Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

เเถลงการณ์ฉบับสุดท้ายพันธมิตร

ArjanPong | 21-08-2556 | เปิดดู 3945 | ความคิดเห็น 0

 

 

          

                   

 

 

 

                    

 

 

 

 

 

       

[IMG]

 

 

 

แถลงการณ์ฉบับ ที่ 5/2556 พันธมิตรประชาขนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง 'แถลงการณ์ฉบับสุดท้าย'

 

ตาม ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่4/2556 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมพ.ศ. 2556 ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธธิปไตยจะยังไม่นำมวลชนเคลื่อนไหวในช่วงเวลา นี้สืบเนื่องจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปินและประชาชน ได้ถูกกลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จและเพิ่มผู้ต้องหาจำนวน ถึง 96 คน อย่างอยุติธรรมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งนำโดยนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ที่ต้องการสร้างพันธนาการให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยแม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง ตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษาหลักนิติรัฐนิติธรรม แต่ศาลอาญาก็ได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขตั้งแต่่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ว่า

 

"ห้าม มิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความเสีย หายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือกระทำการใดๆเพื่อให้ ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล"

 

และ ศาลอาญาได้แถลงย้ำคำสั่งดังกล่าวอีกเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ย่อมแสดงให้เห็นว่าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปินและประชาชนอีกจำนวนมากได้ถูกลิดรอนสิทธิจากคำสั่งดังกล่าวอย่างชัดเจน

 

หาก แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่่อประชาธิปไตยชุมนุมโดยทำตามเงื่อนไขภายใต้คำสั่ง ศาลอย่างครบถ้วนก็จะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดยุทธวิธีในการชุมนุมให้ได้รับ ชัยชนะได้ในทางตรงกันข้ามหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะฝ่าฝืน คำสั่งศาลในช่วงเวลานี้เพื่อให้ได้รับชัยชนะทางยุทธวิธีในการชุมนุมก็จำเป็น ที่การเสียสละนั้นจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่จะสามารถเปลี่ยน แปลงประเทศได้อย่างแท้จริงเท่านั้นและการเสียสละของแกนนำก็ไม่ได้มีไว้เพื่อ เป็นมาตรการส่งเสริมการขายภาพลักษณ์หรือสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคการเมือง ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่จะพ่ายแพ้ด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้กับ ฝ่ายรัฐบาลในทุกกรณี

 

เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าหากแกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำการชุมนุมคัดค้านปัญหาของประเทศรายประเด็นให้ได้ ผลสำเร็จก็อาจคัดค้านได้อีกเพียงเรื่องเดียว ภายหลังจากนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งให้ถอนการประกันตัวก็จะมีปัญหาชาติในเรื่อง อื่นๆที่สำคัญตามมาอีกไม่สิ้นสุุดดังนั้นการเสียสละของแกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยโดยการชุมนุมในปัญหารายประเด็นจึงย่อมไม่คุ้มค่ากับผล ประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับในขณะนี้

 

ในทำนองเดียวกันหากแกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยเคลื่อนไหวให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างการชุมนุมก็อาจถูกถอนประกัน ตัวจนไม่สามารถนำชุมนุมให้ได้รับชัยชนะได้แม้ต่อให้การชุมนุมขับไล่รัฐบาลไป ได้สำเร็จ ก็อาจจบลงด้วยการยุบสภาที่พรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกหรือแม้หากมี การสลับขั้วทางการเมือง หรือ การรัฐประหารโดยปราศจากเป้าหมายในการปฏิรูปประเทศไทย หลังจากนั้นปัญหาวิกฤติของชาติก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นการทุจริต คอร์รัปชั่นการแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง และหากมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณก็จะได้รับชัยชนะกลับมาเป็นรัฐบาลยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลโดยปราศจากความมุ่งมั่นของผู้ที่หวังจะ เข้าสู่อำนาจในอนาคตที่จะปฏิรูปประเทศไทยปราศจากการเสียสละอำนาจและผล ประโยชน์ส่วนตนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแล้วย่อมไม่คุ้มค่า ต่อประเทศชาติที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำการชุมนุม

 

ดัง นั้นท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความสลับซับซ้อนพัฒนาไปมากขึ้นที่ไม่ สามารถยุติปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการคัดค้านปัญหารายประเด็นและการแก้ไขปัญหา ระบอบทักษิณก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้นปัญหาของประเทศชาติจึงถูกยกระดับไป เป็นระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งที่ทำให้การเมืองล้มเหลวดังนั้นแกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงเห็นว่าหากมีความจำเป็นก็พร้อมจะเสียสละ นำการชุมนุมแต่การชุมนุมนั้นจะต้องได้รับผลคุ้มค่าต่อประเทศชาติเท่านั้นจึง กำหนดความคุ้มค่าของการชุมนุมที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอยู่ที่ "การชุมนุมเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองที่ล้มเหลวในปัจจุบันและปฏิรูป ประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น"

 

อย่างไร ก็ตามนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลในระบอบทักษิณก็มุ่งเน้นที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อ นิรโทษกรรมให้กับตัวเองและพวกพ้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาอยู่ ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองส่วนใหญ่ฝ่ายรัฐบาลโดยมีเป้าหมายในการที่จะครอบ งำในการคัดสรรผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมมนูญมิให้สามารถตรวจสอบ ตัวเองได้เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในระหว่างช่วงปีพ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2548 อันเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติมาจนถึงวันนี้เราขอประณามนักการเมืองพรรคเพื่อ ไทยที่กระทำตัวเป็นทาสในระบอบทักษิณไม่มีสำนึกประโยชน์ของชาติและสร้าง วิกฤติให้แก่ประเทศชาติไม่มีวันจบสิ้น

 

ดังนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในนามตัวแทนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้แสวงหาแนวร่วมเพื่อ แก้ไขวิกฤติชาติให้ได้อย่างคุ้มค่าต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยได้เสนอ ทางออกให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์เสียสละลาออกมาเพื่อหยุดความ ชอบธรรมในจำนวนคณิตศาสตร์ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบอบเผด็จการรัฐสภา และสร้างกระแสเดิมพันหมดหน้าตักนำมวลมหาประชาชนทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อ หยุดระบบการเมืองที่ล้มเหลวเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง และการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 65 ล้านคน โดยไม่เข้าร่วมกับการเมืองในระบบนี้อีกไม่ว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ก็ตามจน กว่าจะได้รับผลสำเร็จตามเป้าหมายการปฏิรูปประเทศไทยหากเป็นเช่นนั้นแกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่ิอประชาธิปไตยก็พร้อมเสียสละและจะร่วมมือกับพรรคประชา ธิปัตย์ในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า ความเสี่ยงเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับเพราะหากการ ชุมนุมของมวลมหาประชาชนเกิดขึ้นเมื่อใดโอกาสที่จะมีการปฏิรูปการเมืองครั้ง นี้สำเร็จก็ย่อมมีสูงซึ่งผลที่ได้คือมีโอกาสหยุดปัญหารายประเด็นในปัจจุบัน ได้และมีโอกาสหยุดการเมืองระบอบทักษิณในภาวะวิกฤติเช่นนี้ได้ด้วย

 

