วิธีดูผู้ชายเจ้าชู้ให้เป็น........ก่อนคบหา
1 สำรวจตัวคุณก่อน ประเมิณให้ได้ว่าคุณน่ะสวยระดับไหน นึกถึงบรรดาผู้ชายทั้งหมดที่เคยเข้ามาจีบแล้วหาค่าเฉลี่ยความหน้าตาดีและนิสัยของผู้ชายเหล่านั้น
จนได้ค่ามาตรฐานของตัว
แล้วเมื่อไหร่ที่มีผู้ชายซึ่งมาตรฐานสูงกว่าที่เราเคยหาค่าไว้
เมื่อนั้นก็ให้สังวรณ์ไว้เลยว่า ไอ้นี่มาไม่ดี แต่ยังไม่ต้องปักใจ100%ค่ะ ต้องใช้อีกหลายข้อพิจารณา
2.เจอผู้ชายที่เที่ยว 90% เจ้าชู้ทั้งนั้น อย่าพยายามเข้าข้างว่าผู้ชายที่คุณเจอจะเป็น 10% ที่เหลือ เพราะคุณจะเข้าข้างเขาเกินไปจนไม่ได้พิจารณาให้ถี่ถ้วน
3.ผู้ชายที่หน้าตาดี ต้องระวังเป็นพิเศษสุดๆ พวกหน้าตาดีแล้วไม่เจ้าชู้ เกิดมาดิฉันไม่เคยเจอค่ะ ไม่เคยจริงๆสาบานได้ เพราะผู้หญิงย่อมติดพันเขาตั้งแต่เด็กๆ และสั่งสมความกะล่อนมาเนิ่นนาน จนสุดท้ายความเจ้าชู้ก็ติดเข้ากระดูกดำ
พวกนี้ เนียนนัก ระวังไว้ ยิ่งมีตำแหน่งดาวเดือนคณะ ผ่านเวทีประกวดรั้งท้าย ทำใจไว้เลย เจ้าชู้แน่ๆ
4. ผู้ชายเจ้าชู้มักจะแต่งตัวเนี้ยบ เนี้ยบมากกกกกกก เสื้อไม่มียับ เนคไทด์ไม่กระดิก ผมไม่ชี้ฟูสักเส้น เข้าสมัยอยางที่สุด ดูดีทุกมุม ปากไม่แตกลอก ผิวพรรณดีไม่แห้ง เล็บตัดสั้นสะอาด
นิสัยจะเจ้าระเบียบ เห็นได้อย่างชัดเจน สังเกตเวลาไปกินข้าวกัน เขาจะไม่ทิ้งกระดาษหกเลอะ ถ้ามีน้ำนองที่ก้นแก้ว ก็จะหากระดาษมาเช็ด กวาดจานเก็บช้อนส้อมเรียบร้อย
คำเตือน....ระวังสับสนกับพวกแอบนะ พวกแอบก็จะมีอาการนี้เช่นกัน
5.ถ้าเขาพูดเพราะ ระวังไว้....ผู้ชายโดยธรรมชาติจะไม่พูดเพราะ อย่างมากก็สุภาพ แต่ไม่พูดเพราะถึงขั้นคะขา เมื่อไหร่เขามาพูด "คะ,นะคะ,ขา" กับเรา ให้ถามไปทันทีว่า
"เธอมีพี่น้องเป็นผู้หญิงปะ"
ถ้าเขาตอบว่าไม่มี ก็จงรู้ไว้เลยว่า เขาฝึกพูดนะคะกับผู้หญิงคนอื่นมา ผู้ชายที่มีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวพันเยอะหรือเกี่ยวพันกันเป็นเวลานานเท่านั้น ถึงจะติดนิสัยพูดคะมาได้
ถ้าเขาตอบว่ามี ข้อนี้ก็อาจจะตกไป
7.การวางตัว ผู้ชายเจ้าชู้จะค่อนข้างมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เพื่อนเยอะแน่ๆ เวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อน เขาจะไม่ทำตัวเป็นจุดเด่น แต่จะเป็นคนที่นั่งเงียบอยู่ในซอกหลืบของกลุ่ม ถึงจะเงียบแต่ก็เป็นคนที่กลุ่มขาดไม่ได้
6.ผู้ชายเจ้าชู้จะเป็นชายมารยาทงาม เทคแคร์ดีเลิศประเสิฐศรี จนโอเวอร์ ถ้าน้ำเราพร่องไปจากแก้ว เขาจะเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นและเติมให้ทันที จะถามตลอดว่าเราอยากได้ อยากกินอะไร
ผู้หญิงเราอย่าหลงดีใจไปว่าเขาเป็นคนดี แต่ควรสงสัยไว้ว่า เขาไปเรียนรู้วิธีบริการผู้หญิงมาจากไหนวะ?
