โอบามาลั่นกลองรบในเอเซีย
โอบามาจะมาเอเซียพรุ่งนี้เป็นเวลา 8วัน เริ่มต้นด้วยญี่ปุ่น เกาหลี มาเลย์เซีย ก่อนไปปิดท้ายทัวร์เอเซียที่ฟิลิปปินส์
ถามว่ามาทำไม?
มองในภาพรวม การมาเยือนเอเซียของประธานาธิบดีโอบามาช่วงอาทิตย์นี้มีความสำคัญอย่าง ยิ่งยวด เพราะว่าถือว่าเป็นการลั่นกลองรบแล้วโอบามาต้องการสำรวจทีท่า หรือดูความพร้อมของพวกประเทศพันธมิตรหรือบริวารประเทศอันได้แก่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ว่า ยังคงอยู่กับร่องกับรอยดีอยู่หรือเปล่าในการเตรียมการศึกข้างหน้า เพราะว่าคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วที่จะต้องมีสงครามมหาเอเซียบูรพา โดยมีจีนเป็นศัตรูหรือเป้าหลัก สหรัฐฯฉลาดพอที่จะไม่รบกับจีนเดี่ยวๆ ต้องดึงบริวารโง่ๆเข้าร่วมสงคราม ให้เสียสละส่งทหารไปรบกับจีนและตายแทนทหารสหรัฐฯก่อน จะได้เบาแรงสหรัฐฯ
สหรัฐฯกำลังเปิดศึก2ด้าน คือจะเผชิญหน้ากับจีนในภูมิภาคเอเซียนี้ และจะสู้กับรัสเซียในยูเครนและยุโรปตะวันออก เพื่อที่จะปกป้องความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯ และรักษาระบบเปโตรดอลล่าร์ ความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯ รวมทั้งเงินดอลลาร์ที่เป็นเงินสกุลหลักของโลกกำลังถูกรัสเซีย จีน และประเทศBRICSท้าทาย ทำให้สถานการณ์การเมืองโลกตรึงเครียดมากขึ้น จนเข้าสู่โหมดของสงครามการเงิน สงครามเศรษฐกิจ (การแซงชั่น การกีดกันการค้า) และสงครามโลกครั้งที่ 3ในที่สุด รัสเซีย จีนและกลุ่มBRICSกำลังจับมือกันทิ้งดอลล่าร์ ถ้าทำสำเร็จ สหรัฐฯจะไม่สามารถรักษาความเป็นมหาอำนาจได้ เพราะว่าไม่มีทุนมาหนุนอำนาจทางการเมืองและทางทหาร
เป็นที่ทราบกันดีว่า สหรัฐฯถังแตกแล้วและมีหนี้มากจนไม่อาจจะจ่ายหนี้ได้ หนี้ในบัญชีอยู่ที่$18ล้านล้าน หนี้นอกบัญชี$80-$100ล้านล้าน ต้องพิมพ์เงินประคองระบบการเงินอยู่ยามนี้ สงครามจึงเป็นทางออกของการล้างหนี้ และเริ่มระบบการเงินโลกใหม่ ถ้าสหรัฐฯชนะสงครามก็จะเป็นผู้เขียนระเบียบโลกใหม่ เหมือนกับที่สหรัฐฯได้เขียนระเบียบโลกปัจจุบันที่เรากำลังใช้กันอยู่หลังจาก ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2
ในสถานการณ์ปัจจุบัน สหรัฐฯจะไม่สามารถจะปกป้องเงินดอลลาร์ไปได้อีกนาน เงินดอลลาร์อาจจะต้องกลายเป็นเงินกงเต็กภายในระยะเวลาที่เหลือของการดำรง ตำแหน่งประธานาธิบดีของโอบามา นักวิเคราะห์การเงินหลายคนได้ออกมาเตือนแล้วว่าวิกฤติดอลลาร์หรือวิกฤติการการเงินอาจจะเกิดภายใน3ปีข้างหน้า และถ้ามันเกิด US Federal Reserve หรือธนาคารกลางของสหรัฐฯจะไม่มีกระสุนเพียงพอที่จะอุ้มดอลลาร์ หรือระบบการเงินโลกที่มีดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก เพราะว่าในวิกฤติ2008จนถึงปัจจุบัน Fedได้ใช้เงินไปแล้ว$3.5ล้านล้านในการอุ้มระบบการเงิน ถ้าต้องใช้เงินอุ้มอีก$3-$4ล้านล้าน Fedจะไม่มีกระสุนเพียงพอที่จะทำได้ เพราะในงบดุลของเฟด สัดส่วนหนี้ต่อทุนจะเพิ่มจากระดับปัจจุบันที 80:1 เป็น 200:1 ซึ่งถือว่าล้มละลายทางบัญชีไปแล้ว ต้องปิดแท่นพิมพ์ หันไปขายฮอทดอกแทน
โอบามาจะพยายามช่วงชิงความได้เปรียบผ่านบริวารประเทศในการเผชิญหน้ากับจีน ในขณะที่สถานการณ์ภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาคนี้มีความตรึงเครียดมากยิ่ง ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความขัดแย้งเรื่องดินแดนระหว่างจีนและญี่ปุ่นในเอเซียเหนือ และระหว่างจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนในทะเลจีนใต้ สหรัฐฯคอยเสี้ยมอยู่ข้างหลังในความขัดแย้งในภูมิภาคนี้เป็นเวลาช้านานแล้ว
โอบามาได้ประกาศนโยบาย Asia Pivot ซึ่งหมายความว่า สหรัฐฯจะกลับมาให้ความสำคัญในภูมิภาคเอเซียมากขึ้น และจะขอประกาศศักดาความเป็นจ้าวแห่งแปซิฟิค ด้วยแผนการเพิ่มกำลังทางทหารเข้ามาในภูมิภาคนี้ พูดกันง่ายๆ สหรัฐฯเตรียมรบจีนโดยมีบริวารประเทศในเอเซียเป็นพันธมิตร โดยมีความเป็นมหาอำนาจโลกเป็นเดิมพัน
