ขอสั่งสอนหน่อย
....มานี่เลย ขอสักฉาด ฟาดเต็มข้อ
ทำอ้อล้อ เด๋อด๋า หน้าโมโห
เต๊ะวางก้าม อวดเบ่ง นักเลงโต
หยิ่งยโส ถือตัวใหญ่ หมั่นไส้จัง
....เห่าอยู่ได้ หนวกหู รู้ไหมนี่?
เรื่องจะมี ความเกรงใจ อย่าได้หวัง
พูดดีๆ เตือนไว้ ไม่เคยฟัง
โช๊ะจังๆ สวิงซ้าย ตายคามือ(เลย!!..)
*************************
เเฉการหลอกลวง เรื่อง การล้างพิษตับด้วยน้ำมันมะกอก
[ฉายในรายการ "คนค้นคน"]
คุณประโยชน์ดีเกลือฝรั่ง
ดีเกลือทั้งสองแบบมีคุณประโยชน์คล้ายกัน แต่โดยส่วนมากดีเกลือที่มีในท้องตลาดจะเป็นแมกนีเซียมซัลเฟต (ดีเกลือฝรั่ง) สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายสารเคมีทั่วไป หรือร้านขายยาแผนโบราณ โดยมีคุณสมบัติ ได้แก่...
ใช้เพื่อกินเป็นยาระบาย โดยผสมน้ำ 3 ถ้วยต่อดีเกลือ 4 ช้อนโต๊ะ
ใช้ในบ่อกุ้ง เพื่อเพิ่มปริมาณแมกนีเซียม ช่วยกุ้งสร้างเปลือกใหม่ ในช่วงลอกคราบ
ใช้ประกอบอาหาร อาทิ เต้าหู้ ดีเกลือจะช่วยแยกชั้นเนื้อและชั้นน้ำของถั่วเหลืองปั่น
ใช้ในการขับไล่สารพิษในไต
ใช้เพื่อปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืชประเภทผล เช่น มะเขือเทศ มันฝรั่ง
คุณสมบัติทางเคมี
ดีเกลือฝรั่งใช้ชื่อทางเคมีว่า แมกนีเซียมซัลเฟต Magnesium Sulfate MgSO4 ชื่อสามัญเรียกว่า Epsom Salt หรือ Bitter Salt เหตุเพราะมีรสขมฝาด ไม่ได้เค็มเหมือนเกลืออย่างที่เข้าใจ
ลักษณะที่ใช้กันจะเป็นผงผลึกหรือเกล็ดขาว ซึ่งได้มาจากการนำน้ำทะเลมาเคี่ยวจนแห้ง เหลือเป็นเกลือสะตุ แต่ยังมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นจากอากาศอยู่ ดังนั้น เมื่อวางดีเกลือทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง จะทำให้จับตัวแข็งเป็นก้อน
อืม...รู้ถึงสรรพคุณและประโยชน์ของ "ดีเกลือฝรั่ง" กันแล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้ให้ถูกประเภทนะครับ
ข้อมูลจาก
http://www.geocities.com/
http://www.healthcorners.com/
เคยอ่านหนังสือ และเคยสังเกตตัวเองหรือคนรอบข้างบางไหม หรืออาจจะเข้าไปร้านหนังสือแต่ละคนจะมีการเปิดหนังสืออ่านไม่เหมือนกันเลย ไม่เชื่อลองดู! แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือการเลือกอ่านหนังสือแต่ละคน สามารถบอกความเป็นตัวตนของคนคนนั้นได้
เปิดผ่านๆอ่านคร่าวๆ เป็นคนที่มีอุปนิสัยที่เป็นคนวู่วามใจร้อน เวลาจะทำงานใดๆ มักจะไม่สนใจนรายละเอียดถี่ถ้วนนัก แต่จะสนใจเรื่องที่เป็นหลักใหญ่ๆ มากกว่า ไม่ชอบการวางแผนล่วงหน้าจะทำทุกอย่างเมื่ออยากทำ และทำตามใจตัวเองจึงมักมีเรื่องให้ผิดหวังอยู่เรื่อย จากความไม่รอบคอบของตัวเอง
เปิดอ่านแต่เรื่องที่สนใจ เป็นคนที่มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวมากไม่ค่อยนึกถึงจิตใจคนอื่น แต่ะทำไปเพราะความไม่รู้เรื่องมากกว่า แต่อีกด้านนั้น เป็นคนใจดี ใจกว้าง ชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่มักจะไม่มีคนกล้าทำความรู้จักสักเท่าไรเพราะเป็นคนที่ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์สักเท่าไร
อ่านทุกเรื่องอ่านทุกหน้า ลักษณะนิสับยเป็นคนใจกว้างสามารถยอมรับความคิดใหม่ๆ ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นความคิดเด็กหรือผู้ใหญ่ เป็นคนใฝ่รู้ เมื่อสนใจเรื่องใดก็จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรู้จักกับเรื่องนั้นอย่างจริงจัง มักได้รับการยอมรับจากผู้คนรอบข้าง
ชอบออกเสียงเวลาอ่านหนังสือ ลักษณะนิสัยคนประเภทนี้ คือ เป็นคนจริงใจ ซื่อสัตย์ต่อทุกคนไม่ใช่คนที่มีพิษกับใคร เป็นคนเปิดเผย ไว้ใจได้ รักสงบ ชอบชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ใช่คนที่มีภูมิอะไรมากนักแต่ก็มีความน่านับถืออยู่ในตัวเอง
ชอบขีดเส้นข้อความในหนังสือ บ่งบอกถึงอุปนิสิย เป็นคนช่างจด ช่างจำและค่อนข้างยึดมั่นถือมั่นอีกด้วย สิ่งไหนที่เป็นของตนก็มักจะไม่ยอมให้ครมาครอบครองง่ายๆ นอกจากนี้ยังเป็นคนทำงานได้ดีเพราะเวลาจะทำอะไรจะลงมือทำอย่างจริงจังเสมอ ไม่ชอบเสียเวลากับกับเรื่องไร้สาระ