ทั้ง นี้ในยามที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังไม่ตื่นรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง บ้านเมืองยังหลงอยู่ในวังวนของสงครามขั้วอำนาจของพรรคการเมืองต่างๆลำพังการ นำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยย่อมไม่มีพลังพอที่จะนำการชุมนุมเพื่อ การปฏิรูปประเทศไทยได้ในเวลานี้คงเหลือแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่มี ศักยภาพพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นมวลชนที่มีฐานคะแนนถึง 12 ล้านเสียง นักปราศรัย นักกฎหมาย ฐานะการเงินสถานีโทรทัศน์ ฯลฯ อีกทั้งผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์มิได้มีพันธนาการด้วยคำสั่งศาลเหมือนกับ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพรรคประชาธิปัตย์จึงย่อมอยู่ในฐานะที่ จะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้หากยอมเสียสละเพื่อเอาชาติเป็นตัวตั้ง

 

แต่ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่เสียสละลาออกจากระบบการเมืองล้มเหลวเพื่อออก มาร่วมสู้กับประชาชนก็แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิิปัตย์ยังคงหวังเพียงแค่ ทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายรัฐบาลหรือ หวังสลับขั้วทางการเมืองในวันข้างหน้า หรือ หวังโค่นล้มรัฐบาลโดยสนับสนุนมวลชนกลุ่มอื่นให้เสียสละแทนตัวเองหรืออีกนัย หนึ่งก็คือพรรคการเมืองทุกพรรคในสภาผู้แทนราษฎรกำลังสมรู้ร่วมคิดรู้เห็น เป็นใจกันเพื่อรักษาระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งแบบนี้เอาไว้เพียง เพื่อรออำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองในปัจจุบันหรือในวันข้างหน้าเท่านั้นจึง เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เชื่อได้ว่ามีการปฏิรูปประเทศไทยภายใต้ทิศทางการนำ ของพรรคประชาธิปัตย์เราได้วิเคราะห์เห็นแล้วว่าแนวทางดังกล่าวที่พรรคการ เมืองทุกพรรคกำลังเดินหน้าอยู่นั้นจะนำไปสู่ความชอบธรรมของระบอบทักษิณที่จะ ได้รับชัยชนะในระบบรัฐสภามากขึ้นและจะกระชับอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจน ยากที่จะเยียวยาได้

 

การที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะ เสียสละในการนำชุมนุมย่อมไม่คุ้มค่าต่อประเทศหากมุ่งแต่เพียงคัดค้านปัญหา รายประเด็นหรือโค่นล้มระบอบทักษิณโดยปราศจากการปฏิรูปประเทศ ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เสียสละที่จะนำการชุมนุมเพื่อการเปลี่ยน แปลงปฏิรูปประเทศอันเป็นประเด็นซึ่งคุ้มค่าที่พันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยจะร่วมมือด้วยดังนั้นจึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีฐานะการนำมวลชนได้จริงในสถานการณ์และเงื่อนไขใน ปัจจุบันนี้

 

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้มีกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่งที่มีความห่วงใยบ้านเมืองซึ่งสนใจแต่เฉพาะการ ชุมนุมคัดค้านปัญหาบ้านเมืองรายประเด็นหรือบางกลุ่มอาจสนใจที่จะเคลื่อนไหว เพื่อโค่นล้มระบอบททักษิณแต่เพียงอย่างเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน อยู่ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวทางของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตาม ที่กล่าวมาข้างต้นในขณะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มิอาจสนับ สนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนอื่นใดโดยปราศจากความรับผิดชอบในความคาดหวัง ต่อทั้งชัยชนะต่อประเทศชาติและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้เข้าร่วมชุมนุมได้ ดังนั้นการดำรงอยู่ของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็อาจเป็น อุปสรรคในการเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มอื่นที่อาจไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้

 

ดังนั้นแกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1และ รุ่น 2 จึงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ยุติบทบาทจากฐานะแกนนำเพื่อเปิดโอกาสให้ แกนนำ นักปราศรัย ศิลปิน พิธีกร ประชาชน ฯลฯได้ตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใดก็ได้อย่าง อิสระเสรี และเปิดโอกาสให้เกิดขบวนการใหม่ในสังคมไทย โดยไม่ต้องรอแถลงการณ์หรือมติใดๆจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อีก

 

การยุติบทบาทครั้งนี้ถือเป็นยุทธวิธีเดียวเท่านั้นที่จะเปิด โอกาสให้ผู้มีอำนาจในปัจจุบัน หรือผู้ที่มีโอกาสจะมีอำนาจในอนาคตรวมถึง ทหารภายใต้จอมทัพไทยและศาลที่กระทำการภายใต้พระปรมาภิไธยตลอดจนผู้ที่มี บทบาทในบ้านเมือง รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้ตัดสินใจที่จะทำหน้าที่ของตนเองและเลือกเดินทางของตัวเองมากกว่าที่จะคาด หวังหรือรอมติการนำมวลชนโดยแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้เป็นตัว แปรหรือเป็นเครื่องมือที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่แท้จริงของแกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเป็น อดีตรัฐบาลที่สร้างเงื่อนไขให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนเป็น เหตุอันสำคัญยิ่งที่ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่สามารถนำมวลชน ได้เหมือนเช่นเดิมและในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายค้านในปัจจุบันไม่เสียสละลาออก มานำการต่อสู้แบบหมดหน้าตักร่วมกับประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองทั้งๆ ที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศไปแล้วว่าพร้อมที่จะเสีย สละเข้าร่วมการในการปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงยัง คงเป็นปัญหาส่วนหนึ่งของประเทศและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศไทยด้วยพรรค ประชาธิปัตย์จึงต้องรับผิดชอบในผลที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อบ้านเมืองต่อไปด้วย เช่นกัน

 

เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าแม้แกนนำจะได้ยุติบทบาทไปแล้ว แต่ ทุกคนก็ยังคงเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออยู่เหมือนเดิมและ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังคงอยู่เช่นเดิม อุดมการณ์ความเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังอยู่ในสายเลือดและ จิตใจของทุกคนเหมือนเดิมและเรายังคงมีภาระหน้าที่ในการต่อสู้คดีความ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่สูญเสียบาดเจ็บ และเสียชีวิต ตลอดจนแสวงหาความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดีในระหว่างการชุมนุมต่อไป โดยในระหว่างนี้เราได้ขอให้สถานี โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวีเว็บ ไซต์ แมเนเจอร์ สื่อสิ่งพิมพ์ และวิทยุในเครือ เอเอสทีวี-ผู้จัดการยังคงเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การให้ ปัญญากับประชาชนและการปฏิรูปประเทศโดยแกนนำที่ยุติบทบาทไปก็จะยังคงทำ หน้าที่ให้ปัญญากับประชาชนตามหน้าที่และบทบาทของแต่ละคนเพื่อเป้าหมายในการ นำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริงเท่านั้น

 

จนกว่าสถานการณ์จะ ถึงพร้อมที่ประชาชนทุกกลุ่มได้ตื่นรู้และตั้งสติได้ว่าต้องการการเปลี่ยน แปลงเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่หรือเมื่อสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจหรือ ผู้ที่มีโอกาสจะเข้าสู่อำนาจในกาลข้างหน้าเสียสละอำนาจและผลประโยชน์ใน ปัจจุบันหรือในอนาคตเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย65 ล้านคน เมื่อถึงเวลาดังกล่าวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่แม้จะยุติ บทบาทไปแล้วก็พร้อมจะกลับมารวมตัวกันใหม่เพื่อทบทวนบทบาทของตัวเองในการ เคลื่อนไหวมวลชนอีกครั้งหากในเวลานั้นพี่น้องประชาชนยังคงต้องการพวกเรา

