Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ฉลองชัย

ArjanPong | 30-05-2557 | เปิดดู 2617 | ความคิดเห็น 0

                         

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

 

 

 

 

 

 

                            

 

 


 

 

                             

 

สมบัติ บุญงามอนงค์

 

 

 

 


แถลงการณ์ แกนนอน ฉบับที่ 8

เรื่อง....แนวทางร่วมงานเลี้ยงฉลองรัฐประหาร 1 มิย

หลังจากที่ คสช ทราบข่าวว่าจะมีปาร์ตี้หน้ากากแฟนซีในวันอาทิตย์นี้ พวกเขาก็เริ่มให้ความสนใจเรียกประชุมใหญ่เพื่อเตรียมรับมือ เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะร้านแม็คโดนัลก็คงต้องสั่งขนมปังกับเนื้อสำรองมาจำนวนมากเช่นกัน

ดังนั้นเรามาคุยกันหน่อย เผื่อทหารเข้าแห่ไปกินแม็คก่อนพวกเราจะทำอย่างไร แล้วถ้าเขาเกิดเอาแผงเหล้กไปล้อมทั้งราชประสงค์แบบที่เคยไปล้อมป้ายราชประสงค์มาแล้วจะทำอย่างไร ?

ต่อจากนี้คือหลักการและแนวทาง

1.เป้าหมายคือ ไปแสดงออกให้โลกรู้ว่าเราคิดอย่างไรกับรัฐประหาร การไปเผชิญหน้ากับทหาร ตำรวจไม่ใช่เป้าหมาย นักข่าวต่างหากที่เราต้องเผชิญหน้าด้วย โดยเฉพาะที่หน้าตาไม่เหมือนคนไทย(ต่างชาติ) Action เยอะ ๆ หน่อย

2.สงบ สันติ ปราศจากป๊อบคอร์น แต่กวนตีน ดังนั้นอย่าตะโกนด่าใครหยาบคาย อย่าไปผลักดันกับใคร แค่ป้ายที่คุณถือ แค่หน้ากากที่คุณใส่ แค่การแสดงท่าทางของคุณก็ฉีกหน้าพวกเผด็จการที่อยู่ในกองทัพแล้ว ทหารที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ศัตรูเขาเป็นลูกหลานประชาชน อย่าไปแหย่เขา

3.ถ้าทหารล้อมแม็ค ประชาชนล้อมทหารอีกที อย่าลืมเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่กินแม็ค แต่อยู่ที่ข้อ 1

4.Coup Is Fuck But Thailand Is Smile. ต้านรัฐประหารไม่เห็นต้องเกรี้ยวกราด ยิ้มซิจ๊ะ นี่ถึงเป็นม๊อบอินดี้จริง ๆ ไม่เสร่อแบบพวกดารานกหวีดที่ชิดลม

5.เชื่อว่าจะมีการปิดกั้นพื้นที่ของเหล่าทหาร ศูนย์กลางจะอยู่ที่แม็ดโดนัลและแยกราชประสงค์ ทหารปิดล้อมแม็ค เราก็ปิดล้อมทหารอีกที เมื่อคนมากขึ้นค่อยว่ากันว่าสามารถเข้าชิงพื้นที่ได้หรือไม่ แต่พูดตรง ๆ ไม่จำเป็นเลย มันไม่มีความหมาย ไม่ใช่การยึดพื้นที่ทางกายภาพแบบทหารคิด แต่เป็นพื้นที่ข่าวต่างหากที่เราต้องยึดให้ได้

ดังนั้นหากประเมินว่าสุ่มเสี่ยง ให้เราล้อมอยู่ข้างนอกทหารอีกชั้น เปลี่ยนเกมจากถูแล้อมเป็นล้อมทหาร ดึงสื่อออกมาที่พวกเราให้ได้

หากม๊อบโดนล้อม เราไปเล่นที่ราชประสงค์
หากราชประสงค์โดนล้อม เราไปที่ชิดลม
หากชิดลมโดนล้อม เราไปที่เพลินจิต
หากเพลินจิตโดนล้อม เราไปที่นานา
หากนานาโดนล้อม เราไปที่อโศก

