ยึดคืนพื้นที่ได้ แต่ของหาย
เพจกูต้องได้ 10 ล้าน ออกมาแฉแล้วครับ
................................
แม้ว่าวันนี้ 4 พ.ค.57 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อส. จะขอคืนพื้นที่ กระทรวงมหาดไทย ได้ แต่เมื่อ จนท.เข้าไปตรวจสอบ ก็ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอย่างยิ่ง เพราะ
ยึดคืนพื้นที่ได้แล้ว แต่
1) งาช้าง ของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงพระราชทานไว้ หายไป
2) ของมีค่าสมัยโบราณ สูญหาย ถูกขโมย
3) เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวนมาก
4) เหรียญที่ระลึกของกระทรวง ที่เก็บไว้นับร้อยปี จำนวนมาก หายหมด
5) เครื่องมือสื่อสาร
6) อาวุธปืนลูกซองของ อปพร. หายเกลี้ยง
7) ทำลายทรัพย์สินมีค่าของทางราชการ จำนวนมาก
ไอ้พวกเวร กปปส. คือ โจรใบกระท่อม ขี้ข้าสุเทพ ส่วนใหญ่มาจากใต้ พวกมันทำลายสมบัติของชาติ
ขอพวกเราจดจำการกระทำของมัน
จำหน้าพวกมันไว้ หมดม็อบเมื่อไหร่
ระวังตัวได้เลย...
ผู้ใหญ่บ้านกำนัน ออกมามากเกินคาด มีผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองมากมายแน่นอน
มีทหารแตงโมตั้งข้อสังเกตุก่อนหน้านี้ว่า หากกำนันผู้ใหญ่บ้านออกมามาก ก็จะมีผลต่อสถานการณ์อย่างมาก หากออกมาน้อย ก็จะยืนยันว่า ระบอบอำมาตย์ยังมีอำนาจอยู่
เขาให้รอดู
ซึ่งผลออกมาแล้วว่า กำนันผู้ใหญ่บ้านออกมาเยอะมาก ใน 3 ภาค ออกมาเกินกว่า 80 %
น่าจะเป็นสัญญาณ อันตรายสำหรับฝ่ายอำมาตย์ เพราะหมายถึงเสียอำนาจควบคุมชนบทไปแทบทั้งหมดแล้ว
และเป็นที่ชัดเจนว่าชนบทคิดอย่างไร
หากยังไม่หยุดคุกคามต่อชีวิตความอยู่ดีกินดีของคนชนบท อาจเลยเถิดจนควบคุมผลไม่ได้
จริงๆ ผู้ใหญ่บ้านกำนัน ในชนบทสวมหมวกสองใบ อีกใบหนึ่งคือ "ชาวนาตัวจริง" เพราะส่วนใหญ่ก็มีอาชีพทำนา ตามถิ่นที่อยู่ของตน
การขัดขวางการจ่ายเงินจำนำข้าว และโครงการจำนำข้าวไม่อาจเปิดรับจำนำได้เพราะไม่มีรัฐบาลจริงๆ ทำให้ผู้ใหญ่บ้านกำนัน (ซึ่งก็คือชาวนาตัวจริงนั่นแหละ) สูญรายได้จากราคาข้าวตกเหลือเกวียนละ 5,000-6,000 บาท ไปครอบครัวละ ไม่ต่ำกว่า 50,000 -100,000 บาท นั้นคือ ต้นทุนที่เกิดกับพวกเขาจริงๆ จากการก่อความวุ่นวายของ กปปส./ประธาน กปปส. ผลกระทบตกที่ขาวนาเต็มๆ
อำมาตย์และประธาน กปปส. ไม่คิดเรื่องนี้
แต่เรื่องนี้ใหญ่มากในชนบท มันทำให้ศรัทธาสูญเสียไปทั้งหมด ฟื้นฟูขึ้นได้ยาก มนต์ตราอะไรก็เป่าสะกดไม่ได้
ทุกคนรู้นะครับว่า ประธาน กปปส. เป็นใคร ใครอยู่เบื้องหลังม็อบ กปปส. ไม่มีใครโง่กว่าใคร วันนี้มันหลอกกันไม่ได้หรอก
ฉากจบสุดท้าย หนีไม่พ้นเลือกตั้ง
วิกฤตขัดแย้งทางการเมืองยืดเยื้อมานานครึ่งปี
ทวีความเข้มข้นไปตามจังหวะเข้าสู่โหมดชี้เป็นชี้ตายช่วงเดือนพฤษภาคม
ทั้งในส่วนคดีความต่างๆ ของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ภายใต้คมดาบขององค์กรอิสระ
รวมถึงการเคลื่อนไหวเกมวัดพลังมวลชนสองฝ่าย นปช.คนเสื้อแดง และ กปปส.
แต่ที่นับว่าเป็นพัฒนาการในทางบวก ส่งผลให้บรรยากาศที่เขม็งเกลียวคลายตัวลง
กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์นำทีมเข้าหารือ กำหนดวันเลือกตั้งใหม่กับ 5 เสือ กกต.ที่เสนอมาให้
เลือก 3 วันด้วยกัน คือ วันที่ 20 ก.ค., 17 ส.ค. และ 14 ก.ย.
ก่อนสองฝ่ายจะได้ข้อสรุปตรงกัน
เดินหน้าจัดการเลือกตั้งใหม่วันที่ 20 ก.ค. โดยใช้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. เป็นบทเรียนป้องกัน
ไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ขั้นตอนต่อจากนี้ กกต.จะดำเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาแก้ไขกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เสนอต่อ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ วันที่ 6 พ.ค. จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะนำร่างขึ้นกราบบังคมทูล
ส่วนรายละเอียดตามปฏิทินที่ กกต.กางให้ดูคร่าวๆ
เริ่มจากเปิดรับสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 25-30 พ.ค. รับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต 30 พ.ค.-3 มิ.ย. ลง
คะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศ 6 ก.ค. ลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 28 มิ.ย.- 11 ก.ค.
ดูเหมือนทุกอย่างเริ่มมีแนวโน้มในทางที่ดี
ถึงจะช้าไปบ้าง และยังมีข้อน่าสงสัยต่อเรื่องที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงาน
เลือกตั้ง ย้ำให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กกต.ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดเลือกตั้งไว้ 5 ข้อ
โดยเฉพาะข้อที่ว่า กกต.สามารถเลื่อนเลือกตั้งได้ถ้าเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อย
หรือการที่รัฐบาลต้องยินยอมรับสภาพว่า แม้จะหย่อนบัตรสำเร็จแต่อาจเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ไม่ได้ใน 30 วัน
เหมือนตั้งโจทย์ปลายเปิดเอาไว้ เพื่อรอคำตอบอะไรบางอย่าง
เพราะกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง 20 ก.ค. ก็ยังต้องรออีก 2 เดือนครึ่ง
นานพอที่การเมืองอาจพลิกผันได้อีกหลายตลบ
ภายใต้สถานการณ์ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ที่ชะตากรรมกลิ้งไปตกอยู่ในมือองค์กรอิสระ
สิ่งที่หลายคนเป็นห่วงก็คือถึง กกต.จะยอมใส่เกียร์เดินหน้าจัดการเลือกตั้งและกำหนดวัน
ชัดเจนแล้วก็ตาม
แต่ยังไม่เพียงพอเป็นหลักประกันให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้อุ่นใจว่า
ประเทศจะไม่เดินเข้าสู่ภาวะสุญญากาศทางการเมือง ตามเกมที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลต้องการ
และพยายามสร้างเงื่อนไขวางกับดักให้เกิดสิ่งนี้มาตลอด
มุ่งไปยังปมสองดาบสังหาร ที่ยังไม่รู้ว่าดาบไหนจะฟันลงมาก่อนหรือฟันลงมาพร้อมกัน
ระหว่างดาบในมือศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพ้นสภาพนายกฯ จากสาเหตุใช้
อำนาจสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี
กับดาบในมือป.ป.ช.กรณีโครงการรับจำนำข้าวที่มีผลให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
รายงานข่าวระบุ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย แจ้งกลางวงหารือ
แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกฯ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าต้อง
สิ้นสุดลงหรือไม่ ในวันที่ 8 พ.ค.นี้
ซึ่งเป็นช่วงจังหวะสอดคล้องใกล้เคียงกับคิวลงดาบ คดีโครงการรับจำนำข้าวในมือของป.ป.ช.
ที่ล็อกวันไว้แล้วว่าถ้าไม่ใช่ 8 พ.ค. ก็เป็น 15 พ.ค.
