Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

สหฟาร์ม เจ๊ง

ArjanPong | 06-07-2556 | เปิดดู 3155 | ความคิดเห็น 0

 

 

 

                สหฟาร์ม เจ๊ง..

 

 

 

สหฟาร์มหยุดกิจการ

สหฟาร์มหยุดกิจการ

 

 

 

หลังจาก บริษัทสหฟาร์ม จำกัด ประกาศหยุดธุรกิจการผลิตไก่แช่แข็งเพื่อการส่งออก ของบริษัทในเครือที่ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เป็นการชั่วคราว หลังติดค้างค่าแรงจนทำให้แรงงานต่างด้าวลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องนั้น

 

ล่าสุด วันที่ 8 กรกฎาคม นายกษิต โฆษิตานนท์ ประธานหอการค้า จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ถือเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาค เนื่องจากมีคนหลากหลายกลุ่มอาชีพที่ได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย

 

โดยเฉพาะ ผู้ค้ารายย่อย หรือลูกค้าที่ทำสัญญากับบริษัทและมีการลงทุนไปแล้ว แต่เกิดปัญหาติดค้างหนี้สิน จนทุนหายกำไรหด กลุ่มคนเหล่านี้ น่าเป็นห่วงกว่ากลุ่มแรงงงานในระบบ ซึ่งได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอยู่แล้ว ทางราชการจึงควรเร่งยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

 

นายกษิต กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาณบ่งชี้ เนื่องจากทางกลุ่มพ่อค้าพืชไร่ใน จ.เพชรบูรณ์ ราว 30-40 ราย หยุดป้อนข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบให้แก่บริษัท ซึ่งทราบมาว่า เนื่องจากมีปัญหาภาวะหนี้สินเช่นเดียวกัน โดยมูลหนี้ที่เป็นตัวเลขกลม ๆ อยู่ ราว ๆ 1 พันล้านบาท จึงอยากเสนอให้กรมสืบสวนคดีพิเศษ เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง

 

 

สหฟาร์มเจ๊ง! ขาดสภาพคล่อง คุมเข้มโรงเชือดไก่เพชรบูรณ์

 

 วานนี้ (7 ก.ค.) พ.ต.อ.โสภณ เพียรร่มทองไทย ผกก.สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่มแรงงานต่างด้าว ลูกจ้างบริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จำกัด เลขที่ 99/2 ม.4 ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ บริษัทในเครือของกลุ่มสหฟาร์ม กว่า 3,000 คน ชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าจ้างที่ติดค้างว่า ระหว่างนี้ได้กำชับให้ชุดสายตรวจเข้าไปตรวจที่แคมป์คนงานบริษัทเป็นระยะๆ หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงชำแหละไก่สดที่ลพบุรี

 


        อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้สถานการณ์ยังไม่น่าห่วง เพราะยังไม่มีการผิดเงื่อนไข ที่ผู้บริหารบริษัทรับปากกับกลุ่มคนงานในการเจรจากันเมื่อวันที่ 6 ก.ค.คือบริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าแรงเดือน พ.ค.56 ที่ค้างอยู่ 25% ให้คนงานภายในวันที่ 15 ก.ค.56 และบริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าแรง เดือน มิ.ย.56 ที่ค้างอยู่ 100% ให้คนงานภายในสิ้นเดือน ก.ค.56

 


        จากการสอบถามทางบริษัทพบว่า ระหว่างรอการจ่ายเงิน แรงงานเหล่านี้อาจจะเครียด แต่ก็ได้รับแจ้งว่าทุกคนมีวัตถุประสงค์ต้องการมาทำงาน จึงไม่ต้องการก่อปัญหา ระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารที่บริษัทต้องจัดเตรียมให้ เพื่อจะไปทำงานที่อื่น ส่วนแรงงานชาวพม่า 6 คนที่ก่อเหตุทุบทำลายสิ่งของนั้นเมื่อบริษัทไม่ติดใจเอาความ จึงปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาแล้ว

