วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557 เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับ วันวิสาชบูชา
วันวิสาขบูชา กับโอวาทของพระพุทธเจ้า ที่ชาวพุทธควรนำมาใช้
เนื่องในวันวิสาขบูชา 2557 อันเป็นวันมงคลของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะวันวิสาขบูชามีความสำคัญคือ เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ดังนั้น ชาวพุทธทุกคน ควรทราบพระพุทธพจน์หรือโอวาทของพระพุทธเจ้า เพื่อนำไปใช้เป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิต
โดยโอวาทของพระพุทธเจ้าที่เรายกมานี้ เป็นโอวาทที่เกี่ยวกับวันวิสาขบูชา
- โอวาทเมื่อพระพุทธเจ้าตัดสินใจออกผนวช (บวช)
เมื่อรู้ว่าการเกิดมีทุกข์เป็นโทษแล้ว เราพึงแสวงหานิพพานอันไม่มีความเกิด อันเป็นธรรมที่เกษมจากเครื่องร้อยรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเถิด
ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี ส่วนบรรพชาเป็นโอกาสแสงสว่าง ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว เหมือนสังข์ที่เขาขัดดีแล้ว, โดยง่าย นั้นไม่ได้. ถ้าไฉนเราพึงปลงผมและหนวด ครองผ้าย้อมน้ำฝาดออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยเรือน เถิด
ขอบคุณภาพจาก apinya
- พระพุทธเจ้าตรัสเมื่อบำเพ็ญทุกรกิริยา (ทรมานตน) เพื่อตั้งใจจะบรรลุธรรมให้ได้
...หนัง เอ็น กระดูก จักไม่เหลืออยู่ เนื้อและเลือดในสรีระ จักเหือดแห้งไปก็ตามที เมื่อยังไม่ลุถึงประโยชน์อันบุคคลจะลุได้ด้วยกำลังของบุรุษ (การตรัสรู้) ด้วยความเพียรของบุรุษ (มนุษย์) ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักหยุดความเพียรนั้นเสีย เป็นไม่มีเลย...
ขอบคุณภาพจาก trueplookpanya
- พระพุทธเจ้าสั่งให้พระภิกษุยึดถือพระไตรปิฎกเป็นศาสดาเมื่อพระองค์ละสังขารแล้ว
...อานนท์! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นองค์ศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว...
- พระพุทธเจ้าตรัสก่อนจะปรินิพพาน ให้สาวกทั้งหลายดำรงตนด้วยความไม่ประมาท
ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้ เราจักเตือนพวกเธอทั้งหลายว่า "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา. พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
และเนื่องในวันวิสาขบูชา 2557 นี้ ชาวพุทธศาสนิกชนก็ควรจะนำหลักธรรมคำสอนและโอวาทของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางที่ดีในการดำเนินชีวิต
รุกจนขุนอีกฝ่าย ออกไปหลบอยู่นอกกระดาน ซวยละทีนี่
ข้อมูลจากวันที่ 11 พฤษภาคน ครับ
ดูให้ชัดๆ คนเป็นล้านน นี้แค่ ตจวนะครับ
กินเผ็ด
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
กินเผ็ดก็คือกินอาหารที่ใส่ พริกลงไปมากๆ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ ตอบไว้ว่า ประโยชน์ของพริกมีหลายอย่าง เช่น ช่วยเพิ่มสารแห่งความสุขคือ เอ็นโดรฟิน บรรเทาอาการเจ็บปวด บรร เทาอาการไข้หวัด ลดน้ำมูก ลดปริมาณคอเลสเตอรอล
ทั้งนี้จากงานวิจัยของญี่ปุ่นพบว่า พริกช่วยเพิ่มอุณหภูมิ ในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญ มีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก
ขณะเดียวกันยังช่วยละลายเสมหะที่เหนียวข้นให้จางลง ช่วยให้ขับเสมหะออกมาได้ง่าย สำหรับผู้ป่วยหอบหืด พริกจะช่วยทำให้หลอดลมขยายตัวได้ดี ไม่หดเกร็ง ดังนั้นคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือหอบหืดกินพริกจะดี
การกินพริกยังช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้แก่ คือ อินซูลิน มีรายงานว่า 30 นาทีหลังกินพริก อินซูลินจะไม่ขึ้นเลย พออินซูลินไม่ขึ้น ก็จะไม่ทำให้รู้สึกอยากหวาน
นอกจากนี้วิตามินซีในพริกยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง จากผลการวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่า พริกยังช่วยในการสลายลิ่มเลือดด้วย
นอกจากการบริโภคแล้ว ยังใช้ทำเป็นเจล ใช้ทารักษาผิวหนังอักเสบ แก้ปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว เข่าอักเสบ เริม หรืองูสวัด
ส่วนที่หลายคนมีความเชื่อว่าการกินพริกมากๆ หรือรับประทานอาหารรสเผ็ดจัดจะทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารนั้น สารในพริกมีฤทธิ์เป็นกรดก็จริง แต่พริกไม่ได้ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารน่าจะมาจากการกิน อาหารมันๆ มากกว่า เช่น ข้าวขาหมู กว่าจะย่อยต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร
แต่การกินอาหารเผ็ดจัดอาจทำให้เกิดอาการเหมือนเป็นโรคกระเพาะอาหาร เพราะสารแคปไซซินในพริกซึ่งเป็นกรดจะไปทำให้หลอดอาหารหดเกร็ง ทำให้รู้สึกจุกแน่นลิ้นปี่ กรณีที่กินอาหารเผ็ดมากๆ วิธีแก้คือ ต้องกินอาหารที่มันๆ เพราะสารแคปไซซินจะละลายได้ดีในไขมัน แต่ละลายในน้ำได้เพียงเล็กน้อย การดื่มน้ำเย็นจะไม่ช่วยทำให้หายเผ็ด
ถ้าจะแก้เผ็ดต้องดื่มนม หรือไอศกรีม ซึ่งก็ถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทยด้วยที่ใช้ความมันจากกะทิมาดับเผ็ด เห็นได้จากการทำแกงเขียวหวาน หรือแกงต่างๆ ที่ใส่กะทิ
โทษจากการกินเผ็ด หรือภัยจากการกินเผ็ด รสเผ็ดจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานมากขึ้น มีผลให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
และสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจ ต้องระวังไม่ให้หัวใจทำงานหนักมากเกินไปเพราะอาจเกิดหัวใจวายได้ ยังมีโรคทางกระเพาะอาหาร เมื่อกินอาหารรสจัด (เผ็ด) เข้าไป จะเกิดกรดในกระเพาะ
ถ้ากรดมากก็จะทำให้ท้องอืด แสบท้อง ปวดท้อง เวลาถ่ายก็แสบไปด้วย และมีโรคอ้วน เพราะรสเผ็ดช่วยให้เจริญอาหารดี ทำให้กินอาหารได้มากขึ้น ทำให้เกิดโรคอ้วนตามมา
นอกจากนี้ยังมีอาการแสบร้อน เพราะพริกมีสารแคปไซซินซึ่งทำปฏิกิริยากับร่างกายของเรา ถ้าละอองพริกเข้าดวงตา หรือสัมผัสกับร่างกาย อาจทำให้แสบตา หรือแสบร้อนบริเวณที่โดนพริก
ดังนั้นในคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาหารรสเผ็ดจัดจะยิ่งทำให้กรดไปกัดแผลในกระเพาะอาหาร
ส่วนเด็กและคนแก่ ที่สำลักง่าย ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะถ้าสำลักเข้าหลอดลม กรดอาจจะไปกัดหลอดลม ทำให้เกิดปัญหาหลอดลมหดเกร็ง ตีบ บวม หายใจไม่ออกได้
‘ชูวิทย์’ มึน ใครเป็นรัฐบาล ชี้ประเทศไทยมั่วไปหมด-ไม่รู้ใครตัวจริง-ปลอม
จังหวัดอ่างทอง
พระสมเด็จเกษไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรไทยใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง
โด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน
ประวัติความเป็นมา
จังหวัดอ่างทองอุดมไปด้วยงานหัตถกรรมพื้นถิ่นไม่ว่าจะเป็นงานปั้นตุ๊กตาชาววัง การทำกลอง การทำอิฐดินเผา หรือการผลิต เครื่องจักสาน ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดเพลงพื้นบ้านลิเก เป็นจังหวัดบ้านเกิดของ นายดอก นายทองแก้ว เมืองวิเศษชัยชาญ และนายแท่น นายอิน นายเมือง ชาวบ้านสีบัวทอง วีรชนคนกล้าในศึกบางระจัน และขุนรองปลัดชู ผู้นำกองอาทมาตอาสาสู้รบจนสิ้นชีพ ๔๐๐ คน ที่เมืองกุยบุรี นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยวัดวาอารามที่มีความเก่าแก่โบราณสวยงามและมีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมายกว่า ๒๐๐ วัด อันเป็นสถานที่ที่น่าศึกษาประวัติศาสตร์และเรื่องราวความเป็นมาในอดีตของชาติไทย
อ่างทองเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดี ซึ่งนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ชื่อนายชอง บวสเซอลิเย่ (Dr.Jean Boisselier) พร้อมนักโบราณคดีจากกรมศิลปากรมาสำรวจพื้นที่จังหวัดอ่างทอง พบร่องรอยคูเมืองที่มีร่องน้ำโอบล้อมรอบเมืองตามรูปแบบคูน้ำคันดินชวากทะเล คูเมืองที่สำรวจพบ คือ บ้านคูเมือง ตำบลหัวไผ่ อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง
ในปัจจุบันอ่างทองเดิมชื่อ เมืองวิเศษชัยชาญ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อยบนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของกรุงศรีอยุธยาในการสู้รบกับกองทัพพม่า ดังปรากฏในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาหลายตอนโดยเฉพาะในช่วงก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ พม่าได้ใช้แขวงเมืองวิเศษชัยชาญเป็นที่ตั้งค่ายเพื่อตีกรุงศรีอยุธยาและทำให้เกิดการสู้รบครั้งสำคัญที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทยนั่นคือ ศึกบางระจัน ปลายสมัยกรุงธนบุรีได้ย้ายที่ตั้งเมืองมาอยู่บริเวณฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ บ้านบางแก้ว เรียกชื่อใหม่ว่า “อ่างทอง” เนื่องจากเป็นที่ลุ่มและอู่ข้าวอู่น้ำอันเป็นเสมือนขุมทรัพย์ที่มีค่า
จังหวัดอ่างทองเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนล่าง มีเนื้อที่ ๙๖๘ ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านสองสาย คือ แม่น้ำน้อย และแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดอ่างทองแบ่งการปกครองออกเป็น ๗ อำเภอ คือ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอแสวงหา อำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง อำเภอไชโย และอำเภอสามโก้
มีอาณาเขตติดต่อคือ
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดสิงห์บุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดลพบุรีและพระนครศรีอยุธยา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสุพรรณบุรี
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เพลงแรกที่บันทึกแผ่นเสียง คือ เพลง "คิดถึงนาง" ปี พ.ศ. 2507 งานแต่งของ อ.พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา นักแต่งที่ราบสูง
โดยมี ครูพีระ ตรีบุปผา (เสียชีวิตแล้ว) กับ ครูชาญชัย บัวบังศร ทำดนตรีให้
หลังจากบวชเรียนแถววัดบ้านเกิดแล้ว ก็มาสมัครกับวงดนตรี สุรพล สมบัติเจริญ โดยมี เมืองมนต์ สมบัติเจริญ คอยช่วยเหลือ เพราะเมืองมนต์กับปักษิณบ้านอยู่ไม่ห่างกันและสนิทสนมรักใคร่กันมาก แต่โชคไม่ดีที่สุรพลไม่รับ ด้วยเหตุร่องเสียงเหมือนกับเมืองมนต์ จึงเปลี่ยนเส้นทางไปสมัครอยู่กับ ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย ในขณะที่อยู่กับ ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัยนั้น เกิดโชคดีถูกล๊อตเตอรี่ รางวัลที่4 จึงได้นำเงินก้อนนั้นมาเป็นทุนในการทำแผ่นเสียงของตัวเองดังที่เคยตั้งใจและฝันไว้ก่อนหน้านั้น
สุรพลได้มานั่งที่ห้องที่ห้องบันทึกเสียงด้วยพร้อมกับมีเมืองมนต์ สมบัติ์เจริญที่คอยมาให้กำลังใจเช่นกัน อัดเสร็จไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไร สุรพลก็เอ่ยขึ้นว่า "ศิลปินก็เหมือนนก ที่ต้องบินหากินเรื่อยไป ชื่อว่า ปักษิณ ที่แปลว่านก มาจากวิเศษชัยชาญ ก็ชื่อปักษิณ ลูกวิเศษ ก็แล้วกัน" นี่คือที่มาของนักร้องลูกทุ่งที่ชื่อ "ปักษิณ ลูกวิเศษ และเพลง "คิดถึงนาง" ก็เป็นหนึ่งในเพลงที่แฟนเพลงสมัยนั้นรู้จักและสถานีวิทยุต่าง ๆ เปิดกันบ่อย เพลงที่บันทึกตามมา เช่น หงส์จากกา, ลืมเธอไม่ได้, หลงรักคุด, ซี่โครงหัก, แม่นำขึ้นนำลง, ดูหรือใจ,สบายใจ
หลังจากยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย ยุบวงลง ก็กลับไปอยู่กับครอบครัวโดยที่ครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัด กำแพงเพชรในคราวนั้นด้วย จนมาถึงช่วงที่ไวพจน์ เพชรสุพรรณได้แยกตัวมาจากวงดนตรีรวมดาวกระจาย(ครู สำเนียง ม่วงทอง)มาตั้งวงดนตรีเป็นของตัวเองจึงประกาศรับสมัครนักร้องประจำวง ปักษิณ ลูกวิเศษ จึงกลับเข้ามากรุงเทพ อีกครั้งในฐานะนักร้องชายประจำวงดนตรีไวพจน์ เพชรสุพรรณ โดยการชักชวนของเมืองมนต์ สมบัติ์เจริญที่ได้เข้ามาอยู่ก่อนหน้าแล้ว หลังจากที่ออกมาจากวงดนตรีของ ครู สุรพล สมบัติ์เจริญ ในขณะนั้นด้วย ยุคแรกๆ กับทีมงานในสังกัดวงดนตรีไวพจน์ เพชรสุพรรณยุคนั้น(ระพี เรือนเพชร-เพชร โพธาราม- ชาญ ชัยนาท-ทรายทอง ณ โคราชฯลฯ) อยู่กับไวพจน์ ได้ระยะหนึ่ง จึงแยกตัวออกมาพร้อมกับเมืองมนต์เพื่อที่จะมาร่วมกันตั้งวงดนตรีเป็นของตัวเอง
โดยมีเมืองมนต์เป็นหัวหน้าคณะ เปิดวงทำการแสดงเดินอยู่นานพอสมควร จนถึงปี 2513 เมืองมนต์เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดจนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด ปักษิณเลยต้องรับภาระหน้าที่เป็นหัวหน้าวงเดินสายอยู่ประมาณ 2 ปี ประสบกับปัญหาหลายอย่างจึงตัดสินใจยุบวงในที่สุด หลังจากยุบวงก็ไปเป็นนักร้องรับเชิญให้กับวงดนตรีต่างๆเช่น อาทิ เพชร โพธาราม, ประยงค์ ลูกบางไทร จนในที่สุดก็หันหลังให้กับวงการเพลงโดยมาสร้างครอบครัวกับนักร้องสาวชาวอำเภอ สามชุก จังหวัดสุพรรณ ที่เป็นหนึ่งนักร้องสาวในวงนั้นเอง เจ้าของร่องเสียงขวัญจิตร ศรีประจันต์ ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาในวงในคราวที่ไปทำการแสดงที่วัดหนองหิน อำเภอสามชุก สุพรรณบุรี (ในขณะที่เมืองมนต์เสียชีวิตแล้ว)