ทั้งยังสอดรับกับการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำม็อบ กปปส. ประกาศเป่านกหวีดรอบใหม่
เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.เป็นต้นไป
โดยมีจุดหมายปลายทางชุมนุมใหญ่เผด็จศึกขับไล่รัฐบาลครั้งสุดท้าย 14 พ.ค. ยาวต่อเนื่องไป
จนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ
นักวิเคราะห์อ่านเกมเดิมพันครั้งนี้ นายสุเทพเทความหวังทั้งหมดฝากไว้กับดาบหนึ่ง ดาบสอง
ในมือป.ป.ช.กับศาลรัฐธรรมนูญ
ตรงนี้เองที่นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกกต. ต้องออกมาส่งสัญญาณเตือน เสนอแนะให้รัฐบาล
เร่งดำเนินการออกพ.ร.ฎ. กำหนดวันเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว
เป็นเกราะป้องกันการก่อเหตุแทรกซ้อน
ขณะเดียวกันมีการวิเคราะห์ไว้เช่นกันว่า
ถึงอย่างไรนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่มีทางเดินไปได้สุดซอยของการเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ทูลเกล้าฯ
นายกรัฐมนตรี มาตรา 7
เกมยืมดาบองค์กรอิสระมาไล่ฟาดฟัน อย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพ้นจาก
อำนาจไปเฉพาะตัว ไม่ส่งผล กระทบถึงคณะรัฐมนตรี
อีกทั้งรัฐธรรมนูญปัจจุบันได้รับการออกแบบมา ป้องกันการเกิดสุญญากาศทางการเมืองไว้ทุกจุด
ต่อให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องหลุดจากเก้าอี้ไป ก็มีบทบัญญัติไว้ชัดเจนว่า บุคคลใดในรัฐบาลต้องขึ้นมาทำ
หน้าที่รักษาการแทน ไล่ตั้งแต่รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ไปจนถึงข้าราชการระดับปลัดกระทรวง
จึงไม่มีทางเกิดหลุมดำใดๆ ได้
ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีการทำปฏิวัติรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้ง
แต่จากการสำรวจปฏิกิริยากองทัพ
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. กล่าวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ที่เดินสายเข้าพบว่า ปัญหาการเมืองควรแก้ไขด้วยแนวทางการเมือง
พร้อมแสดงจุดยืนกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ ยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ก็ให้สัมภาษณ์ชัด กองทัพโดยเฉพาะกองทัพอากาศพร้อม
สนับสนุน การเลือกตั้งที่กำหนดขึ้นใหม่วันที่ 20 ก.ค.
ไม่ต้องพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ซึ่งกล่าวยืนยันไว้หลายครั้งหลายหน
ให้เลิกคิดเรื่องทหารทำปฏิวัติได้เลย
ส่วนประเด็นที่หลายคนเกรงจะเกิดการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างคนเสื้อแดง กับ กปปส.
ที่เรียกระดมพลใหญ่ในห้วงเวลาเดียวกัน
ข่าววงในแจ้งว่า ถ้าสถานการณ์บานปลายไปถึงขั้นนั้นจริงๆ อย่างมากกองทัพก็ประกาศใช้
กฎอัยการศึกเข้าควบคุมสถานการณ์ ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ไม่เลือกฝักเลือกฝ่าย
ไม่ฉวยโอกาสทำอะไรเกินเลยไป กว่านั้น
ยังไม่นับรวมท่าทีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ปฏิเสธแนวทาง
ข้อเสนอของพล.อ. สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคล จนหน้าแตกหงายเงิบ
ไม่เว้นแม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เคยถลำลึกไปกับ ?กำนันสุเทพ? ก็ยังกลับลำ
หนุนแนวทางปฏิรูปพร้อมเลือกตั้ง หาทางลงให้ตัวเอง
ตามแบบฉบับที่ต้องเอาหล่อ เอาเท่ไว้ก่อน
สะท้อนทุกฝ่ายเริ่มตื่นตัวในการหาหนทางกลับสู่ประชาธิปไตย หลังก้าวพลาดออกนอกลู่นอกทาง
เสียผู้เสียคนไปตามๆ กัน
ต้องจับตาดูกันต่อไป รถไฟสายประชาธิปไตยที่เริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานี จุดหมายปลายทาง
วันเลือกตั้ง 20 ก.ค.จะรับใครหรือทิ้งใครไว้เบื้อง หลังบ้าง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9URXpOemd4TlE9PQ==§ionid=
หลังจากเข้ารับสินรับพรแล้ว ชีวิตตกต่ำสุดๆ
ระวังเชื้อก่อโรคในน้ำแข็ง
ในช่วงอากาศร้อนส่งผลให้มีการบริโภคน้ำแข็งเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำไปผสมน้ำดื่ม เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำหวาน และของหวานหลายชนิดเพื่อเพิ่มรสชาติความเย็นช่วยคลายร้อน
ในช่วงอากาศร้อนส่งผลให้มีการบริโภคน้ำแข็งเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำไปผสมน้ำดื่ม เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำหวาน และของหวานหลายชนิดเพื่อเพิ่มรสชาติความเย็นช่วยคลายร้อน
นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า หน้าร้อนเชื้อโรคอาหารเป็นพิษที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย เจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม และน้ำแข็ง
สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เฝ้าระวังคุณภาพและความปลอดภัยของน้ำแข็งเป็นประจำทุกปี ในช่วงปี 2554-2556 ที่ผ่านมา ผลการตรวจสอบน้ำแข็งหลอดและน้ำแข็งบดที่เก็บจากจังหวัดในเขตภาคกลาง พบว่า น้ำแข็งหลอดบรรจุถุงพลาสติก 111 ตัวอย่างมีคุณภาพไม่ได้มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 78 พ.ศ.2527 จำนวน 24 ตัวอย่าง คิดเป็น 21.6% โดยตรวจพบเชื้ออี.โคไล 9.9% พบเชื้อโรคอาหาร
เป็นพิษ คือ สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส 11.7% แซลโมเนลล่า 2.7% คลอสตริเดียมเพอร์ฟริงเจนส์ 9% และบาซิลลัส ซีเรียส 7.2%
สำหรับน้ำแข็งบดตรวจทั้งหมด 14 ตัวอย่าง พบไม่ได้มาตรฐาน 12 ตัวอย่าง คิดเป็น 85.7% โดยพบสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส 85.7% แซลโมเนลล่า 28.6% คลอสตริเดียมเพอร์ฟริงเจนส์ 14.3% และบาซิลลัส ซีเรียส 21.4%
จากผลการตรวจวิเคราะห์จะเห็นได้ว่า น้ำแข็งบดมีจุลินทรีย์ก่อโรคและอี.โคไล ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ในอุจจาระและสิ่งแวดล้อมที่สกปรกสูงกว่าน้ำแข็งหลอดมาก การตรวจพบอี.โคไลแสดงว่าน้ำแข็งไม่สะอาดและอาจมีเชื้อโรคปะปน
ส่วนน้ำแข็งหลอดบรรจุถุงพลาสติกก็ตรวจพบจุลินทรีย์ก่อโรคปนเปื้อนเช่นกัน ซึ่งน้ำแข็งที่ไม่สะอาดส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากกระบวน การผลิต คือ กระบวนการผลิตส่วนใหญ่สะอาด แต่การปนเปื้อนเกิดจากการเก็บรักษาขณะขนส่งและรอการจำหน่าย
น้ำแข็งที่มีเชื้อโรคอาหารเป็นพิษปนเปื้อน นอกจากจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสียแล้ว อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ปวดศีรษะ เป็นไข้ คลื่นไส้อาเจียน ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ในการเลือกซื้อเครื่องดื่มผสมน้ำแข็งบดควรดูว่าถังที่บรรจุน้ำแข็งบดสะอาดหรือไม่ มีของอย่างอื่นแช่รวมอยู่ด้วยหรือไม่ สำหรับน้ำแข็งหลอดที่บรรจุภาชนะถุงพลาสติกควรเลือกถุงสะอาด ไม่ฉีกขาด มีฉลากระบุชื่อและสถานที่ผลิต มีเลขทะเบียนอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. น้ำแข็งที่บรรจุในถุงต้องมีสีปกติ ไม่มีเศษผงหรือสิ่งแปลกปลอม เก็บในตู้แช่ที่สะอาด ไม่มีของหนักวางกดทับ เพราะอาจทำให้ถุงฉีกขาดและรั่วซึมได้ ส่วนน้ำแข็งก้อนที่ต้องทุบหรือบดก่อน ต้องไม่วางน้ำแข็งบนพื้นสกปรก และควรล้างผิวนอกของน้ำแข็งด้วยน้ำสะอาด แล้วทุบหรือบดด้วยวัสดุที่สะอาดก่อนใส่ในภาชนะที่สะอาด
อย่างไรก็ตามเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค วิธีที่ดีที่สุด คือ ทำน้ำแข็งบริโภคเอง โดยใช้น้ำสะอาด หรือน้ำต้มเดือดทิ้งไว้ให้เย็น เทใส่ภาชนะทำน้ำแข็งที่สะอาดนำใส่ช่องทำน้ำแข็งในตู้เย็น.
นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์
19 ข้อไขความลับ ทำไมเยอรนีถึงเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ?
Make me a German
สารคดีจาก BBC ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวชาวอังกฤษ ที่ประกอบด้วยสามี ซึ่งเป็นนักข่าว ภรรยา เป็นนักเขียน และลูกน้อยอีก 2 คน ที่ไปใช้ชีวิตในเยอรมนี เพื่อค้นหาความลับว่า อะไรที่ทำให้ประเทศนี้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ โดยบทความนี้ Wegointer ได้แบ่งออกมาเป็น 19 ข้อด้วยกันว่า อะไรที่ทำให้ประเทศเยอรนี เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ?