พับขอบหนังสือ เป็นคนค่อนข้างมีนิสัยไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่จะเป้นคนที่ทำอะไรแล้วก็จะหมกมุ่น และทำจริงจัง จนกระทั่งทำสำเร็จ จะไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้างนักแลดูคล้ายกับคนเห็นแก่ตัวแต่เพราะว่าเป็นคนพูดไม่เก่งมากกว่า และถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือก็จะเอื้อเฟื้อเป็นอย่างดี
******************************
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
วันนี้ (8 ส.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม.ที่มี นางอมรา พงศาพิชญ์ เป็นประธาน ได้มีการเผยแพร่ผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. 53 - 19 พ.ค. 53 หลังใช้เวลาการตรวจสอบเกือบ 2 ปี โดยรายงานดังกล่าวมีทั้งสิ้น 92 หน้า เนื้อหาแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.ความเป็นมา 2.บทบาท อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อจำกัดในการทำงาน 3.รัฐธรรมนูญ กฎหมายไทย พันธกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งประกาศ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง 4.การดำเนินการตรวจสอบ พร้อมความเห็นในแต่ละเหตุการณ์ 5.บทสรุป และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ทั้งนี้ สาระสำคัญของรายงานดังกล่าว อยู่ในส่วนที่ 4 การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในแต่ละเหตุการณ์ พร้อมความเห็นใน 8 กรณี คือ 1.กรณีสถานการณ์ก่อนวันที่ 7 เม.ย. 2553 ที่กลุ่ม นปช.ได้มีการเคลื่อนขบวนออกจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ไปยังสถานีดาวเทียมไทยคม ปิดล้อมและบุกเข้าอาคารรัฐสภา กสม.เห็นว่าการชุมนุมของ นปช.ตั้งแต่วันที่ 12-16 มี.ค. 53 เป็นการชุมนุมโดยสงบ อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมีการขยายพื้นที่ชุมนุม มีการเคลื่อนตัวไปยังบริเวณราชประสงค์ พร้อมแสดงแนวโน้มการชุมนุมที่ไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด ความเดือดร้อนปรากฏโดยทั่วเป็นเวลาเนิ่นนานเกินความจำเป็น ส่งผลต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การใช้กำลังความรุนแรงเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้อง การชุมนุมดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการชุมนุมที่อยู่นอกเหนือขอบเขตที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองคุ้มครองไว้
2.กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.ในวันที่ 7 เม.ย. 2553 และกรณี ศอฉ.สั่งระงับการออกอากาศสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชนแนล และสั่งระวังการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเทอร์เน็ตบางส่วน กสม.เห็นว่าภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ได้เกิดเหตุหลายครั้ง โดยเฉพาะการระเบิดสถานที่สำคัญหลายแห่ง ตลอดเดือนมีนาคม ไปถึง เดือนเมษายน 35 อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข เป็นเหตุให้รัฐต้องขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ออกไปอีก 2 ช่วง และกลุ่ม นปช.เริ่มขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังบริเวณราชประสงค์ และพื้นที่ต่างๆ จึงเห็นว่าการที่นายกฯโดยความเห็นชอบของ ครม.ใช้อำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขต กทม.และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมออกประกาศคำสั่งต่างๆ เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงเป็นกากรระทำที่อยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้ และเมื่อพิจารณาเจตนารมณ์การใช้มาตรการดังกล่าวก่อให้เกิดผลต่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลกระทบที่มีต่อบุคคลที่ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ จึงถือว่าเป็นความจำเป็นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นการใช้อำนาจตามขอบเขตที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สามารถทำได้