ที่สำคัญเอามวลชนไปด้วยกัน พร้อมกองทัพนักข่าว
พอเสร็จภาระกิจก็กลับ อย่าดึก แยกย้ายกันกลับบ้าน

6.การแต่งตัวหลากสี กลมกลืน แต่พกหน้ากากกับป้าย

7.ชัดเจน มุ่งมั่น แต่ยืดหยุ่น ไม่มีแกนนำ มีแต่ตัว ไม่มีหัว

บก.ลายจุด
30 พค 57

 

 

 

 

                                "กองทัพไทยประกาศว่าการเลือกตั้งที่รวดเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้"

 
 
 
 
 
 
 


 
 
 
รองเสนาธิการทหารบกชี้แจงว่า กองทัพจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาสักช่วงหนึ่งเพื่อให้ทุกฝ่ายสงบลง ก่อนจะจัดการเลือกตั้ง

รัฐบาลทหารไทยแสดงให้เห็นถึงความหวังอันน้อยนิดในการจัดการเลือกตั้งอย่างรวดเร็ว หนึ่งสัปดาห์หลังกองทัพเข้ายึดอำนาจ พวกเขาชี้ว่า ต้องรอเงื่อนไขที่เหมาะสมและให้การแบ่งฝักฝ่ายจบสิ้นลงเสียก่อน ก่อนจะจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนได้

“ความตั้งใจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติคือการสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสม สำหรับการนำประเทศไทยสู่หนทางของการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม” พลโทฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเสนาธิการทหารบกได้ชี้แจงเกี่ยวกับรัฐบาลทหาร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

“ผมอยากถามพวกคุณว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มที่ยืดเยื้อมากว่า 10 ปี” ฉัตรเฉลิมกล่าว

“ทั้งสองกลุ่มไม่จำเป็นต้องรักกัน แต่เราอยากให้สถานการณ์คลี่คลายเสียก่อน เราจำเป็นต้องอาศัยเวลาสักระยะเพื่อให้ทุกฝ่ายสงบลง”

กองทัพที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา

'แบ่งฝักแบ่งฝ่าย'

ประเทศไทยแตกแยกเป็นฝักฝ่ายระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพี่ชายผู้ทรงอิทธิพลของเธอ อย่างทักษิณ ชินวัตร กับกลุ่มชนชั้นปกครองนิยมเจ้า ที่มองว่า แนวทางประชานิยมและการสนับสนุนภาคธุรกิจ เป็นภัยอันตรายต่อระบอบเก่า

ฉัตรเฉลิมไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าอะไรคือเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการจัดการเลือกตั้ง แต่กล่าวว่ากองทัพต้องการเห็นความปรองดองและจุดสิ้นสุดของความขัดแย้งทางการเมืองที่ปะทุขึ้นหลังทักษิณชนะการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2544

รองเสนาธิการทหารบกกล่าวว่า กองทัพถูกบีบบังคับให้เข้าแทรกแซงการเมืองอย่างไม่เต็มใจ เนื่องมาจากการประท้วงที่ยืดเยื้อถึง 6 เดือน โดยกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลที่กำลังอ่อนแรง ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยนักการเมืองผู้สนับสนุนชนชั้นปกครอง อย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ

“การบริหารงานที่เป็นอัมพาตได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย และสร้างผลกระทบให้กับ จีดีพี ของประเทศที่หดตัว”

ประยุทธ์ได้เข้าพบคณะที่ปรึกษาเป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ในการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังสะดุดลง

ในบรรดาที่ปรึกษาของเขา มีชนชั้นนำที่ทรงอำนาจอยู่สองคนที่เป็นศัตรูกับทักษิณ ผู้ซึ่งยังคงเป็นแกนกลางของความขัดแย้งทางการเมืองนับตั้งแต่ที่เขาถูกขับไล่ออกจากตำแหน่งด้วยการรัฐประหารในปี 2549 โดยในตอนนี้ เขากำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ

สองคนที่ว่า ได้แก่ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ประวิตร วงษ์สุวรรณ และอดีตผู้บัญชาการทหารบก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งต่างก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประยุทธ์ ทั้งสามเป็นฝ่ายนิยมเจ้าที่ซื่อสัตย์ และได้ช่วยกันโค่นล้มทักษิณในปี 2549

รายงานของรอยเตอร์เมื่อเดือนธันวาคมเปิดเผยว่า ประวิตรและอนุพงษ์ ให้การสนับสนุนอย่างลับ ๆ แก่ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่โค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลง ยิ่งลักษณ์ถูกศาลสั่งถอดถอนเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ในข้อหาใช้อำนาจในทางมิชอบ จากนั้น การรัฐประหารจึงได้ขับไล่คณะรัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่ออกจากตำแหน่ง


ที่มา: http://www.aljazeera.com/news/asia-pacific/2014/05/thai-military-rules-out-early-elections-201452954048738182.html

 

 

 

           

 

     

 

 

 
 
 

 

 


 

                 เปิดใจ นิสิต สินธุไพร

   

 

ที่มา สำนักข่าวอิศรา

“…ยังไม่มีใครพูดว่าพ่ายแพ้ ต้องยอมรับว่าขณะนี้เป็นเพราะทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ประชาชนไม่ได้พ่ายแพ้ เรามองว่า อยากให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ประกาศฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยเร็ว เลือกตั้งโดยเร็ว จะนำมาซึ่งสันติภาพโดยเร็ว เพราะทางออกอื่นไม่มีอีกแล้ว การเลือกตั้งเป็นกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับ ต้องบอกว่า ถ้าประเทศคลุมเครือก็จะมีปัญหาหมักหมมมากขึ้น…”

เป็นเวลาราว 1 สัปดาห์ที่ “แกนนำหลัก” กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถูกควบคุมตัวโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 พฤษภาคม 2557

โดยระหว่างแกนนำ นปช. ถูกควบคุมตัวนั้น คสช. นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. ออกประกาศและคำสั่งเชิญบุคคลมารายงานตัวอย่างล้นหลาม โดยกว่าครึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย หรือ นปช.

ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า ถึงคราวที่มวลชนคนเสื้อแดง “ล่มสลาย” เสียแล้ว !

“ยังไม่มีใครพูดว่าพ่ายแพ้ ต้องยอมรับว่าขณะนี้เป็นเพราะทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ประชาชนไม่ได้พ่ายแพ้”

เป็นคำยืนยันจาก “นิสิต สินธุไพร” แกนนำหลักของ นปช. หนึ่งในลิสต์รายชื่อของ คสช. ที่ถูกตัวนำไปควบคุมพร้อมกับบรรดาแกนนำ นปช. คนอื่น ๆ เช่นกัน

ทำไม “นิสิต” จึงกล่าวเช่นนั้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้

@ในวันที่ คสช.ประกาศยึดอำนาจ แกนนำ นปช.ที่เหลือบนเวทีถนนอักษะ ทำอย่างไร, มีการประเมินไว้ก่อนหรือไม่

ไม่ได้ตกใจอะไร เราคาดการณ์กันอยู่แล้วว่า ในที่สุดก็ต้องโดนยึดอำนาจ เราประเมินสถานการณ์เช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่การเคลื่อนไหวชุมนุมของ กปปส. จะเร็วหรือช้าท้ายสุดมันก็นำไปสู่การยึดอำนาจ อย่างไรก็ดีเราก็ระมัดระวังไม่ให้เกิดเงื่อนไขเผชิญหน้า หรือสร้างความรุนแรงมาโดยตลอด ดังนั้นไม่ใช่เรื่องประหลาดใจอะไรที่เกิดการยึดอำนาจ เพราะเป็นเรื่องที่เราวิเคราะห์มานาน และขึ้นพูดปราศรัยบนเวทีตลอด

