10 อาหารบั่นทอนพลังเพศ
ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (TESTOSTERONE) เป็นฮอร์โมนเพศที่สำคัญที่สุดของผู้ชาย ซึ่งจะกำหนดความรู้สึกและอารมณ์ของความเป็นชาย มีหน้าที่สำคัญคือกระตุ้นให้แสดงลักษณะความเป็นชาย ซึ่งรวมไปถึงเรื่องความต้องการทางเพศ, การสร้างเชื้ออสุจิ, ปริมาณของขนเพชรและขนตามร่างกาย กล้ามเนื้อและกระดูก การลดลงของระดับฮอร์โมนเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและปัจจัย โดยเราได้ศึกษาบทความจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายบทความ ถึงอาหารที่ช่วยเพิ่ม และทำลายฮอร์โมนเพศชายของคุณ
ในขณะที่เรารู้ว่าช็อกโกแลต และอัลมอนด์ มีคุณสมบัติเป็นยาโด๊ปที่ดี แต่ก็มีอาหารบางประเภทที่ให้ผลตรงข้ามกับความต้องการทางเพศของคุณ จึงควรศึกษาด้วยว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่สามารถทำลายพลังการขับเคลื่อนทางเพศ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์ของคุณด้วยเช่นกัน ในเมื่อตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ต้องการจะกระตุ้นให้ความต้องการทางเพศของคุณร้อนแรงอยู่ตลอดเวลา มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่คุณควรตีตัวออกห่าง หรือตัดออกจากเมนูอาหารหลักของคุณไปตลอดกาล
1. ถั่วเหลือง (soy)
ผลการวิจัยจากวารสาร “European Journal of Clinical Nutrition” พบว่า ผู้ชายที่บริโภคถั่วเหลืองวันละ 120 มิลลิกรัม มีผลทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ลดลง ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย เอสโตรเจนที่พบมากในถั่วเหลือง จะไปกดการทำงานของฮอร์โมนเพศชาย และในถั่วเหลืองยังมีสารไฟโตรเอสโตรเจน ( phytoestrogens) อยู่มาก จะออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งสามารถลดจำนวนอสุจิในผู้ชายอีกด้วย หากว่าคุณรับประทานถั่วเหลืองในปริมาณที่มากเกินไป มีผลทำให้เต้านมของคุณใหญ่ขึ้น มีผิวพรรณเนียน สวย ดูดี แต่ข้อเสียที่ตามมาคือ ปัญหาผมร่วง ส่วนเรื่องของผู้ชาย 'จอดสนิท' อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้
2. หอยนางรม (Oysters)
หอยนางรมได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาแห่งยาโด๊ป เป็นแหล่งของแร่ธาตุสังกะสีซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างฮอร์โมนเพศชาย และความไวของคลิตอริส แต่มันยังเป็นอาหารให้โทษต่อร่างกายได้อีกด้วยหากรับประทานมากเกินไป เพราะหอยนางรม หรือหอยชนิดอื่นๆ จะดูดซับสารพิษและเชื้อปรสิตในท้องทะเลเอาไว้ ดังนั้นควรรับประทานแต่พอดี เพราะถ้าอาหารเป็นพิษขึ้นมา นอกจากจะไม่ปึ๋งปั๋ง หมดเรี่ยวแรงแล้ว ยังต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลอีกก็เป็นได้ หรือจะลองเปลี่ยนมาเพิ่มธาตุสังกะสีกับอาหารประเภทอื่นๆ อย่างเช่น ผักโขม ที่มีปริมาณสังกะสีสูง แต่ปริมาณแคลอรีต่ำ จะดีต่อสุขภาพมากกว่า
3. กาแฟ (Coffee)
1 ถ้วยกาแฟในตอนเช้าสามารถกระตุ้นให้คุณมีความสุขได้ แต่หากคุณดื่มกาแฟเป็นประจำ และดื่มต่อวันมากเกินไปมีความเสี่ยงต่อการทำลายต่อมหมวกไตซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเครียด (stress hormone) ถ้าคุณมีกาเฟอีนในร่างกายมากเกินไปอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนความเครียด ดังนั้น ถ้าหากตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอารมณ์รักหรืออยากจะโรแมนติกกับคู่ของคุณแล้วล่ะก็ ทางที่ดีที่สุดคือ ควรลดปริมาณการดื่มกาแฟลง