 

แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่วันที่11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พร้อมผู้ประสานงานและ มีการแต่งตั้งแกนนำรุ่นที่ 2 ต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551 อีกทั้งยังมีมีการแต่งตั้งแกนนำรุ่นที่2 เพิ่มเติมในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2551 และวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555เราขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ไว้วางใจพวกเราตลอดระยะเวลาเกือบ8 ปีที่ผ่านมา และขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เข้าร่วมชุมนุมแบบต่อเนื่องปักหลัก พักค้าง 3ช่วงเวลา เป็นจำนวนเวลาถึง 384 วัน 384คืน จนได้รับผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการชุมนุมทุกครั้งจึงนับเป็นการชุมนุม โดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธของภาคประชาชนครั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุดในโลก

 

เรา ขอยืนยันว่าจะยังคงแน่วแน่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของวีรชนและพี่น้องประชาชนที่ เสียสละไม่เคยเปลี่ยนและขอให้มั่นใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นยุทธวิธีที่ จะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในวันข้างหน้า อย่างแน่นอน

 

ด้วยจิตคารวะ

 

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ณ ห้องส่งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี

 

 

 

 

 

 

 

 

****************************************

 

 

 

 

 

 

 

 

 

********************************************

 

 

ลงมติ 290 ต่อ136 เสียง...ผ่าน...

 

มติสภา 290 ต่อ 136 เสียง เห็นชอบ พรบ. งบ ปี 57

วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท...

ถกรวม 5 วัน....

 

พรบ.งบประมาณ ผ่านตลอดดีมาก เงินที่รอนำออกมาใช้จะได้ไหลออกสู่ตลาด ผ่านการจัดซื้อ จัดจ้าง ลงทุน ฯลฯ

เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไป ต่อจากนี้ เศรษฐกิจจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปลายปี ที่จะมีเทศกาลสนุกสนาน ใช้จ่ายกันเต็มที่

เงินสะพัดแน่นอน

 

 

เวิลด์แบงก์ยันศก.ไทยไม่ถดถอย คาดปีนี้โต4-4.5%-ธปท.เชื่อโค้งสุดท้ายฟื้นตัว



ด้านน.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) สำนักงานประจำประเทศไทย
กล่าวว่า ในเดือนก.ย.นี้ธนาคารโลกจะปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยปี 2556 ใหม่
จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 5% เนื่องจากจีดีพีโตต่ำกว่าที่คาด โดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวต่ำ
แต่เศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่หรือถดถอย เพียงแต่ขยายตัวได้น้อย อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง
มีแนวโน้มดีขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังที่จะค่อยๆ ฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลดีกับการส่งออก
ดังนั้น เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะโตประมาณ 4-4.5% ขณะที่ปี 2557 มองว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้


น.ส.กิริฎากล่าวถึงการที่เงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐว่า เกิดจากเงินทุนไหลออก
จากการที่นักลงทุนกังวลเรื่องที่สหรัฐจะชะลอมาตรการคิวอี และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย
ส่วนข้อกังวลว่าอาจมีการโจมตีเงินบาทให้อ่อนค่าลงไปอีกเหมือนกับเงิน รูเปียะห์ของอินโดนีเซีย และ
รูปีของอินเดียนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะเงินบาทเคลื่อนไหวลอยตัวแบบมีการจัดการ และพื้นฐานเศรษฐกิจ
ไทยยังมีความแข็งแกร่ง


นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวว่า ธปท.ไม่ห่วงว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ยังคงติดตามปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่าง
ใกล้ชิด ซึ่งคงต้องรอพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจในเดือนก.ค.-ส.ค. 2556 เพื่อประกอบกับการประเมินภาพรวม
เศรษฐกิจใหม่ ในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 16 ต.ค. 2556


"ธปท.ยังต้องดูความต้องการจากต่างประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้ เห็นได้จากเศรษฐกิจกลุ่ม
ประเทศจี 3 (สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น) ที่ปรับตัวดีขึ้น น่าจะช่วยให้การส่งออกของไทยฟื้นตัวตามไปด้วย" นายเมธี
กล่าว

 

 

***************************

 

 

 

                                  สัตว์นรกฆ่าเเม้กระทั่งเด็ก

 

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่าคลิปภาพร่างผู้เสียชีวิตชาวซีเรียกว่า 1,300 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็กนอนเรียงรายอยู่ตามพื้นบ้าง และถูกห่อด้วยผ้าขาวบ้าง ท่ามกลางผู้ปกครองที่ร่ำไห้อย่างหนัก พร้อมเสียงร้องตะโกนของผู้คนจำนวนมากที่ดังไปทั่วว่า "อาวุธเคมี!" พร้อมกับขอให้ผู้ที่อยู่แถวนั้นรีบหาที่หลบภัย และสวมหน้ากากป้องกันการสูดควันพิษ สร้างความตกตะลึงไปทั้งโลกว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นที่ "ซีเรีย"

 

เป็นฝีมือของใคร
แน่นอนว่าไม่มีฝ่ายใดออกมายอมรับว่าเป็นผู้ส่งอาวุธสังหาร ที่เป็นจรวดบรรจุสารพิษหลายลำถูกยิงมาจากสถานที่ที่ไม่มีใครทราบ แล้วมาตกลงที่เขตโกตา ทางตะวันออกของกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 ส.ค. แต่ประชาคมโลกพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยอัตโนมัติ เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มกบฏ ซึ่งกองทัพรัฐบาลกำลังพยายามยึดคืน อย่างไรก็ตาม นายอิมราน อัล-ซูบี รมว.กระทรวงข่าวสารซีเรีย ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของเลบานอนว่า คลิปที่ออกมาเป็น "การแสดง" ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว และเป็นความพยายามสร้างกระแสโจมตีฝ่ายรัฐบาล

 

ทำไมต้องตอนนี้
เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่คณะผู้ตรวจสอบด้านอาวุธเคมีของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เดินทางถึงซีเรียเมื่อวันจันทร์ เพื่อตรวจสอบเรื่องการใช้อาวุธเคมีใน 3 เมือง ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. และทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ศพ กระตุ้นให้ยูเอ็นออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่ผู้รอดชีวิตหลายคนกล่าวอย่างกังวลว่า เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นคงมาช่วยพวกเขาไม่ได้แล้ว เพราะอัสซาดรู้ว่า ทีมงานของยูเอ็นจะไปที่ไหนบ้าง และที่ทำแบบนี้ก็เพื่อขัดขวางยูเอ็น

ท่าทีสหรัฐ-รัสเซีย


เมื่อช่วงเดือนมิ.ย. ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาครั้งแรกว่า รัฐบาลซีเรียกำลัง "ล้ำเส้น" ด้วยการใช้อาวุธเคมี ซึ่งวอชิงตันถือเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองต้องมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่กลุ่มกบฏ แน่นอนว่ารัสเซียต้องออกมาขัดขวาง ด้วยการกล่าวว่า ฝ่ายกบฏเองก็ใช้อาวุธเคมีเช่นกัน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สหรัฐออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง ขณะที่รัสเซียกล่าวในเชิงอย่าเพิ่งกล่าวหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ควรรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อน