“เราประเมินสถานการณ์กันหลายรอบ ตั้งแต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ กปปส. กับกลุ่มเครือข่ายอำมาตย์ และทหาร ในที่สุดก็มีการประกาศกฎอัยการศึกดังที่คาดไว้ หลังจากนั้นก็จะมีการรัฐประหารอย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเงื่อนไขนี้ แต่ในที่สุดก็เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ”

@ในวันที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ไปหารือ 7 ฝ่ายวันที่ 2 ซึ่งต่อมาถูก คสช.ยึดอำนาจ ได้ฝากฝังอะไรไว้หรือไม่

คุณจตุพร ไม่ได้บอกอะไร เพียงแค่หารือถึงแนวทางที่ต้องเสนอในที่ประชุมเท่านั้น อย่างไรก็ดีก่อนออกไปคุณจตุพร พูดว่า “เวลารัฐประหารใกล้เข้ามาแล้ว” ซึ่งก็เป็นตามที่เราวิเคราะห์ไว้ ตรงกันหมด หลังจากนั้น เมื่อเกิดเหตุยึดอำนาจ ผมก็ได้รักษาเวทีไว้

@ขณะที่ คสช.ยึดอำนาจ ทำอะไรอยู่

วันนั้นผมไปขึ้นศาลมา และก็มีภารกิจบางอย่างที่ต้องกลับบ้าน พร้อมกับเอาเสื้อผ้ามาซัก และจะได้เอาชุดใหม่ไปเพื่อนอนต่อในที่ชุมนุม ขณะที่ออกจากบ้านเกิดหิวข้าว เลยแวะกินข้าวเสียก่อน หลังจากนั้นก็ขึ้นรถแท็กซี่ ปรากฏว่าเมื่อใกล้จะถึงที่ชุมนุม วิทยุบนรถแท็กซี่ก็เผยแพร่ประกาศ คสช.ที่ยึดอำนาจ
“เราก็เข้าไปไม่ได้ ได้แต่วนอยู่รอบ ๆ ที่ตรงนั้น พร้อมทั้งโทรบอกมวลชนให้ระมัดระวังตัว ส่วนเราก็พยายามกันตัวเองออกมา แต่ตอนนั้นมวลชนเหลือไม่เยอะ รวมเบ็ดเสร็จประมาณ 5,000 คนเท่านั้น”

@ภายหลังที่คุณเข้ารายงานตัวกับ คสช. เขานำตัวแกนนำ นปช.ไปไว้ที่ไหนบ้าง

ทีแรกก็ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน พอไปอยู่สักระยะถึงทราบว่าเป็นค่ายกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยพักอาศัยในบ้านหลังที่ 2 อยู่กับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนสภาพความเป็นอยู่ก็กินข้าวราดแกง รสชาติค่อนข้างดี พวกผมกินง่ายนอนง่าย เลยไม่ลำบากอะไร

“ส่วนคุณจตุพร กับคุณณัฐวุฒิ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาควบคุมตัวไปไว้ที่ไหน แต่วันควบคุมตัวเขาเอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เอาผ้าปิดตา มัดมือ หลังจากนั้นพอถึงสถานที่ก็ให้แยกกันอยู่คนละห้อง พอวันปล่อยตัวเขาก็เอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เอาผ้าปิดตา มัดมือเหมือนเดิม จนกลับมาถึงกรุงเทพฯจึงค่อยเปิด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาไปไหน”