7.เจ้าชู้มักคู่กับปลาหมึก มีงูบนหัวแล้วต้องมีปลาหมึกที่มือ แต่อาการนี้ไม่เสมอไป ผู้ชายบางคนที่เจอแรกๆ จะไม่ปลาหมึก แต่จะมาออกอาการเอาตอนช่วงกลางๆที่คบกัน หรือมั่นใจแล้วว่า การที่เขาเป็นปลาหมึก จะไม่ทำให้เรารู้สึกรังเกียจหนีไปเสียก่อน
แต่จากที่เคยเจอมา เจ้าชู้ 5 คน จะปลาหมึกไปแล้ว 4
8.มักแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเราอย่างรวดเร็ว
เพราะต้องการประกาศให้โลกรู้ว่า ข้าจีบผู้หญิงคนนี้ติดแล้ว
พวกนี้จะไม่ค่อยเกรงใจผู้หญิงในการประกาศศักดา จะทำแต้มเข้าว่า
ดังนั้นจะไม่มีคำว่า "รอดูไปก่อนแล้วค่อยบอกทุกคนว่าเราคบกัน" จากปากผู้ชายประเภทนี้ ผู้หญิงจึงหลงกลได้เร็วยิ่งนัก เพราะคิดว่าเขาดูจริงจังจังเลย
9. คำว่า....รัก.....หลุดจากปากเขาบ่อยกว่าคำว่า หิว เสียอีกและบอกรักเราเร็วซะด้วย
ถ้าเจออาการนี้ตั้งแต่วันแรกๆที่เจอกัน ฟันธง 100% ไอ้นี่หัวงู
มันจะมารักอะไรฉันวะ หน้าฉันเธอจำได้ยังฮะ มาบอกว่ารักเนี่ย เดี๋ยวปัดตบหัวหลุดเลย
ผู้ชายพวกนี้มักจะตอบที่ผู้หญิงถามว่า
"รักเราจริงเหรอ"
"จริงสิจ๊ะ"
"เราเพิ่งเจอกันนะ"
"ทำไมล่ะ ทำไมเพิ่งเจอจะรักไม่ได้ เรารู้ตัวเราเองดี เราไม่เคยโกหก"
มันจะมาเป็นแพทเทิร์นครับ...ไอ้คำพูดแบบนี้
10.เป็นผู้ชายโรแมนติกมาก ประเภทซื้อดอกไม้ให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอ พยายามถามและจำวันเกิดเราให้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกัน พยายามทำให้เราประทับใจ พยายามทำว่าตัวเองแมน พยายาม....พยายาม...และพยายามอีกมากมาย จนเราต้องคิดในใจ
มันจะเวอร์ไปไหนเนี่ย
11.ผู้ชายเจ้าชู้ จะตอบคำถามได้โดนใจเราสุดๆ ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าเราจะถาม และเตรียมคำตอบไว้อย่างหวานซึ้งหยดย้อย เป็นคำตอบที่เราอยากฟังเหลือเกิ๊นนนนนน
ผู้ชายบื้อๆ จีบผู้หญิงไม่เป็น จะไม่มีเซ็นส์ในการตอบคำถามผู้หญิงเท่าไหร่
เวลาผู้หญิงถามอะไร มักจะถามไม่ตรงกับใจ
ถ้าผู้ชายดีๆบื้อๆ จะตอบไม่ตรงกับใจเราหรอก เพราะเขาไม่เชี่ยวด้านจีบหญิง
แต่พวกเจ้าชู้ จะตอบมาเป็นฉากๆ แต่ละคำพูดช่างกัดกินหัวใจเสียนี่กระไร เช่น
คำถาม "มาชอบเราได้ไงฮะ เพิ่งเจอกันครั้งแรก แน่ใจแล้วเหรอว่าชอบ"
ผู้ชายดีๆ "ไม่รู้สิ ก็ชอบอะ อยากลองคบกันดู อยากรู้ว่าจะเข้ากันได้หรือเปล่า"
ผู้ชายเจ้าชู้ "ชอบเพราะเธอน่ารัก เวลายิ้มเราชอบมากๆเลย ไม่รู้เหรอ ว่าแอบมองมาตั้งนานแล้ว"
คำถาม "มีแฟนหรือยัง มาจีบเราแบบนี้แฟนไม่ว่าเหรอ"
ผู้ชายดีๆ "เพิ่งเลิกไปอะ" , "ไม่มีแฟน จีบผู้หญิงไม่ค่อยเป็น เลยไม่เคยจีบติด"
ผู้ชายเจ้าชู้ "ถ้ามีเราจะมาจีบเหรอ" , "เราไม่มีแฟน" , "เลิกไปนานมากแล้ว ที่ผ่านมามีเคยแฟน....คน(จะจำนวนไม่เกิน3คน)"
สังเกตว่า พวกเจ้าชู้จะตอบคำถามนี้เป็น negative ทันที จะไม่มีคำว่า เพิ่งเลิก หรือบอกจำนวนแฟนที่เยอะกว่าสามแน่นอน มันดูไม่ดี และเสี่ยงต่อการให้ผู้หญิงสงสัยมากเกินไป
ย้ำอีกครั้ง....ผู้ชายที่พูดจาเข้าหูน่าฟัง ตอบคำถามแบบหวานซึ้งหยดย้อย โดนใจ เล่นเอาเราตัวแทบลอย เจ้าชู้100%
เพราะคนพวกนี้คบผู้หญิงมามากพอ จนรู้ว่า ผู้หญิงต้องการอะไร
12.ตาเป็นประกาย รอยยิ้มเยือกเย็น....
มันเป็นลักษณะเฉพาะของผู้ชายเจ้าชู้จริงๆ เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองมี แต่ถ้าเราสังเกตดีๆ ผู้ชายพวกนี้จะมีแววตาและรอยยิ้มต่างจากผู้ชายไม่เจ้าชู้
ไม่รู้จะบรรยายยังไง เอาเป็นว่า เขาจะจ้องเราด้วยดวงตาวาววับ สังเกตตาของเด็กที่เดินอยู่ในแผนกของเล่นสิ สายตาแบบนั้นเลย พยายามจ้องจนเราเก้อเขินได้ และจ้องอย่างไม่หลบสายตา ไม่อายเราด้วย พอเราหันไปสบตากลับ เขาก็จะยิ่งจ้องๆๆๆๆๆ
รอยยิ้มจะเป็นยิ้มมุมปาก ทำหน้าแบบยิ้มน้อยๆตลอดเวลา จะไม่ฉีกยิ้มเห็นฟันนะคะ รอยยิ้มนั้นจะเหมือนกำลังยิ้มเยาะอยู่ในที....ว่ายัยนี่เสร็จข้าแน่
ทั้งสายตาและรอยยิ้มนั้น ทำให้ผู้หญิงละลายมานักต่อนักแล้ว
ขอบคุณที่มา : bloggang.com
ดูผู้ชายให้ดูที่"นิ้ว" หนุ่มแบบไหนเหมาะเป็นผู้นำครอบครัว
อีกครั้งกับอ.สุวิมล พันธุ์วิชาติกุล ผู้อำนวยการสถาบันศาสตร์แห่งชีวิต ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์โหงวเฮ้ง (ภรรยาของอ.ภานุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดังผู้เชี่ยวชาญการดูฮวงจุ้ย) ซึ่งวันนี้อ.มาให้ข้อมูลสาวๆ ถึงเทคนิคการดูผู้ชายจาก “นิ้ว” ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เอาการเอางานมั้ย อยู่ติดบ้านติดช่องรึเปล่า ใส่ใจคนข้างกายมากน้อยขนาดไหน ฯลฯ
เพียงคุณหลอกให้เขาหงายมือออก แล้วสำรวจลักษณะการเอียงของนิ้ว และตีความตามนี้เลยค่ะ ทั้งนี้กำชับเสมอว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
นิ้วชี้เอนเข้าหานิ้วกลาง
: ว้าว! แฟมิลี่แมนสุดๆ
หนุ่มแบบนี้น่าคบหา แฟมิลี่แมนเป็นที่สุดค่ะ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบอยู่กับครอบครัว ชอบอยู่กับญาติพี่น้อง หรือชอบช่วยเหลือคน ดังนั้นก็มีแนวโน้มว่า ถ้ามาก่อร่างสร้างครอบครัวกับเราแล้ว จะอยู่ติดบ้าน ไม่ไปไหนไกลตา
นิ้วชี้เบนออกไปจากนิ้วกลาง
: หนุ่มขี้รำคาญ
พวกนี้เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ค่อยชอบอยู่กับครอบครัว ขี้รำคาญ อ.สุวิมลเตือนว่า หากสาวใด เจอๆ หนุ่มแบบนี้ต้องคิดเยอะ เพราะเกิดแต่งงานไปแล้ว ไม่ค่อยชอบอยู่บ้าน ไม่ติดเรา แย่เลยง่ะ
นิ้วกลางกับนิ้วนางชิดติดกัน
: เหมาะทำสามี!