4. เครื่องดื่มน้ำอัดลม (Aerated Drink)
จากการศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกว่า 21,000 ชิ้น และได้ตีพิมพ์ในวารสารด้านการแพทย์ “The New England Journal of Medicine” สรุปได้ว่า การบริโภคเครื่องดื่มที่มีรสหวาน น้ำตาล ซ่า สามารถก่อให้เกิดความผันผวนต่อน้ำหนักและอารมณ์ของคุณเอง รวมไปถึงปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่ตามมา เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคฟันผุ การดื่มมากเกินไป เครื่องดื่มเหล่านี้อาจกลายเป็นยาพิษรสหวาน ที่นอกจากจะทำให้คุณทุกข์ทรมานจากโรคภัยต่างๆ แล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพทางเพศของคุณได้อีกด้วย
5. สารให้ความหวานเทียม (Artificial Sweeteners)
สารให้ความหวานเทียมจะมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดปัญหากับฮอร์โมนซีรีโทนิ (Serotonin) ในร่างกายคุณ หากคุณกำลังพยายามที่จะลดน้ำหนักและควบคุมอาหาร โดยใช้สารให้ความหวานเทียม โดยส่วนผสมนี้สามารถลดระดับฮอร์โมนซีโรโทนิ (hormone serotonin) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหัว, ซึมเศร้า, หงุดหงิด, วิตกกังวล และนอนไม่หลับ “ซีโรโทนิ” (Serotonin) ถือเป็นฮอร์โมนแห่ง “ความสุข” หากฮอร์โมนตัวนี้ลดระดับลงย่อมมีผลต่ออารมณ์และความใคร่ ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพิสูจน์แล้วว่าสารให้ความหวานเหล่านี้มีผลต่อระบบประสาท เพื่อให้พฤติกรรมทางเพศของคุณปกติ ควรเลือกรับประทานความหวานจากธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง และน้ำตาลทรายแดง จะดีกว่า
6. อาหารกระป๋อง (Canned Foods)
อาหารกระป๋องจะเต็มไปด้วยโซเดียม การผลิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และปรุงแต่งด้วยสารสังเคราะห์เทียมต่างๆ เป็นอาหารที่มีโซเดียมในปริมาณที่สูงและปริมาณโพแทสเซียมต่ำ อาจนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง จะมีความดันโลหิตเลี้ยงไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่สม่ำเสมอ ลดการไหลของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย
นอกจากนั้น ในอาหารกระป๋องยังพบสาร BPA ที่เคลือบภายในบรรจุภัณฑ์อาหารกระป๋อง และที่สำคัญคือ มีการทดลองในหนูพบว่า BPA เป็นสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งในต่อมลูกหมาก โดยข้อมูลงานวิจัยระบุว่า เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ของเพศหญิง ทำให้สเปิร์มลดลง ปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งอีกด้วย
7. อาหารทอดและอาหารขยะ (Fried and junk food)
อาหารทอดและจังก์ฟูด เช่น เฟรนช์ฟาย มันทอด ไก่ทอด และแฮมเบอร์เกอร์ เรียกได้ว่าเป็นเพชฌฆาตตัวฉกาจเลยทีเดียว เมื่อตัวการร้ายที่สำคัญของอาหารทอดอย่างไขมันทรานส์ ที่แทรกอยู่กับอาหารทอดแทบทุกชนิด ที่ใช้น้ำมันพืชผ่านความร้อน ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศลดต่ำลง และยังเป็นสาเหตุให้คุณภาพในการผลิตสเปิร์มลดลง และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในที่สุด
8. แอลกอฮอล์ (Alcohol)
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะไม่เคยทำลายความต้องการทางเพศ แต่การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไปมีผลต่อตับ ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ในร่างกายสูงขึ้นและอัณฑะทำงานผิดปกติ จนผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ลดลง การดื่มจัดยังมีผลไปกดระบบประสาทส่วนกลาง อาจทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวไปชั่วขณะได้
9. โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG: Monosodium glutamate)
ผงชูรส มักจะถูกใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูป หรืออาหารตามร้านค้าต่างๆ ก็ตาม เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารนั้นๆ แต่อาจก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า ส่งผลกระทบต่อภาวะอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว และการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศตามมา
10. มินต์ (Mint)
คิดสักนิดก่อนที่คุณจะหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยว แม้ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและช่วยระงับกลิ่นปาก มินต์ อาจจะไม่ดีนักสำหรับอารมณ์ความใคร่ของคุณ หากรับประทานมากจนเกินไป มินต์หรือน้ำมันที่มีส่วนผสมของใบสะระแหน่ และเมนทอล สามารถลดระดับฮอร์โมนเพศชายได้ ดังนั้น หันไปพกแปรงสีฟันเพื่อลมปากสดชื่นจะดีกว่า
************************
ตรวจดูสภาพน้ำท่วม ที่ ต.ไร่ใต้อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี (27 ก.ย.56)
อาสาฯ คนไทยช่วยน้ำท่วม คนไทยไม่ทิ้งกันค่ะ
สรุปสถานการณ์น้ำท่วมทั่วประเทศ ขณะนี้มีทั้งสิ้น 29 จังหวัด ประชาชนเดือดร้อน 620,000 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 คน โดยภาคอีสาน มีน้ำท่วม 8 จังหวัด ส่วนภาคเหนือ 6 จังหวัด ภาคกลางมี 6 จังหวัด ขณะที่ภาคตะวันออก มี 4 จังหวัด
และวันนี้ (27 ก.ย) คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มอบถุงยังชีพ พร้อมเป็นกำลังใจ ให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย ที่ ต.ไร่ใต อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี นอกจากนี้ ศูนย์อาสาฯเตรียมส่งถุงยังชีพไปช่วยจังหวัดต่างๆเพิ่มเติม ได้แก่ อุบลราชธานีอีก 1,000 ถุง สระบุรี 500 ถุง ปราจีนบุรี เรือ 5 ลำ ข้าวสาร 250 ถุงค่ะ
ทุกท่านสามารถร่วมกันบริจาคสิ่งของได้ที่ มูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช 67 ถ.เศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ หรือ มูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกระทรวงการคลัง เลขที่บัญชี 068-0-02-3607 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook : อาสาฯคนไทยช่วยน้ำท่วม
Mallika Boonmeetrakool
Wilai Siri
"คุณอภิสิทธิ์ มาถูกทางแล้ว....อย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกา!!!
ยามชาวประชาเดือดร้อน "ต้องรีบไปในทันใด!!! ไปยืนเคียงข้างประชาชน!!!" ทีนี้ล่ะ......ประชาชนเค้าจะจำฝังใจ!!!
เค้าจะรู้ว่าใครรักประชาชน หรือ ใครแค่อ้าง!!!!! ประชาชน!!!!!
ไปก่อนคือมาร์คสร้างภาพ ไปทีหลังคือมาร์คไม่ทำอะไร !!
สรุปมาร์คหายใจยังผิดสำหรับฝั่งตรงข้าม
ถาพแบบนี้มีผลทางจิตวิทยาเยอะ
เยอะมากด้วยเพราะมันเกิดการเปรียบเทียบได้ ยิ่งความช่วยเหลือภาครัฐไปช้าเท่าไหร่ รัฐบาลยิ่งเสียคะแนน
ผมมองว่า กิจกรรมดีๆอย่างนี้น่าจะมีการนำไปเผยแพร่ให้กว้างขวางครับ
มันสามารถประชาสัมพันธ์ได้ จะได้รู้ว่ามีประชาชนที่เค้าเดือดร้อนอีกเยอะ
และจะมีคนเข้าร่วมกิจกรรมกับ ปชป.อีกเยอะ เป็นการสร้างสำนึกร่วมกัน
เหมือนกับที่พวกบริษัทฯเอกชนยักษ์ใหญ่ทั้งหลายทำกัน
อยากให้ทีมงาน ปชป.นำไปพิจารณาครับ ด้วยความเคารพ
ไม่มีสีเสื้อ ไม่มีการเกณฑ์ประชาชน
ไม่มีนาย ไม่มีทาส ไม่มีการจัดตั้ง
งดงามครับ..................