@ในค่ายดังกล่าวมีบ้านพักกี่หลัง แต่ละฝ่ายอยู่หลังไหนบ้าง

รู้สึกจะมีประมาณ 5 – 6 หลัง โดยหลังที่ 1 เป็นของพวกอดีตรัฐมนตรี หลังที่ 2 ผมกับคุณขวัญชัยอยู่ หลังที่ 3 เป็นพวก กปปส. เช่น คุณสุริยะใส กตะศิลา พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ นายจุมพล จุลใส นายณัฏฐพล – นางทยา ทีปสุวรรณ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นายนิติธร ล้ำเหลือ เป็นต้น ขณะที่น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร เมื่อรถตู้มาส่งตัว อีกสักพักก็พากลับออกไปในทันที และบ้านหลังที่ 4 เป็นของอดีตส.ส.หญิง กับอดีตรัฐมนตรีหญิง อยู่ด้ยกัน โดยเป็นฝั่งพรรคเพื่อไทยทั้งหมด

@ขณะอยู่ในค่ายทหารได้คุยกับคนในพรรคเพื่อไทยหรือไม่

ไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะมีทหารเฝ้าดูอยู่ตลอด ถูกประกบติดเลย ไปคุยอะไรมากไม่ได้ แต่หลัง ๆ ก็ผ่อนปรนมากขึ้น เดินไปมาหาสู่ พูดคุยกันได้บ้าง แต่ไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกันเลย

@ภายหลังออกมาแล้วได้หารือกับแกนนำคนอื่น ๆ เพื่อกำหนดแนวทางหรือยัง

เมื่อวาน (28/5/57) ก็อยู่คุยกันประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง คุยกันสนุกสนาน มีคุณณัฐวุฒิ คุณจตุพร อาจารย์ธิดา หมอเหวง คุณก่อแก้ว คุณพายัพ คุณวีระกานต์ ก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน เขาก็ถามผมว่าไปอยู่ไหน ผมบอกว่าไปอยู่ค่ายวังน้อย และก็ผลัดกันเล่าสถานการณ์ความเป็นอยู่ของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ดีไม่ได้มีการหารือกำหนดแนวทางต่อไปเลย เพราะต้องยอมรับว่า พวกเราเองก็เพิ่งได้มาพบกัน และต่างคนต่างก็แยกกันอยู่ นอกจากนี้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา (ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก) ก็นั่งคุยอยู่ด้วยประมาณ 2 ชั่วโมง เลยไม่ได้คุยประเด็นนี้

@พล.อ.ประยุทธ์ ยื่นข้อเสนออะไรให้ นปช.

ไม่มี เขาแค่ขอความร่วมมือว่า ให้สร้างความสงบสุขเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตยให้เร็วขึ้น ขอความร่วมมือในการเข้ามาแสดงความคิดเห็นเรื่องปฏิรูปประเทศ และเราก็คุยกับเขา พร้อมขอร้องเขาว่า ให้พิจารณาปล่อยตัวแกนนำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง กปปส. หรือ นปช. เพราะถ้าปล่อยแกนนำต่าง ๆ จะนำไปสู่การร่วมไม้ร่วมมือกันมากขึ้น เราก็สัญญาว่าจะทยอยปล่อยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้ก็เหลือแกนนำที่ถูกควบคุมตัวอีกไม่มาก

@พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งศูนย์ปรองดองฯ ทาง นปช. ได้หารือประเด็นนี้หรือไม่

ยังงไม่ได้หารือกับแกนนำในประเด็นนี้ อย่างไรก็ดีศูนย์ปรองดองฯเป็นเพียงแนวคิด ที่ยังไม่รู้ว่ารูปแบบเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวคิดว่าการสลายสีเสื้อทำไม่ได้ เพราะสีเสื้อเป็นความคิด เป็นอุดมการณ์ความเชื่อ ดังนั้นไปทำลายความเชื่อคนอื่นมันทำไม่ได้ แต่ศูนย์ปรองดองฯต้องทำให้ทุกความเชื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ มีพื้นที่ของตัวเอง และอยู่กันอย่างยุติธรรมเท่าเทียม