ส่วนมากพบในหมู่ชายเอเชียค่ะ เป็นลักษณะของคนที่รักพ่อแม่ รักพี่น้อง และคนในครอบครัวของตัวเอง มักจะใส่ใจคนในครอบครัวเป็นอย่างดี ถือว่าผู้ชายแบบนี้มีจิตใจอ่อนโยน รักครอบครัว ดังนั้นแนวโน้มในที่จะรักผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกอีกสักคน คงไม่ยากเท่าไหร่
นิ้วก้อยเบนออกจากนิ้วอื่นๆ
: หนักไม่เอา เบาก็ยังอู้
แบบนี้เป็นลักษณะของคนเบื่องานง่ายค่ะ ความอดทนน้อย เจองานอะไรที่หนักหน่อย หรือทำแล้วไม่สำเร็จก็อยากเลิกแล้วซะแล้ว อ.สุวิมลเผยว่า ผู้ชายแบบนี้เข้าทำนองหนักไม่เอา เบาก็ยังอู้ ดังนั้นเจอหนุ่มแบบนี้คงต้องคิดหนักเชียวค่ะ
กางมืออกแล้ว แต่ละนิ้วยังกอดกันแน่น
: สุภาพบุรุษขี้กลัว!
คนลักษณะนี้จะเป็นคนค่อนข้างขี้กลัวค่ะ จะไม่ค่อยกล้าแสดงออก อ.สุวิมลบอกว่า ถ้าสาวใดไปตกหลุมรักหนุ่มที่เป็นเจ้าของนิ้วลักษณะนี้ อย่าหวังรอให้เขามาจีบเลยค่ะ...ยาก คุณต้องเป็นฝ่ายจู่โจม หามุกลุยจีบเอง ทันใจกว่า
กางมืออกแล้ว นิ้วโป้งเบนออกจากมือมากๆ
: ชายใจกว้าง น้ำใจเกิน
เป็นลักษณะของพ่อหนุ่มใจกว้างค่ะ มีน้ำใจไปหมด เหมาะนักเชียวที่จะเป็นนักการเมือง ผู้แทนประชาชน ซึ่งหากได้หนุ่มแบบนี้มาครอบครอง คุณสาวๆ คงต้องดูแลสมดุลสักนิดส์ว่า จะทำอย่างไรให้เขาใจกว้างแต่พอเหมาะ อย่าไปใจกว้างใจดีกับสาวอื่นเกินควร
************************
เรื่องปฎิวัติถ้าจะยาก ถึง ยากมากๆ
-กองกำลังแปซิฟิค และ ท่านทูต คริสตี้ บอกแล้วว่าอย่า
-อาเซียน บอกแล้วว่าอย่ามาทำให้ภูมิภาคเสียหาย
-หุ้นลงไม่ต่ำกว่าอีก 100 จุด cp true jas bland เจ๊งหมด
-โรเบิตร์ อามสเตอร์ ดัม ยื่น สมาพันธ์อะไรซักอย่างไว้แล้ว
-ครั้งนี้ รัฐบาลพลัดถิ่นแน่นอน สถาบันจะลำบาก ใครออกไปนอกประเทศไม่ได้เลย เพราะเขารับรอง รัฐบาลนี้อยู่แล้ว
-นปช สปป นับแสน ออกมาชุมนุมแน่นอน คาดว่าเป็นเสาร์แรกหลังการปฎิวัติ และ เอาไม่อยู่หรอกเพราะไม่มีความชอบธรรม ยิ่งกว่าอาฟริกาอีก ถ้ามีการปราบปราม
-ทหารฝ่าย แตงโม เตรียมจังหวะสอง และ มีความชอบธรรมด้วย
-ท้ายสุด เชื่อผม สักครั้งซิ ถ้า ปฎิวัติ ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าเป็นนายก ไม่มีใครกล้าทำเนียนอีกแล้ว วันเวลามันผ่านไปแล้ว
เขาเห็นกันหมดทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว มัวแต่เป่านกหวีดจนไม่ลืมหูลืมตาหรือไง
ก่อนจะพูดอะไร แหกตาดูหน่อยนะ
คลิปล่างนี้ดูที่นาทีที่ 23.30 เป็นต้นไป
ช่วงวินาทีท้ายๆก่อนจบคลิปจะมีเสียงคนพูดขึ้นว่า "เฮ้ย มันยิงมาเมื่อกี้ มันยิง ฮ.น่ะ"
Andrew Spooner @andrewspoooner
Thai fascists shot at this medical helicopter as it attempted to rescue injured police officers http://twitpic.com/dq1hom
(กลุ่มฟาสซิสต์ไทยยิงเฮลิคอปเตอร์พยาบาลที่พยายามจะเข้าไปช่วยตำรวจที่บาดเจ็บ)
" กองเกียรติยศ.....ทำความเคารพตำรวจผู้กล้า.....ตรงหน้าระวั้ง.......วันทะยา.....วุธ"
**************************************
รู้ทันโรคที่มากับหน้าหนาว
นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า จากการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาเผยว่าปีนี้จะหนาวเย็น โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศอาจจะหนาวกว่าปีที่แล้ว และหนาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ลานิญา ส่วนในภาคจะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างบ้านเราจะหนาวเย็นเช่นกัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะไม่ใช่จะมีแต่ปัญหาจากอุณหภูมิที่ลดต่ำลงเท่านั้น อากาศที่หนาวเย็นยังนำโรคหลายประการติดมาด้วย
จากข้อมูลของประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง การป้องกันโรคที่เกิดในฤดูหนาว ระบุว่า อากาศที่เปลี่ยนแปลงนั้น หากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นได้ โรคที่เกิดในฤดูหนาวมักจะเกิดกับเด็กและผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัดเยอรมัน สุกใสและอุจจาระร่วง นอกจากนี้ยังพบโรคอีสุกอีใส โรคหัด สำหรับโรคไข้หวัดนกนั้น ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างดี แม้จะมีการย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัยของนกก็ตาม ส่วนโรคอื่น ๆ อาทิ โรคผิวหนัง ผิวแห้ง ในส่วนนี้ก็อาจจะใช้ครีมทาผิว ทาเพื่อไม่ให้ผิวแห้งเป็นขุยได้