โอบามาลั่นกลองรบในเอเซีย
ประธานาธิบดีโอบามาเลือกประเทศพันธมิตรอย่างพิถีพิถันในการเยือนเอเซียครั้ง ที่4ของเขาเพื่อลั่นกลองรบ คือจะเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ตามมาด้วย เกาหลีใต้ มาเลย์เซีย ก่อนจะสิ้นสุดทัวร์เอเซียที่ฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศไทยไม่ได้อยู่ในหมายกำหนดการ เพราะว่าโอบามาไม่น่าอยากจะเจอปูนิ่ม เพราะเห็นว่าคนไทยเบื่อปูนิ่มจะตายกันหมดทั้งประเทศแล้ว อีกประการหนึ่งโอบามาอาจจะกลัวปูนิ่มพูดว่า “I overcome you.” ทำให้อาจจะวางมาดความเป็นผู้นำหมายเลขสองของโลกไม่ถูก
ยังไม่ทันที่โอบามาจะมาเยือนเอเซีย ญี่ปุ่นก็เล่นบทโหมโรงด้วยการส่งนายKeiji Furuya หนึ่งในคณะรัฐมนตรีไปเยือนศาลยาซูกูมิ ซึ่งเป็นที่บูชาอาชญากรสงครามในสายตาคนเอเซียที่เคยถูกญี่ปุ่นรุกราน แต่เป็นฮีโร่สำหรับรัฐบาลญี่ปุ่น และในขณะเดียวกัน ทางทหารญี่ปุ่นได้มีการติดตั้งสถานีเรดาร์ทางทหารที่เกาะทางใต้ ใกล้กับเกาะไต้หวัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การขยายตัวทางทหารของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ40ปี
พูดง่ายๆว่าทั้ง2เรื่องเป็นการกวนใจจีนเล่นๆ
สหรัฐฯมีฐานทัพและทหารประจำการที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และกำลังรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางทหารกับฟิลิปปินส์ที่สหรัฐฯเคยทีฐานทัพอยู่ ส่วนความสัมพันธ์ทางทหารกับมาเลเซียกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
นอกจากนี้ โอบามาต้องการให้ประเทศเหล่านี้อยู่ในเขตการค้าเสรี Trans Pacific Partnership (TPP) โดยที่เป้าหมายก็เพื่อที่จะรักษาdollar regime หรือการใช้ดอลลาร์ในการแลกเปลี่ยนกันทางการค้า หรือธุรกรรมทางการเงินต่อไปในเขตการค้านี้ ที่ต้องการกีดกันบทบาทของจีนและของเงินหยวน ญี่ปุ่นและมาเลเซียอยู่ในTPP ส่วนเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์แสดงเจตจำนงอยากจะเข้าร่วมเขตการค้าเสรีนี้
ในทางความมั่นคง ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีปัญหากับเกาหลีเหนือ ซึ่งมีจีนหนุนอยู่อย่างลับๆ ญี่ปุ่นและจีนไม่ถูกกันมาก โอกาสทำสงครามกันมีสูง ฟิลิปปินส์มีปัญหากับจีนมากเรื่องข้องพิพาทหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ส่วนมาเลย์เพิ่งจะมีปัญหากับจีนจากกรณีเที่ยวบิน MH370 ที่ล่องหนหายตัวได้ เพราะว่าในเครื่องบินลำนั้นมีผู้โดยสารที่เป็นชาวจีนเป็นส่วนมากที่หาย สาบสูญไปด้วย รวมทั้งนักไอทีจีน ข้อมูลลับทางไอที รวมทั้งสินค้าลับของจีนที่อยู่ในคาร์โก้เครื่องบินที่อันตรธานหายไปด้วย
ถ้ามองให้ลึกลงไปจะเห็นได้ว่า ทั้งสหรัฐฯและทุกประเทศในเอเซียที่อยู่ในหมายกำหนดการเยือนของโอวามาต่าง ประสบกับเหตุร้ายที่เลวร้ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเอง
สหรัฐฯเจอเหตุการณ์ 911 เมื่อปี2001 ตึกWorld Tradeโดนถล่มอันนำไปสู่สงครามอิรัค อัฟกัน และตะวันออกกลาง
ญี่ปุ่นเจอ 311 หรือสึนามิ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูซิม่าที่โดนถล่ม ทำให้ญี่ปุ่นอ่อนแอทางเศรษฐกิจและการเงินหนักลงไปอีก เนื่องจากวิกฤติพลังงาน
เกาหลีใต้เพิ่งจะเจอเหตุร้ายเรือเฟอร์รี่Sewolล่มที่ทางตอนใต้ของประเทศใน วันที่15เมษายนที่ผ่านมา เป็นโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ เพราะว่านักเรียนมัธยมหลายร้อยคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
มาเลเซียเจอเหตุร้ายMH370ล่องหนตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาจากการถูกไฮแจ๊ค จนทุกวันนี้ยังไม่รู้สาเหตุว่าหายไปได้อย่างไร เครื่องบินตกที่ไหน กำลังควาญหา กล่องดำอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งน่าจะคว้าน้ำเหลว