*************************************************
วันศุกร์ ที่ 27 กันยายน เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 10
นิทานเซ็น
ทิศทางกับหนทาง
โพสท์ในเวปกองทัพพลังจิต โดยคุณ กระสือข้างส้วม เมื่อ 09-03-2005
นักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งได้นัดกันไปปีนเขา แต่วันนั้นดินฟ้าอากาศเกิดแปรปรวนขึ้นอย่างฉับพลัน จึงทำให้พวกเขาพลัดหลงอยู่ในหุบเขา หาทางออกไม่ได้อยู่หลายวัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพรานหลายคน ได้ช่วยกันค้นหาอย่างไม่ลดละจนในที่สุด ก็สามารถหาพวกเขาพบและช่วยเหลืออกมาได้
ในขณะที่กำลังลำเลียงพวกเขาขึ้นรถพยาบาลอยู่นั้น นักศึกษาคนหนึ่งที่นอนอยู่ในเปลก็ได้พูดขึ้นมาว่า
"อันที่จริงพวกเราทุกคนต่างรู้ทิศทางที่จะออกจากหุบเขานี้ดี แต่มันน่าเจ็บใจที่เดินยังไงก็ออกมาไม่ได้สักที"
"รู้แค่เพียงทิศทางมันจะมีประโยชน์อะไร" ทหารพรานคนหนึ่งพูดโพล่งออกมาอย่างไม่เกรงใจ "รู้หนทางสิ จึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"
นักศึกษาหนุ่มแสดงสีหน้างุนงงเพราะไม่เข้าใจความหมาย ทหารพรานคนนั้นจึงได้กล่าวต่อไปว่า
"แม้ทิศทางจะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการที่จะช่วยคุณค้นหาหนทางได้ แต่ทิศทางก็ยังไม่ใช่หนทางอยู่ดี ตัวอย่างเช่น หากทิศทางบอกกับคุณว่า ควรมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก เพราะคุณจะสามารถพบหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ได้ แต่บังเอิญหนทางที่คุณกำลังจะไปกลับที่หุบเหวมาขวางทางเสียก่อน และไม่ว่าคุณจะพยายามยังไง ก็ไม่สามารถข้ามหุบเหวนั้นไปได้ ในขณะนั้น ทิศทางก็บอกกับคุณอีกว่าควรขึ้นเหนือ เพราะทางทิศเหนือมีเมืองอยู่เมืองหนึ่ง แต่หลังจากที่คุณต้องระหกระเหินเดินผ่านป่าทึบด้วยความยากลำบาก คุณกลับต้องมาเจอกับแม่น้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่งขวางทางไว้ และคุณก็ไม่มีความมั่นใจพอที่จะเข้าไปได้ ถึงต้อนนี้คุณจะทำยังไง?"
"หากพิจารณาหากตัวอย่างข้างต้นก็จะเห็นได้ว่า ทิศทางที่คุณเดินไปนั้นไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายคุณก็ยังไม่สามารถออกมาจากหุบเขานั้นได้ นั่นก็เพราะคุณไม่พบหนทางนั่นเอง"
ทิศทางนั้นหาง่าย แต่หนทางมันหายาก ทิศทางนั้นเด่นชัด แต่หนทางมักแอบแฝงซ่อนเร้น หากพระนิพพานคือทิศทางที่ทุกคนควรมุ่งหน้าไปให้ถึง แล้วหนทางเล่า? อยู่ที่ไหน? บางคนมุ่งแสวงหาในพระคัมภีร์ แต่สุดท้ายก็เหนื่อยเปล่า เพราะหากยังไม่พบหนทาง รู้ทิศทางก็ไร้ประโยชน์ เพราะหากยังไม่พบหนทาง ก็ไม่มีวันที่พ้นทุกข์ได้สุข การ"ปล่อยวาง"นั่นเเหละ คือบันไดขั้นเเรกที่จะพาให้ก้าวย่างผ่านทุกข์ สงบสุขอย่างเยือกเย็น......
|
ดาริน คล่องอักขระ - บรรณาธิการข่าวยุทธศาสตร์, รู้สู้ภัยพิบัติ (ร่วมกับวิทยากร รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์) ไทย พีบีเอส
เท่าที่จำได้ นอกจาก นายกมาร์ค แล้วยังมี
นส. บุณย์ธิดา สมชัย
นาย อิสสระ สมชัย
ดร. ศุภชัย ศรีหล้า
นายวุฒิพงษ์ นามบุตร
นายวิฑูรย์ นามบุตร
นายอิสรา สุนทรวัฒน์
วันที่: Fri Nov 15 18:50:00 ICT 2024
|
|
|