ส่วนการสั่งระงับการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชนแนล และสั่งระงับสื่อสิ่งพิมพ์และอินเทอร์เน็ต นั้น เห็นว่าการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของสื่อ อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายให้ไว้ โดยก่อนหน้าที่จะมีการสั่งระงับการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวได้มีการเผยแพร่สัญญาณ ภาพ เสียง การชุมนุมของกลุ่ม นปช.มาก่อนที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ลักษณะการถ่ายทอด การปราศรัยของแกนนำเป็นการยั่วยุปลุกระดมมวลชนให้ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งรัฐไม่ได้มีมาตรการใดๆ เพื่อระงับเหตุหรือแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว จึงถือว่ารัฐมีความบกพร่องในการควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขาดการวางแผนที่ดีพอ และป้องกันแก้ไขสถานการณ์ ส่วนการปิดเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์นั้น เห็นว่าเป็นการกระทำละเมิดเสรีภาพในการเสนอข่าว หรือแสดงความคิดเห็นของบุคคลหรือสื่อมวลชนเกินกรณีจำเป็น เพราะแม้รัฐจะใช้วิธีการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเขาถึงข้อมูล แต่ไม่ถึงขั้นปิดกิจการสื่อมวลชน แต่รัฐก็ไม่มีการแยกแยะเนื้อหาสาระว่าเนื้อหาใดในเว็บไซต์มีผลกระทบหรือไม่กระทบต่อความมั่นคง ทำให้ข้อมูลบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องถูกปิดกั้นไปด้วย แม้เมื่อมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว บางเว็บไซต์ยังถูกปิดกั้นอยู่
3.กรณีการชุมนุมและการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับ นปช.เห็นว่าการชุมนุมของ นปช.เป็นการชุมนุมเกินขอบเขต แสดงออกถึงพฤติกรรมที่ไม่ใช่วิธีการปกติ เช่น บุกยึดรัฐสภา ปิดถนน ค้นรถประชาชน ขู่ บุก ยึดและเผาศาลากลางจังหวัด และมีการปรากฏตัวของชายชุดดำฉวยโอกาสทำให้สถานการณ์วุ่นวายด้วยการใช้อาวุธสงคราม เครื่องยิงระเบิด มีคนบาดเจ็บล้มตาย ทรัพย์สินราชการเสียหาย ซึ่งแกนนำมีหน้าที่ต้องระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาแทรกแซงใช้ความรุนแรง เพื่อให้การชุมนุมกลายเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ ลุกลามไปสู่ความรุนแรง แต่กลับพบว่ามีการใช้อาวุธสงครามที่ร้ายแรง และจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถาการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการใช้และปิดกั้นพื้นที่เป็นการกระทำที่เกินกว่าความจำเป็น จึงถือเป็นการใช้สิทธิเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญประกาศไว้ และในบางสถานที่มีการใช้เด็ก สตรี เป็นโล่มนุษย์ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ขาดความระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก สตรี จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่อยู่นอกเหนือที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ส่วนการสลายการชุมนุม การสั่งยุติการชุมนุม การขอคืนพื้นที่ของรัฐนั้น เบื้องต้นรัฐบาลได้ดำเนินการตามที่ประกาศไว้ก่อนที่จะมีการรุกคืบเข้าปิดล้อมพื้นที่ โดยใช้การเจรจาประกาศเตือน ใช้มาตรการที่ประกาศไว้ คือ โล่ กระบอง น้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกำหนดไว้
แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการที่กลุ่มชุมนุมใช้เด็ก สตรี เป็นโล่มนุษย์ ใช้ไม้ปลายแหลม ก้อนอิฐตัวหนอน โดยพยานยืนยันว่าผู้ชุมนุมใช้อาวุธปืนทำการต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ มีกลุ่มชายชุดดำที่มีอาวุธพร้อมใช้ความรุนแรงได้ตลอดเวลาปะปนอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ทหารจึงมีความจำเป็นป้องกันตนเอง และผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายที่จะเกิดขึ้น โดยไม่สามารถใช้วิธีป้องกันอย่างอื่นได้ แต่แม้จะรับฟังได้ว่าเป็นการป้องกันตนเองและบุคคลอื่นให้พ้นจากภยันตรายต่อชีวิตและร่างกาย และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดอาญาร้ายแรงเพื่อกระทำการจับกุมผู้กระทำอันตราย หรือต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานก็ตาม แต่ต้องไม่ทำเกินกว่าเหตุ นอกเสียจากไม่สามารถใช้มาตรการอื่นแทนได้ แต่การกระทำที่เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก การกระทำของรัฐจึงเป็นการกระทำโดยประมาท ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดที่รับไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และเมื่อรัฐมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชน ตามรัฐธรรมนูญและกกหมายอื่นจึงต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากความประมาณนั้น ตลอดจนดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามความเหมาะสมแก่ผู้ที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวให้ครบถ้วน ทั่วถึงอย่างแท้จริง ทั้งในส่วนผู้ชุมนุมเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนบาดเจ็บเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ที่เป็นผลมาจากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งรัฐมีหน้าที่ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้เหตุระเบิดในที่ชุมนุมในพื้นที่เขตทหาร ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงจากภาพและพยานว่ามีการชี้เป้าก่อนนั้น แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนเพื่อฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในที่ประชุมในวันนั้นเป็นผลให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และสิบโทภูริวัฒน์ ประพันธ์ ถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำผิดอาญาฐานฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งรัฐจะต้องดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ รวมถึงสอบสวนหาที่มาของอาวุธร้ายแรงต่างๆ ที่ใช้ในการชุมนุมเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น สำนักข่าวรอยเตอร์ กสม.ไม่ได้มีการวินิจฉัย เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับไปสอบสวนแล้ว เช่นเดียวกับกรณีการเสียชีวิตของกลุ่ม นปช.ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย อย่างไรก็ตามกรณีชายชุดดำ กรณีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้สื่อข่าว และประชาชนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทุกราย รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินได้รับความเสียหายรัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องใช้หลักวิชาตามกำลังความรู้ ความสามารถอย่างเต็มที่ไม่เลือกปฏิบัติ โดยควรดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้สังคมได้รับรู้ พร้อมลงโทษคนผิดตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อนำมาซึ่งความเป็นธรรมให้สังคม
