"เฮ้ยไอ้อ่ำ มึงขับช้ากว่านี้หน่อยไม่ได้หรือวะ ยังไงก็ขึ้นเวทีทันอยู่เเล้ว มันอันตรายเว้ยยย..."
เสียงจากเจ้าหมายเด็กหนุ่มตัวดำร่างเล็กจากคลองข่อย โพธาราม ราชบุรี ได้กล่าวเตือนเพื่อนรักที่กำลังขับรถทำเวลาอย่างเร่งรีบเพื่อจะไปขึ้นวงดนตรี พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่เปิดทำการเเสดงรออยู่เเล้วในตัวเมืองเพชรบุรี
"มึงกลัวจะตายโหงเหมือนพี่เปี๊ยก สังข์ทอง ที่ขับ บี.เอ็ม คว่ำที่กุยบุรี เมื่ออาทิตย์ที่เเล้วเหรอวะไอ้หมาย..."
เสียงจากเจ้าอ่ำเด็กหนุ่มจากสระสี่เหลี่ยม พนัสนิคม ชลบุรี กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะกับการขี้ขลาดตาขาวของเพื่อนรัก
"มึงไปพูดถึงพี่เปี๊ยกเขาทำไมวะไอ้อ่ำ..ปากหมา!!!..."
ได้ผล..เสียงใหญ่ๆทุ้มๆของพี่เเดง เด็กหนุ่มจากวิเศษชัยชาญ อ่างทอง ที่นั่งอยู่ข้างหน้าคู่คนขับได้เอ่ยปรามเด็กหนุ่มทั้งสอง ที่ทำท่าจะโต้เถียงกันอยู่เป็นประจำเพราะต่างคนก็ต่างไม่ยอม ก็จะมีเเต่พี่เเดงนี่ล่ะที่สองคนจะพอกลัวๆเกรงๆกันบ้าง
เจ้าหมายได้เเต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังลอยมาจากที่เขานั่งอยู่เบาะหลังด้วยสายตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย เจ้าหมายไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมหัวหน้าพุ่มพวงถึงรับงานเเสดงซ้อนกันอย่างนี้? วันที่ 1 ก.พ 2527 วงใหญ่ตั้งท่าคอยอยู่เเล้วที่งานปิดทองฝังลูกนิมิตร่ที่วัดบางขุนไกร บ้านเเหลม เพชรบุรี เเต่วงเล็กก็ทำการเเสดงอยู่ที่วัดปรักเขว้า พนมทวน กาญจนบุรี โดยมีน้องสาวสลักจิตร ดวงจันทร์คอยควบคุมวงเเละจัดคิวให้นักร้องระดับเเผ่นเสียงหัวหน้าวงอย่างเขาทั้ง 3 คนได้ขึ้นเวทีที่เมืองกาญจน์ก่อน เเล้วจึงค่อยเร่งทำเวลาไปขึ้นที่เวทีใหญ่ในเมืองเพชรก่อน 5 ทุ่มให้ได้ เเต่ทว่ากว่าจะออกจากพนมทวนมาได้ก็เกือบจะ 4 ทุ่มอยู่เเล้ว เเล้วมันจะเป็นไปไอย่างไร?..ไม่มีทาง.......
เเทบไม่น่าเชื่อในชะตาที่ชีวิตที่ผกผันของเจ้าหมาย ความตั้งใจเดิมเมื่อจบ ม.ศ 3 จากโรงเรียนวัดสนามชัย ราชบุรีเเล้ว ความใฝ่ผันของเขาต้องการอย่าจะไปเรียนจ่ำอากาศเพื่อจบมาเป็นรั๊วของชาติสมกับความเป็นลูกผู้าชายที่ครั้งหนึ่งเกิดมาก็ขอบูชาปกปักษ์รักษาผืนเเผ่นดินเเม่ให้คงไว้ตราบชั่วกัลปวสาน เเต่ทว่าสิ่งที่เขาหวังไว้กลับไม่เป็นดังคาด เขาสอบตกก็เพราะมาจากส่วนสูงของเขาเท่านั้นเอง เขาสูงเเค่154 ซม.เเล้วก็ไม่มีเส้นไม่มีสายที่จะยัดเข้าไปได้ จึงได้เเต่เพียงเก็บความน้อยอกน้อยใจเอาไว้ในใจอย่างเงียบๆกับความผิดหวังทีเขากำลังได้รับอยู่ขณะนี้....เเต่โชคชักพาชะตาชักนำที่ฟ้าลิขิตชีวิตของเขาไว้เเล้วที่จะให้เป็นตำนานของลูกทุ่งไทย
หลังจากไวพจน์ เพชรสุพรรณ เเตกหักกับวงรวมดาวกระจายของครูสำเนียง ม่วงทอง เเล้วเเยกตัวออกมาทำวงเองโดยการดึงเอา ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัยการเวก เสียงทอง เเละชัยชนะ บุญณโชติ ออกมาด้วย เเล้วก็ประกาศวิทยุรับสมัครนักร้องใหม่เข้ามาเสริมทีมอย่างมากมาย ก็เลยนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่หนุ่มน้อยหน้ามลคนคลองข่อยนามว่า จดหมาย เเหยมศิริ ก็ได้มีโอกาสมาสมัครเเข่งขันกับเขาด้วย โดยเลือกเพลงของ ไพรวัลย์ ลูกเพชรร้องเข้าประกวด โดยใช้สถานที่สำนักงานวงดนตรีไวพจน์ เพชรสุพรรณ ในซอยวัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพ เป็นเวทีการเเข่งขัน ผลปรากฎว่าเขาได้ที่ 1เเต่ทว่าการประกาศผลนั้นกว่าจะรู้ผลมันก็เย็นมากเเล้วรถที่จะกลับโพธารามมันก็หมดซะเเล้ว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาก็เลยหน้ามึนขออาศัยนอนสักคืนที่สำนักงานวงดนตรีนั่นเเหละ ไวพจน์เองก็อัดอั้นตันใจเพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเเม่ยายก็เกรงใจเเม่เขาอยู่...