@สรุปสถานการณ์ขณะนี้ นปช.พ่ายแพ้แล้วหรือยัง

ยังไม่มีใครพูดว่าพ่ายแพ้ ต้องยอมรับว่าขณะนี้เป็นเพราะทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ประชาชนไม่ได้พ่ายแพ้ เรามองว่า อยากให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ประกาศฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยเร็ว เลือกตั้งโดยเร็ว จะนำมาซึ่งสันติภาพโดยเร็ว เพราะทางออกอื่นไม่มีอีกแล้ว การเลือกตั้งเป็นกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับ ต้องบอกว่า ถ้าประเทศคลุมเครือก็จะมีปัญหาหมักหมมมากขึ้น

@หมายความว่า นปช.จะกลับมาเคลื่อนไหวต่อในวันใดวันหนึ่งใช่หรือไม่

เบื้องต้นขอเรียนว่า เราเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ได้เรียกร้องอย่างอื่น อยากให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตย อยากให้บ้านเมืองเกิดความเสมอภาค ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย แต่ตอนนี้เราก็ขอพักกันสักครู่ ต่างคนต่างอยู่ไปก่อน เพราะเขาขอความร่วมมือมา เราก็ให้ความร่วมมือกับเขา

----
ทั้งหมดนี้คือความในใจของแกนนำ นปช.ชื่อ “นิสิต” ภายหลังถูกปล่อยตัวจากการควบคุมของ คสช. ที่ยืนยันว่า นปช.ไม่ได้พ่ายแพ้ และสักวันหนึ่งจะกลับมาเคลื่อนไหวต่ออย่างแน่นอน

แต่จะเป็นในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป !
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ไปไหนไปกัน ซ้อนมอไซค์

 
 
 
 
รองผบ.ตร.ระบุการข่าวทหารมีความชัดเจนว่าผู้ชุมนุมต่อต้านคสช.มีแกนนำชักชวนและมีการสนับสนุนด้านการเงิน ไม่ใช่การชุมนุมโดยบริสุทธิ์ใจ

รองผบ.ตร.ยังบอกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งท./ตร.ที่บาดเจ็บจากดูแลพื้นที่จะมีการดำเนินคดี/ไม่ยินยอมให้เกิดความวุนวายอีกเด็ดขาด

 
ในส่วนของการดูแลความเรียบร้อยรอบอนุเสาวรีย์ชัยรับมือกลุ่มต้าน รรท.ผบช.น.บอกจะใช้กำลังทหาร 4 กองร้อย ตำรวจ 4 กองร้อย
 

 

 

 

 

 

 

 
 
 
 
อียูออกแถลงการณ์ ให้ไทยจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด พร้อมปล่อยตัวผู้ถูกคุมตัว

 
 
สหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา แสดงความกังวลต่อสถานการณ์วิกฤตทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงในไทย และเรียกร้องให้ไทยจัดการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและน่าเชื่อถือเพื่อหวนกลับสู่กระบวนการทางประธิปไตยโดยเร็วที่สุด

พร้อมกันนี้ ทางอียูยังเรียกร้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปล่อยตัวตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้ด้วยเหตุผลทางด้านการเมืองและยกเลิกการจำกัดเสรีภาพสื่อ

"เราเรียกร้องให้ผู้นำทหารปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวด้วยเหตุผลทางการเมืองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทั้งหมด และยกเลิกการจำกัดเสรีภาพสื่อ" แถลงการณ์ ระบุ และขอร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ และเคารพปฏิบัติตามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานและสิทธิมนุษยชน

อียู ย้ำทิ้งท้ายไว้ว่า การสนับสนุนไทยของอียูจะดำเนินต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อไทยมีการเลือกตั้งและการคืนการปกครองสู่ระบอบภายใต้รัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด


S T A T E M E N T
 
on the situation in Thailand

"We are following current developments with extreme concern. Thailand must urgently restore the legitimate democratic process and the Constitution, through credible and inclusive elections. We urge the military leadership to free all those who have been detained for political reasons in recent days and to remove censorship. We call on all parties to exercise the utmost restraint. Respect for human rights and fundamental freedoms must be upheld. Only an early and credible roadmap for a return to constitutional rule and elections will allow for EU's continuous support."

 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 16:18:44 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>