ส่วนฟิลิปปินส์เจอพายุไต้ฝุ่นคร่าชีวิตประชาชนไปนับหมื่นคนเมื่อปีที่แล้ว นับว่าเป็นโศกนาฏกรรมภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุด
ต้องดูกันว่าหลังเหตุร้ายที่ไม่คาดฝัน จะนำไปสู่สงครามหรือไม่ ตามอย่าง 911
GooIndy.com “โดยส่วนตัวแล้ว เหตุการณ์ที่แต่ละประเทศที่ได้ถูกกล่าวถึงด้านบนนั้น มันไม่ใช่เหตุบังเอิญ พิบัติภัยต่างๆ มนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาได้
"โอบามา"เริ่มเยือนเอเชียวันนี้ นาน 8 วัน ประเดิมด้วยญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ก่อนจะปิดท้ายที่ฟิลิปปินส์ เพื่อสานต่อนโยบายต่างประเทศ
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เริ่มเยือนเอเชียวันนี้ นาน 8 วัน ประเดิมด้วยญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ก่อนจะปิดท้ายที่ฟิลิปปินส์ เพื่อสานต่อนโยบายต่างประเทศ ที่มุ่งเน้นการถ่วงดุลอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และนับเป็นการเยือนเอเชียครั้งที่ 5 แล้ว นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง
หากมองภาพรวมแล้ว การมาเยือนเอเชียของผู้นำสหรัฐ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะถือเป็นการลั่นกลองรบเพื่อสำรวจท่าที หรือดูความพร้อมของพวกประเทศพันธมิตร อันได้แก่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ว่า ยังคงอยู่กับร่องกับรอยดีอยู่หรือไม่ ท่ามกลางภาวะที่จีน พยายามแผ่ขยายอิทธิพลบดบังสหรัฐไปเรื่อยๆ การมาเอเชียครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐน่าจะพูดเรื่องการถอนทหาร ทรัพยากรมนุษย์และเศรษฐกิจออกจากสมรภูมิในตะวันออกกลาง เพื่อย้ายไปประจำการในเอเชียแทน ขณะนักวิเคราะห์มองการเดินทางในครั้งนี้ว่า เป็นการชดเชยที่นายโอบามา ต้องยกเลิกการเข้าร่วมประชุมสุดยอดที่สำคัญ ทั้งที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และบรูไน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
จากปัญหาขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ ที่นำไปสู่วิกฤติการปิดหน่วยงานของรัฐบาล นายโอบามามีกำหนดจะเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ในวันนี้ หารือเรื่องข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจในภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี ที่บรรดานักวิเคราะห์การเมืองมองว่า เป็นข้อตกลงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการเกษตร และผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐ และอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐด้วย แม้ว่าผู้นำสหรัฐมีเป้าหมายกลับเข้ามาถ่วงดุลอำนาจ และกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในเอเชียซึ่งหวังจะให้สหรัฐเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับจีน แต่เขาก็จะต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้สร้างความระคายเคืองกับจีนเช่นกัน และยังต้องพยายามคลี่คลายปัญหาข้อพิพาทระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญด้วย
บทวิเคราะห์จากหนังสือพิมพ์โคเรีย เฮรัลด์ ระบุว่า สหรัฐ กำลังเปิดศึก 2 ด้าน คือเผชิญหน้ากับจีนในภูมิภาคเอเชีย และจะสู้กับรัสเซียในยูเครน และยุโรปตะวันออก เพื่อปกป้องความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐ รวมทั้งปกป้องเงินดอลลาร์ เงินสกุลหลักของโลก ที่กำลังถูกประเทศกลุ่มบริคส์ รวมถึง รัสเซีย และจีนท้าทาย ทำให้สถานการณ์การเมืองโลกตึงเครียดมากขึ้น สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทำให้โอบามา พยายามช่วงชิงความได้เปรียบ ผ่านประเทศพันธมิตรเอเชีย เพื่อใช้เป็นฐานหนุนในการเผชิญหน้ากับจีน ขณะที่สถานการณ์ภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาคนี้ มีความตึงเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาความขัดแย้งเรื่องดินแดนระหว่างจีนและญี่ปุ่น ในเอเชียตะวันออก และระหว่างจีน กับกลุ่มประเทศอาเซียนในทะเลจีนใต้
ประธานคณะกรรมการจะได้รับเงินเดือน 74,420 บาท เงินประจำตำแหน่ง 45,500 บาท (119,920)
กรรมการจะได้รับเงินเดือน 73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท (115,740)
ครม.รุมอัด กสม.ขอขึ้นเงินเดือน “ปึ้ง-ปลอด” จัดหนักไม่เคยทำงานสนองรัฐบาล “เหลิม” โวยเรียกไปถามสลายม็อบเสธ.อ้าย แต่ไม่เรียกไปถามคดียิง 91 ศพ หยันไม่น่าให้ แต่จำใจให้เพราะหน่วยงานอื่นขึ้นให้หมดแล้ว “ปูนิ่ม” ตัดบทสรุปให้ไปจะได้จบ
รายงานข่าวจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ในช่วงการพิจารณาวาระค่าตอบแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นั้น บรรดารัฐมนตรีหลายคนต่างพากันแสดงความเห็นคัดค้านอย่างกว้างขวาง เช่น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ที่ได้สอบถามว่าเดิมที กสม.ได้อัตราเงินเดือนจำนวนเท่าไหร่ และเหตุใด ครม.จะต้องอนุมัติ พร้อมยังเรียกร้องให้ ครม.ไม่ให้ความเห็นชอบ เนื่องจากที่ผ่านมา กสม.ไม่เคยทำอะไรให้รัฐบาลเลย ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวเสริมว่า ความจริงแล้วไม่น่าจะให้ความเห็นชอบ แต่เหตุที่ต้องให้เพราะไม่รู้จะไม่ให้ได้อย่างไร
“ก็ให้ๆ ไปเถอะเผื่อจะรู้จักหน้าที่ และเข้าใจภารกิจของ กสม. จะได้ทำหน้าที่ได้ดีบ้าง ตอนนั้น กสม.ก็เรียกผมไปถามเรื่องใช้กระบองสลายม็อบ เสธ.อ้าย ผมไม่ไปหรอก เพราะผมก็อยากรู้ว่าทำไมตอนยิง 91 ศพ ไม่เห็นเรียกผมไปถามเลย แต่ก็คงต้องให้เขาเพราะหน่วยงานอื่นก็ขึ้นให้เขาหมดแล้ว” แหล่งข่าวอ้างคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม
ด้านปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ ได้แสดงความเห็นคัดค้านเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า เมื่อก่อนตอนมีปัญหาไฟป่า เผาป่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดมาฟ้องว่าเขาทำตามนโยบายของรัฐบาลไม่ให้ชนกลุ่มน้อยเผาป่า แต่ กสม.กลับเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดไปด่า มันถูกหรือ และมีสิทธิอะไรไปห้ามชนกลุ่มน้อยเผาป่า ทั้งๆ ที่เป็นปัญหาของประเทศ
“พวก กสม.เมื่อไรมันจะทำงานเพื่อคนหมู่มาก ทำงานเพื่อคนหมู่น้อยอยู่ได้ ซึ่งความเห็นของผม เมื่อไหร่ที่ กสม.ทำงานเพื่อคนหมู่มาก ก็ค่อยให้เงิน” แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายปลอดประสพ
ทั้งนี้ ระหว่างการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สอบถามนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. ถึงอัตราเงินเดือน กสม.ว่า เมื่อก่อน กสม.ได้เท่าไรและขึ้นมากี่เปอร์เซ็นต์ ทำให้นายอำพนชี้แจงว่า ขึ้นมา 6 เปอร์เซ็นต์ จาก
ฝากเตือนท่านผู้ชาย... อย่าคิดเอง เออเอง...!!!
รีแลคซ์
*ทำไมกล้วยจึงเรียก Banana*
Long time ago…. ประมาณว่านานมากแล้ว
มีฝรั่ง มาเที่ยวตลาดน้ำเมืองไทย และเห็นผลไม้มากมาย ฝรั่งก็มาดูที่กล้วย ก่อนอื่น แล้วฝรั่งถามแม่ค้าว่า “What is this?”
แม่ค้าไม่รู้ภาษาอังกฤษจึงไม่ได้ตอบอะไร ฝรั่งเห็นดังนั้นจึงลองบีบดูบังเอิญฝรั่งมือหนักจึงบีบกล้วยเละ
แม่ค้าเห็นจึงร้องโวยวายว่า “แบนแน่ๆ” ฝรั่งได้ฟังจีงร้องอ๋อแล้วก็บอกว่า “Oh! Banana”
หลังจากนั้นฝรั่งก็มาชี้ที่มังคุด และถามว่า “Is this mango?”
แม่ค้าชาวไทยกำลังโกรธที่ฝรั่งทำกล้วยเละเลยตอบไปว่า “แมงโกส้น teen นะสิ” ฝรั่งก็ร้องอ๋อแล้วบอกว่า “Oh Mangosteen!”
แล้วฝรั่งก็เหลือบไปเห็นมะละกอ ก็เอามือที่เลอะกล้วยไปจับแล้วถามว่า “What is this?”
แม่ค้าเห็นดังนั้นก็ยัวะมากที่มะละกอเลอะเทอะ จึงคว้าเอาสากขึ้นมาจะตีฝรั่งแต่มีคนตะโกนห้ามแม่ค้าว่า “ป้าๆ อย่า” ฝรั่งได้ยินดังนั้นจึงนึกว่ามีคนบอกชื่อมะละกอ จึงร้องว่า “OH! papaya“
...
วันอังคารที่ 22 เมษายน 2557 เป็นวันแรม 8 ค่ำ เดือน 5
............................................
ความสำคัญของการเรียนฟัรฏูอีน ที่มัสยิดดารุลบิร สันกำแพง เชียงใหม่
มัสยิดดารุลบิร ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จัดการเรียน การสอน การศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเรื่อง อิสลาม ให้กับเด็ก ๆ ในชุมชน โดย ท่านอีหม่าม จินดา(อับดุลการีม) พงษ์มณี เป็นผู้ให้ึึึความรู้ และสอนอิสลามขั้นพื้นฐานให้เด็ก ๆ ในชุมชน
ฟัรฎูอีน(ตาดีกา) เป็นระบบการจัดการศึกษาของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน มีเป้าหมายเพื่อปลูกฝังจริย-ธรรมให้แก่เยาวชน มุสลิม ให้เป็นคนที่มีคุณธรรม สามารถประพฤติปฎิบัติตนให้ถูกต้องตาม หลักการ ของศาสนาอิสลาม จึงเป็นเสมือนการศึกษา ภาคบังคับ ที่ผู้ปกครองทุกคนต้องให้ความสำคัญ ถือเป็น หน้าที่สำคัญในการที่จะช่วยกันส่งเสริมและ สนับสนุนให้เยาวชน มุสลิมทั้งชาย-หญิง ที่มีอายุระหว่าง 5-12 ปี ไปเข้าเรียนในโรงเรียนฟัรฏูอีน ที่มีอยู่ในชุมชนหรือพื้นที่ใกล้เคียง
ที่ตั้งโรงเรียนฟัรฏูอีน ส่วนใหญ่มักจะอาศัยอาคารเรียนในบริเวณมัสยิด หรือ บาลาเซาะห์ (สถานที่ทำละหมาด ประจำ หมู่บ้าน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ามัสยิด) โดยมีผู้รู้ที่มีใจอาสาในหมู่บ้าน มาช่วย สอนในวันหยุด ( เสาร์-อาทิตย์ ) หรือหลังเลิกเรียน หนังสือสามัญภาคปกติ เนื้อหาการเรียนการสอน จะเน้นในเรื่อง ศาสนา ภาษาศาสตร์ และ อัลกุรอ่าน การละหมาด การขอพรหรือดุอา คุณธรรมจริยธรรมในอิสลาม ซึ่งผลจากการเรียนการสอน ทำให้เด็กมีความรู้ มีความเข้าใจ สามารถนำความรู้ที่ได้รับการอบรม สั่งสอน ไปใช้ในชีวิต ประจำวันได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ตามวิถีทางของมุสลิม
โรงเรียนฟัรฏูอีน จึงนับได้ว่าเป็นรากฐาน และจุดเริ่มต้นที่ดีในการรักษาศาสนาและวัฒนธรรม ท้องถิ่นได้อย่างเต็มเปี่ยม
วัน เดือน ปี |
กิจกรรม |
10 - 12 มี.ค. 57 |
สอบปลายภาคเรียน |
13 มี.ค.-11 พ.ค.57 |
ปิดเรียน |
14 มี.ค.57 |
ประกาศผลการเรียน |
15 - 18 มี.ค. 57 |
ค่ายพักแรมลูกเสือ เพรชรัชต์ |
20 มี.ค. 57 |
ส่ง วก.1 ม.3 ทุกรายวิชา |
24 มี.ค.57 |
ส่ง วก.1 ทุกรายวิชา |
20 - 28 มี.ค. 57 |
สอบซ่อม |
24-31 มี.ค.57 |
ประชุมครูเต็มคณะ/ประชุมปฏิบัติการ |
31 มี.ค. 57 |
อนุมัติจบหลักสูตรปีการศึกษา 2556 ม.3-ม.6 มอบประกาศนียบัตร รับ ปพ. 1/ปัจฉิมนิเทศน์ |
1 เม.ย. 57 |
รับ ป.พ.1 (ครั้งที่ 1) |
2 เม.ย.57 |
ประกาศผลการเรียน |
5 เม.ย. 57
9.00 น. |
มอบตัวนักเรียนที่เข้าใหม่ทุกระดับชั้นทุกคน และ ป.1, ม.1 และ ม. 4 (เก่าใหม่ทุกคน) - ประชุมผู้ปกครอง และรับใบมอบตัวนักเรียน |
14 - 25 เม.ย.57 |
เรียนฟัรดูอีนทุกระดับชั้น (F –Net) |
26 - 27 เม.ย.57 |
สอบฟัรดูอีน หน่วยสอบที่ 10 |
5 - 9 พ.ค.57
|
เปิดเรียนฟิสิกส์ เคมี ชั้น ม.6/1 ทุกคน ปรับพื้นฐานวิทย์ – คณิต (เช็คเวลาเรียน) |
6 พ.ค.57 |
ประชุมครูเต็มคณะเตรียมการปีการศึกษา 2557 |
10 พ.ค. 57 8.00 -15.00 น. |
มอบตัว ลงทะเบียนเรียน ปีการศึกษา 2557 (มอบตัวล่าช้าปรับ 100 บาท) ต่อคน |
12 พ.ค. 57 |
เปิดเรียน ภาคเรียนที่ 1/2557 |
12 - 23 พ.ค. 57 |
สอบแก้ตัว |
24-25 พ.ค.57 |
ค่ายปฐมนิเทศ และละลายพฤติกรรม |
ปิดสถานที่ราชการ ไล่ข้าราชการไม่ให้ทำงานไม่มีความผิดถูกกม.ซะงั้น/เอาพวกหลีดไปวางหน้าศาลผิออกหมายเรียกเลย ว้าว กม.ไทย
วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 10:29:00 น.
เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 4 ธ.ค.2556 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.ได้ปราศรัยที่เวทีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะถึงการที่ประชาชนออกมาชุมนุมครั้งนี้ว่าเพื่อทวงคืนอำนาจอธิปไตยของประชาชน ตามที่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 3 บัญญัติไว้ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งเมื่อรัฐบาลและรัฐสภาทรยศต่อเจตนารมณ์ของปวงประชา เราจึงมีความชอบธรรมจะดึงอำนาจนั้นกลับมาเป็นของเราในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างนี้ การดำเนินการตามมาตรา 7 นั้น มีบทบัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ว่าต้องดำเนินการอย่างไรในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ให้วินิจฉัยตามประเพณีการปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การที่สภาและรัฐบาลทรยศต่อประชาชนนั้น รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้เพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีคนทรยศต่อประชาชนได้ขนาดนี้ เราจึงต้องกลับไปใช้มาตรา 7 พอเราพูดอย่างนี้ มีคนคัดค้านด้วยความไม่รู้ เข้าใจผิดว่า มาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญคือการไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัว ไปคิดเอาเองว่าการใช้มาตรา 7 คือไปขอนายกฯคนใหม่และรัฐสภาใหม่ ไม่ใช่แบบนั้น พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ไม่เคยลงมาแทรกแซงการเมือง พระองค์ทรงอยู่เหนือการเมือง เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เป็นตัวอย่างบทบัญญัติการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ที่ใช้มาแล้วในประเทศไทย
วันนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ประชาชนลุกฮือขึ้น จอมพลถนอมลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และจอมพลประภาส ลาออกจากรองนายกฯ ทั้งสองคนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อให้เหตุการณ์สงบ รองประธานวุฒิสภาขณนั้น ก็เข้ากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกฯ ต่อจากจอมพลถนอม ไม่ใช่อยู่ๆ พระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานลงมา แต่รองประธานวุฒิฯ ขณะนั้น เห็นว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าได้ ต้องมีคนมาเป็นนายกฯ และเห็นว่านายสัญญา มีความเหมาะสมเป็นนายกฯ ได้ จึงนำความกราบบังคมทูลและพระองค์ก็โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมา เป็นตัวอย่างที่เรานำมาเทียบเคียงได้ว่า หากวันหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลาออกจากนายกฯ ลาออกจากรักษาการ ประเทศไม่มีนายกฯ คนที่มีอำนาจหน้าที่ที่เหลืออยู่ สามารถนำความกราบบังคมูลพระเจ้าอยู่หัว แต่งตั้งนายกฯ ส่วนเราจะทำอย่างไรให้ยิ่งลักษณ์พ้นจากนายกฯ และรักษาการนายกฯ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำ คือถอนความชอบธรรมในการใช้อำนาจของเขา พวกที่พูดไม่รู้ความจริง หรืออาจไม่รู้ หรืออาจแกล้งโง่
นายสุเทพกล่าวว่า ในวันที่ 6 ธันวาคม การต่อสู้ยกสุดท้ายจะเริ่มขึ้น วันเผด็จศึกจะประกาศวันที่ 6 ธันวาคมนี้ เราจะประกาศร่วมกัน เราจะลั่นกลองรบและจะเป็นการรบขั้นเผด็จศึก เตรียมตัวต่อสู้กันยกสุดท้าย พี่น้องฟังแล้วต้องตัดสินใจร่วมกัน เพราะจะเป็นการเดินทางไปสู่การเผด็จศึกและได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด
"ตกลงจะเอายังไงกันเเน่วะ ลุงกำนัน?..นี่เเน่ะ!!......"
Self Esteem (เซ๊ลล์เฟสททีม) ความรู้คุณค่าในตัวเอง
คำนี้ยังไม่มีคำแปลสำหรับภาษาไทย หรืออาจจะมีแต่ผู้เขียนไม่ทราบ นักการศึกษา ผู้ปกครอง นักธุรกิจ ตลอดจนรัฐบาล กำลังมุ่งสร้าง ประชาชนให้มี self-esteemสูง ซึ่งหมายถึง บุคคลที่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง มีความซื่อสัตย์ มีความภูมิใจในผลสำเร็จ ของงาน บุคคลซึ่งมีความคิดริเริ่ม และมีความมุ่งมั่น ที่จะแก้ปัญหา และรับผิดชอบปัญหา ที่จะเกิดตามมา เป็นคนที่คนอื่นรัก และรักคนอื่น เป็นบุคคลที่สามารถควบคุมตัวเอง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของงาน โดยสรุปแล้วคนที่มี self-esteem สูง จะหมายถึงคนที่มีความคิด สร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบสูง และซื่อสัตย์
ตรงกันข้ามกับคนที่มี self-esteem ต่ำหรือพฤติกรรมป้องกัน (defensive) คนกลุ่มนี้มักจะต้องการ พิสูจญ์ตัวเอง หรือวิจารณ์คนอื่น ใช้คนอื่น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง บางคนอาจจะหยิ่ง หรือดูถูกผู้อื่น มักจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจว่าตัวเอง จะมีคุณค่า หรือความสามารถ หรือการยอมรับ ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่กล้าที่จะทำอะไร เนื่องจากกลัว ความล้มเหลว คนกลุ่มนี้มักจะวิจารณ์คนอื่น มากกว่าที่จะกระทำ ด้วยตัวเอง และยังพบอีกว่า คนกลุ่มนี้มักจะ ชอบความรุนแรง ติดสุรา ยาเสพติด มีเพศสัมพันธุ์ก่อนวัย
คนที่มี self-esteem จะต้องมีความสมดุลของความต้องการผลสำเร็จ หรืออำนาจ และความรู้จักคุณค่า ความมีเกียรติ และความซื่อสัตย์ ซึ่งอาจจะหมายถึง จิตใต้สำนึก และพฤติกรรมนั่นเอง จิตใต้สำนึกของคนที่มี self-esteem จะต้องรู้จักบาป บุญคุณโทษ รู้สิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี ความสื่อสัตย์ ความมีเกียรติ ส่วนพฤติกรรมของ self-esteem มีความสามารถที่จะคิดแก้ปัญหา เชื่อมั่นในความคิด และความสามารถ ของตัวเอง สามารถเลือกวิธีการตัดสินใจที่ถูกต้อง หากสูญเสียความสมดุลก็จะทำให้เกิดปัญหา เช่น หากจิตใต้สำนึกไม่แข็งแรง หรือสมบูรณ์พอ ก็จะทำให้คนเกิด พฤติกรรมเชื่อมั่นตัวเอง มากเกินไป หยิ่งยโส ดูถูกคนอื่น หากแต่มีแต่จิตใต้สำนึกที่ดี แต่ไม่มีความมุ่งมั่น ที่จะ ประสบผลสำเร็จชีวิต ก็อาจจะไม่ถึงเป้าหมาย ดังนั้นบุคคลที่ชอบพูดถึงแต่ตัวเอง อวดดี ดูถูกคนอื่น คนพาล ชอบเอาเปรียบคนอื่น คนที่กล่าวโทษคนอื่นไม่ถือว่า มี self-esteem
Self-esteem ประกอบด้วย ความตระหนักถึงคุณค่าตนเอง (Self-respect) และ ความเชื่อมั่นในความสามารถตนเอง(Self-efficacy) จนกลายเป็น ภาพแห่งตน (Self-image)
Read more: http://www.novabizz.com/NovaAce/SelfEsteem.htm#ixzz2zcjQuc9y
เรื่องของขอทานกับร้านซาลาเปา
เลขากกต.ถ่ายรูปกับป้ายที่กปปส.สั่งให้ติด
ลือสะพัด! ทหารเห็นด้วยกับประธาน กปปส. เปลี่ยนม้ากลางศึกรับม็อบไล่ปูยกสาม
แหล่งข่าวลือสะพัดตลอดทั้งวันว่า ประธาน กปปส.ได้ต่อสายหารือกับผู้นำเหล่าทัพระดับสูงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงสถานการณ์บ้านเมือง และการเตรียมตัวรับมือม็อบ นปช.
