอย่างไรก็ตามไม่ใช่ทหารทั้งหมด เนื่องจากว่านายพลทหารที่ยึดอำนาจเมื่อวันพฤหัสบดีก่อน - ประยุทธ์ จันทร์โอชา - โดยมียศเป็นผู้บัญชาการทหารบก ไม่ใช่ผู้บัญชาการทหารทั้งหมด เขาได้กันทหารระดับสูงคนอื่นออกไปเพื่อลุแก่อำนาจ
สามกลุ่มนี้ทำงานกันเป็นคณะรัฐประหารสามส่วน หนึ่งคือเสื้อเหลืองปิดถนนหลายเส้นในกรุงเทพกว่าหกเดือน สร้างภาพให้มีความวุ่นวายเพื่อสร้างวิกฤติทางการเมือง สองคือศาลได้ปลดนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตรออกจากตำแหน่ง แล้วปล่อยให้พรรคของเธออยู่ในอำนาจที่ถูกลดทอนลงตามกฎหมายอย่างมาก สามคือทหารได้อ้างถึงความจำเป็นที่ต้องมีการแก้ไขวิกฤติพวกนี้และยึดอำนาจ
ตัวการเหล่านี้ "สิ้นหวังมากกับการที่อยากจะกำจัดทักษิณและพรรคพวกจนกระทั่งพวกเขาจับประเทศทั้งประเทศเป็นตัวประกันตามอำเภอใจ" Brad Adams ซึ่งเป็นผู้อำนวยการองค์การสิทธิมนุษยชนเอเชีย กล่าว
แปลโดย มัชฌิมา
ที่มา: http://www.smh.com.au/comment/game-over-for-democracy-in-thailand-20140526-zrord.html#ixzz32vwE9sYY — กับ June Bkkskinhead
ผู้ประกาศข่าวสาว "โมเดิร์นไนน์" ช็อก-เจอพลทหารทำอนาจารหน้าห้องแต่งตัว!
วันที่ 5 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่บริเวณห้องแต่งตัวผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ พระราม9 ขณะที่ผู้ประกาศข่าวภาคเช้าในรายการรายการคุยโขมงข่าวเช้า ผู้ประกาศสาวรายหนึ่ง กำลังแต่งหน้าทำผม เพื่อรอออกอากาศ โดยมีทีมงานแต่งหน้าทำผมร่วมอยู่ภายในห้องประมาณ 5 คน ขณะเดียวกันได้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อมีพลทหารคนหนึ่งสังกัด กองพันทหารราบที่ 2กรมทหารราบที่1มหาดเล็กรักษาพระองค์( ร.1พัน 2รอ.)แต่งกายพร้อมสะพายอาวุธปืนเอ็ม16 สวมเสื้อเกราะ ลักษณะสูงผอมมีรอยสักบริเวณแขน เดินวนเวียนอยู่บริเวณหน้าห้องแต่งตัวอยู่ประมาณ 15นาที พร้อมส่งยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่ภายในห้องอย่างเป็นมิตร ก่อนที่ช่างแต่งหน้าทำผมเริ่มสงสัยจึงได้สอบถามไปว่า"ต้องการอะไร"แต่ไม่มีคำตอบจากพลทหารคนดังกล่าว
ทันใดนั้นเองพลทหารคนเดิมยืนกางขาขวางประตูพร้อมรูดซิปกางเกงควักอวัยวะเพศออกมาทำอนาจารมาสเตอร์เบชั่นโดยหันหน้าไปทางผู้ประกาศข่าวสาวท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ภายในห้องแต่งตัวจากนั้นช่างแต่งหน้าจึงรีบวิ่งหลบหนีออกมาจากห้องไปเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานีเข้ามาระงับเหตุทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่ผู้ประกาศสาวเห็นภาพอุจาดตาพร้อมกับช่างแต่งหน้าทำผมที่อยู่ในอาการตะลึงพลทหารคนเดิมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและวิ่งหนีออกจากบริเวณดังกล่าวโดยทิ้งอาวุธปืนและเสื้อเกราะไว้ตรงรั้วข้างสถานีก่อนจะหนีไปในช่วงเช้ามืด
จากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รีบติดต่อผู้บังคับบัญชาของพลทหารหื่นรายนี้จนกระทั่งพ.ท.ธีระพงษ์ชูตินันท์ผบ.กองพันทหารราบที่2กรมทหาราบที่1มหาดเล็กรักษาพระองค์(ร.1พัน2รอ.)นำกระเช้าผลไม้มาขอขมาต่อผู้เสียหายก่อนจะทำรายงานถึงพ.อ.เอกรัฐช้างแก้ว ผบ.กรมทหารราบที่1มหาดเล็กรักษาพระองค์(ผบ.ร.1 รอ.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อติดตามตัวพลทหารคนเดียวกันนั้นมารับโทษเพราะถือว่าอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ช่วงการประกาศกฎอัยการศึกเบื้องต้นทราบว่าเป็นพลทหารจากจังหวัดสุรินทร์