 

มุมมองผู้เชี่ยวชาญ
ศาสตราจารย์อเล็กซานเดอร์ เคคูเล จากสถาบันจุลชีววิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยฮัลเลอ ในเยอรมนี กล่าวว่า เหยื่อทั้งหมดมีอาการป่วยของโรคทางเคมีต่อระบบประสาท ไม่ใช่สารพุพองตามร่างกายจากสารเคมี อาทิ แก๊สมัสตาร์ด ที่ใช้เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่เขายังไม่เห็นรูม่านตาของเหยื่ออย่างชัดเจน ว่าหดเล็กลงเท่ารูเข็มหรือไม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการของการได้รับสารพิษจำพวกออร์กาโนฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารพิษร้ายแรง

 

ด้านศาสตราจารย์พอลลา วันนินเนน จากสถาบันเวอริฟิน ในฟินแลนด์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี กล่าวแสดงความสงสัยในขั้นตอนการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เนื่องจากผู้ที่เข้าไปช่วยทั้งหมดแทบไม่มีใครสวมเสื้อคลุม หรือหน้ากากป้องกันเลย ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษด้วยอย่างมาก

 

ขณะที่นายฮามิช เดอ เบรตตัน-กอร์ดอน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเคยทำงานให้กับหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษ กล่าวว่า การที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็ก ถือเป็นเรื่องบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า "บางสิ่ง" ที่เลวร้ายกว่าเดิมกำลังเกิดขึ้นแล้วในซีเรีย แต่สิ่งนั้นคืออะไร คงต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนานพอสมควร

 

 





 

 


............
 

 

 

ประเด็นการใช้อาวุธเคมีในซีเรียมีข่าวมาตลอดทั้งปี
และมันสำคัญตรงที่ ถ้ารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีก็จะเข้าข้อห้ามของโอบามาแห่งสหรัฐ

 

โอบามาเคยประกาศและให้สัมภาษณ์สื่อฯในสหรัฐเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่า...
ถ้ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีกับFSA ก็จะเป็นการข้ามเส้น Red Line
สหรัฐจะไม่หยุดทหารสหรัฐไว้แค่ที่ชายแดนตุรกี..
โดยสื่อฯเรียกกันว่า obama red line syria
แต่สหรัฐก็รอดูท่าทีรัสเซียและจีนที่หนุนรัฐบาลอัสซาดเช่นกันตั้งแต่เริ่มสงครามกลางเมืองครั้งนี้

 

วันนี้ทีมตรวจสอบอาวุธเคมีของUNยังไม่ได้รับอนุญาตเข้าตรวจสอบ
แถวย่านGhoutaนอกดามัสกัส ที่มีข่าวตาย 1300 คนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2013 ที่ผ่านมา
แต่มี 3 ทีมตรวจสอบอาวุธเคมีของUNอยู่ใน 3 ที่ในซีเรียที่มีข่าวว่ามีการใช้อาวุธเคมีก่อนหน้านี้แล้ว
เลขาฯUNเรียกร้องให้เข้าตรวจสอบกรณีล่าสุดด่วนเพราะมีความอยากรู้กันมากทั้งโลก
สหรัฐ,อังกฤษ,รัสเซียเห็นด้วยให้รัฐบาลอัสซาดจัดให้มีการตรวจสอบโดยทีมของUNเช่นกัน

 

ล่าสุดสงครามกลางเมืองซีเรียที่ตายแล้ว 100,000 คน
UNHCRรายงานว่ามีเด็กๆกลายเป็นผู้ลี้ภัยนับล้านคน

 

 

 


 

 

 

สำนักข่าวRTรายงานว่าเรือรบสหรัฐ 4 ลำบ่ายหน้าเข้าแถวซีเรีย
พร้อมรับคำสั่งยิงจรวดมิซซายด์...

ขณะที่ Angela Kane หัวหน้าทัมตรวจสอบอาวุธเคมีของUNจะมาถึงซีเรียวันเสาร์นี้

  

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมว่า กองทัพสหรัฐกำลังเตรียมพร้อมที่จะใช้การโจมตีระยะไกลถล่มเป้าหมายของรัฐบาล ซีเรียแล้ว หลังจากทางการสหรัฐพบหลักฐานว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชน ในกรุงดามัสกัสเมืองหลวง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 คน

 

ขณะที่สื่อท้องถิ่นสหรัฐระบุว่า ขณะนี้ ผู้บัญชาการกองเรือที่ 6 ประจำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้สั่งให้เรือรบหลายลำเข้าใกล้น่านน้ำอิสราเอลแล้ว เพื่อจะได้เปิดฉากโจมตีต่อซีเรียได้อย่างถนัด จากขีปนาวุธโทมาฮ็อวค์ที่มีพิสัยทำการยิงไกล 1,500 ไมล์ โดยเป้าหมายที่จะโจมตี รวมทั้งบังเกอร์กองบัญชาการ และที่ตั้งอาวุธขีปนาวุธของกองทัพซเรีย ที่ถูกใช้ปล่อยยิงอาวุธเคมี

 

ขณะที่ประธานเสนาธิการกองทัพสหรัฐคาดว่าจะนำเสนอแผนโจมตีต่อซีเรีย ในการประชุมด้านวิกฤตซีเรียในวันเสาร์นี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่นายพลหลายรายหวังว่า ปฎิบัติการถล่มดังกล่าวจะเป็นการส่งสารเตือนต่อผู้นำซีเรีย และขัดขวางไม่ให้เขาสามารถใช้อาวุธเคมีได้อีก

 

อย่างไรก็ตาม รายงานอีกกระแสระบุว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้ลดกระแสต่อความเป็นไปได้ที่จะปฎิบัติการโจมตีซีเรียโดยไม่ผ่านการอนุมัติ เห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐจำเป็นต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนว่า ทางการซีเรียได้ใช้อาวุธเคมีต่อประชาชน ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาตามมา

 

 

 

 

 

วันเสาร์นี้สหรัฐจะประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อพิจารณาเกียวกับการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย.....
ช่วงดึกๆตามเวลาในประเทศไทยคงมีความคืบหน้าว่ายักษ์ใหญสหรัฐจะเอาอย่างไร
พวกสื่อฯสหรัฐบางส่วนก็บอกให้รอตรวจสอบดีๆก่อน เดี๋ยวเหมือนคราวบุกอิรัค
ที่สุดท้ายหลักฐานกล่าวโทษซัดดัมว่าใช้อาวุธนิวเคลียร์ เคมี เป็นข่าวที่ไม่มีหลักฐาน

 



 

Angela Kane หัวหน้าทัมตรวจสอบอาวุธเคมีของUNไปถึงดามัสกัสแล้ว

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลก็ว่าฝ่ายFSAใช้
ฝ่ายFSAก็ระบุว่าฝ่ายรัฐบาลอัสซาดใช้
ทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันในสงครามโซเชียลมีเดีย
และมีคลิปที่ระบุว่าฝ่ายตรงข้ามใช้มาตลอด
ในเดือนพฤษภาคมทีมตรวจสอบของUNแถวชายแดนตุรกีเคยเก็บตัวอย่างเลือดและระบุว่า
บางที่อาจเป็นฝ่ายFSAที่ใช้อาวุธเคมี

 