นพ.ศรายุธ กล่าวอีกว่า สำหรับโรคอุจจาระร่วงในฤดูหนาว ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า โรต้าไวรัส (Rotavirus) มักจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ติดต่อโดยการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนเข้าไป โดยเด็กจะถ่ายอุจจาระเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรง แต่เด็กบางคนอาจขาดน้ำรุนแรง หากมีเด็กในบ้านถ่ายเหลว ควรให้กินอาหารเหลวบ่อย ๆ เช่น น้ำข้าวต้ม น้ำแกงจืด แต่วิธีการป้องกันโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งสะอาด ปลอดภัย เด็กมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ผู้ที่ดูแลเด็กต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนเตรียมอาหารและหลังเข้าห้อง น้ำ ให้เด็กกินอาหารที่สุกใหม่ ๆ และดื่มน้ำต้มสุก โดยให้เด็กที่ป่วยถ่ายอุจจาระลงในภาชนะที่รองรับมิดชิด แล้วนำไปกำจัดในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
นพ.ศรายุธ แนะวิธีการป้องกันดูแลรักษาร่างกายให้ห่างจากโรคว่า กรมควบคุมโรคได้ออกคำเตือนภัยแก่ประชาชนในการป้องกันภัยหนาวครั้งนี้ โดยแนะนำ 4 สิ่งควรทำและ 5 สิ่งที่ต้องเลี่ยง คือ สิ่งที่ควรทำ ได้แก่ 1. รักษาความอบอุ่นของร่างกาย เช่น ใส่เครื่องนุ่งห่มให้ความอบอุ่น 2. รับประทานอาหารมีประโยชน์และเพิ่มพลังงาน เช่น แป้ง ไขมัน รวมทั้งน้ำดื่มอุ่น ๆ 3. ออกกำลังการ พอเหมาะสม่ำเสมอ 4. เจ็บป่วย ไม่สบาย รีบพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ส่วนสิ่งที่ต้องเลี่ยง ได้แก่ 1. การดื่มสุราเพื่อแก้หนาว 2. การผิงไฟในที่อับอากาศ 3. นอนในที่ลมโกรก โดยไม่มีเครื่องป้องกัน 4. ผู้ปกครองอย่านำเด็กเล็กเข้าใกล้ควันไฟ หรือห่มผ้าคลุมศีรษะจนหมด 5. อย่าคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
“นอก จากนี้ ขอเตือนผู้ที่ชอบซื้อเสื้อกันหนาวมือสองมาสวมใส่ ควรระมัดระวังในเรื่องของการติดเชื้อ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรซักให้สะอาดและตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค”
กรมควบคุมโรค รู้ก่อน รู้ทัน ป้องกันได้
นักวิจัยฟินแลนด์ศึกษาพบว่า ผู้ที่มีปริมาณของไลโคปินอันเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ในมะเขือเทศอย่างอุดมในเลือดสูง จะสามารถหลบเลี่ยงการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตมากถึงครึ่งต่อครึ่ง
อย่าง เช่นพบว่า ผู้ที่มีสารนี้ในเลือดมากที่สุด จะหนีพ้นโรคร้ายนี้ เมื่อเทียบกับผู้ที่มีในตัวน้อยกว่าเพื่อนมากกว่ากันถึงร้อยละ 55 นักวิจัยศึกษากับผู้ชายชาติเดียวกันเรือนพัน ที่มีอายุระหว่าง 46-63 ปี โดยวัดปริมาณไลโคปิน ตอนต้นการศึกษา ซึ่งใช้เวลาถึง 12 ปี สาเหตุส่วนใหญ่ของการเป็นลมอัมพาต เนื่องจากเลือดอุดตัน
ผลการศึกษาแสดงว่า ผู้ที่มีปริมาณของไลโคปินในเลือดสูงที่สุด จะมีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตน้อยกว่าเพื่อนที่มีน้อยที่สุด ร้อยละ 59.
**********************************
เป็นของสำนักข่าวต่างประเทศ ถาพคมชัดมาก นาทีท้ายๆนะครับ
ขอให้จับพวกชั่วนี่ได้เร็วๆ ขอให้แกนนำโดนกรรมสนองภายในปีนี้ด้วยเทอญ
ชักทนไม่ไหวกับพวกห่านนี่จริงๆแล้วครับ
ด้วยความเคารพ ผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำของตำรวจในคลิปนี้เลยครับ...
คือตำรวจไม่ควรไปโห่พวกมันเลยครับ แต่ควรเอากระบองฟาดให้แม่งหน้าแหกไปเลย...
หรือไม่ก็กระโดดเตะให้แม่งตัวหัก แล้วรุมกระทืบแม่งไปเลยดีกว่า...
ตำรวจปฏิบัติกับพวกมันดีเกินไปครับ... พวกสวะเผด็จการพวกนี้ไม่สมควรเก็บไว้ทำพันธุ์แม้ซักนิดเดียว...
