" มาต่อเพลงกับพี่หมานเหรอ?.."
" ครับ "
" ตื่นเเล้วล่ะ เดี๋ยวเเกก็ลงมา กินกาเเฟกันก่อนมั๊ย? "
" ขอบคุณครับ ผมเรียบร้อยมาเเล้วครับ.."
ร่างที่ผอมสูงของจ่าโรจน์ รุ่งเรือง นักดนตรีของวง ดุริยะโยธิน กำลังนั่งดื่มกาเเฟอย่างสบายอารมณ์บนชานหน้าห้องของบ้านตนเอง ที่เเอบซุกตัวอย่างเเออัดยัดเยียดอยู่ภายในซอยข้างวัดเทพธิดาราม ผมก็ได้เเต่ยิ้มขอบคุณเเล้วก็กล่าวได้เพียงสั้นๆเเค่นั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เบี่ยงตัวหลบออกมาหามุมเงียบๆนั่งคอยพี่หมานอยู่ตรงข้างๆบ้านของจ่าโรจน์นี่เเหละ...
ภาพบ้านของพี่หมานเช้าวันนี้ ทำไมมันถึงช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน? ลูกตัวเล็กของพี่หมานร้องไห้โยเยไม่ยอมไปโรงเรียน คุณย่าทั้งขู่ทั้งปลอบเสียงดังระเบ็งเซ็งเเซ่ไปหมด ผมเเอบถอนหายใจลึกๆยาวๆกับภาพที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ มันช่างต่างกับเรากันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว ไม่มีหรอกเสียงจ้ำจี้จ้ำไชให้ไปโรงเรียนเเบบนี้ จะมีก็เเต่เสียงไม้เรียวของหลวงพ่อพรหม เจ้าอาวาสวัดสมอราย โคราช เท่านั้นเเหละ สำหรับเด็กดื้อที่ไม่ยอมเรียนหนังสืออย่างตั้งใจ ภาพของหลวงพ่อที่ลงมาสอนหนังสือเองที่ใต้ถุนศาลา เป็นภาพที่กราบได้สนิทใจนัก ผู้ทรงศีลที่ทุ่มเทเเรงกายเเละใจทั้งหมด เพียงหวังให้คนในหมู่บ้านสมอราย ไม่ให้โง่ไปกว่าเขา มีวิชาความรู้ติดตัวต่อไปในภายภาคหน้า
" โยมเทพ จบหกเเล้วจะไปเรียนไหนต่อล่ะ? "
" กระผมว่าจะเข้ากรุงไปอยู่กับอาที่บางลำภู ขอรับหลวงพ่อ "
" เเล้วจะไปต่ออะไรล่ะโยม? "
" กระผมว่าจะไปเรียนต่อที่เพาะช่างขอรับ "
" ดีเเล้วล่ะโยมเทพ ขอให้สมความมุ่งหวังทางด้านการเรียนนะ จบเเล้ว ก็เอาวิชาความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเราด้วยล่ะ "
"ขอรับหลวงพ่อ..."
สิ่งที่รับปากกับหลวงพ่อพรหมเอาไว้ในวันนั้น มันยังก้องในสมองอยู่ตลอดเวลา เหอะน่า หากมีโอกาส ก็จะทำตามที่ให้สัจจะไว้กับหลวงพ่อจนสุดกำลังเลยทีเดียว
" อ้าว..มาเเล้วเหรอเทพ มาเข้ามาข้างในบ้านก่อนซิมา "
" สวัสดีครับพี่หมาน "
ผมกล่าวทักทายครู สมาน กาญจนะผลิน อย่างคนคุ้นเคย เเล้วก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างเกรงใจ พี่หมานได้หยิบเพลงมาให้ เเล้วก็บอกให้ทดลองร้องให้ฟัง
" เพลงอะไรล่ะพี่หมาน? "
" เเก้วกัญญา "
" ชื่อเธอเพราะจังเลย บ้านอยู่เเถวไหนล่ะ สวยมั๊ย? "
" สวย..สวยมาก...เเละเร็วด้วย บ้านเธออยู่ราชตฤณมัย "
" คนใช่มั๊ย? "
" ม้าโว้ยยย!!..."
ผมนิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป ตั้งหน้าตั้งตาต่อเพลงอย่างใจจดใจจ่อ ต่อกันจนกระทั่งเที่ยง พี่หมานก็บอกว่าพอก่อนเหอะ เเล้วก็พาผมไปกินก๊วยเตี๋ยวหมูที่สี่เเยกสำราญราษฎร์ เเล้วก็สั่งให้ท่องเพลงซ้อมเพลงให้ขึ้นใจ อีกห้าวันนัดหมายอัดเสียงจริงที่ห้องบันทึกเสียงบนชั้นสองของศาลาเฉลิมไทย.....
เเละเเล้ว วันที่ผมรอคอยก็มาถึง นอกจากจะตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมาซ้อมร้องเพลงแล้ว รีบอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวตามสบาย เดินลัดเลาะจากบ้านบางลำพูเรื่อยมาจนถึงโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ขึ้นไปจนถึงห้องอัด แต่ยังไม่มีใครมาก็เลยลงมานั่งคอยที่ร้านไอศกรีมที่ชั้นล่าง
เอาเนื้อเพลงออกมาร้องทบทวนสักพัก นักดนตรีหลายท่านแบกกลองแบกเบส หิ้วเครื่องดนตรีของแต่ละคนทยอยขึ้นไป รวมทั้งพี่หมานด้วย ผมตามขึ้นไปอีกครั้ง ไหว้นักดนตรีและพี่หมานแล้ว ก็รอให้เขาตั้งวงตามจุดที่ช่างบันทึกเสียง (ดูเหมือนจะเป็นแขก) ชี้ให้ ดูๆแล้วก็เห็นแต่ไมโครโฟนตัวเดียวที่นักดนตรีใช้ ส่วนนักร้องมีอีกหนึ่งตัวอยู่ตรงมุมห้อง หน้าห้องควบคุมเสียงนั่นแหละ
ตั้งวงดนตรีเสร็จแล้ว พี่หมานก็เรียกผมไปซ้อมกับวงดนตรี ใจผมเริ่มเต้นผิดปกติ จะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่ จะว่ากลัวก็ไม่เชิง ตื่นเต้นกระมัง?! ไม่หรอกน่า งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงานก็ร้องมาตั้งเยอะแยะแล้ว ทำไมกะอัดแผ่นเสียงแค่นี้ถึงได้ใจเต้นเป็นวรรคเป็นเวร ก็มันไม่เคยนี่นา......
พอไฟเขียวสัญญาณให้ทุกคนเงียบ พอไฟเหลืองใจผมก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีก มันเต้นดังจนผมกลัวมันจะดังเข้าไปในไมโครโฟนพอถึงไฟแดง พี่หมานก็เริ่มนับด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวายังถือทรัมเป็ตพร้อมที่จะเป่า
อินโทรเริ่มขึ้นจนครบห้อง ผมมัวแต่มองพี่หมานเลยไม่ได้อ้าปากร้อง พี่หมานหันมามอง ผมตกใจยกมือไหว้ขอโทษ พี่หมานยิ้มๆ หันไปบอกนักดนตรี “เอาใหม่” หันไปมองช่างควบคุมเสียง ช่างผงกศีรษะ พี่หมานนับใหม่ ขึ้นดนตรีมาอีกครั้ง ผมเริ่มต้นร้องได้หนึ่งท่อน ไม่รู้ใครปล่อยเสียงดังปี๊ดออกมา ช่างควบคุมเสียงดับไฟแดง เตรียมย้อนเทปอัดใหม่
กว่าจะเสร็จเพลงแก้วกัญญาก็ว่ากันไปหลายหน กว่าที่พี่หมานจะพอใจ เล่นเอาเหงื่อแตกพลั่ก เพราะเวลาอัดเสียงต้องดับแอร์ (ไม่งั้นเสียงแอร์เข้า) จึงร้อนเอามากๆ
" พี่หมานครับ ถ้าไม่มีเพลงเเก้วกัญญา ในวันนั้น เมื่อปี 2495 ก็จะไม่มี สุเทพ วงศ์กำเเหง ในวันนี้ได้เลยครับพี่หมาน..........."