Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

สัญญาของพ่อ

ArjanPong | 24-09-2556 | เปิดดู 3610 | ความคิดเห็น 0






 

 
 
"อีเมือง..มึงอย่าทิ้งน้องทิ้งเเม่ไปไหนนะลูก...."

เสียงสั่นเครือปนเสียงไอหอบของผู้เป็นพ่อได้สั่งเสียไว้กับ ด.ญ สงเมือง คิดเห็น เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทิ้งครอบครัวเมียเเละลูกน้อยอีก 6 คน ทนสู้ฝ่าฟันกับชะตาชีวิตอย่างไร้ทิศไร้ทาง ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก นาวาชีวิตลำนี้เธอจะต้องเป็นผู้นำพาให้พ้นจากมรสุมชีวิตที่จมปลักไปให้ได้อีกนานเเค่ไหนหนอ?

มันเป็นภาระที่หนักอึ้งเสียเหลือเกินสำหรับเด็กสาวจากชัยภูมิที่วัยเเค่ 11 ขวบเท่านั้น น้องตัวเล็กๆยังกระจองอเเงกันอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ส่วนเเม่ก็สาละวนอยู่กับการเผาถ่านที่หลังบ้าน อันที่จริงจะเรียกว่าบ้านก็กระไรอยู่ ไม้กระดานผุๆเเละสังกะสีเก่าๆพอเเต่กันเเดดกันฝน เเอบซ่อนหลบตัวอยู่เงียบๆขออาศัยอยู่ในเขตป่าช้าของวัดสว่างอารมณ์ ตำบลนาฝาย เมืองชัยภูมิ เป็นที่ซุกหัวนอน

เหนื่อยสายตัวเเทบขาด ถ่านกว่าจะขายได้เเต่ละถุงมันช่างยากเย็นเข็ญใจเสียเหลือเกิน ร้องเพลงไปร้องไห้ไปปากก็ร้องขายถ่านไปทุกตรอกซอกซอย กว่าจะถึงบ้านก็ค่ำมืด เสื้อผ้ามอมเเมมตัวดำปิ๊ดปี๋ ผมเผ้าเป็นสังคตังเเข็งโป๊กม้วนกันเป็นก้นหอย ไม่ต้องไปหาสบู่หรือยาสระผม ใช้เเฟ๊บนั่นเเหละเเทนทุกอย่าง เเล้วไม่ต้องไปกังวลว่าจะตื่นสายไปโรงเรียนไม่ทัน เพราะพีน้องทั้ง 6 ไม่มีใครได้เรียนหนังสือเลยเเม้เเต่คนเดียว จึงไม่ต้องเเปลกใจเลยว่าบ้านนี้ไม่มีใครอ่านหนังสือออกเลยสักคน

"เเม่จ๋า..เมืองว่าจะขอไปทำงานที่ตลาดได้มั๊ยเเม่?..."
"งานอะไรของมึงวะอีเมือง?..." ผู้เป็นเเม่เอ่ยขึ้นในขณะที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับการกรอกถ่านใส่ถุง
"ล้างจานที่ร้านโต้รุ่งในตัวตลาดจ่ะเเม่..."

เงียบไม่มีเสียงโต้ตอบใดๆมาจากผู้เป็นเเม่เลย ความเงียบเเบบนี้มันช่างเย็นยะเยือกไปจับขั้วหัวใจของนังหนูน้อยเสียนี่กระไร ให้เเม่ด่าเเม่ว่าเเม่ตีซะยังดีกว่าที่จะมานั่งเงียบกันอยู่อย่างนี้

"เขาให้มึงเดือนเท่าไร?..."
"150 จ๊ะเเม่.."
"ก็เเล้วเเต่มึง!!..."
 