น้ำตาลูกผู้ชาย ที่ชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ
ชัดเจนดี ว่าใครเป็นใครที่ถ่วง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีแถลงการณ์ในวันนี้ แสดงจุดยืนต่อสังคมในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมบริเวณอาคารกีฬาเวสน์ 2 ดินแดง และคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย และคณะกรรมการการเลือกตั้งคงไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรม จึงขอให้รัฐบาล คู่ขัดแย้ง และทุกภาคส่วนในสังคม ทำความเข้าใจและสร้างข้อตกลงร่วมกัน เพื่อความสงบสุขในสังคม คณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จนกว่าจะมีข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งพร้อมทำหน้าที่คนกลางในการหาข้อยุติร่วมกันนั้น รัฐบาลขอกราบเรียนชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนว่า เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ต้องมีการเลือกตั้งภายในเวลา 60 วัน นับแต่วันยุบสภา เพื่อให้มีสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยเร็ว กลไกลในการบริหารจัดการประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนจะได้ดำเนินไปอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ
กำหนดวันเลือกตั้ง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นวันที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกายุบสภา และไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายใด ที่ให้อำนาจรัฐบาลในการเลื่อนวันเลือกตั้งดังกล่าว คงมีแต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 78 ที่ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดวันลงคะแนนใหม่ เฉพาะในหน่วยเลือกตั้งแห่งใดที่ไม่สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ เนื่องจากเกิดการจลาจล เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจำเป็นอย่างอื่น โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เหตุดังกล่าวสิ้นสุดลง
กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า ปรากฏการณ์ความรุนแรงยิ่งจะทวีความรุนแรงขึ้น หากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไปนั้น การเลื่อนการเลือกตั้งออกไปกลับยิ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวายและมีความรุนแรงมากกว่า และในเวลาที่นานกว่า เพราะเมื่อมีการเลือกตั้ง ได้สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ การแก้ไขปัญหาต่างๆ และการปฏิรูปประเทศจะได้ดำเนินไปโดยผู้ที่ได้รับอาณัติจากพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และมีโอกาสได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชนมากกว่า
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่บริเวณอาคารกีฬาเวสน์ 2 ดินแดง ในวันนี้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บจากกระสุนปืนและวัตถุระเบิดอีก 25 นาย และผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งนั้น ไม่ควรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเมื่อวานนี้ วันที่ 25 ธันวาคม 2556 มีการประสานงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้เตรียมลงในราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง แต่ก็น่าเสียดาย เพราะในที่สุดมีการแจ้งยกเลิก ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่มีมติให้เปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัครดังกล่าว
คณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในการจัดการเลือกตั้ง รัฐบาลได้แจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า พร้อมจะสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ การที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอให้รัฐบาล คู่ขัดแย้ง และทุกภาคส่วนในสังคม ทำความเข้าใจและสร้างข้อตกลงร่วมกันเพื่อความสงบสุขในสังคมนั้น รัฐบาลได้พยายามแล้วที่จะเปิดเวทีให้ ทุกภาคส่วนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหาข้อสรุปร่วมกันมาหลายครั้ง แต่ก็มีบางฝ่ายที่ไม่เข้ามาร่วมในเวทีดังกล่าว หากคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอตนเป็นคนกลางในการเชิญทุกฝ่ายเข้ามาหารือ คณะกรรมการการเลือกตั้งก็สามารถกระทำได้ โดยสามารถเริ่มต้นเชิญฝ่ายผู้ชุมนุมมาหารือได้ทันที กระบวนการหารือนี้สามารถทำไปได้พร้อมๆ กับการเลือกตั้ง
ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุด
ขอจิตวิญญาณของดาบฯณรงค์ เข้าสู่สุขคติภพ
ปชช.ขอบคุณในการปฏิบัติปกป้อง ปชต ของท่านด้วยชีวิต
รวมทั้งเพื่อนตำรวจอย่างยิ่ง
นี่คือ ชุดเครื่องแบบของ ดต.ณรงค์ ปีติสิทธิ์ แห่งสน.บางยี่เรือผู้เสียชีวิต
ตำรวจที่เสียชีวิต คือ นายดาบฯ ณรงค์ จากสน.บางยี่เรือ...
เพราะถูกยิงที่บริเวณหน้าอก..กระสุนฝังที่ปอด..
โดยแพทย์พยายามยื้อชีวิตแล้วไม่สำเร็จ..
ผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเวลา16 น.เศษ...
ลูกชายเพ่ิง 5 ขวบ
ภรรยาและลูก
ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ ผบ.หมู่ สน.ตลาดพลู
ที่ถูกยิงเสียชีวิตกลางหน้าอก ขณะวิ่งหนีมือเปล่า
ถึงรพ.ตำรวจร่ำไห้พูดคำเดียวว่า
**************************
ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย
ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย
เสียสละเวลาอ่านสัก 15-20 นาที
ใช้วิถีธรรมชาติขจัด 6 โรคร้ายใน 4 เดือน
จากหนุ่มใหญ่วัยใกล้เกษียณที่ถูกโรคร้ายรุมเร้าถึง 6 โรค ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบรุนแรง และปริมาณ เม็ดเลือดแดงมากเกินไป ซึ่งจากประสบการณ์ทางแพทย์ที่สั่งสมมา ทำให้เขารู้ว่า โรคร้ายเหล่านี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงกินยาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
แต่เมื่อเขานำศาสตร์ในการดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการค้นคว้าและทดลองปฏิบัติด้วยตัวเองมาใช้ ‘นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์’ กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัดอยุธยา และประธานกรรมการบริหารเวลเนสซิตี้ กรุ๊ป ก็ต้องพบกับความอัศจรรย์ว่า เขาสามารถขจัดโรคร้ายทั้ง 6 โรคได้ภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือน
• 6 โรคร้ายรุมเร้าจนต้องลุกขึ้นมาหาวิธีปฏิวัติตัวเอง
คุณหมอบุญชัยเล่าว่า ด้วยการใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่เต็มด้วยความเร่งรีบ ความเครียดที่เกิดจากการทำงานและการกินอาหารตามความเคยชิน ส่งผลให้สุขภาพของเขาเริ่มมีปัญหา และสั่งสมเรื่อยมาจนกลายเป็นโรคร้ายถึง 6 โรคด้วยกัน
น้ำหนักของเขาขึ้นไปถึง 113 กิโลกรัม ระดับน้ำตาลในเลือดสูงถึง 294 ขณะที่ความดัน ตัวบนอยู่ที่ 170 ตัวล่าง 110 อีกทั้งไขมันในเลือดยังผิดปกติ!!
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แม้เขาจะเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนไข้มามากมาย แต่เขากลับไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ของตัวเองให้หายขาดได้
ในทางกลับกันโรคที่เป็นอยู่กำลังเป็นสะพานที่นำไปสู่โรคภัยที่ร้ายแรงขึ้น จุดนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณหมอหันมาศึกษาค้นคว้า เพื่อหาทางแก้ไขและลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองอย่างจริงจัง
“ความจริงหลายๆโรคที่เป็นเนี่ยะ เราก็รู้มาก่อนอยู่แล้ว อย่างโรคอ้วน โรคเม็ดเลือดแดงมากเกินไป โรคตับอักเสบเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง แต่สาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนชีวิตตัวเองก็คือ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ปี 53 ผมตรวจร่างกาย พบว่า เป็นเบาหวานและน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งโรคเบาหวานมันเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคต่างๆตามมาอีกเยอะ เช่น โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ ตาบอดเพราะเบาหวานขึ้นตา
โรคเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงรักษาตามอาการ กินยาเพื่อรักษาระดับน้ำตาล ซึ่งต้องกินยาตลอดชีวิต แต่การกินยามากๆ จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ทำให้ตับเสื่อมและไตวาย ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมมองหาวิธีการใหม่ที่จะมีโอกาสหายจากโรคเบาหวานหลากหลาย วิธีการ
วิธีการที่ผมใช้เริ่มจากพื้นฐานความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ และอาศัยความรู้หลายอย่างประกอบกัน ทั้งความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ โบราณคดี วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ความรู้เรื่องการเจริญของโลก ความรู้เรื่องมานุษยวิทยา ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิต ซึ่งเราก็เอาหลายๆอย่างมาผสมผสานกัน เพื่อหารากเหง้าความเป็นมาว่า มนุษย์เรามีความเป็นมาอย่างไร คือคนในปัจจุบันไม่ได้ดำรงอยู่ตามธรรมชาติ เพราะเราสั่งสมวัฒนธรรมความรู้เพื่อจะทำให้เราดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย ซึ่งการที่เราใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วย ดังนั้น การที่เราจะหายป่วยได้ เราก็ต้องไปหาว่า การใช้ชีวิตตามธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร” นพ.บุญชัย เล่าย้อนให้ฟังถึงสาเหตุที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง
• ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย
จากการศึกษาวิเคราะห์ศาสตร์ต่างๆ ทำให้คุณหมอบุญชัยได้ข้อสรุปว่า อาหารที่คนเรานิยมบริโภคอยู่ในปัจจุบันนั้น ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติและความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุคือ ปรับเปลี่ยนวิธีการกินและการดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ จึงเกิดเป็นศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' ที่คุณหมอค้นพบด้วยตัวเอง
การค้นพบครั้งนี้ได้สร้างความอัศจรรย์ให้แก่วงการแพทย์อย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่คุณหมอนำศาสตร์ดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็ปรากฏว่า โรคร้ายที่คุณหมอบุญชัยเป็นอยู่ถึง 6 โรคนั้นได้อันตรธานหายไปภายระยะเวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น
“จากการศึกษาทำให้เราพบว่า จริงๆแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งอยู่ในตระกูลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลเดียวกับลิง สมัยดึกดำบรรพ์เรากินผักและผลไม้เป็นหลัก ซึ่งผักผลไม้ที่เรากินจะเป็นพวกใบอ่อน ย่อยง่าย และก็กินพวกเนื้อสัตว์บ้าง กินไข่ กินดินโป่งเป็นอาหารเสริม แต่ปัจจุบันเราไม่ได้กินแบบนี้อีกแล้ว วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้อาหารการกินของเราเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าเราบริโภคสิ่งที่ไม่เหมาะกับร่างกายของมนุษย์ ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าเราจะใช้ชีวิตตามธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ เราจะทำยังไง จะปรับได้ขนาดไหน
ผมจึงออกแบบชีวิตในปัจจุบันให้ปลอดภัยในระดับที่สามารถรักษาโรคที่เกิดจาก การใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้ชีวิตในการทำงานแบบคนเมืองได้ คือต้องสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตตามกฎธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบคนเมือง เราก็ใช้วิธีการทดลอง ดูจากตำรา ดูจากงานวิจัย และการทดลองปฏิบัติ ทำให้ได้ข้อสรุปของวิธีดำเนินชีวิตตามกฎธรรมชาติ
สรุปออกมาเป็นข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ และสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ 5 ข้อ ซึ่งเรียกสั้นๆว่า กฎห้าม 5 ต้อง 5” นพ.บุญชัย พูดถึงศาสตร์การคืนสู่วิถีธรรมชาติที่เขาค้นพบ
ก่อนปฏิบัติ
หลังปฏิบัติ
• มหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ
โรคร้ายหายเป็นปลิดทิ้ง
หลังจากที่คุณหมอบุญชัยปฏิบัติตามกฎ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' เขาก็พบกับความมหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ เพราะสุขภาพของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และโรคร้ายที่เป็นอยู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ผมเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงตอนนี้ก็ 2 ปีกว่าแล้ว ซึ่งหลังจากเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตแค่เดือนก็เห็นผลแล้ว พอถึงเดือนที่ 4ปรากฎว่า 6 โรคที่เป็นหายหมดเลย ยกเว้นไขมันในหลอดเลือดยังลดลงไม่ถึงระดับ คือโรคอ้วนก็หาย จากเดิมน้ำหนัก 114 กก. ลดลงเหลือ 89 กก. น้ำหนักผมลดลงไป 25 กก.