เป็นการยากที่จะตรวจสอบว่าฝ่ายใหนใช้อาวุธเคมี
เพราะมันเป็นสงครามที่ไม่มีแนวรบมาเกือบ 3 ปีแล้ว
ข่าวต่างๆอาศัยจากคลิปและข่าวในโซเชียลมีเดียเป็นระยะๆ
และแทบจะไม่มีนักข่าวประจำจริงๆในพื้นที่สู้รบเพื่อบอกเล่าความจริง

 

 


 

 

ฝ่ายรัฐบาลส่วนมากจะควบคุมพื้นที่ด้านออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ฝ่ายFSAจะควบคุมพื้นที่หลักแถวชายแดนตุรกีและจอร์แดน
รัสเซียและสหรัฐต่างสนับสนุนอาวุธให้ฝ่ายที่ตนสนับสนุน
 

 

พวกมุสลิมนิกายสุหนี่อย่างเลบานอนสนับสนุนFSAที่ส่วนมากถือนิกายสุหนี่เช่นกัน
ฝ่ายรัฐบาลอัสซาดซึ่งถือนิการชีอะห์มีพวกฮิสบอเราะห์ที่ถือนิการชีอะกบฎในเลบานอนและอิหร่านที่ถือชีอะห์สนับสนุน
เมื่วานนี้มีระเบิดในเลบานอนใกล้บ้านพักของรัฐบาลนายกฯนิกายสุหนี่ตายนับสิบศพ
พร้อมรายงานข่าวว่าทีมCIAและหน่วยรบพิเศษของสหรัฐเตรียมพร้อมในฐานลับที่ชายแดนจอร์แดนแล้ว...

 

เพื่ออำนาจให้ได้มา การแย่งชิงอำนาจสมัยนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เล่นเอาก๊าซพิษไประเบิดเมืองที่มีแต่ประชาชนที่อ่อนแอ เลวบัดซบจริงๆ

 

ทำไมUNไม่ออกมาต่อต้านห้ามปรามการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเอาผิดผู้ที่กระทำการให้ถึงที่สุด

 

 


 

 ***********************

 

 

 

                 ไทยดีกว่าญวนตรงไม่โดนฝนเหลือง

 

 

               กินมะเฟือง ไม่ดีมีอ๊อคซาเลทมากอาจ เป็นนิ่วและไตวายได้ รู้ช้าดีกว่าไม่ทราบเลย
 
 
                                       
 
 
 

มะเฟืองเป็นผลไม้เขตร้อนที่คนไทยรู้จักมา เนิ่นนาน แต่ในจำนวนคนไทย 67 ล้านคน มีน้อยคนนักที่จะทราบว่า…พิษของมะเฟืองมีผลต่อสุขภาพ...ของไต และ…อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้

คุณ หมอชาครีย์ บอกว่า “ไต”… เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งต่อระบบในร่างกายของเรา มีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่วเหลือง มี 2 ข้างอยู่บริเวณบั้นเอว ไตเป็น ส่วนหนึ่งของระบบทางเดินปัสสาวะ ส่วนที่ต่อจากท่อไต (URETER) ซึ่งจะนำปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ และเข้าสู่ท่อปัสสาวะ (URETHRA) ในเพศชายจะมีต่อมลูกหมากอยู่โดยรอบท่อปัสสาวะ หน้าที่สำคัญของไต หนึ่ง…ขับถ่ายของเสียที่เกิดจากการแตกตัวของโปรตีนในอาหารออกจากร่างกาย สอง…รักษาสมดุลของน้ำ เกลือแร่ กรดและด่างของร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สาม…ควบคุมความดันโลหิต สี่…สร้างฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก

ความ หมายของภาวะไตวาย คือ ภาวะที่มีการสูญเสียการทำงานของไต แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ชนิดแรก…ไตวายเรื้อรัง คือการสูญเสียการทำงานของไต ที่เป็นไปอย่างช้าๆ และถาวร ช่วงเวลาอาจตั้งแต่ 1–2 ปี จนถึง 10 ปีขึ้นไป จนในที่สุดเข้าสู่ภาวะสุดท้ายของไตวาย (END STAGE RENAL FAILURE) ซึ่งหมายถึง ภาวะที่ต้องการการรักษาแบบทดแทน เช่น ฟอกเลือด, เปลี่ยนไตเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ ชนิด ที่สอง…ไตวายเฉียบพลัน ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นชั่วโมง หรือ เป็นวัน ทำให้เกิดการคั่งของของเสียทำให้เกลือแร่ กรด ด่าง และการควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายผิดปกติ ”ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีปริมาณปัสสาวะต่อวันน้อยกว่า 400 ซีซี”

คุณ หมอชาครีย์ บอกอีกว่า สาเหตุของไตวายเฉียบพลัน มีหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่ เกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย…การอุดตัน ผู้ป่วยที่ช็อกจากการติดเชื้อ, เสียเลือดจำนวนมาก หรือขาดน้ำอย่างรุนแรงจากท้องเสีย การใช้คำว่า “เฉียบพลัน” นอกจากบ่งถึงช่วงเวลาระยะสั้นที่เกิดขึ้นแล้ว ยังบ่งถึงความเป็นไปได้ ที่ไตจะกลับสู่ภาวะปกติได้

คนไทยรู้จักมะเฟืองมานาน นิยมรับประทานเป็นผลไม้สด หรือคั้นเป็นน้ำผลไม้ หรือรับประทานผลดิบเป็นผัก เช่น ในอาหารเวียดนาม “ใน บ้านเรามีรายงานเกี่ยวกับคนไข้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันหลังการรับประทานผลสด หรือน้ำมะเฟืองจำนวนมาก…เนื่องจากมะเฟืองเป็นพืชที่มีสารออกซาเลตสะสมอยู่ เป็นจำนวนมาก


ปกติแล้วออกซาเลตสามารถละลายและถูกดูดซึมได้อย่าง อิสระ แล้วถูกขับออกทางไต โดยสาเหตุของไตวายเฉียบพลันนั้น เพราะไตเป็นแหล่งที่มีสารต่างๆหลายชนิด เมื่อสารออกซาเลตในมะเฟืองจับตัวกับแคลเซียมที่อยู่ในไต จะกลายเป็น…ผลึกนิ่วออกซาเลต ผลึกนิ่วจำนวนมากตกตะกอน หรืออุดตันในเนื้อไต และท่อไต …ทำให้ไตวายหรือสูญเสียการทำงานไป” แต่กระนั้น…การเกิดภาวะไตวายไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยทุกราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่รับประทาน และภาวะพร่องหรือขาดน้ำในผู้ป่วย หน่วย โรคไต โรงพยาบาลรามาธิบดี เคยพบกรณีคนไข้ในประเทศไทยมีอาการไตวายเฉียบพลัน จากการได้รับภาวะพิษจากการรับประทานผลมะเฟือง และได้ส่งรายงานไปต่างประเทศ


ผู้ ป่วยที่มีภาวะพิษต่อไต…เกิดขึ้นในหลายชั่วโมงถัดมา หลังรับประทานผลมะเฟือง ผู้ป่วยจะมาด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน กล่าวคืออาจจะมีปัสสาวะออกน้อยลง, บวมน้ำ, ความดันโลหิตสูงขึ้น, น้ำท่วมปอด, อ่อนเพลีย หรือ…บางรายอาจมาด้วยอาการสะอึก เนื่องจากของเสียในร่างกายคั่ง จากการที่ไตไม่สามารถขับของเสีย และน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้ และ…อาจจะต้องได้รับการฟอกเลือดล้างไตในที่สุด