ผู้เป็นเเม่ตอบด้วยน้ำเสียงต่ำๆ เเล้วหันหน้าเบือนหนีไปอีกทาง เเม่หนูน้อยหากสังเกตุสักนิด ก็คงจะมองเห็นหยาดน้ำใสๆที่ทำท่าจะเอ่อล้นจากขอบตาทั้งสองข้างของผู้เป็นเเม่ เเตเธอก็ปาดทิ้งอย่างว่องไวเเล้วก็รีบเชิดหน้าขึ้น จะมีเเม่คนไหนในโลกนี้ล่ะที่จะทำใจได้ เมื่อรู้ว่าลูกจะลาจากหายไปทั้งคน....

ก้าวเเรกที่โบยบินออกมาจากอ้อมอกเเม่ ชีวิตของเเม่หนูน้อยก็พลิกผันโซซัดโซเซอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่ง วงดนตรีบรรจบ เจริญพร ได้ยกวงมาทำการเเสดงที่ตลาดโต้รุ่งเเห่งนั้น ด้วยความที่เป็นเด็กที่ชอบเสียงเพลงพาซื่อเดินทื่อเข้าไปสมัครเป็นนักร้องโดยที่ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองสักนิดเลย ทางหัวหน้าวงก็ปฎิเสธบอกว่านักร้องเต็ม เเม่หนูน้อยก็ได้เเต่เสียใจ พอดีมีหางเครื่องคนหนึ่งนึกสงสารก็เเอบนัดเเนะกันหลังวงดนตรีเลิกให้เตรียมเสื้อผ้ามาเลยเดี๋ยวจะเเอบพาขึ้นรถเเล้วค่อยไปบอกกับหัวหน้าเขาทีหลังก็ได้

พอมาถึงกรุงเทพก็ดึกมากโข หางเครื่องใจดีคนนั้นก็บอกให้คอยอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าซอยบุปผาสวรรค์ เดี๋ยวตอนสายๆจะมารับเพราะห้องที่เช่าอยู่กับผัวนอนได้เเค่สองคนเท่านั้น ตกลงคืนเเรกในกรุงเทพของเเม่หนูน้อยผู้อาภัพก็คือนอนที่ป้ายรถเมล์ตรงนั้นนั่นเอง...พอตกสายๆของวันใหม่ หางเครื่องผู้ใจดีคนนั้นก็มาตามนัดหมายจริงๆ เเล้วก็พาเเม่หนูน้อยไปสมัครเป็นนักร้องกับ บรรจบ เจริญพร อีกครั้ง...คราวนี้ก็เหมือนเดิม ถูกปฎิเสธอีก เเต่ว่ายังพอมีโชคอยู่บ้าง หัวหน้าบรรจบก็รับเอาไว้ทำงานบ้านทุกอย่างโดยที่ไม่มีเงินเดือนเเม้เเต่สตางค์เเดงเดียว ทว่ามีเเค่ที่ซุกหัวนอนเท่านั้นก็เพียงพอเเล้วสำหรับชีวิตของเธอ

อยู่มาวันหนึ่ง ด้วยความที่อยากจะเป็นนักร้องเเต่งตัวสวยๆร้องเพลงอยู่บนเวที ก็ไปหยิบเอาชุดนักร้องของเมืยหัวหน้ามาลองสวมใส่ดูอยู่ที่หน้าตู้กระจก โชคร้ายเจ้าของเข้ามาเห็นพอดี ถูกตียังกับหมูกับหมา ตัวเขียวช้ำเป็นรอยจ้ำไปทั้งตัว ถูกถีบหัวไล่ส่งออกมาจากบ้านของหัวหน้าพร้อมกับถุงก๊อบเเก๊บใส่เสื้อผ้าสีซีดเก่าๆ อีก 2 ตัว ระหกระเหินเดินไปอย่างไร้จุดปลายทางเเล้วเเต่ขาจะพาไป น้ำตาไหลอาบเเก้มอยู่ตลอดทาง นานเท่าไหร่ถึงไหนก็ไม่รู้?..สองเท้ามาหยุดอยู่ที่ตรงกลางสะพานพุทธ ไม่ไหวเเล้วชีวิต มันช่างเหน็ดเหนื่อยเสียเหลือเกินสำหรับชาตินี้ ตัดสินใจปีนขึ้นไปบนราวสะพานจะไม่ขออยู่อีกต่อไปเเล้ว..พอกันที...เเต่ดูเหมือนว่าสวรรค์ยังไม่ต้องการเธอ อาซิ้มเเก่ๆคนหนึ่งเข้ามาฉุดเเล้วดึงช่วยชีวิตของเธอไว้ทัน ปลอบอกปลอบใจกันสักพักอาซิ้มผู้ใจดีก็พาเธอมาอยู่ด้วย ช่วยร้อยมาลัยอยู่ที่ปากคลองตลาดนั่นเอง

อยู่ได้ไม่นานก็ถูกเด็กเกเรเจ้าถิ่นรุมรังเเกเเกล้งอยู่ตลอดเวลา จนถูกขับไล่ไสส่งให้ระหกระเหินอีกครั้ง ไปหมดเเรงอยู่ที่หน้าเมรุเผาศพของวัดดงมูลเหล็กอยู่ตั้งเเต่เมื่อไรก็ไม่รู้ หลวงพ่อท่านมีเมตตาให้ข้าวก้นบาตรกินกันตาย ก็เลยเป็นเด็กวัดอยู่ที่นั่นโดยปลอมเป็นเด็กผู้ชายกินนอนอยู่ในกุฎินั่นเเหละ ตอนอาบน้ำก็ไปอาบหลังวัดเงียบๆกลัวคนจะรู้ จนกระทั่งเริ่มโตเป็นสาว ก่อนที่ความจะเเตก ก็กราบลาหลวงพ่อบอกว่าคิดถึงเเม่ขอกราบลาตรงนั้นเลย เเล้วก็ไม่ลืมไปขุดเอาชุดนักร้องที่เเอบฝังไว้ท้ายวัดเอาไปด้วย ใส่ชุดนักร้องไปสมัครสวนอาหารคาเฟ่เป็นสิบๆเเห่งถูกปฎิเสธทุกที่


จนกระทั่งเธอได้มีโอกาสได้ร้องเพลงตามความฝันที่ เทพธิดาคาเฟ่ ย่านฝั่งธนพร้อมกับตำเเหน่งล้างจานไปด้วย โชคดีมาถึงได้พบกับคุณ ณรงค์ รอดเจริญ ผู้บริหาร ท๊อปไลน์ ไดมอนด์ ก็ได้รับการชักชวนให้มาบันทึกเเผ่นเสียงจนกระทั่งโด่งดังไปทั้งประเทศ ถึงเเม้เธอจะมีชื่อเสียงเเต่เธอก็ไม่เคยลืมกำพืดของตัวเอง ได้ขนเอาเเม่เเละก็น้องๆจากชัยภูมิมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพทั้งหมด มาอดด้วยกันมาอิ่มด้วยกันอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

...คืนนี้ดึกมากเเล้ว เเสงจันทร์ส่องสว่างช่างงามนัก นางสาว สงเมือง คิดเห็น เด็กน้อยขายถ่านโกโรโกโสจากบ้านป่าเมืองพ่อพระยาเเล หรือในนามนักร้องชื่อดัง อ้อยใจ เเดนอิสาน ยังไม่ได้ง่วงนอนเลยเเม้เเต่เพียงน้อยนิด เหลียวย้อนระลึกถึงเส้นทางที่ผ่านในอดึตของชีวิตเธอที่มีล้มมากกว่าลุก มีเเต่ทุกข์มากกว่าสุขหลายเท่านัก...เเต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหนักหนาสาหัสสากรรจ์สักเพียงใด เธอก็จะไม่มีลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อเป็นครั้งสุดท้ายเป็นอันขาด

"อีเมือง..มึงอย่าทิ้งน้องทิ้งเเม่ไปไหนนะลูก....."
"จ่ะพ่อ........."

เสียงกระซิบเบาๆจากริมฝีปากของเด็กสาว ที่ฝากไว้ไปกับสายลม ห่มผ่านไปกับเเสงดาว สาดส่องสกาววาววับอยู่ที่สุดขอบฟ้า ด้วยใบหน้าที่อาบยิ้มไปทั้งน้ำตาของเธอ.....................


 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 15:01:37 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>