4.กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตจากการยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่แยกศาลาแดงวันที่ 22 เม.ย.53 ซึ่งในจำนวนนี้มี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง รวมอยู่ด้วย เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณศาลาแดง แต่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรง จนเกิดเหตุยิ่งลูกระเบิดเอ็ม 79 จนมีผู้เสียชีวิตนั้นเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่โดยรัฐและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติไม่มีการวางแผนที่ดีพอในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และมีลักษณะที่อาจทำให้ถูกมองได้ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งถือได้ว่ารัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติเหตุการณ์ละเลยการละเมิดสิทธิมนุยชน ซึ่งรัฐบาลควรดำเนินการป้องกันสิทธิของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมให้มากกว่านี้ โดยจากเหตุความรุนแรงดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 100 คน ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญาเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหน้าที่ต้องสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีและรับโทษตามกฎหมาย
ส่วนการชุมนุมของผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีพยานหลักฐานแสดงให้เชื่อได้ว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เป็นการชุมนุมให้เกิดผลความรุนแรง บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย โดยในคืนวันที่ 22 เม.ย. 53 มีพยานบุคคลที่เห็นว่าลูกระเบิดเอ็ม 79 ถูกยิงมาจากทิศทางและบริเวณที่กลุ่ม นปช.ใช้เป็นที่ชุมนุม และยังมีพยานบุคคลได้ยินแกนนำกลุ่ม นปช.ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงในทำนองที่ทำให้เข้าใจได้ว่าแกนนำของกลุ่ม นปช.รับรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีเหตุการณ์อันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าวในช่วงระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งภายหลังปรากฏว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการจับกุม นายเจมส์ สิงห์สิทธิ์ คนสนิท ของ เสธ.แดง โดยที่คดีดังกล่าวนายเจมส์ไม่รับสารภาพ และคดียังอยู่ระหว่างศาลอาญา จึงเห็นได้ว่าในเหตุการณ์นี้การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่แยกศาลาแดง มีการกระทำ ร่วมมือ ให้การสนับสนุนให้มีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลในชีวิต ร่างกาย และสิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เคารพต่อสิทธิเสรีภาพต่อบุคคลที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในเหตุการณ์นี้จึงเป็นการชุมนุมที่เกินกว่าสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง เพราะไม่ได้เป็นการชุมนุมที่สงบปราศจากอาวุธ ทั้งยังเป็นการชุมนุมที่มีการกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหลายประการ
กสม. = กูสนับสนุนมาร์ค
หากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียเอง
เราย่อมถือว่ามันคือความเลวร้ายที่ทำลายศักด์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างสูงสุด
คือตราประทับรับรองให้การละเมิดนั้นๆมีความชอบธรรม
คือฝ่าเท้าที่เหยียบย่ำศักด์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้ผู้ถูกละเมิดเงยหน้าขึ้นร้องหาความยุติธรรมใดๆไม่ได้
เปลี่ยนชื่อเป็น คณะกรรมการสิทธิอภิสิทธ์ชน เถอะครับ คุณอมรา
ช่วงหลายวันมานี้เราเห็นความพยายามจาก"อะไรบางอย่าง"ที่จะคืน"ตรงกลาง"กลับสู่สังคมไทย
ศาลชี้ชัดว่าหกศพวัดปทุมตายจากเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นคำยืนยันที่หักล้างข้อพิสูจน์ของหมอพรทิพย์ในระดับที่คุณหญิงหมอหมดสิ้นศักด์ศรีและความน่าเชื่อถือ
ศาลอุทธณณ์ยกฟ้องคดียิงกลาโหม
ไม่น่าเชื่อว่าในขณะที่กลไกสำคัญกำลังตั้งศูนย์เที่ยงตรงใหม่เพื่อแก้ปัญหาที่ลากกันมาหลายปี
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกลับสวนทางเฟืองในแบบที่แทบจะหักคามือ
คุณกำลังทำอะไร อมรา พงศาพิชญ์
คุณแน่ใจหรือ ที่ตั้งใจสู้กับ"ความถูกต้องชอบธรรมทั้งปวง"ครั้งนี้
พวกคุณกำลังจะหักคาเฟือง รู้ตัวหรือปล่าว
******************************************
วันที่: Fri Nov 15 16:51:56 ICT 2024
|
|
|