เเต่อีกใจหนึ่งก็ให้นึกเสียดายเด็กหนุ่มตัวดำร่างเล็กที่มาจากโพธารามยิ่งนัก เเนวเสียงร่องเดียงกับไพรวัลย์เป๊ะเเต่ว่าหวานกว่าขืนปล่อยหลุดมือไปก็โง่นะซิ ก็เลยขอเเม่ยายให้ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้นอนที่นอกชานก็เเล้วกัน ก็นับว่าชีวิตบนเส้นทางถนนลูกทุ่งของเขาก็เริ่มต้นในวันนั้นนั่นเอง
ด้วยความขยันอดทนซื่อสัตย์ไม่นิ่งดูดายเอาอกเอาใจผู้หลักผู้ใหญ่เก่ง จึงทำให้ไวพจน์ เพชรสุพรรณ กับครู จิ๋ว พิจิตร ผลักดันปลุกปั้นเพื่อจะให้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังให้ได้ โดยพ่อไวพจน์ตั้งชื่อให้ว่า เพชร โพธาราม บันทึกเเผ่นเสียงเพลงเเรกคือเพลง ทุ่งรักไกลบาง ผลปรากฏว่าไม่ได้รับความนิยมเท่าทีควรเเต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไร จนกระทั่งพ่อไวพจน์ได้เเต่งเพลง ต.ช.ด ขอร้อง ให้ โดยใส่ไว้ในภาพยนตร์เรื่องเเคนลำโขง ปรากฎว่าได้รับความนิยมถล่มทลาย เเล้วยังมีเพลงตามอีกชุดใหญ่จากครูจิ๋ว พิจิตร สุโขทัยระทม ครูสาธร จินดา เเต่งเพลงรักคนชื่อน้อย อัดเข้าไปอีกจนดังเปรี้ยง จนกระทั่งพี่ชายเเท้ๆตั้งวงดนตรีให้เดินสายไปทั่วประเทศ ตั้งวงได้ 7-8 ปีก็ไปไม่ไหวสู้ความดังของ สายัณห์ สัญญาไม่ได้ก็ต้องยุบวงไปเเล้วก็มาอยู่กับวงพุ่มพวง ดวงจันทร์ในเวลาต่อมา
สายตาของเจ้าหมายหรือ เพชร โพธาราม ก็ทอดยาวออกไปนอกตัวรถอย่างไร้จุดหมายปลายทางผสมผสานไปกับความมืดของทั้งสองเส้นทางที่ไม่มีเเสงสว่างจากเสาไฟฟ้าข้างทางเลยเเม้เเต่่ต้นเดียว ข้างหน้าเป็นทางเเยกเข้าวัดเขาตะเครา ก็อีกไม่ไกลก็เข้าสู่เขตบ้านเเหลมอยู่เเล้วก็คงจะเลยเวลา 5 ทุ่มไปไม่มากนัก สักพักเสียงทุ้มใหญ่ๆของพี่เเดงที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
"เฮ้ยไอ้อ่ำ..อะไรนอนขวางอยู่กลางถนนวะนั่น?.."
"คนเว๊ยๆ หลบๆๆไอ้อ่ำหล๊บบบบ!!!..."
เจ้าหมายร้องเสียงหลงมาจากเบาะหลัง เเต่ไม่ทันการณ์เสียเเล้ว เจ้าอ่ำหักหลบเบี่ยงซ้ายไปไม่พ้น ล้อหน้าขวาขึ้นไปเหยียบทับบนศพทีนอนขวางบนถนนอยู่นั่นจนรถเหินปัดเป๋เบี่ยงออกไปทางขวา จังหวะเดียวกันนั่นเองรถบรรทุกขนพักที่กำลังมุ่งหน้าจะเข้ากรุงเทพ ก็หลบไม่ทันเหมือนกัน จึงเกิดการประสานงากันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว...
"โครมมมม!!!........"
สิ้นเสียงดังปานฟ้าผ่าของอุบัติเหตุในครั้งนี้ เจ้าหมายค่อยๆตะเกียกตะกายออกมาจากซากรถเก๋งที่ข้างหน้าเเหลกยับย่นยู้ยี่จนมาถึงเกียร์ ภาพที่เห็นอยู่หน้าไอ้อ่ำตายคาที่ พี่เเดงก็คอหักตายคาที่เหมือนกัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งข้าวของกระจุยกระจายเกลื่อนถนนเป็นภาพชวนสยดสยองยิ่งนัก
เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่ 2 ก.พ 2527 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างก็พากันพาดหัวข่าวขึ้นหน้า 1 พร้อมกันว่า
"ปาฎิหารย์ เพชร โพธาราม รอดตายรถคว่ำ!! มนต์รัก ขวัญโพธิไทย ขับ เสกศักดิ์ ภู่กันทอง นั่งหน้า คอหักตายคาที่!!..."