1. ระดับหนี้สินต่อครัวเรือนของคนเยอรมันอยู่ในระดับต่ำมากที่สุดในยุโรป ชาวบ้านทั่วไปนิยมใช้จ่ายด้วยเงินสดมากกว่าบัตรเครดิต
2. ธนาคารไม่อนุมัติบัตรเครดิตให้กันง่าย ๆ ในขณะที่ชาวเยอรมันก็ไม่ต้องการได้บัตรเครดิตง่าย ๆ เช่นกัน
3. คนเยอรมันสามารถออมเงินได้ 10% ของเงินเดือนแทบทุกคน
4. ผู้คนส่วนใหญ่มีเงินฝากในธนาคารเป็นกอบเป็นกำทำให้ระบบการหมุนเวียนของเงินกู้กับเงินฝากสมดุลกันได้ดี
5. คนเยอรมันไม่นิยมเอาบ้านหรือรถยนต์ไปจำนองเพื่อนำเงินมาทำธุรกิจ เพราะถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียทรัพย์สินที่มีอยู่
6. คนเยอรมันใช้เวลาทำงานต่อสัปดาห์น้อยกว่าคนในชาติอื่น ๆ ทั่วโลก แต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า
7. การทำงานล่วงเวลาถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากการให้เวลากับครอบครัวหลังเลิกงานถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
8. เวลาแปดชั่วโมงต่อวัน คนเยอรมันทำงานอย่างจริงจังในเวลางาน ไม่เสียเวลาไปกับการพูดคุยเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงาน อีเมลล์ส่วนตัว Facebook และโทรศัพท์มือถือ …เป็นที่รู้กันว่าไม่ควรใช้ในชั่วโมงทำงาน
9. นักข่าวชาวอังกฤษที่ไปทำงานในโรงงาน Faber & Castel ที่เยอรมนี ถูกต่อว่าจากเพื่อนร่วมงานทันทีที่หยิบโทรศัพท์เพื่อต้องการส่ง SMS แค่ครั้งเดียว
10. ชีวิตในที่ทำงานที่นี่เขาจริงจังกันมาก ไม่มีการพูดคุย นินทา ไม่อยากรู้อยากเห็นว่าใครเป็นแฟนใคร ใครเลิกกับใคร ใครจะไปออกเดทกับใคร ไม่แม้แต่จะเล่าเรื่องละครทีวีที่ดูเมื่อคืน เลิกงานแล้วจะไปไหน จะไปทานดินเนอร์กับใคร ก็ไม่มีการพูดคุยกัน
11. การมาทำงานสายจะถูกมองว่าเป็นคนไม่รักษาสัญญา จะมาสายสามนาทีหรือสามสิบนาที ก็ถือว่าเป็นคนไม่มีคุณภาพเพราะขาดความเคารพต่อตัวเองและองค์กร
12. สองในสามของคุณแม่มือใหม่จะไม่ทำงานนอกบ้าน การบอกว่าเป็น Housewife ในประเทศอื่น ๆ อาจจะรู้สึกเขินอายเหมือนว่าตนเองไม่มีงานทำ แต่ที่นี่มีแต่ความภาคภูมิใจหากจะได้เป็น Housewife
13. รัฐบาลให้สวัสดิการดีกับคุณแม่ที่ต้องออกจากงาน ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้แม่ได้เลี้ยงดูลูกด้วยตนเอง การให้เวลากับลูกถือเป็นสิ่งสำคัญ
14. ในวันอาทิตย์ ร้านรวงทั่วไปตามแหล่ง Shopping จะปิดเงียบ เพื่อให้ผู้คนส่วนใหญ่มีเวลาอยู่กับครอบครัว เมื่อสถาบันครอบครัวแข็งแรงประเทศชาติก็จะแข็งแรง
15. ในยามยากของเศรษฐกิจ บริษัทส่วนใหญ่ไม่ใช้วิธีการ Lay off พนักงาน ไม่นิยมการปลดคนงานออกแบบกระทันหัน เพื่อความอยู่รอดของบริษัท
16. อาจจะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปเสียแล้วที่บริษัทจะเป็นห่วงความอยู่รอดของพนักงานก่อน เพื่อที่จะได้ช่วยกันประคองให้บริษัทอยู่รอด
17. พนักงานยินดีที่จะถูกลดรายได้อย่างพร้อมเพียงกันเพื่อให้ทุกคนอยู่ได้และบริษัทอยู่รอด สิ่งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงการรักพวกพ้อง รักองค์กร และรักชาติในที่สุด
18. ทีมชาติฟุตบอลของเยอรมนี จะไม่ค่อยมีดาวเด่นที่โด่งดังระดับโลก แต่ก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 สมัย ด้วยทักษะการเล่นอย่างเป็นทีมเวิร์คมากกว่าความสำเร็จจากความสามารถเฉพาะบุคคล
19. การใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประหยัด จริงจังในหน้าที่ มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบสูง รักครอบครัว รักพวกพ้อง รักชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปนิสัยขั้นพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ในเยอรมนีได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ วิพากษ์ ข้อเสนอ อภิสิทธิ์ ทางออก หรือ ทางตัน ?
แนวทางที่คุณอภิสิทธิ์เสนอมา แม้อาจมองได้ว่าเป็นความหวังดี แต่ก็มีเนื้อหาที่ขัดแย้งต่อหลักการทางรัฐธรรมนูญ อย่างน้อย 4 ประการ
1. ข้อเสนอคุณอภิสิทธิ์ให้ชะลอการเลือกตั้งออกไปอีกประมาณ ครึ่งปี พร้อมสร้างสภาวะมีรัฐบาลชั่วคราวที่ไม่ได้รับการยอมรับ และไม่มีอำนาจเต็มต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอน และความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงและถูกลากยาวออกไป อันเป็นการขัดต่อหลักการพื้นฐานทางรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้มีอำนาจรัฐมีความมั่นคงต่อเนื่องและแน่นอน
2. การเสนอให้รัฐบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวลาออก แล้วให้ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่สรรหารัฐบาลใหม่นั้น เท่ากับเป็นการปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชนไปไว้กับคนไม่กี่คน โดยที่ประชาชนไม่มีส่วนเลือกและไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรองรับ ยิ่งทำให้ความขัดแย้งขยายตัว ทั้งนี้ ส่วนการอ้างหลักการจารีตประเพณีไม่อาจอ้างได้ เพราะสิ่งที่จะถือว่าเป็นจารีตประเพณีใสทางกฎหมาย จะต้องมีการปฏิบัติต่อเนื่องและยอมรับความผูกพันโดยทั่วกัน มิใช่เป็นกรณีที่เคยทำเป็นครั้งคราวในอดีต และต้องไม่ขัดหรือแย้งที่บทบัญญัติลายลักษณ์อักษรที่มีความชัดเจนอยู่แล้ว
3. การทำประชามติโดยอาศัยข้อเสนอสภาปฏิรูปที่จัดทำโดยเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป ร่วมกับ กปปส.นอกจากมีปัญหาในรื่องข้อกฎหมายการทำประชามติแล้ว ยังเป็นเสมือนการมัดมือชกประชาชน เพราะเนื้อหาสาระของประชามติได้ถูกตีกรอบโดยผู้ที่ไม่ได้รับอาณัติจากประชาชน และไม่มีสถานะทางรัฐธรรมนูญรองรับ จะยิ่งทำให้การทำประชามติดังกล่าวขาดความชอบธรรมและยิ่งทำให้ความขัดแย้งบานปลายมากขึ้น
4. การสร้างเงื่อนไขให้ กกต. (หรือศาล) มีอำนาจใช้ดุลพินิจยุบพรรคที่ไม่สนับสนุนการปฏิรูป ซึ่งย่อมกระทบถึงฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ย่อมเท่ากับเป็นการมอบอำนาจให้องค์กรอิสระหรือตุลาการเข้ามาครอบงำกระบวนการปฏิรูปประเทศ เป็นการทำลายหลักการแบ่งแยกอำนาจอันเป็นหัวใจของกฎหมายรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอคุณอภิสิทธิ์ ก็ยังมีส่วนที่ดี ก็คือ การให้ กกต.ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้การเลือกตั้งโปร่งใสและรัดกุมมากขึ้น (ซึ่งตรงกับข้อเสนอที่ผมเองเคยเสนอไปเมื่อปีที่แล้ว) รวมถึงการเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการออกแบบวาระปฏิรูปและการใช้วิธีประชามติ ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมกันนำข้อเสนอส่วนนี้มาปรับใช้และร่วมกันปฏิบัติทันที กล่าวคือ มีการปรับปรุงกติการการเลือกตั้งและทุกฝ่ายร่วมกันออกแบบการปฏิรูปใน 1-2 เดือน ก็อาจนำไปสู่การเลือกตั้งเพื่อวาระปฏิรูปในเดือนกรกฏาคม และอาจหาวิธีการออกแบบให้วันเลือกตั้งเป็นวันทำประชามติไปพร้อมกัน เพื่อสร้างอาณัติให้รัฐบาลที่รับเลือกตั้งไม่แทรกแซงกระบวนการปฏิรูป หากทำได้เช่นนี้ ประเทศชาติก็ย่อมมีทางออกได้โดยไม่ต้องขัดแย้งต่อหลักการทางรัฐธรรมนูญที่กล่าวมา
สิ่งที่น่ากังวลใจมากในเวลานี้ คือ การร่วมกันจัดฉากทางการเมือง เพื่อให้ข้อเสนอคุณอภิสิทธิ์ถูกปฏิเสธโดยฝ่ายอื่น จากนั้นหากศาลรัฐธรรมนูญอ้างแนวคิดดังที่อดีตประธานศาลเคยยอมรับว่าเมื่อบ้านเมืองถึงทางตัน ศาลก็ต้องหน้าที่หาทางไป แต่อดีตได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ในที่สุดทางไปนั้นก็ไปจบที่การนองเลือด ซึ่งย่อมไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้นอีก.
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
นักกฎหมายอิสระ
3 พ.ค. 2557
เชียงใหม่ระดมกำนัน-ผญบ.26บัส สมทบ 80,000 คนทั่วปท. บุกขอคืนพื้นที่ ก.มหาดไทย
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 พ.ค. นายกมลดิษฐ์ โรจน์ธนวิภัช หรือ กำนันแดง นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มกำนัน ผญบ. จังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 1,1000 คน จะเดินทางไปร่วมสมทบกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ เพื่อขอคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทย ที่กรุงเทพฯ คืน ในส่วนของเชียงใหม่ การเดินทางของกำนันผู้ใหญ่บ้าน จะใช้รถบัส จำนวน 26 คัน ออกเดินทางที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นออกเดินทางไปยัง แยกดอยติ อ.เมือง จว.ล.พ. เพื่อสมทบกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ลำพูน และร่วมเดินทางออกไป จุดหมาย คือที่สนามหลวง กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน มาพร้อมกันทั่วประเทศ ประมาณ 80,000 คน
จากนั้น ในวันที่ 4 พ.ค. กลุ่มฯ ทั้งหมดจะร่วมเดินขบวนไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอพื้นที่คืน จากกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่กระทรวงมหาดไทย โดยการเดินทางมีกำหนดไปถึงเช้า และทำกิจกรรมทันที จากนั้นก็จะเดินทางกลับ
นายกมลดิษฐ์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่กำนันผู้ใหญ่บ้าน ทั่วประเทศ ได้รวมตัวกันเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขอพื้นที่กระทรวงมหาดไทยคืนจากกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเห็นว่า ผู้ชุมนุมที่กระทรวงมหาดไทย มีจำนวนไม่มากนักและมาขัดขวางการทำงานของข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปทั่วประเทศ และไม่มีประโยชน์อะไร ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมาทำแบบนี้ และถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องนัดหมายรวมตัวกัน และไปขอพื้นที่คืนดังกล่าว โดยกำนันผู้ใหญ่บ้านทุกคน จะใส่เครื่องแบบ เข้าไปดำเนินการดังกล่าว
เอาละวา..กำนันตัวจริงปรากฏตัวแล้ว เป็นปรากฏการของแรงดันที่สะสมมานาน
ถึงเวลาก็ย่อมถึงจุดที่จะระเบิดออกมาตามธรรมชาติ เหมือนฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐ
ต่อนี้ไปจะเห็นการระเบิดของประชาชนอีกหลายกลุ่มที่ทะยอยออกมาทวงคืนสิทธิของตน
ตัวบงการใหญ่มันคิดว่าคนไทยมันน่อมแน้ม อ่อนแอ ยิงมันทิ้งบ้างก็หดหัวกลัวตาย
แล้วมันจะได้เห็นว่าแท้จริงแล้วมันคิดผิดถนัด ถ้าอีดอั้นกันมากๆ ลากรถถังออกมาก็ไม่มีใครกลัว
กำนัน ผญบ. ออกมา 80,000.ถ้าลูกบ้านชายฉกรรณ์ ตามออกมาตำบลละ1,000คน
กำลังคนเป็นล้าน สามารถเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองประเทศได้ในวันเดียวเลยนะเนี่ย
งานนี้อำมาตย์เสียวประตูหลังแน่ๆ ขืนขัดใจกำนันตัวจริง คงต้องพังกันทั้งวงอำมาตย์..
ผัก 10 ชนิด... ที่ไม่กินไม่ได้แล้ว
1. ผักกาดขาว : ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลตสูง ช่วยบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
2. ต้นหอม : มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยบรรเทาอาการหวัด และมีสารฟลาโลนอยด์ช่วยต้านมะเร็ง
3. หอมหัวใหญ่ : ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
4. คะน้า : มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
5. ตำลึง : มีวิตามินเอสูง ซึ่งดีต่อดวงตา พร้อมเส้นใยจับไนเตรต ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
6. มะระ : มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อนๆ ถ้านำมาคั้นน้ำดื่มจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
7. บัวบก : มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
8. ชะอม : ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับอนุมูลอิสระ
9. ถั่วพู : มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
10. ผักชี : ช่วยขับลม บำรุงธาตุ ย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
www.smartsme.tv
Cr : guru.sanook.com
เช่นเคยครับ ใครเคยเห็น อ่านแล้วก็เลยไป ใครยังก็เชิญ
หมูกะเนีย
ณ งานประจำปีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีทั้งชาวไทยพุทธและไทยอิสลามอยู่ร่วมกัน
หลังเสร็จพิธีทางศาสนา หลวงพ่อและอิหม่ามซึ่งมีความสนิทสนม เจรจาหยอกล้อกันเสมอ ๆ
เมื่อเจอหน้าก็มีการทักทายกัน
หลวงพ่อ ท่านอิหม่าม ถามจริง ๆ เหอะ ทำไมอิสลามถึงไม่กินหมู ของอร่อย ๆ ทั้งนั้น
อิหม่าม หลวงพ่อ ว่าจะถามเหมือนกัน แล้วทำไมพระถึงมีเมียไม่ได้ อร่อยกว่ากินหมูตั้งเยอะ
มาจาก fb เจ้าเก่า
Mr.ANANT
ในระหว่างรอขึ้นเครื่อง คุณอนันต์เดินดูของตามร้านค้าต่าง ๆ
พอเห็นเวลาล่วงเลยพอสมควร ไม่เห็นมีไครเรียกขึ้นเครื่องซักที เลย
มาสอบถามที่เคาน์เตอร์
อนันต์ น้อง ๆ ไฟลท์ของผมทำไมไม่เรียกขึ้นเครื่องซักที นี่ก็เลยเวลาแล้วนะ
จนท. เอ๊ะ ไฟลท์นี้เครื่องออกไปแล้วนี่คะ
อนันต์ เฮ้ย ได้ไง ไม่เห็นมีใครเรียกผมขึ้นเครื่องเลย
จนท. เดี่๋ยวนะคะ ขอตรวจสอบก่อน
อ๋อ นี่ไงคะ ทางเราได้ประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องตั้ง 5-6 รอบ
อนันต์ เป็นไปไม่ได้ ผมไม่ได้ยินเลย คุณประกาศยังไงของคุณ บอกหน่อยดิ
จนท. ประกาศ เครื่องบินเที่ยวที่... กำลังจะออก มิสเตอร์แอ่นแอ๊นท์ มิสเตอร์
แอ่นแอ๊นท์ กรุณาขึ้นเครื่องด้วยค่ะ
อนันต์ แอ่นแอ๊นท์ พ่องงงมึงงงงงดิ กูชื่ออนันต์ เว้ย อนันต์ สะกดว่า ANANT โว้ย !!!
ลูกชาย แม่ฮับ มะเช้าตอนนั่งกะพ่อบนรถเมล์ พ่อบอกให้ผม
ลุกขึ้นสละที่นั่งให้ผู้หญิงคนนึง
แม่ ก็ดีแล้วนี่ลูก ทำถูกแล้ว
ลูกชาย แต่ แม่ฮับ ผมนั่งอยู่บนตักพ่อนะฮ้าบบบ...
ภรรยาได้รับ sim เบอร์ใหม่เอี่ยมมาจากที่ทำงาน เมื่อมาถึงบ้าน เห็นสามีนั่งดูทีวีอยู่ จึงรีบเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปลี่ยน sim โทรหาสามีให้แปลกใจเล่น
ภรรยา : ” ฮัลโหล ที่รัก… ”
สามี (กระซิบเบาๆ) : ” ครับ เดี๋ยวผมโทรกลับ..เบอร์นี้นะ..ตอนนี้ไม่สะดวก.. อีแก่อยู่ในห้องน้ำ “
เมื่อวานมีชายแปลกหน้ามา “กดกริ่ง” ที่ประตู
แล้วแม่ก็ไปเปิดประตูให้ชายแปลกหน้านั้นเข้ามาในบ้าน
และแม่ก็บอกกับผมว่า..
แม่: สวัสดีเขา แล้วเรียกพ่อสิ
กรู: (คิดในใจ) พ่อกูมีคนเดียว
แม่: แม่บอกให้เรียกพ่อไง… เป็นใบ้หรอ
กรู: (น้ำตาคลอเบ้าละ)
แม่: (ตบหัวกู) บอกให้เรียกพ่อไง
กรู: (กูน้ำตาไหลพร้อมเรียกเบาๆ) พะ พะ พะ พ่อ
แม่: พ่อมึงอยู่หลังบ้าน เรียกแค่นั้นจะไปได้ยินหรอ
บอกให้ไปเรียกพ่อมึง จะมาร้องไห้ทำไมเนี่ย !!
กรู: (เชี่ย กูโง่หรือกูเข้าใจผิดเนี่ย)
เสี่ย : เดินออกจากผับหลังจากดื่มพอประมาณ
ขอทาน : พี่ขอเงิน 30 บาท ผมหิวข้าว
เสี่ย : ไปไปกินเหล้ากับกู
ขอทาน : ผมไม่กินเหล้าครับ
เสี่ย : งั้นไปเข้าบ่อนกับกู เป็นตัวนำโชค
ขอทาน : ผมไม่เล่นการพนันครับ
เสี่ย : อย่างนั้นไปลงอ่าง
ขอทาน : ผมไม่เที่ยวผู้หญิงครับ
เสี่ย : คิดสักครู่จึงว่า เมื่อกี้มึงขอเงิน 30 บาทใช่ไม๊ กูจะให้มึง 500 บาท มึงไปกับกู 1 ชั่วโมง แล้วกูจะมาส่งมึงกลับมา
ขอทาน : พี่จะพาผมไปไหนครับ?
เสี่ย : กูจะพามึงไปให้เมียกูดูว่า “ไอ้คนที่ไม่กินเหล้าไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวผู้หญิง สาระรูปมันเป็นแบบนี้ ต่อไปเมียกูจะได้เลิกบ่นกูสักที
วิน : เมื่อเช้านี้!
ต้า : ทำไมวะ ?
วิน : แม่กูรอตักบาตรที่หน้าบ้าน แล้วหมาแม่งเสือกมาคุ้ยถังขยะหน้าบ้านกูล้มพอดี
ต้า : แล้วไงต่อ ?
วิน : แม่กูเขาก็โมโหหมาตัวนั้นอ่ะดิ.?…จังหว่ะนั้นพระก็กำลังเดินมาพอดี แต่แม่กูไม่ทันเห็นพระ ก็เลยตะโกนออกไปด้วยความโมโห!!!
ต้า : แล้วแม่มึงตะโกนไปว่าอะไรเหละ
วิน : “ไอ้ชิบหาย!! หาแดกแต่เช้าเลยนะเมิงงง!!!”
พระ : !@#$%^&*()
ชาย 3 คนโดนพิพากษาลงโทษให้จำคุกขังห้องเดี่ยวเป็นเวลา 10 ปี
แต่ศาลก็ยังใจดีให้พวกเขาเลือกนำอะไรก็ได้คนละอย่าง
เข้าไปในห้องขังด้วยเพื่อใช้ฆ่าเวลา
ชายคนแรกขอเอา "หนังสือสารานุกรม" เข้าไปหลายเล่ม
ชายคนที่ 2 ขอเอา "ผู้หญิง " เข้าไปด้วย 1 คน
ชายคนที่ 3 ขอเอา " บุหรี่ " เข้าไปด้วย 1,000 ซอง
10 ปีผ่านไป...ชายทั้งสามพ้นโทษ
ผู้คุมเปิดประตูห้องขังให้ชายคนแรก เขาเดินออกมาแล้วบอกว่า
" ฉันอ่านหนังสือพวกนั้นหมดเกลี้ยงแล้ว ฉันรู้ทุกอย่างในโลกเลย"
ผู้คุมเปิดประตูห้องขังถัดไป ชายคนที่สองเดินออกมา
พร้อมกับภรรยาและลูกอีก 4 คนแล้วบอกว่า
" ฉันไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดผู้หญิงมากขนาดนี้มาก่อน
และตอนนี้ฉันก็มีครอบครัวที่แสนน่ารัก "
ต่อจากนั้น ผู้คุมก็เปิดห้องขังสุดท้าย ชายคนที่สามเดินออกมา
ด้วยหน้าตาเซ็งสุดชีวิต แล้วตะโกนสุดเสียงว่า
" ให้ตายสิว่ะ ใครมีไฟแช๊กมั๊ย??? "
นี่ก็ครบรอบแต่งงาน
ณ โต๊ะดินเนอร์สุดหรูวันครบรอบที่ 4 ของการแต่งงาน
ภรรยา มองไปรอบ ๆ ชี้มือไปที่โต๊ะข้าง ๆ แล้วเอ่ยว่า
"อีกหน่อยเราสองคนคงโทรมเหมือนตาแก่กะยายแก่
โต๊ะนั้นแน่เลย"
สามี มองตามมือภรรยาแล้วตกใจตอบว่า
"นั่น ! นั่น ! มันกระจก"
วิธีควบคุมรถเมื่อ "สุนัข-มอไซค์" ตัดหน้า
สถานการณ์ฉุกเฉิน เกิดขึ้นได้หลายกรณี คนขับรถจะมีทักษะในการควบคุมรถแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญในการขับรถจะต้องสอบสภาพรถก่อนการใช้งานทุกครั้ง จะได้รู้ว่าสภาพรถเราตอนนี้เป็นอย่างไร เมื่อขึ้นรถแล้วต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ทำให้เป็นนิสัย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นจะได้ใช้สมรรถนะของรถได้อย่างเต็มที่
กรณีฉุกเฉิน สัตว์วิ่งตัดหน้ารถ สิ่งที่พิจารณาก่อนการตัดสินใจ คือ ความเร็วที่วิ่งมาในขณะนั้น รวมทั้งสถานการณ์ตอนนั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร เช่น ฝนตก หรืออยู่ในเขตชุมชนหรือไม่ ถ้าวิ่งมาด้วยความเร็วสูง แต่ตรงนั้นไม่มีรถสวน ถนนแห้ง การตัดสินใจ ควรใช้วิธีการเบรก แต่ถ้าชะลอไม่ทันอาจจำเป็นต้องตัดสินใจชนเพื่อไม่ให้รถเสียหลัก
หากวิ่งมาช้าๆ พยายามเลี่ยงโดยการหักหลบ แต่ถ้าบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรพลุกพล่าน อีกเลนหนึ่งมีรถวิ่งสวนมา หรือถนนเปียกลื่น ยิ่งถ้าเป็นช่วงโค้ง แล้วมีสุนัขวิ่งตัดหน้ารถ การตัดสินใจตรงนี้ ไม่ควรเบรก ต้องชนอย่างเดียว มิฉะนั้น ตัวเราเองอาจจะบาดเจ็บหรืออาจเสียชีวิตได้เพราะรถอาจเสียหลักไม่สามารถบังคับรถได้ ถ้ากรณีที่เป็นสัตว์ใหญ่ไม่ควรบีบแตร เพราะการบีบแตรจะทำให้สัตว์ตกใจและอาจจะวิ่งเข้ามาทำอันตรายเราได้
กรณีรถมอเตอร์ไซค์ การระวังตัวไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ควรจะมองกระจกข้างทั้ง ซ้าย ขวา กระจกกลางด้วย เพื่อจะได้รู้ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างๆ หรือไม่ คนขับรถยนต์บนท้องถนนส่วนใหญ่มักมีประสบการณ์กับรถมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างดีเพราะมักจะโดนปาด ทางที่ดีถ้าขับรถอยู่แล้วมีมอเตอร์ไซค์มาต้องระวัง ทางออกที่ดี ควรให้ไปก่อน เพราะเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเดาใจเขา ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ไม่ควรไปเสี่ยง
แต่บางครั้งเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเบรกได้ก็ควรเบรก แต่ต้องดูรอบข้างด้วยว่า เลนข้างๆ มีรถหรือไม่ ถ้าไม่มีเราก็เปลี่ยนเลนออกไป แต่ถ้ามองแล้วมีรถอยู่อีกเลนหนึ่งทำให้เราไม่สามารถเลี่ยงออกไปได้ ก็ต้องพยายามควบคุมรถเพื่อเบรกให้ได้มากที่สุด พร้อมกับบีบแตรส่งสัญญาณเพื่อให้คนขับรถมอเตอร์ไซค์รู้ว่า เราขับรถอยู่ด้านหลังเขา ควรบีบครั้งหรือสองครั้ง แบบสั้นๆ ไม่ควรบีบยาว เพราะถ้ากดแตรยาวอาจจะทำให้ตกใจ ทำอะไรไม่ถูกได้ รถเสียหลักได้
ในขณะที่เบรกต้องชำเลืองดูกระจกหลังด้วยว่า มีรถวิ่งตามมาหรือไม่ในระยะเท่าไร เพราะถ้าเบรกกะทันหัน เพื่อหยุดทันที รถคันหลังอาจจะเบรกไม่ทัน ชนท้ายรถ ทำให้ได้รับบาดเจ็บได้
ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนเลนได้ พยายามอย่าขับออกจากเลนของเรา เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องของกฎหมายด้วย ถ้าเราชนมอเตอร์ไซค์ที่ตัดหน้ารถในเลนเรา เขาผิด แต่ถ้าเราเปลี่ยนเลนเพื่อหลบรถมอเตอร์ไซค์แล้วไปชนกับรถที่อยู่ในเลนนั้น เราจะเป็นคนผิดทันที รวมทั้งความเสียหายอาจจะเกิดขึ้นมากกว่าก็ได้ เพราะรถที่เราชนอาจจะหักหลบไปชนรถอีกคันหนึ่งต่อไปอีกได้
..............
(ที่มา:มติชนรายวัน 10 เมษายน2557)
วันนี้ (28 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นักท่องเน็ตบนโลกออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์คลิปวิดีโอล่าสุดที่มีการโพสต์ลงยูทูป พร้อมกับมีข้อความโพสต์ระบุ โดยกล่าวถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจยศดา
สำหรับคลิปดังกล่าวกลายเป็นประเด็นวิจารณ์ในโลกโซเชียล พร้อมกับมีการแชร์และเกิดคำถามมากมายจากผู้ได้ชมคลิป เช่น ข้อความของผู้ใช้ชื่อ (@Boy Veerayut Ponsetmatargul): เดินอยู่ดีดีบนถนนเยาวราช มีตำรวจมาถามว่าเป็นคนจีนใช่ไหม จะขอตรวจบัตรแถมยังดึงกระเป๋าไม่ให้ไปอีก ผมถามหน่อยครับถ้าผมเป็นคนจีนจริงก็ฟังคุณพูดไม่รู้เรื่องอยู่ดี แล้วมีสิทธิ์อะไรไปกระชากกระเป๋าเค้า แหม่พอหยิบมือถือมาถ่ายพูดจาดีเชียวนะ ผมรู้นะคุณตำรวจว่าคุณต้องการอะไร จะมาหากินแบบผิดๆ บนเครื่องแบบอย่างนี้อ่ะหรอ ตำรวจดีดีอ่ะมีเยอะแต่ตำรวจแบบนี้ผมขอประนาม
อย่างไรก็ตาม นอกจากการวิพากษ์วิจารณ์แล้วก็มีคำถามตามมาว่าอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ในกรณีขอตรวจบัตรชาวต่างชาติเช่นนี้..
การค้นในที่สาธารณะหรือค้นตัวบุคคล
กฎหมายไม่ได้บัญญัติบังคับให้ต้องขอให้ศาลออกหมายค้น ดังนั้น จึงสามารถค้นได้โดยไม่ต้อง
มีหมายค้น แต่การค้นจะต้องกระทำโดยเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเท่านั้น ในเมื่อมีเหตุอัน
ควรสงสัยว่าบุคคลใดมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิดหรือซึ่งได้มาโดย
กระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด
ข การค้นในที่รโหฐาน
ที่รโหฐาน คือ ที่ต่างๆ ซึ่งมิใช่ที่สาธารณสถานอันบุคคลทั่วไปจะเข้าไปได้ เช่น บ้านพักอาศัย, สถานที่
ส่วนบุคคล เป็นต้น สรุปที่รโหฐานคือที่ส่วนตัวสั้นๆ
กฎหมายห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาล ดังนั้น ก่อนทำการค้น เจ้าพนักงาน
ผู้ค้นจะต้องขอให้ศาลออกหมายค้นก่อน ซึ่งเหตุในการขอออกหมายค้น มีดังนี้
(๑) เพื่อพบและยึดสิ่งของซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา
(๒) เพื่อพบและยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด
(๓) เพื่อพบและช่วยบุคคลซึ่งได้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
(๔) เพื่อพบบุคคลซึ่งมีหมายให้จับ
(๕) เพื่อพบและยึดสิ่งของตามคำพิพากษาหรือตามคำสั่งศาล
ขั้นตอนการตรวจค้น พนักงานผู้ค้นต้องแสดงหมาย และความบริสุทธิ์ก่อนลงมือทำการตรวจค้น
การค้นต้องกระทำระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตก ยกเว้น เมื่อลงมือค้นตั้งแต่กลางวันและยังค้นไม่
เสร็จ
เมื่อตรวจค้นเสร็จต้องบันทึกรายละเอียดของการตรวจค้น และสิ่งของที่ค้นได้ต้องทำบัญชี
รายละเอียดไว้ แล้วอ่านบันทึกการตรวจค้นและบัญชีสิ่งของให้ผู้ครอบครองสถานที่หรือผู้ต้องหา
ลงชื่อรับรอง
อย่างไรก็ตาม ในกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน กฎหมายยกเว้นให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือ
ตำรวจสามารถค้นโดยไม่มีหมายค้นได้ ในกรณีดังนี้
(๑) เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในที่รโหฐานหรือมีเสียงหรือพฤติการณ์อื่นใดอันแสดงได้
ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในที่รโหฐานนั้น
(๒) เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้ากำลังกระทำลงในที่รโหฐาน
(๓) เมื่อบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้าขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไปหรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นควร
สงสัยว่าได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้น
(๔) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด
หรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิดหรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิด
ได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้น ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้
สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสียก่อน
(๕) เมื่อที่รโหฐานนั้นผู้จะต้องถูกจับเป็นเจ้าบ้านและการจับนั้นมีหมายจับ.
การที่คนเราจะถูกเจ้าหน้าที่ค้นตัว ไม่ใช่เพราะเหตุจากเรามีหน้าที่ต้องแสดงความบริสุทธิใจ
กฏหมายไม่ได้บัญญัติไว้แบบนั้น ถ้าใครมาขอค้นโดยอ้างว่าเพื่อแสดงความบริสุทธิใจของเรา
จึงไม่ต้องให้ค้น อย่าหลงกล
การค้นต้องมีเหตุมาจากกฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่กระทำการไว้ ตามเงื่อนไขที่กล่าวมา เช่น
" ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลใดมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด
หรือซึ่งได้มาโดยกระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด "
โดยทั่วไปเราเข้าใจกันผิดๆ
นอกจากนั้น กฎหมายระบุไว้ชัดว่า " มีเหตุอันควรสงสัย............" ฉะนั้น ผู้จะถูกค้นท่านต้องถามสวน
ไปเลยว่า ที่จะมาค้นเนี่ย มีเหตุอันควรสงสัยอย่างไรจึงจะมาขอค้น ขอทราบด้วย (มีเทปอัดเสียงไว้)
ต่อไปนี้สำคัญมากที่พาเราเข้าใจผิด อ่านให้ดี
เหตุอันควรสงสัยนี้ มีจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่ต้องรู้ไว้ก็คือ ต้องมีสภาพที่เรียกว่าเป็น ภาวะวิสัย( Objective )
ไม่ใช่อัตตะวิสัย( Subjective)นั่นคือ เหตุดังกล่าวใครๆหรือวิญญูชนได้พบได้เห็นแล้ว ก็ย่อมต้องสงสัยเป็น
ธรรมดา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่สงสัยอยู่คนเดียว ถ้าเป็นไปตามนี้จึงเข้าข่ายตามกฎหมายมีสิทธิขอค้น ถ้าไม่
เป็นไปตามนี้ มั่ว หรือกระทำการน่าสงสัยเสียเองว่าจะเข้ามาขอค้นเพื่ออะไร อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่
โดยมิชอบ
ที่เราเข้าใจผิดกันมากอยู่ตรงนี้
ตรงนี้ถ้ามีการฟ้องร้องประเด็นนี้ เมื่อขึ้นถึงศาลๆ ต้องพิจารณาละว่า ที่ไปขอค้นนะ มีเหตุอันควรสงสัยอย่างไร ถ้าเจ้าหน้าที่
คนนั้นตอบศาลให้หายสงสัยไม่ได้ หรือศาลฟังแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุหรือไม่ใช่เหตุอันควรสงสัย คราว
นี้ละน่าดูชม
อ้อ ที่กล่าวกันว่าหน้าตาให้จึงขอค้นเนี่ย ไม่เชื่อว่าจะเป็นเหตุสงสัยอันควรนะ ศาลคงไม่ฟัง อนึ่ง ถ้าค้น
แล้วไม่เจออะไรนี่ยิ่งหนัก ถ้าปรากฏว่าไม่มีเหตุอันควรสงสัย และขอค้นๆแล้วไม่พบอะไรด้วย เจ้าหน้าที่ๆค้น
ดวงตกแล้ว (ความจริงดวงตกตั้งแต่ ไม่มีเหตุ หรือไม่ใช่เหตุอันควรสงสัยแล้ว เพราะไม่เข้าองค์ประกอบที่จะ
สามารถค้นได้)
จะเห็นได้ว่า การที่เจ้าหน้าที่จะค้นเราได้กฎหมายเขาทำไว้รอบคอบแล้ว ผูกเงื่อนไขเป็นนัยยะ
ให้ค้นยากแล้ว แต่เราเข้าไม่ถึงจุดที่เขาผูกเงื่อนไขไว้เอง และยังมักเข้าใจผิดเองว่าเพื่อแสดง
ความบริสุทธิใจบ้าง เขามีอำนาจค้นแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆบ้าง มันจึงไปกันใหญ่
"กลุ่มผู้บริหารมติชน อยู่ตรงข้ามรัฐบาลเผด็จการมาโดยตลอด สาเหตุที่คนให้ความเชื่อถือเพราะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เคยเรียกร้องให้ทหารปฏิวัติ มีแต่ต่อต้านรัฐประหาร ทำอย่างนี้มาตลอด ตอนยุคถนอม ประภาส ก่อน 14 ตุลา เรายืนอยู่ข้างประชาธิปัตย์ เขาคือฮีโร่ของเรา
ฉะนั้น ก็คิดเอาเองแล้วกันว่าเหตุการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร มันกลับตาลปัตร เขารู้กันทั้งโลก
ใครบอกมติชนเปลี่ยนไป?
กูยืนอยู่ที่เดิม อยู่ข้างประชาธิปไตย ไม่ต้องมาสงสัย เดี๋ยวให้ศิวลึงค์"
สุจิตต์ วงษ์เทศ
27 เมย. 57
หลักคำภาษาไทยที่ควรทราบ
เมีย เป็นคำนาม
เมียโกรธ เป็นกิริยา
เมียรู้ทัน เป็นกรรม
เมียไม่ให้ เป็นคำปฎิเสธ
เมียไม่อยู่ เป็นคำวิเศษ
เมียจ๋า เป็นคำเชื่อม
เฮ้ย!!!เมียมา เป็นคำอุทาน.....
เมียไม่สวย เป็นคำหยาบ
เมียสวย เป็นคำโบราณเมื่อนานมา
เมียน้อย เป็นคำครหา
เมียห่วง เป็นคำลวง
เมียหลวง เป็นคำราชาศัพท์
เมียเพื่อนร่วมงาน เป็นคำแก้ตัว
เมียจับได้ เป็นทั้งคำตายและคำอำลา.....