ล่าสุดที่กองบัญชาการกองทัพบกพล.ท.ภาณุวัชรนาควงษม์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายกิจการพลเรือน ได้เชิญผู้บริหารสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์นายเข้าพบ
ด้านนายสุวิช สุทธิประภา ผู้ประกาศข่าวและควบคุมรายการคุยโขมงข่าวเช้า กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางผู้บังคับกองพันทหารราบที่2 กรมทหารราบที่1มหาดเล็กรักษาพระองค์( ร.1พัน2รอ.) มาเข้าพบตนพร้อมกับขอโทษ ขอขมากับผู้เสียหายทุกคนเพราะถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงโดยเบื้องต้นอาจจะต้องลงโทษผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ดังกล่าวว่าทำไมถึงปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้เพราะทำให้ขายหน้าเสียภาพพจน์ต่อกองทัพโดยรวม
มันก็จริงของเธอนะ..!! ลีน่าจังบอกทักษิณชนะ กปปส. แพ้หมดรูป
"ทักษิณชนะทุกอย่าง สาวก กปปส. แพ้ โดนแกนนำหลอก!"
เจ้าแม่ลีน่าวิเคราะห์
เหตุผล
1. ยิ่งลักษณ์ ไม่โดนถอดถอน ยุบพรรค อดเล่นการเมือง 5 ปี
เพราะประยุทธ์ทำ รปห.เสียก่อน ยิ่งลักษณ์จึงยังเล่นการเมือง
ได้สบาย
2. ทักษิณอยากยุบพรรค ปชป และฉีก รธน.50 ตอนนี้ไม่มี
พรรคการเมืองแล้ว เพราะประยุทธ์ฉีกเองให้เสร็จสรรพ
3. คสช. สานต่อโครงการทักษิณทุกอย่าง เช่น
- โครงการจำนำข้าว ทำให้ชาวนายิ่งชอบ นโยบายของทักษิณ
เพราะขายข้าวให้รัฐได้ราคาดีกว่า ตั้ง 15000 ขายเองได้แค่ 6 พัน
มีชาวนาคนนึงให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า
"ชาวนาควรได้เงินจำนำข้าวนานแล้ว แต่เพราะ กปปส.
คอยขัดขวาง" เป็นไงล่ะ สาวก กปปส อุตส่าห์โจมตีโครง
การจำนำข้าว ด่าทอ ยกพวกไปกีดกันสารพัด สุดท้าย...
ทักษิณ แฮปปี้!
- โครงการเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ประยุทธ์รีบจัดการให้
- โครงการรถไฟความเร็วสูงและรางคู่ ตอนแรกสาวก กปปส.
ก็ด่ากันว่า "รถไฟขนผักเน่า ไม่เอาดี ไม่ดี กู้มาเป็นหนี้ 50 ปี"
สุดท้าย ทหารก็เอามาทำต่อ!! กปปส หลายคนยังหลอก
ตัวเองว่า "ไม่เป็นไรคนที่ทำโครงการคือทหารของพวกเรา"
ถ้าโครงการทักษิณ ไม่ดีจริง ทหารไม่สานต่อหรอก
มันเป็นสิ่งพิสูจน์ว่า โครงการทักษิณ ยอดเยี่ยมมาก!
ได้ใจประชาทั่วหล้า ขนาดทหารยังก็อปปี้เลย
4. น่าจะนิรโทษกรรมทั้งสุเทพและทักษิณ เพราะสุเทพ
และแกนนำ กปปส โดนคดีกันถ้วนหน้า ถ้านิรโทษก็ต้อง
ทำให้หมด ลีน่าคาดว่าปีหน้าทักษิณได้กลับมาแน่! (รอดูกันไป)
ฝั่งแกนนำ กปปส เช่นพวกสุเทพได้เงินบริจาค4พันล้าน
ครั้งก่อน ก็มีคลิปฉลองมาให้ดู ตอนนี้..ไปเที่ยวพักผ่อนที่
เกาะสมุย ภาคใต้สบายใจเฉิบ
ตอนที่ยังมีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แกนนำ กปปส. พยายาม
ล้างสมองให้ สาวก กปปส กีดกันนโยบายพรรคทักษิณ
ทุกอย่าง ให้รักทหาร ให้เห็นดีเห็นงามกับการทำรัฐประหาร
แต่พอทหารเข้ามา........สานต่อนโยบายทักษิณ
ทุกอย่าง ประชานิยมอย่างแรง สาวก กปปส. ตายฟรี เจ็บฟรี
แต่แกนนำลัลล้า ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ รอด
ขอบคุณท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำปฏิวัติ รักทหารจุงเบย
ลีน่าฝากถาม เค้าแก้ปัญหาราคายางให้คนใต้หรือยัง?