ตอนนี้โรคต่างๆหายหมดแล้ว เบาหวานก็หาย น้ำตาลในเลือดที่เคยขึ้นไปถึง 294 ปัจจุบันเหลือ 90 มันลดลงเอง ไม่ต้องใช้ยาเลย ความดันผมลดลงจาก ตัวบน 170 เหลือ 105 ตัวล่างจาก 110 เหลือ 70 เส้นเลือดที่เคยแข็ง เส้นเลือดที่อุดตัน ก็เปลี่ยนเป็นเหนียว ยืดหยุ่นดี
คือมันเป็นวิธีที่ง่ายมากๆ เหมือนเส้นผมบังภูเขา แต่เรามองไม่ออก คือการใช้ยานอกจากจะแค่รักษาตามอาการ ไม่หายขาดแล้ว ยังมีผลข้างเคียงด้วย แล้วถ้าใช้ยาเราก็จะไม่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต เพราะเราคิดว่ายาช่วยเราได้ คืออวัยวะที่มันเสื่อมไปเนี่ยะมันฟื้นไม่ได้
อย่างเช่นโรคเบาหวาน เกิดขึ้นเพราะตับอ่อนเสื่อมจึงผลิตอินซูลินได้ไม่ดี แต่ร่างกายต้องใช้อินซูลินในการควบคุมน้ำตาล เมื่อผลิตอินซูลินได้น้อยน้ำตาลในเลือดก็ขึ้น พอเราปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ร่างกายดีขึ้น ตับอ่อนฟื้นตัวขึ้นก็ผลิตอินซูลินได้ดี เมื่อมีอินซูลินมาควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด น้ำตาลในเลือดก็ลดลงโดยไม่ต้องใช้ยาเลย” นพ.บุญชัย กล่าวถึงชีวิตใหม่ที่เขาได้รับหลังจากกลับมาสู่วิถีธรรมชาติ
• เดินหน้าเผยแพร่แนวคิดพิชิตโรค
เมื่อค้นพบวิธีที่สามารถทำให้หายจากโรคร้าย ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งนอกจากจะเป็นวิธีที่ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเห็นผลอย่างรวดเร็ว
ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นหมอที่อยากเห็นคนไข้หายป่วยและกลับมามีสุขภาพที่ดี คุณหมอบุญชัยจึงตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวให้แก่คนไข้และบุคคลทั่ว ไป ทั้งโดยการบรรยายให้แก่หน่วยงานและโรงพยาบาลต่างๆ และการเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบง่ายให้ผู้ที่สนใจนำไปปฏิบัติ
“ปกติผมจะมีคอร์สบรรยายเรื่องการรักษาโรคโดยไม่ต้องใช้ยา แต่ใช้วิธีปรับการใช้ชีวิต ผมจัดเป็นหลักสูตร แล้วก็เอาหลักสูตรที่ได้มาเขียนลงหนังสือ เอาความรู้ที่ได้มาสอนคนอื่นต่อ ก็มีองค์กรใหญ่ๆติดต่อเข้ามาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน การประปานครหลวง บริษัทปูนซิเมนไทย บริษัทการบินไทย ผมอบรมไปเกือบหมื่นคนแล้ว ผมไปบรรยายตามโรงพยาบาลที่ต้องการให้จำนวนคนไข้ลดลง เช่น ที่โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี
คนไข้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของผมแล้วมีเยอะมาก คือถ้าปฏิบัติจริงจังต้องเห็นผลทุกราย จากสถิติคนที่ผ่านการอบรมในคอร์สของผมเนี่ย สามารถปฏิบัติอย่างจริงจังและได้ผลเต็มที่ประมาณ 30 % ปฏิบัติได้พอประมาณและได้ผลดี ประมาณ 40% ส่วนที่เหลืออีก 30% ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เลยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร คือหลักสูตรของผมนั้นไม่ใช่ว่าเอายาลูกกลอนไปกิน 10 หม้อแล้วหาย แต่มันคือหลักสูตรการเปลี่ยนชีวิตคน” นพ.บุญชัยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
• ขอเพียงมีศรัทธาต่อชีวิต โรคร้ายก็หายได้
คุณหมอบุญชัยยังได้กล่าวตบท้ายให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยทุกคนว่า ขอเพียงมีศรัทธาก็สามารถหายจากโรคร้ายและกลับมามีชีวิตใหม่ได้แน่นอน
“ถ้าไม่เป็นโรค เราก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมโชคดีที่ผมเป็นโรคที่เราวัดได้ว่าเปลี่ยนแปลงตัวเอง 10 ข้อแล้วเห็นผล มันก็เกิดกำลังใจ เกิดการเรียนรู้ เกิดการค้นคว้าจนได้คำตอบ
ผมจึงอยากให้ผู้ป่วยทุกคนมีศรัทธาต่อชีวิต มีความหวัง โรคทุกโรคเนี่ยะถ้าเรามีความเชื่อว่าเราจะหาย มีพลัง มีความมุ่งมั่น เราก็มีโอกาสหาย และถ้าเราปฏิบัติตามวิธีที่ถูกต้องเราก็สามารถหายได้
เพราะว่าร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางธรรมชาติที่วิเศษที่สุด เพราะมันฟื้นฟูตัวเองได้ มันแก้ไขอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงแต่อย่าเอาจิตเราไปขวางมัน เราเพียงแต่เติมเต็มสิ่งที่จะเสริมสร้างร่างกายเรา เช่น อาหาร น้ำ อากาศ อย่างถูกต้อง พวกนี้ก็จะเป็นวัตถุดิบที่จะไปสร้างร่างกายเรา ขบวนการซ่อมตัวเองจะเกิดขึ้น”
• ข้อห้ามปฏิบัติ 5 ข้อ
1. ห้ามจินตนาการเชิงลบ เนื่องจากจิตใต้สำนึกเป็นตัวควบคุมพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าคิดบวกหรือคิดลบก็ล้วนมีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น ดังนั้น หากเราจินตนาการเชิงลบจะก่อให้เกิดความเครียด อารมณ์ร้าย ซึ่งจะเป็นผลลบต่อร่างกาย
2. ห้ามอ้วน เนื่องจากความอ้วนเป็นบ่อเกิดแห่งโรค ซึ่งเราจะพบว่า คนสมัยก่อนนั้นใช้ชีวิตตามป่าเขา หากินตามวิถีธรรมชาติ มีโอกาสได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงไม่อ้วนเหมือนผู้คนในปัจจุบัน ทำให้คนสมัยก่อนไม่ค่อยเป็นโรค
3. ห้ามรับประทานน้ำตาล รวมถึงขนมและอาหารที่ใส่น้ำตาล เนื่องจากความจริงแล้วอาหารที่เราได้จากธรรมชาตินั้นมีแป้งและน้ำตาลอยู่ แล้ว ซึ่งน้ำตาลตามธรรมชาตินั้นมีสัดส่วนที่พอดีและเหมาะกับร่างกาย แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ติดหวาน เพราะเคยชินกับการเติมน้ำตาลในอาหารมาก จึงทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา
4. ห้ามรับประทาน Trans Fat หรือไขมันที่ผ่านความร้อน เพราะเมื่อไขมันผ่านความร้อน ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว ทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำเข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ ไม่อิ่มตัวและดึงไขมันอิ่มตัวขึ้นมา ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้เรียกว่า Trans Fat มักอยู่ในของทอด โดยคนที่กินอาหารทอดมากๆ มักเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
5. ห้ามรับประทานสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หมู วัว แพะ แกะ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ เนื่องจากหากศึกษาจากโครงสร้างจะพบว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืช โดยฟันของมนุษย์เป็นฟันแบบตัดซึ่งเหมาะกับการบดเคี้ยวพืช แต่เนื้อสัตว์ใหญ่จะมีลักษณะเหนียวเกินกว่าฟันมนุษย์จะบดเคี้ยวได้