หลักภาษาไทย
อักขระวิธี ได้แก่ อักษร แปลว่า ตัวหนังสือ
ลักษณะอักษร
เสียงในภาษาไทย มีอยู่ 3 อย่าง คือ
1. เสียงแท้ ได้แก่ สระ
2. เสียงแปร ได้แก่ พยัญชนะ
3. เสียงดนตรี ได้แก่ วรรณยุกต์
สระ
สระในภาษาไทย ประกอบด้วยรูปสระ 21 รูป และเสียงสระ 32 เสียง
พยัญชนะ
รูปพยัญชนะ มี 44 ตัว คือ
1. อักษรสูง มี 11 ตัว คือ ข ข ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
2. อักษรกลาง มี 9 ตัว ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
3. อักษรต่ำ มี 24 ตัว คือ
3.1 อักษรคู่ คืออักษรต่ำที่เป็นคู่กับอักษรสูง มี 14 ตัว คือ ค ค ฆ ช ฌ ซ ฑ ฒ ท ธ พ ภ ฟ ฮ
3.2 อักษรเดี่ยว คืออักษรต่ำที่ไม่มีอักษรสูงเป็นคู่กัน มี 10 ตัว คือ ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ
วรรณยุกต์
วรรณยุกต์ มี 4 รูป ได้แก่
1. ไม้เอก
2. ไม้โท
3. ไม้ตรี
4. ไม้จัตวา
เสียงวรรณยุกต์ที่ใช้อยู่ในภาษาไทย มี 5 เสียง
1. เสียงสามัญ คือเสียงกลาง ๆ เช่น กา มา ทา เป็น ชน
2. เสียงเอก ก่า ข่า ป่า ดึก จมูก ตก หมด
3. เสียงโท เช่น ก้า ค่า ลาก พราก กลิ้ง สร้าง
4. เสียงตรี เช่น ก๊า ค้า ม้า ช้าง โน้ต มด
5. เสียงจัตวา เช่น ก๋า ขา หมา หลิว สวย หาม ปิ๋ว จิ๋ว
คำเป็นคำตาย
คำเป็น คือ คือเสียงที่ประสมทีฆสระ (สระเสียงยาว) ในแม่ ก กา เช่น กา กี กื กู
คำตาย คือ คือเสียงที่ประสมรัสสระ (สระเสียงสั้น) ในแม่ ก กา เช่น กะ กิ กุ
คำสนธิ คือ การต่อคำตั้งแต่สองคำขึ้นไปให้ติดเนื่องกัน โดยมีการเพิ่มสระในแทรกระหว่างคำหรือเพิ่มคำเพื่อติดต่อกันให้สนิท เช่น
ปิตุ + อิศ เป็น ปิตุเรศ
ธนู + อาคม เป็น ธันวาคม
มหา + อิสี เป็น มเหสี
คำสมาส คือ การนำคำประสมตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปให้เป็นคำเดียวคำที่ใช้นำมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต เมื่อรวมกันแล้วความหมายเปลี่ยนไปก็มี, ความหมายคงเดิมก็มี เช่น
ราช + โอรส เป็น ราชโอรส
สุธา + รส เป็น สุธารส
คช + สาร เป็น คชสาร
คำเป็น คือ พยางค์ทีประสมกับสระเสียงยาวในแม่ ก กา และพยางค์ที่มีตันสะกดใน แม่ กน กง กม เกย และสระ อำ ไอ ใอ เอา
คำตาย คือ พยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก กา กก กด กบ แต่ยกเว้นสระ อำ ไอ ใอ เอา
อักษรควบ คือพยัญชนะ 2 ตัว ควบกล้ำอยู่ในสระตัวเดียวกัน เช่น เพลา เขมา
อักษรควบแท้ คือคำที่ควบกับ ร ล ว เช่น ควาย ไล่ ขวิด ข้าง ขวา คว้า ขวาน มา ไล่ ขว้าง ควาย ไป
ควาย ขวาง วิ่ง วน ขวักไขว่ กวัดแกว่ง ขวาน ไล่ ล้ม คว่ำ ขวาง ควาย.
อักษรควบไม่แท้ คือ อักษร 2 ตัวที่ควบกล้ำกันได้แก่ตัว ร แต่ออกเสียงเฉพาะตัวหน้าแต่ไม่ออกเสียง ร หรือบางตัวออกเสียงเปลี่ยนไปเป็นพยัญชนะอื่น
เช่น เศร้า ทราย จริง ไซร้ ปราศรัย สร้อย เสร็จ เสริม ทรง สร้าง สระ
อักษรนำ คือ พยัญชนะ 2 ตัวรวมอยู่ในสระเดียวกัน บางคำออก
เสียงร่วมกันเช่น หนู หนอ หมอ หมี อย่า อยู่ อย่าง อยาก หรือบางคำออกเสียงเหมือน 2 พยางค์ เนื่องจากต้องออกเสียงพยัญชนะตัวหน้ารวมกับตัวหลัง แต่พยัญชนะ 2 ตัว นั้นประสมกันไม่สนิทจึงฟังดูคล้ายกับมีเสียงสระอะ ดังออกมาแผ่ว ๆ เช่น
กนก ขนม จรัส ไสว ฉมวก แถลง ฝรั่ง ผนวก
คำมูล คือ คำที่เราตั้งขึ้นเฉพาะคำเดียว เช่น ชน ตัก คน วัด หัด ขึ้น ขัด
คำประสม คือ การนำคำมูลมาประสมกันเป็นอีกคำหนึ่ง เช่น
แม่ + น้ำ = แม่น้ำ แปลว่า ทางน้ำไหล
หาง + เสือ = หางเสือ แปลว่า ที่บังคับเรือ
ลูก + น้ำ = ลูกน้ำ
พยางค์ คือ ส่วนหนึ่งของคำหรือหน่วยเสียงประกอบด้วยสระตัวเดียวจะมีความหมายหรือไม่มีก็ได้ พยางค์หนึ่งมีส่วนประสมต่าง ๆ คือ
1. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ เช่น ตา ดี ไป นา
2. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ + ตัวสะกด เช่น คน กิน ข้าว หรือพยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ + ตัวการันต์ เช่น โลห์ เล่ห์
3. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ + ตัวสะกด + ตัวการันต์ เช่น รักษ์ สิทธิ์ โรจน์
พยางค์แบบนี้เรียกว่า ประสม 5 ส่วน
วลี คือ กลุ่มคำที่เรียงติดต่อกันอย่างมีระเบียบ และมีความหมายเป็นที่รู้กัน เช่น
การเรียนหลักภาษาไทยมีประโยชน์มาก
ประโยค คือ กลุ่มคำที่นำมาเรียงเข้าด้วยกันแล้วมีใจความสมบูรณ์ เช่น
1. ประโยค 2 ส่วน ประธาน + กริยา
นก บิน
2. ประโยค 3 ส่วน ประธาน + กริยา + กรรม
ปลา กิน มด
การสะกดคำ การเขียนคำ
เป็นข้อสอบที่ออกสอบทุกครั้งและออกสอบหลายข้อ ผู้สอบส่วนมากถ้าไม่เก่งภาษาไทยจริง ๆ มักเขียนผิดเสมอ ๆ เพราะไม่มีแนวหรือหลักในการจำ ยิ่งถ้าเจอคำหลายคำในตัวเลือกเดียวยิ่งลำบาก พาลจะกาข้อสอบมั่วให้เสร็จ เป็นอันตรายสำหรับการสอบแข่งขัน ต่อไปนี้เป็นแนวทางที่จะช่วยจำและทำแบบทดสอบในสาระการสะกดและเขียนคำได้ (ควรท่องให้จำอย่างยิ่ง รับรองหน้านี้ มีข้อสอบไม่ต่ำกว่า 10 ข้อ
ข้อความต่อไปนี้ คัดมาจาก หนังสือ หลักภาษาไทย ของ อาจารย์ กำชัย ทองหล่อ ด้วยความเคารพยิ่ง
ก่อนอ่าน ก่อนจำ ก่อนสอบ หากจะระลึกถึงพระคุณของ อาจารย์กำชัย ทองหล่อ ด้วยก็จะช่วยให้เรามั่นใจในการทำข้อสอบมากยิ่งขึ้น
พยางค์ที่ออกเสียงสระ ออ ได้แก่ (นิรันดร จรลี ทรชน นรสิงห์ วรลักษณ์ หรดี บริวาร)
พยางค์ที่ออกเสียง อำ ได้แก่ (อมฤต อำมฤต อมหิต อมรินทร์)
พยางค์ที่ออกเสียง ใอ (ไม้ม้วน) นอกเหนือจาก 20 คำนี้ให้ใช้ สระ ไอ (ไม้มลาย)
1. ใช้สระไอ ไม้ม้วน มี 20 คำ คือ
(ใกล้ ใคร ใคร่ ใจ ใช่ ใช้ ใด ใต้ ใน ใบ ใบ้ ใฝ่ สะใภ้ ใส ใส่ ให้ ใหญ่ ใหม่ ใหล)
คำที่มี ญ สะกด มี 46 คำ คือ
ลำเค็ญครวญเข็ญใจ ควาญช้างไปหานงคราญ
เชิญขวัญเพ็ญสำราญ ผลาญรำคาญลาญระทม
เผอิญเผชิญหาญ เหรียญรำบาญอัญขยม
รบราญสราญชม ดอกอัญชันอัญเชิญเทอญ
ประจญประจัญบาน ผจญการกิจบังเอิญ
สำคัญหมั่นเจริญ ถือกุญแจรัญจวนใจ
รามัญมอญจำเริญ เขาสรรเสริญไม่จัญไร
ชำนาญชาญเกรียงไกร เร่งผจัญตามบัญชา
จรูญบำเพ็ญยิ่ง บำนาญสิ่งสะคราญตา
ประมวญชวนกันมา สูบกัญชาไม่ดีเลย.
การเขียน บัน และ บรร
คำไทยที่ใช้ บัน นำหน้า คำไทยที่ปรากฏนอกจากกลอนบทนี้นี้ให้ใช้ บรร
บันดาลลงบันได บันทึกให้ดูจงดี
รื่นเริงบันเทิงมี เสียงบันลือสนั่นดัง
บันโดย บันโหยให้ บันเหินไปจากรวงรัง
บันทึงถึงความหลัง บันเดินนั่งนอนบันดล
บันกวดเอาลวดรัด บันจวบจัดตกแต่งตน
คำ บัน นั้น ฉงน ระวังปน กับ ร - หัน.