จะให้มีการปรองดอง ไม่สำเร็จหรอก ขอบอก
ถ้าไม่...
- ยุบพรรคการเมืองตัวปัญหา หรือยุบทุกพรรค
- บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ผิดก็ว่าไปตามผิด ใครทุจริตเกี่ยวกับการจำนำข้าว ฟันไม่เลี้ยง
ใครยึดสถานที่ราชการ ทำลายหรือขโมยทรัพย์สินของทางราชการ
ใครขัดขวางการเลือกตั้ง ใครทำร้ายประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนน
ใครแต่งตัวคล้ายพระ และอ้างว่าเป็นพระมาก่อม็อบชุมนุมยึดสถานที่ราชการ ซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์ต้องฟันไม่เลี้ยง
ขอบอกว่า ไม่ต้องแจกก๋วยเตี๋ยว หรือ ร้องเพลง อะไรให้คนกลุ่มเล็กๆไม่กี่คนฟังหรอก เพราะไม่มีผลอะไร
ผลสัมฤทธิ์จะเริ่มเกิดขึ้นในเมืองไทยได้ ก็ต่อเมื่อ คสช. ประกาศให้บุคคลต่อไปนี้เข้ารายงานตัวเพิ่มเติม
1. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง , กระเทยตุ๊ด เสรี , จิตกร , สุทธิชัย หยุ่น ฯลฯ
2. ผู้พิพากษาศาลแพ่งที่อนุญาตให้สุเทพยึดสถานที่
3. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชราภาพทั้ง 9 นาย
4. ศาลปกครองที่ด่างพร้อย
5. ปปช.ที่เลือกปฏิบัติ
6. ศาลอาญาที่จงใจลงโทษฝ่ายหนึ่งแรง อีกฝ่ายหนึ่งผัดผ่อน หรือ รอลงอาญา
(จากบอร์ดการเมือง)
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9490000009382
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดขณะนี้อยู่ระหว่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ทำการสอบปากคำนายสามารถ โดยเบื้องต้น พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหาต่อนายสามารถ รวม 3 ข้อหา จากการกระทำความผิด 3 มาตรา คือ มาตรา 10, 11 และ 12 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับเสนอราคาของหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 ขณะเดียวกัน ข้าราชการ กทม.อีก 2 คน จะมีความผิดในมาตรา 11 และ 12 ซึ่งรายละเอียดมาตรา 10 คือ เป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติ แต่ละเว้นการดำเนินการ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภัทธรุตม์ ทรรทรานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม.ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังจากการเดินทางเข้ารับฟังข้อกล่าวหา ของนายสามารถ สำหรับนายอุทัย ขันแก้ว วิศวกร 8 ของกรุงเทพมหานคร อีก 1 ผู้ต้องหาในคดีนี้ ให้ทนายความแจ้งแก่พนักงานสอบสวนว่า จะมาเข้าพบในวันพุธที่ 25 มกราคม เวลา 14.00 น.
****************************************************************************************************************************************************
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9490000009812
หลังการสอบสวนกว่า 5 ช.ม. นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เลขานุการอัยการคดีพิเศษ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายสามารถ และนายภัทรรุฒม์ ข้อหาฮั้วประมูลตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดการเสนอราคาของหน่วยงานรัฐ ส่วนนายอุทัย ขันแก้ว อ้างว่าป่วยได้ให้ทนายความขอเลื่อนนัดพบพนักงานสอบสวน เป็นวันพุธที่ 25 ม.ค.นี้ ส่วนผลการสอบสวนทั้งสองท่านให้การปฎิเสธข้อกล่าวหา โดยนายสามารถได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายแฟ้ม ชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน และให้การในรายละเอียดอื่นๆ ตามที่พนักงานสอบสวนถาม ถือว่าข้อมูลที่ได้เป็นประโยชน์สามารถนำมาพิจารณาประกอบสำนวนได้ ส่วนการสอบสวนขยายผล หากเจอพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับใครก็ต้องดำเนินการต่อไป มีส่วนอื่นอีกเยอะที่กำลังพิจารณา ทั้งนี้ คดีดังกล่าวอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เข้าร่วมตรวจสอบตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ขณะนี้ได้ข้อยุติว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดี