Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

กลยุทธชนะใจคน

ArjanPong | 12-03-2557 | เปิดดู 2712 | ความคิดเห็น 0

 

 

   กลยุทธ์ชนะใจคน Dealing with difficult People

 

 

 

                                                 

 

 
 
 
คุณคิดว่าดีกว่าไหม ถ้าเราจะสามารถอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา แล้วอุปสรรคทั้งหลายก็จะเบาบางลง โดยปราศจากความขัดแย้ง ด้วยการที่เรายินดีรับฟังความคิดที่แตกต่างของคนอื่น แต่ไม่ยึดถือมาเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกแยก ตามหลักที่ว่า "แตกต่างได้ แตกแยกไม่ได้"

ประเภทที่ 1 พวกรถถัง : เป็นประเภทชนแหลก และไม่สนใจว่าจะทำร้ายความรู้สึกของใคร มักเป็นคนก้าวร้าว เสียงดังมีพลัง หรือเงียบแต่เต็มไปด้วยพลัง เขาพร้อมที่จะกำจัดคุณ ถ้าคุณขวางทางเขามองสิ่งที่คุณกำลังนำเสนอเป็นปัญหา คุณควรจะสื่อสารกับเขาอย่างสั้นๆ และตรงไปตรงมา และพยายามทำให้เขานับถือคุณ เพราะพวกรถถังจะไม่ต่อสู้กับคนที่พวกเขาให้ความเคารพนับถือ

วิธีการรับมือกับพวกรถถัง

อย่าพยายามต่อสู้กับคนพวกนี้ คุณอาจเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็แพ้อยู่ดี ถ้าเขาตั้งตนเป็นปรปักษ์กับคุณ
อย่าแก้ตัว อธิบาย หรือให้เหตุผล คนพวกนี้จะไม่ฟังคำอธิบายหรือข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นของคุณ
อย่าถอนตัว เพราะความกลัว ถ้าหากคุณกลัวจะทำให้พวกรถถังเห็นว่า การที่เขาโจมตีเป็นสิ่งที่ควรทำ และอาจกระตุ้นให้เขาทวี ความก้าวร้าวรุนแรงมากขึ้นไปอีก

ประเภทที่ 2 พวกที่ชอบซุ่มยิง : เป็นประเภทที่ใช้จุดอ่อนของคุณเป็นเครื่องมือในการเล่นงานคุณ ไม่ว่าจะด้วยการซุ่มยิง นินทา หรือวิพากษ์วิจารณ์เมื่อทำงานไม่สำเร็จตามเป้าประสงค์เขาจะเข้าควบคุมคุณ โดยการทำให้คุณต้องอับอาย

วิธีการรับมือกับพวกที่ชอบซุ่มยิง

ไม่ควรตีโพยตีพาย คิดเสียว่าคำวิจารณ์ที่ร้ายกาจของเขาเป็นเรื่องน่าหัวเราะ ไม่ควรนำมาใส่ใจ แยกให้ออกระหว่าง พวกซุ่มยิงที่เป็นมิตร และไม่เป็นมิตรพยายามมองว่าคำวิจารณ์เป็นการผูกมิตร
ถ้าคุณไม่ชอบพฤติกรรมที่เขาล้อเลียนหรือเสียดสี ให้คุณทำให้เขารู้ว่าคุณไม่ชอบ ถ้าคนพวกนี้ชอบคุณเขาอาจเปลี่ยนพฤติกรรมได้ คนพวกนี้จริงๆ แล้วชอบคุณ และสนุกกับการซุ่มยิงเพื่อให้คุณสนใจเขา

ประเภทที่ 3 พวกที่มีอารมณ์ร้าย : สามารถระเบิดอารมณ์ได้อย่างรุนแรง จนคนอื่นต้องหาที่หลบภัย และพากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขารู้สึกว่า ไม่ได้รับการชื่นชมหรือการเคารพจากผู้อื่น เมื่อความเงียบเฉยจากคนรอบข้างเกิดขึ้น อารมณ์ร้ายๆ ก็จะระเบิดออกมา และระเบิดไปทุกทิศทุกทาง ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขาระเบิดออกมาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดอยู่หรือไม่ก็ตาม

วิธีการรับมือกับพวกที่มีอารมณ์ร้าย

เก็บอารมณ์โกรธของคุณเอาไว้ การที่คุณเพิ่มความโกรธเข้าไปในสถานการณ์ที่เลวร้าย เป็นเหมือนกับการเอาน้ำมันไปราดไฟที่ลุกโชน
เรียนรู้ที่จะมองพวกอารมณ์ร้ายในทางอื่นบ้าง จะช่วยให้คุณทำใจกับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้มากขึ้น
ตั้งใจรับฟังปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาระเบิดอารมณ์ที่ ร้ายกาจออกมาหรือไม่ คุณอาจช่วยลดความถี่และความตึงเครียดของการระเบิดได้

ประเภทที่ 4 พวกที่รู้หมดทุกอย่าง : เขาจะบอกคุณว่ารู้อะไรบ้าง แต่จะไม่ฟัง "ความคิดที่แย่กว่า" ของคุณ เขาจะควบคุมสถานการณ์ และควบคุมคนอื่นด้วยวิธีการผูกขาดการสนทนา โดยการพูดมาก ให้ข้อคิดเห็นที่ดูฉลาด และพยายามหาข้อผิดพลาด หรือจุดด้อยของคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับเขา เพื่อทำให้ ความคิดของคนอื่นดูด้อยค่าลง คนพวกนี้รู้มากและมีความสามารถ ถ้าเกิดข้อผิดพลาด เขาจะบอกอย่างมั่นใจว่า คุณเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ ต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

วิธีการรับมือกับพวกที่รู้หมดทุกอย่าง

พยายามอย่าเป็นพวกที่รู้หมดทุกอย่างเสียเอง ซึ่งไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
อย่าทำให้คนพวกนี้ไม่พอใจ เพราะจะทำให้เกิดการโต้เถียง ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย
อย่ายัดเยียดความคิดของคุณให้พวกเขา แต่ให้พยายามทำตัวให้ยึดหยุ่น อดทน และดูฉลาด เวลาที่นำเสนอความคิดเห็น

ประเภทที่ 5 พวกที่คิดว่ารู้หมดทุกอย่าง : เป็นประเภทที่ต้องการให้คนอื่นชื่นชมโดยการเรียกร้องความสนใจ และเข้าไปมีส่วนร่วมในวงสนทนา แม้ว่าจะไม่มีใครอยากฟังก็ตาม ถ้าคุณไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเขากำลังพูดอะไร พวกเขาอาจนำคุณไปผิดทางได้

วิธีการรับมือกับพวกที่คิดว่ารู้หมดทุกอย่าง

อย่าทำให้พวกเขาไม่พอใจ เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจะทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องเข้าใจผิดว่า คนพวกนี้กำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง
อย่าตัดสินอะไรเร็วเกินไป อย่าพยายามเบี่ยงเบนความจริง เพียงเพื่อต้องการทำให้คนพวกนี้ขายหน้า เพราะอาจทำให้คุณสูญเสียความน่าเชื่อถือได้ ให้คุณอดกลั้นความอยากนั้นไว้ โดยพยายามมองข้ามสิ่งที่พวกเขาพูด ไปบ้าง

ประเภทที่ 6 พวกที่ชอบตอบรับ : จะตอบรับอย่างรวดเร็วแต่จะทำงานอย่างเชื่องช้า ไม่รักษาสัญญาและไม่ตั้งใจจริง จะตอบรับไปก่อนโดยที่ไม่ได้คิดอะไร เพียงเพราะต้องการเอาใจ คนอื่น และไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง งานที่รับไว้ ก็ล้นมือจนเกินจะรับไหว เวลาที่เป็นของตัวเองก็เริ่มที่จะหมดไปจนทนไม่ได้ และเกิดหงุดหงิดไม่พอใจก่อให้เกิดความเสียหายในที่สุด

วิธีการรับมือกับพวกที่ชอบตอบรับ

อย่ากล่าวโทษ เพราะจะทำให้เขารู้สึกผิด และอับอาย พฤติกรรมแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นซ้ำอีก เขาคิดว่าการที่ตอบรับไปก่อนว่าทำได้ จะทำให้คุณไม่พูดอะไรให้เขารู้สึกผิด หรือขายหน้า
มองคนที่ชอบตอบรับเป็นคนที่ไม่มีทักษะในการจัดระเบียบ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณช่วยเขาพัฒนาทักษะดังกล่าว เขาจะเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีมาก เพราะธรรมชาติของเขาเป็นคนชอบช่วยเหลือ
ช่วยให้เขาพัฒนาการจัดระเบียบในการทำงาน ถามถึงงานที่เขาต้องรับผิดชอบ รวมทั้งผลเสียที่จะตามมา ถ้าเขาไม่สามารถส่งงานตามกำหนดได้ จากนั้นให้คุณช่วยวางแผนการทำงานให้เขา

ประเภทที่ 7 พวกที่ชอบลังเล : เมื่อต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ เขามักหลีกเลี่ยงโดยการไม่ยอมตัดสินใจ จนคนอื่นตัดสินใจให้แทน หรือไม่กล้าที่จะแก้ปัญหา ก่อให้เกิดความเครียดและความน่ารำคาญ เพราะเขาปิด ตัวเองไม่ยอมรับความสัมพันธ์ที่ดีของผู้อื่น

วิธีการรับมือกับพวกที่ชอบลังเล

อย่าเร่งรัดเขา ความรำคาญ การหมดความอดทน หรือความไม่พอใจ จะทำให้เขาตัดสินใจได้ยากขึ้น
มีความอดทน ถ้าคนพวกนี้รู้สึกกดดัน เขาจะรู้สึกไม่ปลอดโปร่ง และไม่สามารถคิดอะไรได้ถี่ถ้วน
ใจเย็นๆ ความตึงเครียดและความกลัวจะทำให้เขามีพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น แม้ว่าคุณจะสามารถ บังคับให้เขาตัดสินใจได้ แต่เขาอาจเปลี่ยนใจอีกเมื่อรู้สึกกดดัน

ประเภทที่ 8 พวกที่ไม่ยอมบอกอะไรเลย : เขาจะไม่ยอมบอกอะไรกับคุณเลยไม่มีข้อเสนอแนะหรือวิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือไม่ จะไม่แน่ใจ หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ป้องกันตนเองไม่ให้ทำร้ายความรู้สึกคนอื่น และไม่ให้โกรธใคร มีพฤติกรรมที่พูดตรงๆ จึงทำให้เข้ากับผู้อื่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่องาน ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ บางคนจะหงุดหงิดและถอนตัว อาจมีคำพูดทิ้งท้ายไว้ด้วย เช่น "ดี! ทำเองเลย อย่ามาง้อให้ช่วยเวลาที่ไม่ได้ผลก็แล้วกัน" หลังจากนั้นก็จะไม่คิดทำอะไรอีกเลย

วิธีการรับมือกับพวกทีไม่ยอมบอกอะไรเลย

ต้องให้เวลากับพวกเขา และยังต้องอาศัยความใจเย็นเพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียด
ถ้าเป้าหมายของเขาคือทำงานให้ถูกต้อง เขาก็จะเป็นคนที่สนใจในเรื่องงาน หรือถ้าเป้าหมายของเขา คือต้องการเข้ากับคนอื่น เขาก็จะสนใจในเรื่องของคน พิจารณาดูว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร
พยายามอย่าโมโห การที่คุณโกรธหรือโมโหจะยิ่งทำให้เขาตีตัวออกห่างมากขึ้น

ประเภทที่ 9 พวกที่ชอบปฏิเสธ : เขามักพูดว่า "ฉันไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่มองโลกในแง่ของความเป็น จริงต่างหาก" เป็นคนที่ไม่มีความสุข และชอบทำให้คนอื่นเป็น ทุกข์

วิธีการรับมือกับพวกที่ชอบปฏิเสธ

โดยการให้เขา อยู่ในสายตาของคุณ และคุณต้องมีความอดทน อาจมีอะไรที่ น่ายินดีเกิดขึ้นบ้างก็ได้ และต้องมีความชื่นชมในตัวเขา
สิ่งที่คุณพูดกับคนอื่น สามารถสร้างความไม่พอใจ หรือความไว้เนื้อเชื่อใจได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถ สร้างการต่อต้าน หรือ ความร่วมมือได้เช่นกัน อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดความ ขัดแย้งหรือความเข้าใจอันดี ได้ด้วย

ประเภทที่ 10 พวกที่ชอบบ่น : เขามีความรู้สึกว่าไม่มีอะไรช่วยเขาได้ เขาอยู่ในโลกที่ไร้ ซึ่งความยุติธรรมและไม่มีใครคนไหนหรือสิ่งใดจะเทียบเคียงมาตรฐานของเขาได้ ชอบบ่นอย่างไม่ หยุดหย่อน ในหลายๆ ครั้งการบ่นนั้นก็จมอยู่กับเรื่องเดิมๆ และพยายามทำให้คนอื่นเห็นด้วย กับตนเองว่าไม่มีอะไรถูกต้องเลย ทุกอย่างผิดไปหมด

วิธีการรับมือกับพวกที่ชอบบ่น

อย่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคนที่ชอบบ่น เพราะถ้าคุณเห็นด้วย จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เขายิ่งบ่น หรือถ้าคุณไม่เห็นด้วย เขาก็จะยิ่งรู้สึกว่าถูกบังคับให้ต้องย้ำถึงปัญหา
อย่าพยายามแก้ปัญหาให้เขา เพราะคุณไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เขาจะต้องให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหานั้นด้วย
อย่าถามเขาว่าทำไมเขาถึงบ่น เพราะนั่นจะเป็นการเชิญชวนให้เขาเริ่มบ่นใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง


กลยุทธ์ต่างๆ ที่เสนอ ถ้าคุณนำไปปรับใช้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณได้มีทางเลือก ในการรับมือกับ ปัญหามากขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 นายกปู องค์ลง ประชาชนเฮ ได้ตัง กบฏเมือกล้ม ปชช.เสียตัง

ถูกหวยกันบ้างใหมลูก

[Image: 1978769_4005420990227_748453323_n.jpg]


นายกปูไปทานก๋วยเตี๋ยว 3 บาทที่เชียงใหม่หกล้มหลังลงจากรถโฟล์คตู้

หมายเลขทะเบียนกท. 5404 นักข่าวและชาวบ้านรู้ เอามาแชร์กันในโชเชี่ยล

เน็ตเวร์ค และนำไปซื้อหวยถูกได้รับรางวัลกันไปมากมาย

[Image: 1900026_287373781419373_297147740_n.jpg]

รถที่นายกฯ ใช้วันแรกที่ไปถึงเชียงใหม่ ยังออกเลขท้ายสองตัว

[Image: 1899920_591754334233692_1820243528_n.jpg]

ยังมีของแถมอีก เพี่งกลับมาวันที่15 มีค.

[Image: 1959471_294594307362730_1884817613_n.jpg]

[Image: 1012085_10203383801064171_2094928553_n.jpg]

ส่วนกบฏเมือก ก็ล้มเช่นกันแต่ชาวบ้านเสียเงินเพราะ กบฏเมือกไปเดินไถตัง

ชาวบ้านจนเข่าอ่อน

[Image: 1977366_1427005327546580_484072361_n.jpg]

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                                พาหุรัด

 

รู้ไปโม้ด
nachart@yahoo.com

 

 


 

 

 

 

 

 




 

 

 

 

รัชกาลพระบาท สมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง "ถนนพาหุรัด" ขึ้น โดยทรงใช้ทรัพย์ส่วนพระองค์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์ พระราชธิดาซึ่งประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และสิ้นพระชนม์ขณะพระชันษา 10 ปี



ทรงให้สร้างถนนขึ้น เพื่ออุทิศส่วนกุศลพระราชทาน และพระราชทานนามถนนว่า ถนนพาหุรัด ตามพระนามพระราชธิดา ปัจจุบันถนนพาหุรัดอยู่ในท้องที่แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่ถนนบ้านหม้อ (สี่แยกบ้านหม้อ) ไปทางทิศตะวันออก ตัดกับถนนตรีเพชร (สี่แยกพาหุรัด) จนถึงถนนจักรเพชร



ถนนพาหุรัดในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้การคมนาคมสะดวกสบายขึ้น จึงมีผู้คนมาปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัย โดยเฉพาะชาวอินเดียซึ่งเดิมค้าขายผ้าอยู่แถบบ้านหม้อ วัดเกาะ (วัดสัมพันธวงศ์) ได้อพยพเข้ามาทำมาหากินในแถบพาหุรัดกันมากขึ้น



ที่ดินบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นของวัดเลียบ (วัดราชบุรณราช วรวิหาร) มีที่ดินเอกชนบ้างก็ไม่มากนัก ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดลงบริเวณสะพานพุทธ วัดเลียบและโรงไฟฟ้าวัดเลียบ ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า แต่บริเวณโดยรอบเป็นตึกแถวขายเสื้อผ้ายังคงอยู่



ในช่วงนี้มีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายข้าวปลาอาหาร แต่ไม่มากนัก ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าตลาดปีระกาที่อยู่ในเวิ้งนาครเขษม และตลาดบ้านหม้อซึ่งเป็นตลาดใหญ่กว่าและเปิดมานานแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็ไปไม่รอด ต้องเลิกไปโดยปริยาย แต่กิจการขายผ้าของชาวอินเดียเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ มีการสั่งผ้าจากต่างประเทศ ทั้งยุโรป อเมริกา และอินเดียเข้ามาจำหน่าย ผ้าที่ได้รับความนิยมเป็นพวกผ้าชีฟองและผ้าลูกไม้ชั้นดีจากเมืองนอก

 

 

 


 





 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ช่วงหลังมีพ่อค้าชาวจีนในสำเพ็งขยับขยายออกมาสร้างตึกแถวขายสินค้าบนสองฟากถนนพาหุรัด เข้ามาแบ่งตลาดการค้าเสื้อผ้าจากกลุ่มพ่อค้าชาวอินเดีย แต่กลุ่มพ่อค้าชาวอินเดียก็ยังคงรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น รักษาวัฒนธรรมประเพณี การแต่งกาย เครื่องนุ่งห่ม อาหารการกิน การยึดมั่นในพิธีกรรมตามหลักศาสนา โดยมีคุรุดวาราศรีคุรุสิงห์สภาเป็นศาสนสถานสำคัญของชาวซิกข์ มียอดโดมสีทองอร่ามสูงเด่นเป็นสง่า



แรกที่ชาวซิกข์จากอินเดียเดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ได้เข้ามาค้าขายผ้า เริ่มตั้งแต่เดินเร่ขายไปตามบ้านเรือนต่างๆ กระทั่งตั้งถิ่นฐานถาวรอยู่แถวบ้านหม้อ พาหุรัด ฝั่งพระนคร ก่อนกระจายไปอยู่ย่านสี่แยกบ้านแขก วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี รวมทั้งออกไปตามจังหวัดใหญ่ๆ เช่น อุดรธานี เชียงใหม่ ภูเก็ต



นอกจากชาวซิกข์แล้ว ในย่านพาหุรัดยังมีชาวฮินดูและชาวมุสลิมตามตรอกซอกซอยระหว่างถนนจักรเพชรกับถนนตรีเพชรจะพบวิถีชีวิตผู้คนที่ยังคงรักษาความเป็นอินเดียไว้อย่างเหนียวแน่น มีร้านค้าขายเสื้อผ้า ส่าหรี อาหาร เครื่องเทศ ข้าวของที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ของใช้จำเป็นของชาวอินเดีย และยังมีร้านขายเครื่องหอม ของชำร่วย ร้านขายเครื่องเขียน รวมทั้งร้านขายที่นอนหมอนมุ้งเก่าแก่



ทุกวันนี้ถนนพาหุรัดเป็นย่านที่มีสินค้าที่มีให้เลือกสรรอย่างมากมายและหลากหลาย ทั้งผ้าตัด อุปกรณ์ตัดเย็บ รวมไปถึงเสื้อผ้าสำเร็จรูปสารพัดชาติ ทั้งชุดไทย ชุดจีน โดยเฉพาะส่าหรี นอกจากนี้ พาหุรัดยังมีชุมชนเล็กๆ ที่ยังคงดำเนินวิถีแบบภารตะ เป็นที่มาของชื่อ "ลิตเติ้ล อินเดีย เมืองไทย"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- พฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2557 00:00:28 น.

 

นายสบาย
 

"ผมมองอย่างนั้น" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ตอบทันทีเมื่อนักข่าวถามว่า...แสดงว่าหลังสงกรานต์มีเรื่องแน่

 

ก่อนที่จะตอบประโยคนี้ออกมา ร.ต.อ.เฉลิม รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์นักข่าว เช้า 12 มี.ค.2557 ถึงประเด็นที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ระบุว่า ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.สถานการณ์จะรุนแรง

 

"ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่มีแหล่งข่าวของตัวเอง สำคัญที่สุดประมาณกลางเดือนเมษาฯ ป.ป.ช.จะชี้มูลคดีรับจำนำข้าวแล้ว ส่วนผลจะออกมาอย่างไรไม่ทราบ ผมเป็นห่วงนายกฯ เรื่องนี้ ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าไม่ได้ก็ไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศ รัฐบาลไม่เห็นต้องรับผิดชอบอะไร รอ ป.ป.ช.อย่างเดียว ตรงอื่นไม่มีอะไร เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลเรื่องข้าว และนายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แม้จะมีรองนายกฯ รักษาการ แต่ก็จะเกิดผลกระทบต่อรัฐบาล ผลกระทบมี เพราะนายกฯ ได้รับการยอมรับจากประชาชนสูง ถ้าเอาคนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน รัฐบาลจะเซและทรุด ซึ่งอันตราย ผมถึงบอกว่า ถ้า ป.ป.ช.ตัดสินมีเหตุผล ความรุนแรงจะไม่เกิด แต่ถ้าตัดสินค้านสายตาคนดู มีเรื่องแน่ เพราะผู้รักความเป็นธรรมเขามี ไม่ได้มองว่าเป็นคนเสื้อแดงอย่างเดียว แต่คนทั้งประเทศเขาดูอยู่ ในทางปฏิบัตินายกฯ ไม่เกี่ยว ไม่เช่นนั้นต่อไปใครจะเป็นรัฐบาล มีนโยบายอะไรต้องไปขออนุญาต ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.อย่างนั้นหรือ"

 

ร.ต.อ.เฉลิม พูดได้ดีมาก และเพราะ "นายสบาย" ติดตามสถานการณ์เกาะติดรู้เป็นอย่างดีว่า ฝ่ายสนับสนุนนายกฯ ปู ได้เตรียมการอะไรไว้บ้าง จะไม่ให้รับคำตัดสิน แล้วขึ้นไปตั้งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นทางเหนือกับอีสาน...แล้วกรุงเทพฯ ก็จะกลายเป็น fail state ของแท้

 

"นายสบาย" เคยเขียนย้ำหลายครั้งแล้วว่า...ที่เขียนมาทั้งหมดเพราะไม่อยากให้เกิดสงคราม กลางเมือง และเคยเขียนฝากท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปบอกชนชั้น Elite ไทยด้วยว่า "คนจนไทยไม่มีสมบัติ" ถ้าเกิดสงครามกลางเมือง คนจนจะไม่สูญเสีย เพราะไม่มีทรัพย์สิน

 

คนจนจะเสียอย่างเดียวคือเสียชีวิต จะถูกอำนาจอาวุธ
 

ฝ่ายปราบปรามที่เหนือกว่ามาก...ฆ่าตายเป็นเบือ วันนี้ขอเขียนย้ำอีก บอกแก่ชนชาว Elite ไทยว่า พวกท่านทุกคนมีที่ดินอยู่ทางเหนือกับอีสานเยอะมาก ทุกคนมีสินค้าที่ส่งขึ้นไปขายเหนือ-อีสาน

 

ถ้าเกิดสงครามกลางเมืองท่านจะขึ้นไปดูที่ดินของท่านไม่ได้ จะส่งสินค้าของท่านขึ้นไปขายไม่ได้

 

ประชานิยม คือ สิ่งที่อำมาตย์กับ Elite เชื่ออย่างหัวปักหัวปำว่า ทำให้ประชาชนคนยากจนในชนบทรักทักษิณมากกว่า

 

จึงทำลายประชานิยม 30 บาทรักษาทุกโรคของทักษิณ เป็นประชานิยมที่ได้ผลที่สุด คนบ้านนอกที่เคยไม่กล้าไปหาหมอเพราะไม่มีเงิน ก็ได้ไปหาหมอ ทำให้ผู้ค้าเวชภัณฑ์ถูกทุบ โรงพยาลบาลเอกชนที่แพงมากก็ลูกค้าลดน้อยลงเพราะชนชั้นกลางก็ใช้ 30 บาทรักษาทุกโรคเช่นกัน บุคลากรสาธารณสุขจึงโดดเข้าร่วมขยี้ทักษิณทันที เมื่อม็อบผุด

 

ชาวนา เป็นชนชั้นที่มีมากที่สุดของทุกประเทศ ในจีนเริ่มต้นพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่มีชาวนาร่วมก่อตั้ง แต่ "เหมา เจ๋อ ตุง" ที่ร่วมกับพวกรวม 13 คนผู้ก่อตั้ง พคจ.ก็ได้อ้าแขนรับสมาคมชาวนาเข้าร่วมการปฏิวัติ

 

ถ้าไม่มีชาวนา ก็ไม่มีการปฏิวัติ ถ้าปฏิเสธบทบาทชาวนาก็เท่ากับปฏิเสธการปฏิวัติ
เหมา พูดไว้และให้สัญญากับชาวนาว่า เมื่อยึดจีนได้จะแจก
 

ที่ดินให้ชาวนาทุกคน และเหมาก็แจกจริง ซึ่งหลังยึดจีนได้ชาวนาทั่วประเทศจีน ได้เข่นฆ่าเจ้าของที่นาเจ้าของที่ดิน อย่างโหดร้ายมาก

 

เอาเรื่องชาวนาจีนมาเขียนก็เพื่อที่จะบอกแก่ชนชั้น Elite ไทยในขณะนี้ว่า...อย่าต้อนชาวนาให้จนตรอก

 

ชาวนาไทยถูกพ่อค้ากับโรงสีข่มเหงมาชั่วชีวิต เมื่อทักษิณมาเป็นรัฐบาล เอาประชานิยมมาใช้ ช่วยชาวนาด้วยการรับจำนำข้าวเกวียนละ 15,000 บาท ทำให้ชาวนาได้เงินเยอะมาก

 

จำนำข้าวของทักษิณหมดอายุแล้ว 28 ก.พ.2557 และขณะนี้ราคาข้าววูบลงเหลือเกวียน 6,000 บาท

 

ชาวนาแม้จะเรียนหนังสือน้อย แต่ไม่ได้โง่ เพราะยุคนี้สื่อสารมวลชนมีหลายสาขา
 

การปิดล้อมกระทรวงพาณิชย์ และตัดไฟ เช้า 12 มี.ค.2557 ทำให้การประมูลขายข้าว 240,000 ตัน เพื่อที่รัฐบาลปูจะได้มีเงินไปจ่ายค่าข้าวให้ชาวนาที่รออยู่...ล่มทันที

 

ชาวนาไม่ได้โง่นะ.... ชาวนารู้...ชนชั้นใดบงการ เป็นการบงการให้ทำลายประชานิยมของทักษิณ การทำอย่างนี้คือการต้อนชาวนาไทยให้จนตรอก ข้าวเกวียนละ 6,000 บาทในขณะนี้ชาวนาอยู่ไม่ได้ อย่าคิดว่าระบอบคอมมิวนิสต์ไม่มีแล้ว "เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ" ไม่ได้มีระบอบคอมมิวนิสต์อย่างเดียว

 

ฤดูปลูกข้าวใหม่ถ้าทักษิณรับจำนำข้าวไม่ได้อีก เพราะถูกสกัดกั้นทำลาย แล้วชาวนาขายข้าวได้แค่เกวียนละ 6,000 บาท มันไม่พอกับทุน ชาวนาก็ต้องสู้

 

ถ้ามีใครสัญญา...จะแจกที่ดิน ก็เป็นเรื่องที่ชาวนาไทยจะตัดสินใจกันเอง
 

ย้ำ.... เขียนแล้วเขียนอีกด้วยหวังดี ชนชั้น Elite ไทย คือ ผู้ที่กำลังต้อนชาวนาให้ก่อสงครามกลางเมือง

 

 

 

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- พฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2557 00:00:21 น.

 

ฉลามเขียว
 

มีความประทับใจรูปของท่านเลขาธิการ กปปส.รูปนี้มาก ลงอยู่ในเว็บบอร์ดฝ่ายเชียร์ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งผมเข้าใจว่า คนมวลมหาประชาชนเป็นคนถ่ายรูป เช้า 12 ม.ค.2557 ขณะเตรียมจะเข้าเสวนา วันที่ 2 ที่ศูนย์เยาวชนสวนลุมพินี และโพสต์เข้ามา พร้อมเขียนไว้ด้วยว่า

 

เรารักลุงกำนันค่ะ แม้ว่าแกนนำคนอื่นๆ จะลงใต้ไปเตรียมหาเสียงเลือกตั้ง ส.ว.กันแล้ว เพื่อชาติเราต้องชนะแน่นอนค่ะ

 

อ่านแล้วใจหายครับ ผมมีความไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมาก จึงขอถามลุงกำนันสุเทพดังนี้ครับ

 

ฝ่ายพรรคเพื่อไทยเขาออกข่าวมาแล้วว่า ยอมรับคำตัดสินให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 เป็นโมฆะ

 

เพื่อให้มันจบ ม็อบจะได้มีทางลง
และประชาธิปัตย์ก็จะได้มีทางลง ด้วยการส่งคนลงสมัคร
รับเลือกตั้ง สู้กับพรรคเพื่อไทยอีกยก
 

ผมไม่เข้าใจครับลุงกำนัน ดูจากข้อเขียนของคนที่โพสต์รูปนี้ เธอคงใจหายในแง่ที่ว่า แกนนำคนอื่นกลับใต้ จึงเกิดความรู้สึกว้าเหว่

 

แล้วทีนี้ถ้าเลือกตั้งเป็นโมฆะ แล้วมีเลือก
 

ตั้งใหม่ และประชาธิปัตย์ลง ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนก็ต้องกลับบ้านไปหาเสียงเลือกตั้ง ที่สวนลุมพินีก็เ หงาเลย

 

ลุงกำนันครับ จุดยืนของลุงชัดเจนมาก ต้องปฏิรูปการเมืองก่อนแล้วจึงเลือกตั้ง
 

ผมจึงถามลุงว่า ขณะนี้ปฏิรูปการเมืองเสร็จหรือยัง ถ้าหากเลือกตั้งเป็นโมฆะ แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ ลุงกำนันจะรับได้หรือไม่ จะยอมรับหรือไม่

 

ตัวผมเองก็ยังไม่รู้หรอกครับ มีเลือกตั้งใหม่ ปชป.จะลงหรือไม่ แต่ขอถามไว้ก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 











 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

   ทีดีอาร์ไอ วิเคราะห์ละเอียด พ.ร.บ.กู้เงินฯ ปรับอย่างไรให้เดินถูกทาง- คุ้มค่า

 

 

 

 

 

 

ในเวทีเสวนาสาธารณะ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ: เดินหน้าอย่างไรให้ถูกทาง โปร่งใสและเป็นประชาธิปไตย ที่จัดโดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) โครงการวิเคราะห์และติดตามร่างกฎหมาย (ThaiLawWatch) ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า ณ ห้องประชุมชั้น 2 ทีดีอาร์ไอ

 

ดร.สมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง ทีดีอาร์ไอ ดร.สุเมธ องกิตติกุล นักวิชาการทีดีอาร์ไอ และดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานกรรมการบริษัท มาเก็ตเมทริกซ์ เอเชีย จำกัด ร่วมกันนำเสนอผลการศึกษาและข้อเสนอแนะต่อร่างพ.ร.บ.กู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยมุ่งเน้นการประเมินถึงผลกระทบต่อการคลังของประเทศ ความเหมาะสมของโครงการ และการประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาวดังกล่าว

 

มุ่งขนคนมากกว่า ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์

 

เปิดเวทีนำเสนอที่ ดร.สมชัย กล่าวถึงพ.ร.บ.กู้เงินฯ โดยแสดงความเห็นด้วยกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในระยะยาว เพราะนอกจากช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของเศรษฐกิจไทยแล้ว ยังช่วยกระจายฐานการผลิตไปสู่ภูมิภาค

 

ดร.สมชัย มองเห็นข้อดีของร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ คือ เห็นความต่อเนื่องของโครงการลงทุน, ช่วยให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจและวางแผนล่วงหน้าได้ รวมทั้งมีส่วนช่วยยกระดับการลงทุนโดยรวมให้หลุดพ้น "หล่มการลงทุนต่ำ" ที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2540  แต่ก็มีข้อท้วงติง เมื่อดูไส้ใน พบว่า วงเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น เกินครึ่งใช้เพื่อพัฒนาระบบการขนส่งผู้โดยสาร เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเขต กทม. ปริมณฑล

 

หากโจทย์ใหญ่ของประเทศไทยต้องการลดต้นทุนโลจิสติกส์จริงๆ แต่กลับไปเน้นการพัฒนาระบบการขนส่งรถไฟความเร็วสูง โดยมีวัตถุประสงค์ คือการขนคนเป็นหลักนั้น ดร.สมชัย ถามว่า แล้วการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเม็ดเงินมหาศาลขนาดนี้ จะลดต้นทุนโลจิสติกส์ เรื่องการขนของ การขนส่งสินค้าไปค้าขายกับต่างประเทศได้หรือไม่

 

"อย่าลืมว่า ภาพใหญ่ประชากรของไทย ไม่เกิน 10 ปี ประชากรไทยจะอยู่ในช่วงขาลง การหวังมีหัวเมืองใหญ่ๆ 20 เมือง น้องๆ กรุงเทพฯ จึงมีความเป็นไปได้น้อยมาก ฉะนั้น ความคุ้มทุนในระยะยาว จึงควรมีการศึกษาให้ดีด้วย"

 

และแม้จะมีการพูดกันว่า รถไฟความเร็วสูงขนสินค้าได้ด้วยนั้น ดร.สมชัย ยกกรณีในต่างประเทศ ที่มีการใช้รถไฟความเร็วสูงขนส่งสินค้า แต่ก็เป็นสินค้าชนิดเบาๆ ทำในช่วงเวลากลางคืนที่มีผู้โดยสารน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบโจทย์การลดต้นทุนโลจิสติกส์ในระยะยาวแต่อย่างใด

 

ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ในฐานะนักวิจัย มีข้อเสนอให้เพิ่มสัดส่วนการลดต้นทุนโลจิสติกส์ให้มากกว่านี้ เช่น รถไฟรางคู่

 

ส่วนข้อกังวลต่อแนวทางร่าง พ.ร.บ.นี้ ก็มีทั้งการเสนอเป็นเงินกู้นอกงบประมาณ ทำให้อำนาจการตัดสินใจใช้เงินแผ่นดินจำนวนมากตกอยู่กับฝ่ายบริหาร ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติ มีโอกาสให้ความเห็นชอบตาม พ.ร.บ.นี้เพียงครั้งเดียวในระยะเวลา 7 ปี เศษ

 

รวมถึงโครงการจำนวนมากยังไม่ผ่านการศึกษาความคุ้มค่าทางการเงิน เศรษฐกิจ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งหากโครงการดำเนินการไม่ได้หรือล่าช้าความต่อเนื่องที่ตั้งใจให้เกิดจะไม่เกิดจริง หรือหากมีการเร่งรีบสรุปผลการศึกษาเพื่อให้โครงการเกิดทัน 7 ปี ทำให้ไม่คุ้มค่าการลงทุน

 

 

ha 1

 

 

ลงทุนไม่คุ้มค่า GDP ระยะยาวหดตัว

 

สำหรับผลกระทบต่อฐานะการคลัง ดร.สมชัย มีความเห็นว่า ขึ้นอยู่กับความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงการลงทุน หากลงทุนคุ้มค่า ไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้น สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ ก็ต้องจับตาดูผลกระทบต่อภาระทางการคลัง สุดท้าย เมื่อมีการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านนี้มาแล้ว หนี้สาธารณะต่อรายได้ประชาชาติ (Public Debt/GDP) เป็นอย่างไร

 

"ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงการลงทุน ณ วันนี้ ยังไม่แน่นอน และเสี่ยงต่อการประเมินในด้าน "ดี" เกินควร เราจะเห็นว่า ครึ่งหนึ่งของเม็ดเงินโครงการนี้ ยังไม่มีการศึกษาความคุ้มค่า ซึ่งก็น่าเป็นห่วง อีกทั้งรัฐบาลไม่มีการเสนอแผนการสร้างรายได้อื่นๆ เลย ว่า เงิน 2 ล้านล้านบาท ใช้จ่ายไปแล้ว จะมีรายได้จากส่วนใดมาเพิ่มบ้าง เช่น มีการปรับโครงสร้างภาษีต่างๆ หรือไม่"

 

และไหนๆ รัฐบาลจะมีการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทแล้ว ดร.สมชัย เสนอว่า ก็ควรมีการจัดสรรเงินล็อตแรกเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทุกโครงการ โดยหน่วยงานที่เป็นกลางและมีผู้ตรวจสอบอิสระ เพื่อให้การใช้เงินเป็นไปอย่างถูกทิศถูกทาง

 

ห่วงโครงการไม่คุ้มทุน แนะวิเคราะห์ให้ละเอียด

 

ขณะที่ดร.สุเมธ ตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสมและคุ้มค่าของการลงทุนและการบริหารจัดการ โดยเห็นว่าการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ที่เป็นรถไฟทางคู่ ทั้งทางเก่าและทางใหม่เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรเร่งดำเนินการมากกว่ารถไฟความเร็วสูง ที่ยังต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนอย่างละเอียด เพราะถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าในการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากยังไม่ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study)

 

"การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาเรื่องของความจุถนนในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ยังขาด คือแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการระบบรางที่ยังไม่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามหากรัฐจะอุดหนุนระบบขนส่งทางราง ก็ต้องมีความชัดเจนเรื่องหนี้สะสมและหนี้จากการลงทุนระบบรางใหม่"

 

ดร.สุเมธ ยกตัวอย่างการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของโครงการขนาดใหญ่ ว่า มักมีปัญหาเรื่องต้นทุนโครงการที่สูงกว่าที่คาดการณ์ แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับน้อยกว่าที่คาดการณ์ เมื่อโครงการเริ่มดำเนินการ

 

เช่นเดียวกับการคาดการณ์ผู้ใช้งานจริงที่ ก็มักสูงกว่าปกติ เพื่อให้โครงการดำเนินไปได้ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ที่อันตราย เสี่ยงต่อการขาดทุนในอนาคต ฉะนั้น ในโครงการขนาดใหญ่ควรมีการวิเคราะห์ที่เข้มข้น และมีความรับผิดชอบ (Accountability)

 

ดังนั้น การวิเคราะห์โครงการลงทุนขนาดใหญ่ให้ประสบความสำเร็จได้ ต้องสร้าง "ความรับผิดชอบ" ในส่วนของการดำเนินงานทั้งภาครัฐและเอกชน และควรตั้งหน่วยงานที่เป็นกลางมาดำเนินงานแทนอย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน พร้อมด้วยกลุ่มผู้ตรวจสอบอิสระมาร่วมวิเคราะห์อย่างละเอียด เปรียบเทียบกับการประมาณการในวิธีอื่นๆ หรือโครงการอื่นๆ เพื่อลดปัญหาด้านแรงจูงใจของหน่วยงานเจ้าของโครงการที่จะผลักดันโครงการ รวมถึงควรมีการเปิดเผยผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการต่อสาธารณชนด้วย

 

ดร.สุเมธ ยังกล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้รถไฟความเร็วสูงคุ้มค่าที่จะลงทุนว่า ต้องให้ความสำคัญกับปริมาณการจราจรและผู้โดยสาร อย่างในกรณีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ซึ่งมีการตั้งคำถามมากถึงการลงทุนกับความคุ้มค่านั้น มีการศึกษาของนักวิจัยชาวอังกฤษปี 2009 ระบุว่า รถไฟความเร็วสูงจะประสบความสำเร็จต้องมีการเชื่อมโยงโครงข่ายที่ดี

 

ขณะที่ประเทศไทย เปรียบเทียบการเดินทางอากาศที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด คือ กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ที่มีอยู่ประมาณ 4-5 ล้านคนต่อปี ส่วนนี้สามารถดึงผู้โดยสารจากการเดินทางทางอากาศมาใช้บริการรถไฟความเร็วสูงได้พอสมควร

 

ซึ่งปัจจัยที่ทำให้รถไฟความเร็วสูงคุ้มค่าที่จะลงทุนนั้น เฉลี่ยแล้วขั้นต่ำที่สุด ปีแรกที่เปิดดำเนินการอย่างน้อยต้องมีผู้โดยสาร 3 ล้านคนต่อปี (กรณีค่าก่อสร้างต่ำ) แต่หากต้นทุนค่าก่อสร้างสูง (เป็นปกติ) จำนวนผู้โดยสารที่คุ้มทุน จะอยู่ที่  9 ล้านคนต่อปี

 

กู้เงินนอกงบฯ มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย

 

ด้านดร.นิตินัย วิเคราะห์งบประมาณของประเทศ 80% ตัดลดไม่ได้ เพราะรัฐบาลในอดีตสร้างนโยบายประชานิยมไว้จำนวนมาก

 

ดูได้จาก 3 กองทุนใหญ่ กองทุนหมู่บ้านฯ กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ กลาย เป็นภาระ 88% ของภาระงบประมาณที่ให้กับกองทุนเงินนอกงบฯ ทั้งหมด (100 กว่ากองทุน) จนทำให้ "พื้นที่ทางการคลัง" (fiscal space) เฉลี่ยปี 2550-2556 หายไปจากการหมักหมมของนโยบายประชานิยม กลายเป็นดินพอกหางหมู

 

"ปัจจุบันต้องยอมรับว่า เราเก็บภาษีมา 100 บาท แทบไม่ได้เอาไปพัฒนาอะไรเลย เพราะต้องนำไปจ่ายงบฯ ที่ตัดไม่ได้ ซึ่งตลอด 4 ปี (2552-2555) การกู้เงินชนเพดานจากประชานิยมในอดีต ทำให้สัดส่วนการลงทุนภาครัฐของเราอยู่แค่ 1.26 % ขณะที่เพื่อนบ้าน เช่น เวียดนามโตเฉลี่ย 7.25% และมาเลเซีย 8.81%"

 

สุดท้ายดร.นิตินัย มองมุมต่างถึงการที่ร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินนอกงบประมาณนั้น มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย ซึ่งไม่ใช่ปัญหาน่ากังวลหากมี Post-audit ที่ดี ทั้งนี้ อยากให้จับตาดูความสำเร็จของโครงการในเชิง Output Outcome มากกว่า การไปโฟกัสเฉพาะโครงการ 2 ล้านล้านบาท จนลืมแกนหลัก งบประมาณแผ่นดิน ความซ้ำซ้อนของโครงการ 2 ล้านล้านบาท เป็นโครงการใหม่หรือซ้ำซ้อนกับงบประมาณปกติ หรือไม่ เป็นต้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สามสิบชาติเชียวนะ..คนเหนือคนอีสาน คนภาคกลาง คนไทยทั้งหลายควรรู้เอาไว้เถอะว่า ตราบใดที่ไอ้พรรคส้นตีนแบบแมงสาบ ยังดำรงอยู่ในระบบการเมืองไทย ..</p><p>ประเทศมึงไม่มีวันลืมตาอ้าปากแบบชาวโลกเค้าได้หรอก ..!!</p><p>เพราะพรรค[XXX]นี่ เป็นที่รวมของคนทำลายชาติ ดำรงอยู่เพื่อเล่นการเมืองอย่างเดียวล้วนๆด้วยการทำลายชาติ ประชาชน และสังคมไทย มาตลอดหลายสิบปีที่ถือกำเนิดมา..

 

  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นักภูมิศาสตร์การเมืองชั้นนำระดับโลกต่างชี้ชัดตรงกันว่า ประเทศไทยจะเสียโอกาสในการรักษาอำนาจชี้นำในอาเซียนอย่างเด็ดขา
เนื่องจากการแย่งชิงอำนาจของกลุ
่มชนนชั้นนำที่ไม่ได้มีที่มาจากระบอบประชาธิปไตยหลัง"ฟ้าเปลี่ยนสี" 
และจีนจะอาศัยความได้เปรียบทางภ
ูมิศาสตร์เข้ามาชิงชิ้นปลามันในภูมิภาคนี้อย่างไร้คู่แข่ง
อเมริกาไร้ทางสู้ครับ

โครงการเมกะโปรเจ็กต์แบบ 2.2 ล้านล้าน จะต้องเกิดขึ้นแถวๆ นี้อย่างแน่นอน (อาจจะผ่านพม่า)
ประเทศที่มีรางรถไฟผ่านจะได้ผลป
ระโยชน์บ้างเป็นบางส่วน
แต่ชิ้นปลามันจะตกไปอยู่กับจีนแ
น่นอนครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อคืน ไอ้ห้อยเนวิน พาชาวนาบุรีรัมย์ มาขึ้นเวทีสวนลุม

อัญชะลี ไพรีรักษ์ สัมภาษณ์ชาวนา บนเวทีปราศรัย

ปอง: จำนำข้าว ดีไม๊คะ

ชาวนา: ดีครับ

ปอง: ดีอย่างไรคะ

ชาวนา: จำนำข้าวได้ราคาดี

ปอง:ได้เท่าไหร่คะ

ชาวนา: ตันละหมื่นสาม ถึงหมื่นสี่ ขึ้นกับความชื้น

ปอง:ได้เงินเร็วไม๊คะ

ชาวนา: สองปีแรก ได้เงินเร็ว เอาใบประทวนไปขี้นเงิน สามวันก็ได้เงินแล้ว

แต่ปีนี้ 3 เดือนแล้วยังไม่ได้เงิน

ปอง กลัวหน้าแหก ไม่กล้าถามต่อ

ว่ารู้ไม๊ ทำไมปีนี้ ยังไม่ได้เงิน

 

 

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 15:49:02 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>