ปักษิณ ลูกวิเศษแต่งงานกับหญิงสาวชาวสุพรรณ มีลูก 3 คน 1 ใน 3 คือ "ทีเด็ด เพชรปักษิณ" ทายาทที่สืบสานงานเพลงลูกทุ่งในเวลาต่อมา อาชีพหลังเลิกร้องเพลง คือ เลี้ยงวัว และรับทำขวัญนาคทั่วไป
....... เรื่องนี้ต้องขยาย...........สิ่งที่วุฒิสภาทำในการเลือกประธาน วุฒิสภา....ผิด...ขัดรัฐธรรมนูน..รู้ทุกท่านว่าผิด..ยังเร่งรีบที่จะทำ... ซึ่งไม่ต่างกับที่ กปปส.เคยตำหนิรัฐบาลในเรื่องสุดซอย หรือ..ตลก..ตัดสินท่านนายกปู..ในกรณีโยกย้ายนายถวิล...ถามว่า....ผู้รู้...กรณีนี้....เราจะตอบโต้เช่นไรคะ
--------------------------------------------
มติในสภา
1.ไม่มีวาระ การเลือกตั้ง ประธานวุฒิ...ใน พรฎ. ฉบับนี้
2. การเลือกตั้ง ประธานวุฒิ ปกติ จะต้องเลือก ประธานวุฒิ ใน สมัยสามัญเท่านั้น
3. สองเรื่องนี้ ต้องส่งตีความก่อน ว่า ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
4. คุณสุรชัย จะปฎิบัติหน้าที่ได้ ต่อเมื่อ ได้รับการโปรดเกล้าฯ
5. วุฒิสภา จะต้องส่ง มติ มาให้ รัฐบาล โดยครม. เพื่อให้นายก.....นำเสนอโปรดเกล้า
6. ต้องมีคน ร้องเรียน ก่อนว่า......การเลือก ประธานวุฒิ รองประธานวุฒิ......ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7. นายก.....ไม่มี มีแต่ รองนายกรักษาการ......ในกรณีอื่นๆ....ฝ่าย กปปส. ก็บอกว่า รักษาการนายก...ไม่มีอำนาจ ในการ นำเสนอโปรดเกล้า ในทุกกรณี มาโดยตลอด
8. การ ที่ รักษาการนายก จะมีอำนาจ หรือไม่ ต้อง มีหนังสือไปที่ คณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อน.....จะใช้เวลากี่วัน ไม่ทราบ
9. หากมีข้อโต้แย้ง....ต้องส่ง ตลก ตีความ ว่ารักษาการนายก ทำอะไรได้บ้าง
ก็แค่ความเห็น ที่คิดตามประสบการณ์การเป็นอำมาตย์ เดินตามตูดอำมาตย์มาหลายปี คิดแบบอำมาตย์ ทำแบบอำมาตย์ หวังผลแบบอำมาตย์. .
เชื่อป่ะว่า
- การเลือกตั้ง เดือน ก.ค.นี้ ผมว่าไม่เกิดอ่ะ..
- การ ปว./รปห. ห้วงนี้ ผมก็ว่าไม่เกิดอ่ะ
- การยึดอำนาจโดย กปปส. ผมก็ว่าไม่สำเร็จอ่ะ
- การมี นายกฯ ม.7 ผมก็ว่าท่านไม่ให้อ่ะ
- การประกาศกฏอัยการศึกโดยกองทัพ ผมก็ว่าไม่เกิดอ่ะ
ถ้าเป็นยังงี้แล้ว จะเกิดไรขึ้นในเวลาถัดไป เชื่อป่ะว่า ..
- ต้องมีสถานการณ์ความรุนแรง
- ต้องมีการปะทะกันระหว่างมวลชน2ฝ่าย
- ต้องมีการเผาทำลายอาคารสถานที่
- ต้องมีการวินาศกรรม อาจจะเป็นฝูชน หรือ สถานที่เชิงสัญลักษณ์ ..
ถ้าย่อหน้าที่2เกิดปุ๊บ.. นั่นน่ะ ย่อหน้าที่1ถึงจะตั้งลำขับเคลื่อน ..ถ้าย่อหน้าที่2ไม่เกิด สิ่งที่จะตามมา มันจะแรงสุดขั้ว.. เชื่อป่ะว่า
- การลอบสังหารระดับแกนนำ ผู้นำองค์กรทั้ง2ฝ่าย เพื่อจุดชนวน
- มือที่3 ที่4 ที่5 จะมีบทบาท เพื่อจุดชนวน
- ถ้าจุดติดก็ จลาจลขนาดใหญ่
- ถ้าจุดแล้วลาม ก็ สงครามกลางเมือง
40กว่าปีที่ผ่านมา อำมาตย์เค้าคิดแบบนี้แหล่ะ เค้าไม่เคยเปลี่ยนแนวคิด แต่เค้าเปลี่ยนตัวเล่นเสมอ..
ฟังดิ.. ♪♫♪►
Amazing Thailandการ์ด กปปส หลังจากกระทืบนักบินฝึกหัดเสร็จ กระชากนักท่องเที่ยว
ลงจากรถแท็กซี่ให้เดินไปสนามบินเอง กลางโทลล์เวย์
ตกลงหาตัวคนทุจริตโครงการได้รึยังครับ??