พบ ด้วยว่า ถ้ามีภาวะไตวายเฉียบพลันเกิดขึ้น หลังหยุดรับประทานมะเฟืองผู้ป่วยเดิมที่มีไตปกติ กว่าไตจะกลับมาทำงานได้ตามปกติอาจใช้เวลานาน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่หากเป็นผู้ป่วยที่มีโรคไตเดิมอยู่ก่อนแล้ว การทำงานของไต อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ไม่กลับมาเท่าเดิม และอาจจะต้องฟอกไตถาวร ผลการ ศึกษาปัจจัยการเกิดโรค พบว่าขึ้นอยู่กับชนิดมะเฟือง…มะเฟืองเปรี้ยวมีโอกาสเกิดโรคมากกว่ามะเฟือง ชนิดหวาน เนื่องจากมีปริมาณกรดออกซาลิคมากกว่า
“ถ้ารับประทานผลสด หรือผลไม้คั้น จะมีโอกาสเกิดโรคมากกว่า แต่ถ้าผ่านการดอง หรือแปรรูปหรือเจือจางในน้ำเชื่อม เช่น…ในน้ำมะเฟืองสำเร็จรูป จะทำให้ปริมาณออกซาเลตลดน้อยลง”


ปริมาณที่รับประทาน พบว่าระดับออกซาเลต ที่เป็นพิษต่อร่างกายมีค่าตั้งแต่ 2-30 กรัมของปริมาณออกซาเลต…ผลมะเฟืองเปรี้ยวมีออกซาเลต ประมาณ 0.8 กรัม ในขณะที่มะเฟืองหวานมีออกซาเลต 0.2 กรัม
สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคไตอยู่เดิมอาจมีไตวายเฉียบพลัน จากการรับประทานมะเฟืองเพียงเล็กน้อย


นอกจาก นี้ ระดับความรุนแรงยังขึ้นอยู่กับภาวะพร่องหรือขาดน้ำ จากการรายงานผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายหลังรับประทานมะเฟือง พบว่าผู้ป่วยดื่มน้ำมะเฟืองหลังจากการทำงานหนักหรือสูญเสียเหงื่อมาก จะยิ่งมีโอกาสเกิดโรคมากขึ้น เนื่องจากผลึกแคลเซียมออกซาเลตจะอิ่มตัว และตกผลึกง่ายขึ้นในเนื้อไต ในผู้ที่มีไตเรื้อรังอยู่ก่อนโดยเฉพาะ ผู้ที่ไตวายต้องล้างไตแล้ว มะเฟืองมีผลต่อระบบประสาทด้วย มีรายงานในผู้ป่วยกว่า 50 รายทั่วโลก…มะเฟืองอาจมีสารที่เป็นพิษกับระบบประสาท ซึ่งผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไปจากการที่สมองบวม จากการที่มีผลึกนิ่วออกซาเลตไปเกาะสมอง หรือการที่มะเฟืองมีสารพิษ อื่นที่กระตุ้นสมอง สารพิษต่อสมองนี้จะสะสมในภาวะไตวาย ดังนั้น…การเกิดพิษลักษณะนี้พบได้น้อยมากในคนปกติ และผู้ป่วยมักต้องรับประทานผลมะเฟืองเป็นจำนวนมาก


”ผู้ป่วยไตวายอาจ มีอาการทางสมองหลังรับประทานมะเฟืองทั้งชนิดหวานและชนิดเปรี้ยว เพียง…หนึ่งผล อาการ…มักเริ่มไม่กี่ชั่วโมงหลังรับประทานมะเฟือง โดยผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน สะอึก ตามด้วยภาวะซึมหรือชัก ผู้ ป่วยส่วนใหญ่จะดีขึ้นหลังหยุดรับประทานมะเฟือง หลังการล้างไตเพื่อเอาพิษมะเฟืองออก…อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตหลังรับประทานมะเฟือง”


น่าสนใจที่ว่า ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ยินข่าวผู้ป่วยจากพิษมะเฟือง เป็นไปได้ ว่าที่ผ่านมามะเฟืองไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก ผลผลิตมะเฟืองในแต่ละปีก็มีจำนวนไม่มากอย่างผลไม้อื่นๆ คนส่วนใหญ่จะรับประทานในปริมาณน้อย และไม่รับประทานมะเฟืองเปรี้ยว แต่ ในช่วงหลังๆมานี้…ได้มีบทความแพร่ทางสื่อออนไลน์ชวนให้รับประทานมะเฟืองสด โดยชี้แนะประโยชน์ทางสุขภาพ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด หรือช่วยรักษาโรคอื่นๆ จึงอาจทำให้มีคนเชื่อ หันมาบริโภคมะเฟืองกันมากขึ้น ปัจจุบันยัง ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ระบุชัดเจนถึงประโยชน์ของมะเฟือง

 

ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง มะเฟืองสดเป็นผลไม้ที่น่าจะเกิดโทษกับผู้ที่รับประทานมากเกินกว่าที่ร่างกาย จะทำลายพิษได้ และ…ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้บริโภคที่มีความเสี่ยง ต่อภาวะไตวาย ผู้บริโภคสุขภาพปกติทานได้แต่ในปริมาณไม่มาก…ผู้ป่วยที่มีนิ่วในไตควรหลีก เลี่ยง…โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีไตเสื่อม หรือมีความเสี่ยงต่อโรคไต ห้ามทานมะเฟืองทั้งเปรี้ยวและหวานเด็ดขาด


คุณหมอชาครีย์ย้ำทิ้งท้าย ว่า โรคไตมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ผู้รักสุขภาพควรเอาใจใส่ต่อโภชนาการที่เหมาะสม และตรวจสุขภาพไตเป็นประจำทุกปี.
ขอขอบพระคุณ ข้อมูลจาก ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 2 พฤศจิกายน 2553
 

 

 

*****************************************

 

 

 

                   อยากเขียนคำว่าเหงาตัวเท่าบ้าน..

 

 

                     

 

 

 

 

....ก็ไม่รู้ อยู่เพื่อใคร? ใจเคยถาม

 

ต้องคอยตาม ตอบปัญหา น่าหวั่นไหว

 

เลื่อนลอยเเท้ ชีวิต ลิขิตไป

 

สักเท่าไหร่? จะลงตัว กลัวเหลือเกิน

 

 

 

....หาใช่ว่า จะไม่มี คนที่รัก

 

ไม่ยากนัก บอกได้เลย ไม่เคยเขิน

 

เเต่ผิดหวัง รักเเรก เเตกยับเยิน

 

ถูกทิ้งเมิน เข็ดหลาบนัก รักหลอกลวง!!..