นอกจากนั้น ลำไส้ของมนุษย์ยังมีลักษณะยาวมาก ทำให้เนื้อที่เหนียวและต้องใช้เวลาย่อยหลายวันไปเน่าอยู่ในลำไส้ จึงเกิดเชื้อแบคทีเรียและสารพิษตามมา
• ข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ
1. เน้นการกินพืชผักผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารตามวิถีดั่งเดิมของมนุษย์ ในปริมาณครึ่งหนึ่งในแต่ละมื้ออาหาร โดยเน้นผักผลไม้ที่ไม่หวานจัด และไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงสุก เนื่องความร้อนจะไปทำลายวิตามิน เอนไซม์ และสารต่างๆที่มีลักษณะเป็นยา หากทำได้ทุกมื้อก็จะเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะ
2. กินข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่ เพราะจะทำให้ได้สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดปริมาณข้าวและคาร์โบไฮเดตลงตามลำดับ เนื่องจากจริงๆข้าวและคาร์โบไฮเดตไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้เราหันมาบริโภคข้าวและคาร์โบไฮเดตจนเกิดความ เคยชิน และกลายเป็นการบริโภคเกินความจำเป็น
3. ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง โดยออกกำลังกายในระดับที่เหงื่อออก หัวใจเต้นแรง ได้หอบหายใจ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายขับพิษออกหลายๆทาง ระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองจะทำงาน ซึ่งระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองนั้นเป็นระบบป้องกันโรคที่สำคัญของมนุษย์
นอกจากนั้น ขณะที่หอบหายใจนั้น ร่างกายจะเอาอากาศออกจากปอดได้ทั้งหมด ทำให้อากาศที่อยู่ในปอดสะอาดและมีปริมาณออกซิเจนสูง
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงการนอนหลับที่ดีที่สุดคือช่วง 22.00-02.00 น. เนื่องจากช่วงดังกล่าวร่างกายจะผลิตเมลาโพนินฮอร์โมนออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เราง่วง พอหลับสนิทร่างกายก็จะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาอีกตัวหนึ่ง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโต ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เกิดการซ่อมสร้างในเวลาที่รวดเร็ว
5. การมีจินตนาการเชิงบวก คือการจะให้ร่างการมีสุขภาพดี เราจะต้องมีจินตนาการเชิงบวกต่อสุขภาพ ทำให้ชีวิตเรามีความสุข สุขภาพดี แข็งแรง ร่างกายจะเป็นไปตามที่เราคิด ถ้าเราเครียดร่างกายเราก็จะอ่อนแอ จิตใต้สำนึกมันส่งผลต่อร่างกาย
องค์กรสร้างสรรค์เพื่อสังคม iCARE
*****************************************
ดร.พิชิตฟันแสกหน้า สมชัย
1/8
"พิชิต"ฝากไปถึงคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.หน้าใหม่ในฐานะ
คนรุ่น 6ตุลาฯ19ที่เผชิญผลของเผด็จการมาเหมือนกัน
ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์
กล่าวว่า...(สมชัย)..วันนี้คุณมาเป็นกกต.แล้ว คุณได้ตำแหน่งนี้
เพราะเหตุใดก็แล้วแต่ คนไทยวันนี้ไม่โง่แล้ว และเขาจำได้ว่า
ใครเป็นใคร ทำอะไรมาก่อน และกำลังทำอะไร เพื่อใคร?
3/8
ตอนที่คดี ม.112 กำลังแพร่ระบาด คุณก็ออกมาร่วมเรียกร้องให้
จัดการขั้นเด็ดขาดกับคนที่คุณเชื่อว่า "ผู้ที่ละเมิดสถาบันกษัตริย์"
ซึ่งในความเห็นของผมก็คือ ผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองแล้วถูกใส่
ร้ายด้วยข้อหาร้ายแรงต่างหาก
4/8
มาวันนี้ คุณมานั่งในตำแหน่งกกต.อันทรงเกียรติ นับแต่วันแรกๆ
คุณก็แสดงบทบาทที่ไม่เป็นกลางอย่างโจ่งแจ้ง สอดประสานกับ
กลุ่มกปปส. ที่มุ่งจะล้มการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ด้วยวิธีการรุนแรง
ละเมิดสิทธิ์ ผิดกฎหมาย
5/8
คุณแสดงทัศนะสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกปปส.ที่ขัดขวาง
การเลือกตั้ง บอกว่า"เป็นสิทธิ์ตามรธน." แต่กลับไม่เห็นว่า
การขัดขวางของกปปส.ก็ละเมิดสิทธิ์ตามรธน.ของผู้คนนับพัน
คนที่ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้ง และก็ละเมิดสิทธิ์ตามรธน.
ของคนไทยส่วนใหญ่ที่ต้องการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่
2 ก.พ. 57
7/8
บางคนถึงกับเสนอว่า คุณสมชัย น่าจะลาออกไป
เคลื่อนไหวร่วมกับกปปส.ต่อต้านการเลือกตั้ง
อย่างเปิดเผยเลยดีกว่ามั้ง?
8/8
"คุณสมชัย ผมย้ำอีกทีว่า คุณมาเป็นกกต.ได้ด้วยเหตุใด
ก็แล้วแต่ ประชาชนจะจำคุณได้ตลอดไปว่า คุณสามารถ
จัดการเลือกตั้งได้อย่างเป็นธรรม และมีส่วนในการแก้ไข
วิกฤติในครั้งนี้ หรือคุณมีส่วนสำคัญในการทำลายการ
เลือกตั้ง 2 ก.พ.57 แล้วนำไปสู่สงครามกลางเมือง
และการนองเลือดครั้งใหญ่!!! ความรับผิดชอบและผลกรรม
ที่ตามมา ขึ้นอยู่กับคุณเอง!!!" นายพิชิต กล่าวย้ำ
สนามไทย-ญี่ปุ่น วันนี้ครับ
ตำรวจไทยในสถานการณ์เช่นนี้ ที่มีมวลชนมากดดัน เกียรติยศและศักดิ์ศรี เราต้องยอมเสีย เขาถูกฝึกมาให้อดทนอดกลั้น คนไทยด้วยกัน เกียรติยศและศักดิ์ศรี สามารถกู้คืนมาได้ แต่การกระทำจะเป็นตัวชี้วัดทั้งผู้กระทำและถูกกระทำ ให้กำลังใจตำรวจไทย
ลูกผู้ชาย เท่านั้นที่สามารถ อดทนต่อสภาวะกดดันนี้ได้ กรุณาอย่าหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นคน
เหนื่อยและสงสาร ตำรวจเป็นที่สุด ...เกียรติและศักดิ์ศรีไม่เหลือแล้ว ผมยังจำได้สมัยม็อบ พธม. บุกยึดดอนเมือง สมัยนายกสมชาย...มีการถุยน้ำลายรดหัวนายตำรวจท่านหนึ่ง....ซึ่งไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกระยำพวกนี้ ...มันทำได้ยังไง...
*************************************
วันที่: Fri Nov 15 17:45:41 ICT 2024
|
|
|
6/8
สำหรับคุณ สิทธิ์ของ กปปส.สำคัญกว่าสิทธิ์ของประชาชน
ส่วนใหญ่อย่างนั้นหรือ??
ตั้งแต่วันแรก คุณก็ตั้งธงเด่นชัดมาแต่ไกล เอาแต่เสนอให้
รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งท่าเดียวด้วยอ้างเหตุสารพัด
การดำเนินงานของกกต.เต็มไปด้วยความล่าช้า และ
ไม่มีประสิทธิภาพ จนทำให้ผู้คนสงสัยไปทั่วว่าคุณและ
กกต.ไม่ทำหน้าที่ตามกฎหมายของตน แต่กำลังจงใจ
บ่อนทำลายการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 หรืออย่างไร?