ชี้ได้รึยัง?? นี่ยังไม่มีมติว่าใครทุจริตในโครงการเลย
แต่มาสรุปเอาว่า ยิ่งลักษณ์ ปล่อยปละให้เกิดการทุจริตได้แล้ว
เออ.. มีคนปล่อยปละให้เกิดการทุจริต แต่ไม่มีมติว่าใครเป็นคนทุจริตนะ
ตกลงมีแต่คนปล่อยปละให้เกิดทุจริต แต่ไม่มีคนทุจริตหรือยังไง??
ประเด็นหลักยังไม่เคลียร์ มาลงมติประเด็นรอง ซะแล้ว
จะแข่งกันเลวกับศาลรัฐธรรมนูญไปถึงไหน !!!
วันที่: Fri Nov 15 16:33:54 ICT 2024
|
|
|
‘สุเทพ’ตรวจตึกสันติฯ-ยึดทำเนียบฯ กองบัญชาการ ตั้งเวทีใหญ่หน้ายูเอ็น ลั่นม้วนนี้ต้องจบ!!
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่สะพานชัมยมรุเชษฐ์ ข้างทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้เดินทางมาถึงเวทีชุมนุมคปท. บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ โดยได้หารือกับนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำคปท. ซึ่งใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที จากนั้น เลขาธิการกปปส.ได้เดินทางเข้าไปยังตึกสันติไมตรี เพื่อตรวจสถานที่ เนื่องจากจะใช้เป็นสถานที่แถลงข่าว และเป็นกองบัญชาการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หลังจากยุบเวทีสวนลุมพีนีมายังบริเวณ ถนนราชดำเนิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ ใช้เวลาในการตรวจพื้นที่ภายในตึกสันติไมตรีประมาณ 5 นาที ก่อนที่จะเดินทางเยี่ยมมวลชนโดยรอบพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถ.ถนนราชดำเนิน
เวลา 11.55 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับมวลชน คปท. ที่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ข้างทำเนียบรัฐบาล ว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ค.) จะยุบเวทีสวนลุมพินีแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดให้เหลือเวทีเดียว ซึ่งคืนนี้ ตนจะปราศรัยที่เวทีสวนลุมพินี เป็นคืนสุดท้าย ก่อนที่วันพรุ่งนี้ ตนจะนำมวลชนเดินเท้ามาสมทบกับมวลชนที่อยู่ข้างทำเนียบรัฐบาล จากนั้นจะเดินไปหน้ารัฐสภา เพื่อร่วมรับฟังการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ ว่าจะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ของประชาชนทันที ตามที่ประชาชนเรียกร้องหรือไม่ รวมถึงจะมีการตั้งเวทีใหญ่หน้าสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ด้วย และต่อจากนี้ตนจะมีสำนักงานที่ตึกสันติไมตรี เพื่อใช้เป็นที่ประชุม อ่านแถลงการณ์ รวมถึงพูดคุยกับใครก็ตามที่มาหารือกับเรา โดยขอความร่วมมือมวลชนอย่าเข้าไปภายในทำเนียบฯ ยกเว้นคนที่เข้าไปทำงานเท่านั้น
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อจากนี้ คือการระดมมวลชนให้มาร่วมชุมนุมมากที่สุดแล้วช่วยกันบำเพ็ญเพียรเรียกร้องผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ลุกขึ้นมาร่วมมือกับประชาชนแก้ไขปัญหาประเทศ โดยจัดให้มีรัฐบาลของประชาชนขึ้นมาให้ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราตัดสินใจแล้วว่าท่านเหล่านั้นทำไม่ได้หรือไม่ทำ เราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากลงมือทำเอง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันวิสาบูชา เราจะทำบุญประเทศครั้งใหญ่ เพื่อที่หลังวันวิสาขบูชา ประเทศจะได้สว่างไสวมีแต่สิ่งดีๆ
“เราจะเดินตามแผนให้สำเร็จ ฉลองชัยกันที่ ถนนราชดำเนิน แล้วกลับบ้านไปเป็นประชาชนธรรมดา ใครคิดถึงผมไปเยี่ยมผมได้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ถ้าไม่ชนะใครที่คิดถึงผมก็ไปเยี่ยมผมในคุก ชีวิตของผมหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับมวลมหาประชาชนเท่านั้น จะไม่มีการยืดเยื้อไปมากกว่านี้แล้ว ม้วนนี้ต้องจบ” นายสุเทพ กล่าว