 

 

 

***************************

 

 

 

 


[IMG]

 

 

 

 

     5 อย่างที่ไม่ควรทำ..เมือเข้านอน

 

อย่างที่ 1 คือ อย่านอนหลับไปพร้อม ๆ กับนาฬิกาข้อมือ

ก็เพราะ นาฬิกาตะทำงานไปเรื่อย ๆ
นาฬิกาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนปล่อยพลังงานทั้งสิ้น
จะมีผลต่อสุขภาพระยะยาว

อย่างที่ 2 นี่ สำหรับพวกชอบคุยโทรศัพท์มือถือจนหลับ
โดยเฉพาะ ไม่ควรนอนหลับไปพร้อม ๆ กับโทรศัพท์
แต่หมายรวมไปถึงการวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ ๆ ตัวด้วย
บางคนที่ชอบใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกยามเช้า
กรุณาเก็บมือถือของท่านไว้ให้ใกลตัวที่สุดเมื่อจะนอน
ไปหาซื้อนาฬิกาปลุกถูก ๆ ดี ๆ เก๋ ๆ มาใช้ดีกว่า
เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า
โทรศัพท์มือถือ จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาขณะเปิดเครื่องไว้
และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ มีผลกับระบบประสาท
เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือ

อย่างที่ 3 ง่าย ๆ สั้น ๆ คือ อย่าหลับพร้อม ๆ กับเครื่องสำอาง
ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมด การหลับทั้ง ๆ ที่เครื่องสำอางยังคาอยู่ที่ผิวหน้านั้น
จะก่อให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณระยะยาว
กลางคืนคือช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อน

อย่างที่ 4 (สำหรับสาว ๆ เท่านั้น) คือ อย่านอนหลับทั้ง ๆ ที่ยังใส่ยกทรง
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบว่าการใส่ยกทรงนานเกิน 12 ชั่วโมง
จะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอกได้

อย่างที่ 5 อันนี้เหมาะกับทุกเพศ เป็นข้อสำคัญมากที่พึงระวัง
“อย่านอนกับสามีหรือภรรยาของคนอื่น”
เพราะคุณอาจจะไม่ได้ตื่นอีกเลย …

 

 

 

****************************************

 

 

 

 

 556000010993801.jpg

 

 

 

         

          โดยคุณ จูกัดขงเบ้ง

 

  

 

 

วันนี้ก๊าซจากอ่าวไทยขึ้นมา 4,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

ปรากฎว่าเข้าโรงแยกก๊าซแค่ 2,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตเท่านั้น

แค่ 60 เปอร์เซ็นของก๊าซหุงต้มที่ขุดได้

 

ที่เหลือ 40 เปอร์เซ็นต์เข้าไม่ได้ จึงปนไปกับก๊าซมีเทนใช้เผาปั่นไฟ

เหมือนกับว่าวัตถุดิบมีแต่ไม่ยอมสร้างโรงแยกก๊าซให้พอ

พอมีน้อยก็นำเข้าแล้วขอขึ้นราคาเป็นราคาตลาดโลก

รัฐวิสาหกิจบริหารจัดการอย่างนี้ได้อย่างไรทำคนเดือดร้อน

ก๊าซหุงต้มที่เหลือ 2,500 ล้านลูกบาศก์ฟุต ที่เข้าโรงแยกก๊าซไม่ได้

ตรงนี้สามารถทำก๊าซหุงต้มได้ 2 ล้านตัน ซึ่งทุกวันนี้นำเข้าแค่ล้านกว่าตัน

 

ดังนั้นถ้าปตท.แยกก๊าซตรงนี้ได้ไม่ต้องนำเข้าเลย แล้วยังเหลือส่งออกด้วย

แต่ที่ทำแบบนี้เพื่อให้ขาดตลาด จะได้ขึ้นราคาได้

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ (อดีต CEO ปตท.) พูดตลอดว่าไม่ขึ้นราคาก็จะไม่สร้างโรงแยกก๊าซ เพราะไม่คุ้ม

ทั้งที่ธุรกิจก๊าซหุงต้มปตท.ไม่เคยขาดทุนเลย

แต่ที่ไม่คุ้มคืออยากได้กำไรเยอะๆมากกว่านี้

จนยอมทิ้ง 2 ล้านตันไปเผารวมกับก๊าซมีเทนแล้วบอกว่าไม่พอ

ฉะนั้นการนำเข้าก๊าซหุงต้ม ปตท. ต้องรับผิดชอบ

เพราะผูกขาดตั้งแต่ท่อก๊าซไปแล้ว ต้องดูแลเรื่องสร้างโรงแยกก๊าซให้พอ

 

 

มล.กรกสิวัฒน์ อิฐบูรณ์ กล่าวต่อว่า

วันนี้จะขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม จากเดิมอยู่ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท ส่งถึงบ้านตกที่ 20 บาท/กก.

ต่อไปจะขึ้นเป็น 24.82 บาท/กก. (ขึ้นกิโลละ 5 บาท!!! ไอ้ทุเรศเอ๊ย)

 

แต่ภาคปิโตรเคมีใช้แค่ 16.20 บาท/กก.

วิธีการอธิบายแบบ

ปตท.บอกว่าประชาชนซื้อก๊าซที่ 10 บาท/กก. ส่วนภาคปิโตรเคมีซื้อ 22.30/กก.

แล้วบอกภาคประชาชนใช้ถูกจนเคยตัว เลยต้องขึ้นราคา

ตนขอถามว่ามีบ้านไหนซื้อก๊าซหุงต้มได้ 10 บาทบ้าง

แล้วเอาราคานี้ไปเสนอนายกฯเพื่อใช้ตัดสินใจให้ขึ้นราคา

ให้เห็นว่าประชาชนใช้ในราคาต่ำ

 



ที่สำคัญตอนแปรรูปเข้าตลาด

โรงแยกก๊าซทั้ง 4 โรงรวมกันตีราคาให้เราประมาณ 3,200 ล้านบาท

แต่วันนี้จะสร้างสักโรงบอกแพงมากมายมหาศาล

แสดงว่าตอนแปรรูปตีราคาให้เราต่ำไปแล้ว

คือตอนเอาของประชาชนไปตีราคาซะต่ำ

พอจะสร้างใหม่บอกมันแพง

แล้วโรงแยกก๊าซ 4 โรงก็ทำกำไรให้ปตท.จนร่ำรวยแล้ว

เหมือนลืมบุญคุณประชาชน

 

 

เมื่อปี 55 ปตท.ได้กำไรจากก๊าซธรรมชาติ 3.8 หมื่นล้านบาท

แต่ยังจะขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม

ไม่พอ

ยังได้กำไรจากการได้สัมปทานเป็นแสนล้าน

ทำไมกระทรวงพลังงานไม่พิจารณาตรงนี้บ้างว่าเขาได้กำไร ขาดทุนตรงไหน

และอย่าลืมว่าทรัพยากรมาจากแผ่นดินไทย

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานยังใช้เงินภาษีประชาชนตีพิมพ์เอกสารเพื่อชี้ แจงเรื่องก๊าซ

โดยบอกอีกว่าภาคครัวเรือนใช้ก๊าซหุงต้ม 10 บาท/กก. ส่วนภาคปิโตรเคมี 22.30 บาท/กก.

ซึ่งมันไม่จริง

ตนมีเอกสารยืนยันจากปตท.ล่าสุดเลยว่าภาคปิโตรเคมีใช้แค่ 17 บาท/กก.เท่านั้น

 

แล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า ราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน ยานยนต์ และ อุตสาหกรรม จะต้องใช้เท่ากันที่ 30.13 บาท/กก.

ส่วนภาคปิโตรเคมียังอยู่ที่ 17 บาท/กก.

คือภาคปิโตรเคมีได้ใช้ก๊าซต่ำกว่าราคาตลาดโลก 40 เปอร์เซ็นต์

แต่ให้คนไทยทั้งประเทศใช้ในราคาตลาดโลก ใจร้ายมาก

 

เคยเชิญข้าราชการกระทรวงพลังงานมาถามว่าจริงหรือที่ภาคปิโตรเคมีใช้ก๊าซ 22.30 บาท/กก.