ประธาน กปปส.และผู้นำเหล่าทัพเห็นว่า เลขาฯ กปปส. คนปัจจุบันไม่สามารถนำทัพเพิ่มมวลชนได้มากไปกว่านี้ และยิ่งหากมีการตัดสินคดียิ่งลักษณ์เมื่อไหร่ ม็อบ นปช.จะเพิ่มจำนวนเป็นทวีคูน ซึ่ง เลขาฯ กปปส สุเทพ ไม่สามารถรับมือตั้งรับได้ จึงคุยถึงการ "เปลี่ยนม้ากลางศึก" ให้สุเทพยุติบทบาท ทันทีที่มีคำพิพากษา และ่ส่งไม้ต่อให้ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ที่รับอาสาพร้อมนำประเด็น "พลังงานไทย" มาเล่นต่อเพื่อจุดม็อบให้ลุกโชนกลับขึ้นมาใหม่เหมือนสมัยปี ๕๑
แหลงข่าวกล่าวต่อว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้โทรสายหาถึงประธาน กปปส. และเหล่าทัพต่อรองเจรจา และถามกลับไปว่า หากให้ตนเองยุติม็อบ จะให้ตัวเองมองหน้ามวลชนได้อย่างไร ตระกูลเทือกสุบรรณจะหาแผ่นดินอยู่ได้อย่างไร
ในขณะที่ทางสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการขยับตัวเปิดตัวรายการ "คุยกับ สนธิ ลิ้มทองกุล" เมืองไทยรายสัปดาห์ อีกครั้งในปลายสัปดาห์นี้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ออกมาจัดรายการ และประกาศชัดเจนแล้วว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะกลับมาจัดรายการจริง และประเด็นที่จะนำมาพูดจาคือประเด็นพลังงานไทย ซึ่งก็ตรงกับแหล่งข่าวทุกอย่าง
ดังนั้นต้องดูต่อไปว่า ข่าวเม้าส์นี้จะเป็นจริงหรือไม่ คนไทยคงกำลังรอดูว่า "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ไม่มีแผ่นดินอยู่ ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
เอเอสทีวีตาสว่าง หลังจากรู้ว่า คปท. คือ กปปส. หลังเข้าใจผิดมากว่าหกเดือน...
วันที่: Fri Nov 15 16:27:06 ICT 2024
|
|
|
ร้านซาลาเปาร้านหนึ่ง...กิจการดีมาก มีลูกค้าเข้าร้านตลอดทั้งวัน วันหนึ่ง มีขอทานสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ เนื้อตัวสกปรก มาที่ประตูร้าน ทำให้ลูกค้าหลายคนพากันอุดจมูกเดินหนี
ลูกจ้างของร้านก็เข้ามาต่อว่า และเอ่ยปากไล่ไปให้พ้นร้าน แต่ขอทานก็รีบอธิบาย " คุณครับ ผมไม่ได้มาขอทานหรอก แต่จะมาซื้อซาลาเปา " พร้อมกับเอาเหรียญเศษสตางค์ ออกมานับด้วยสองมือ...
ลูกจ้างรู้สึกรำคาญ จึงออกแรงปัด เหรียญทั้งหมด...ต ก พื้ น !!!
ขอทานตกใจ รีบก้มลงเก็บเหรียญบาทบนพื้น แต่หาอย่างไร ก็ขาดไป 1 บาท อยู่ดี
" เหรียญ 1 บาท นี่...คุณทำตกใช่ไหมครับ "
ขอทานเงยหน้ามอง ก็เห็นเถ้าแก่ ของร้าน...เขาไม่กล้าแม้แต่จะรับเงินจากเถ้าแก่ และกำลังจะวิ่งหนีด้วยความลุกลี้ลุกลน แต่ก็ถูกเถ้าแก่เรียกให้หยุด พร้อมพูดว่า..." ยินดี ต้อนรับครับ คุณลูกค้า !!! ไม่ทราบว่าคุณต้องการ ซาลาเปาไส้อะไร "
ขอทานตะลึงงัน ผ่านไปสักพัก จึงตอบกลับไปว่า " ผมอยากได้ซาลาเปาไส้หมู 1 ลูก "
" ครับ...กรุณารอสักครู่ " แล้วหันไปคีบซาลาเปาไส้หมู ออกจากซึ้งมา และยื่นให้ขอทานอย่างนอบน้อม
และหันไปถามลูกจ้างว่า..." นี่คือวิธีต้อนรับลูกค้าของเธองั้นหรือ "
" แต่เค้าเป็นแค่ ขอทานคนหนึ่ง " ลูกจ้างอธิบาย
" ต่อให้เค้าเป็นขอทาน ก็เป็นลูกค้าของเรา เธอโดนไล่ออกแล้วล่ะ " เถ้าแก่กล่าว
จากนั้น...เรื่องที่ทำให้คนในร้าน ตกใจยิ่งกว่า ก็คือ...เถ้าแก่ให้ขอทานคนนี้ มาเป็นลูกจ้างในร้าน และเมื่อขอทานคนนี้ ชำระร่างกายจนสะอาด เผยให้เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาผิดคาด อีกทั้งยังขยันขันแข็ง กลายเป็นผู้ช่วยของร้านได้อย่างดี...
ภายหลัง...มีคนถามเถ้าแก่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า...เถ้าแก่ดูออกได้อย่างไรว่า แท้จริงแล้วขอทานคนนี้ เป็นทองชั้นดี
เถ้าแก่ตอบกลับมาว่า..." ที่จริงแล้วง่ายมาก เขาไม่ได้มาขอซาลาเปากิน แต่เขารวบรวมเงินอย่างอยากลำบาก มีเงินแล้วค่อยมาซื้อซาลาเปาของเรา แสดงให้เห็นว่า...
>>> เขาเป็นคนที่...เ ค า ร พ ตั ว เ อ ง <<<
การไม่เคารพผู้อื่น หมายถึงการไม่เคารพตัวเอง
และ มีเพียงคนที่เคารพตัวเองเท่านั้น
จึงจะเคารพ...ง า น ที่ ตั ว เ อ ง ทำ