ตัว ทร ที่ ออกเสียง ซ มีใช้อยู่ 17 คำ
ทรวดทรงทราบทรามทราย ทรุดโทรมหมายนกอินทรี
มัทรี อินทรีย์มี เทริด นนทรี พุทราเพรา
ทรวงไทรทรัพย์แทรกวัด โทรมนัสฉะเชิงเทรา
ตัว ทร เหล่านี้เรา ออกสำเนียงเป็นเสียง ซ
คำไทยที่ใช้ จ สะกด
ตำรวจตรวจคนเท็จ เสร็จสำเร็จระเห็จไป
สมเด็จเสด็จไหน ตรวจตราไวดุจนายงาน
อำนาจอาจบำเหน็จ จรวดระเห็จเผด็จการ
ฉกาจรังเกียจวาน คนเกียจคร้านไม่สู้ดี
แก้วเก็จทำเก่งกาจ ประดุจชาติทรพี
โสรจสรงลงวารี กำเหน็จนี้ใช้ตัว จ.
คำที่ใช้ ช สะกด มีอยู่คำเดียว คือ กริช
คำที่ใช้ ร สะกด
กำธร จรรโจษ จรรโลง สรรเสริญ อรชร พรรลาย พรรเอิญ ควร ประยูร ระเมียร ละคร พรรดึก
คำไทยที่ใช้ ตัว ล สะกด เช่น
ตำบลยุบลสรวล ยลสำรวลนวลกำนัล
บันดาลในบันดล ค่ากำนลของกำนัล
ระบิลกบิลแบบ กลทางแคบเข้าเคียมคัล
ดลใจให้รางวัล ปีขาลบันเดินเมิลมอง.
คำไทยที่ใช้ ส สะกด เช่น จรัส จรส จำรัส ดำรัส ตรัส ตรัสรู้
คำไทยที่ใช้ ง สะกด ต่อไปนี้ไม่ต้องมี ค การันต์ (คำพวกนี้มักเขียนผิดบ่อย ๆ )
จำนง ชงโค ดำรง ธำรง ประมง ประโมง พะทำมะรง พะอง สะอาง สำอาง
การอ่านออกเสียง
ตัวอย่างการอ่านออกเสียง
กรณี = กะ - ระ - นี, กอ - ระ- นี
ปรปักษ์ = ปะ - ระ - ปัก, ปอ - ระ ปัก
กรกฎ = กอ - ระ - กด
ธรณี = ทอ - ระ - นี
มรณา = มอ - ระ - นา
คำที่มีตัวสะกดเป็นพยัญชนะวรรค และมีพยัญชนะที่ตัวตามซึ่งเรียกว่าตัวตามเป็นพยัญชนะวรรคด้วย หรือ เป็น ศ ษ ส มักไม่ต้องออกเสียง อะ ตามหลังตัวสะกด เช่น
อัปสร = อับ - สอน
สัปดาห์ = สับ - ดา
ถ้าตัวสะกด เป็น ย ร ล ว ศ ษ ส ให้ออกเสียง อะ ตาม หลัง เป็นเสียง อะ ไม่เต็ม เสียง เช่น
ไอยรา = ไอ - ยะ - รา
มารยาท = มา - ร - ยาด
กัลปาวสาน = กัน - ละ ปา - วะ - สาน
ศุลกากร = สุน - ละ - กา - กอน
บุษบา = บุด - สะ - บา
ศิษยานุศิษย์ = สิด - สะ - ยา - นุ - สิด
พิสดาร = พิด - สะ - ดาน
ทฤษฎ๊ = ทริด - สะ - ดี
แพศยา = แพด - สะ - หยา
ขนิษฐา = ขะ - นิด - ถา
สันนิษฐาน = สัน - นิด - ถาน
อธิษฐาน = อะ - ทิด - ถาน
คำที่มาจากภาษาบาลีบางคำ ก็ออกเสียง อะ ตามหลังตัวสะกด เป็นเสียงไม่เต็มมาตรา เช่น
ลัคนา = ลัก - ขะ - นา
อัคนี = อัก - คะ - นี
อาตมา = อาด - ตะ - มา
อาชยา = อาด - ชะ - ยา
ปรัชญา = ปรัด - ชะ - ยา
คำสมาส
คำสมาส คือคำที่มาจากบาลีสันสกฤต ตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป รวมกันเกิดเป็นคำใหม่ มีความหมายเนื่องกับคำเดิม เช่น
ราชการ (ราช + การ) = ราด - ชะ - กาน
จุลสาร (จุล + สาร) = จุล - ละ - สาน
สารคดี (สาร - คดี) = สา - ระ - คะ - ดี
ชาติภูมิ (ชาติ + ภูมิ) = ชาด - ติ พูม
มีคำสมาส บางคำไม่นิยม อ่านออกเสียงสระต่อเนื่องกัน เช่น
ธนบุรี = ทน - บุ - รี
สมุทรปราการ = สมุด - ปรา - กาน
ธาตุวิเคราะห์ = ทาด - วิ - เคราะ
คำสมาส ที่ออกเสียงได้ ทั้ง 2 อย่าง เช่น
เกตุมาลา = เกด - มา - ลา, เกด - ตุ - มา - ลา
ราชบุรี = ราด - บุ - รี , ราด - ชะ - บุ - รี
ประถมศึกษา = ประ - สึก - สา , ประ - มะ - สึก - สา
เพชรบุรี = เพ็ด - บุ - รี , เพ็ด - ชะ - บุ - รี
บางคำไม่ใช่คำสมาส แต่นิยมออกเสียงอย่างคำสมาส เช่น
เมรุมาศ = เม - รุ - มาด
มูลค่า = มูล - ละ - ค่า
คุณค่า = คุน - นะ - ค่า
ทุนทรัพย์ = ทุน - นะ - ซับ
พลเรือน = พน - ละ - เรือน
อ่านอย่างไร เขียนอย่างไร
คำ - วิธีเขียน วิธีอ่าน 1 วิธีอ่าน 2 ความหมาย
เกษตรศาสตร์ กะ - เสด - ตระ - สาด - วิชาว่าด้วยเกษตรกรรม
เกษียน กะ - เสียน - ข้อความที่เขียนแทรก
เกษียณ กะ - เสียน - เกษียณอายุราชการ
เกียรติประวัติ เกียด - ติ - ประ - หวัด เกียด - ประวัติ -
ขยุกขยิก ขะ - หยุก - ขะ - หยิก - ไม่อยู่นิ่ง ๆ
คมนาคม คะ - มะ - นา - คม คม - มะ - นา - คม
คฤหัสถ์ คะ - รึ - หัด - ผู้ครองเรือน
คฤหาสน์ คะ- รึ - หาด - เรือนอันสง่าผ่าเผย
ยืนเป็นเพื่อนครู มี อยู่วันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันที่นักเรียนเบื่อมากเพราะนักเรียนมาเรียนกันน้อย... พอดีชั่วโมงนั้นเป็นวิชาแนะแนว ครูเลยถามนักเรียนว่า
"ใครคิดว่าตัวเองโง่ ให้ยืนขึ้น" ครูก็ลองถามไปหยั่งงั้น เพราะรู้ว่าจะต้องไม่มีใครลุกอยู่แล้ว
มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งยืนขึ้น ครูแปลกใจมากจึงถามว่า
"เธอคิดว่าตัวเองโง่เหรอ" ครูถาม
"เปล่าครับ" นักเรียนบอก แล้วพูดว่า
"ผมสงสารครูครับ ผมยืนเป็นเพื่อนครูเฉยๆ"...
...คุณหญิงไปเดินซื้อของที่สวน จตุจักร. ไปเจอนกขุนทองตัวหนึ่งพูดเก่งมาก นึกชอบ จึงถามกับคนขาย
คุณหญิง : ให้นกตัวนี้พูดทำอย่างไร
คนขาย : กระตุกเชือกที่ผูกขาขวา มันจะพูด ชมคุณหญิง เช่น คุณหญิงคนสวย ถ้ากระตุกขาซ้ายมันจะช่วย ด่าคนใช้ คนข้างบ้านให้
คุณหญิงฟังแล้วหัวเราะชอบใจในความแสนรู้ของนกขุนทอง จึงถามต่ออีกว่า
คุณหญิง : ถ้ากระตุกเชือกทีเดียว 2 ขา ล่ะค่ะจะพูดอย่างไง
เจ้าของร้านยังไม่ทันตอบ
เจ้านกขุนทอง รีบตอบว่า : กูก็หงายท้องซิอียายป้า..!!!....
ยึดคืนพื้นที่ได้ แต่ของหาย
................................
แม้ว่าวันนี้ 4 พ.ค.57 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อส. จะขอคืนพื้นที่ กระทรวงมหาดไทย ได้ แต่เมื่อ จนท.เข้าไปตรวจสอบ ก็ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอย่างยิ่ง เพราะ
ยึดคืนพื้นที่ได้แล้ว แต่
1) งาช้าง ของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงพระราชทานไว้ หายไป
2) ของมีค่าสมัยโบราณ สูญหาย ถูกขโมย
3) เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวนมาก
4) เหรียญที่ระลึกของกระทรวง ที่เก็บไว้นับร้อยปี จำนวนมาก หายหมด
5) เครื่องมือสื่อสาร
6) อาวุธปืนลูกซองของ อปพร. หายเกลี้ยง
7) ทำลายทรัพย์สินมีค่าของทางราชการ จำนวนมาก
ไอ้พวกเวร กปปส. คือ โจรใบกระท่อม ขี้ข้าสุเทพ ส่วนใหญ่มาจากใต้ พวกมันทำลายสมบัติของชาติ
ขอพวกเราจดจำการกระทำของมัน
จำหน้าพวกมันไว้ หมดม็อบเมื่อไหร่
ระวังตัวได้เลย...