คนระดับรองอธิบดีตอบว่าไม่รู้ที่มาที่ไป แค่พิมพ์ตามที่ปตท.บอก

 

 

 

************************************

 

 

 

 

 

 


[IMG]
 

 

 

 

 

 

 

[IMG]

 

 

 

 

[IMG]
 
[IMG]
 
[IMG]

 

 

 

[IMG]

 

 

 

[IMG]

 

 

 

 

 

 

[IMG]
 

 

 

 

*******************************

 

 

 

 

 

 

 

วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เปิดฟ้าส่องโลก นิติ นวรัฐ)

 

ฝนเหลืองคือสารไดอ๊อกซิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีพิษอันตราย

 

พ.ศ.2504-2514 เครื่องบินอเมริกันโปรยสารฆ่าพืช 72 ล้านลิตร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นฝนเหลือง ลงไปในป่าของเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ครอบคลุมพื้นที่ 2.6 ล้านเฮกตาร์

 

เวียดนามโดนฝนเหลือง 10% ของพื้นที่ทั้งหมด 3.3 แสนตาราง กิโลเมตร ที่โดนมากถึง 50% ก็คือพวกป่าโกงกาง ป่าไม้ของเวียดนาม 36% โดนทำลาย ถ้าจะให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์เหมือนเดิม จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูมากกว่า 100 ปี

 

พ่อพาผมไปฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิด 15 ปีที่จังหวัดช็อคตรางและจังหวัดเกิ่นเธอของเวียดนาม เพราะมีความเชื่อว่า บรรพบุรุษทางฝ่ายแม่ของผมและของผู้คนจำนวนไม่น้อยในอำเภอเมืองและอำเภอขลุงของจังหวัดจันทบุรีมาจาก 2 จังหวัดนี่

 

เมื่อมีผู้ใหญ่ฝ่ายญวนเอาอาหารสัตว์น้ำมาให้ทาน พ่อกระซิบว่า อ้า ทานเพียงเป็นมารยาทก็พอ ผมถามพ่อถึงเหตุผล พ่อก็อธิบายว่า เมื่อ พ.ศ.2538 มีการตรวจสอบสารไดอ๊อกซินในแม่น้ำของเวียดนามทางภาคนี้ พบว่ามีสารไดอ๊อกซินอยู่มากถึง 1 พันล้านเท่า สูงกว่าแม่น้ำในเขตอุตสาหกรรมในแคนาดา สารไดอ๊อกซินยังค้างอยู่ในป่า บางส่วนไหลไปที่แม่น้ำหรือลงไปในน้ำผิวดิน กระทบกับโซ่อาหารทำให้อาหารที่ผลิตจากแผ่นดินแถบนี้อันตราย

 

ผมเถียงว่า อเมริกาโปรยฝนเหลืองลงไปในป่าเวียดนามนานแล้วนะพ่อ ก่อนผมเกิดเสียอีก พ่ออธิบายขยายความว่า ฝนเหลืองหรือสารไดอ๊อกซินสลายตัวได้ช้ามาก เมื่อซึมเข้าไปในผิวดิน ทำให้พืชที่มนุษย์และสัตว์กินเป็นอาหารอันตรายไปด้วย

 

คนพิการส่วนใหญ่ในเวียดนามมาจากแผ่นดินที่โดนอเมริกาโปรยฝนเหลือง ผลจากสารนี้ที่อยู่ในสัตว์และพืชที่มนุษย์ทานเข้าไป ทำให้เกิดการแท้งเด็ก ทารกในครรภ์จะมีรูปร่างผิดรูป เด็กญวนจำนวนไม่น้อยมีความผิดปกติของเส้นประสาทและอวัยวะ อันตรายร้ายที่สุดของสารนี้ก็คือ ทำให้เป็นมะเร็ง สภากาชาดเวียดนามประเมินว่า ปัจจุบันทุกวันนี้ ยังมีผู้ที่พิการที่เป็นผลมาจากสารไดอ๊อกซินอยู่ประมาณ 1 ล้านคน คนที่รับประทานอาหารที่เปื้อนสารไดอ๊อกซิน แม้ตนจะไม่ใช่คนพิการ ทว่าความพิการจะไปปรากฏที่บุตร

 

ตอนโน้น ฐานบินอเมริกันอยู่ที่เบียนหวา นครโฮจิมินห์ เครื่องบินโปรยฝนเหลืองลงไปในป่าชายแดนเวียดนามกับลาวแล้ว เมื่อยังมีฝนเหลืองค้างอยู่ นักบินก็จะปล่อยสารที่เหลือนี้ลงไปในพื้นที่ทิศตะวันตกของเมืองเว้ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนเวียดนามและลาว หรือที่จังหวัดดานังจนหมด ปัจจุบันทุกวันนี้ เมื่อมีการไปสำรวจตรวจในทะเลสาบ หรือหนองน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ทางทิศตะวันตกของเมืองเว้ ก็ยังพบว่ามีอัตราของสารไดอ๊อกซินอยู่ในระดับสูง

 

พ่อผมเป็นคนหนึ่งซึ่งชอบเตือนพวกเราว่า อาหารประเทศโน้นทานได้ อาหารจากประเทศนี้ทานไม่ดี อย่างอาหารการกินจากเวียดนามนี่ พ่อเตือนพวกเรามากที่สุด เพราะเมื่อมีการสำรวจตรวจน้ำนมของมารดาจากหน่วยงานราชการ ปรากฏว่ายังพบสารดีดีทีที่หลายประเทศเลิกใช้ไปแล้ว แต่เวียดนามยังปล่อยให้เอาเข้าไปได้ บางปีรัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้เอาเข้าประเทศได้มากถึง 5 หมื่นตัน เมื่อบวกกับยาฆ่าแมลงพิษสูงประเทศอื่นที่มีการลักลอบนำเข้าประเทศอีกหลายล้านตัน ก็ทำให้อาหารการกินของญวนมีอันตราย

 

พ่อบอกว่า ถ้ามีความจำเป็นต้องทานข้าว ให้เลือกข้าวจากเวียดนามตอนเหนือ เพราะทางตอนใต้โดยเฉพาะทางแถบลุ่มแม่น้ำโขง ชาวนาเวียดนามใช้ยาฆ่าแมลงมากอย่างบ้าเลือด ยาฆ่าแมลงหลายอย่างมีผลนาน บางชนิดไม่ย่อยสลาย บางประเภทสลายยาก เมื่อมีฝนตก ยาฆ่าแมลงพวกนี้ก็ซึมจากดินลงสู่ใต้ดิน มีผลต่อน้ำผิวดินและแหล่งน้ำอื่นๆ

 

ประเทศไทยไชโยโชคดีตรงที่ไม่มีการโปรยฝนเหลืองจากศัตรู

 

จะมีก็แต่เกษตรกรคนไทยด้วยกันเองนี่แหละ ที่เอายาฆ่าแมลงใส่ลงไปในพืชที่เป็นอาหารการกิน ทำให้คนไทยตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับ 1 แล้วในขณะนี้

 

ถึงเวลาที่รัฐบาลไทยต้องรณรงค์เรื่องอาหารการกินปลอดภัยกันอย่างจริงจังแล้วละครับ.

 

 

****************************

 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 16:57:11 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>