 


        ทั้งนี้ เมื่อเวลา 23.50 น. วันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาญวุฒิ เรืองจาบ ร้อยเวร สภ.ม่วงค่อม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้ที่บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ริมถนนสายสระบุรี-หล่มสัก เลขที่ 99 หมู่ 8 ต.ห้วยหิน อ.ชัยบาดาล โดยเหตุเกิดที่บริเวณโรงงานผลิตไก่แช่แข็งช่องทางที่ใช้ลำเลียงสินค้ามาเก็บเข้าห้องเย็น เป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบและควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปติดอาคารโรงงานใกล้เคียงกันได้ในเวลา 04.30 น.

 


        โดยในเบื้องต้น ได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ ไฟฟ้าลัดวงจร กับการวางเพลิง แต่ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่า สาเหตุมาจากอะไรกันแน่ เพราะมีการขู่ว่าจะมีการว่างเพลิงของแรงงานชาวต่างชาติที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างมาเป็นระยะอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง แต่เบื้องต้นอาคารดังกล่าวนี้น่าจะถูกทางไฟฟ้าตัดไฟไปแล้ว เนื่องจากติดค้างค่าไฟฟ้าอยู่จำนวนมาก คาดว่าจะรู้ผลได้ภายใน 2-3 วันนี้

 


        สำหรับความเสียหายจากเพลิงไหม้อาคารชำแหละไก่สดของบริษัทสหฟาร์ม ในครั้งนี้ น่าจะอยู่ราวไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท เนื่องจากเครื่องจักรในอาคารเสียหายเป็นจำนวนมากแถมอาคารอาจจะต้องมีการทุบทิ้งเพื่อทำการก่อสร้างใหม่ทั้งหมดเพราะอาจจะได้รับความร้อนจนอาจจะถล่มลงมาได้ นอกจากอาคารแล้วยังพบรถยนต์ 6 ล้อบรรทุกไก่สดส่งขายยังถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายอีก 1 คันด้วยเนื่องจากจอดอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งห้ามบุคคลเข้าไปในจุดเกิดเหตุแล้ว
 

       
       **** สหฟาร์มทรุดจากนโยบายประชานิยม

 
        แหล่งข่าวในแวดวงผู้ประกอบการเลี้ยงไก่เนื้อ เผยถึงกรณีที่ทาง สหฟาร์ม ติดค้างเงินค่าเลี้ยงไก่กับ ลูกเล้า (คอนแทร็กต์ ฟาร์มมิ่ง ) ที่ไม่ยอมจ่ายค่าเลี้ยง มูลค่ารวมจำนวนมหาศาล ซึ่งปัญหาดังกล่าวเริ่มรุนแรงมาตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีลูกเล้าหลายร้อยรายได้รวมตัวกันมากมาทวงค่าเลี้ยงเลี้ยงไก่ที่ค้างจ่ายมาหลายเดือน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ลูกเล้าของสหฟาร์มหันไปย้ายค่ายเลี้ยงไก่ให้บริษัทอื่นๆแทน

 


        กล่าวได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสหฟาร์มครั้งนี้รุนแรงและเลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปีนับว่ารุนแรงมากกว่าช่วงเกิดวิกฤตไข้หวัดนก สาเหตุสำคัญเกิดจากการที่สหฟาร์ม มีการขยายการลงทุนเกินตัว ขยายทั้งจำนวนลูกเล้า โรงงานชำแหละไก่ กอร์ปกับในปีที่แล้ว มาราคาวัตถุดิบแพงทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 30% การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน ค่าไฟฟ้า(เอฟที)ที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นกระทบต่อการส่งออก ขณะที่ราคาขายไก่ทั้งในและต่างประเทศตกต่ำ ยิ่งรุมเร้าปัญหาให้แย่ลงไปอีก

 


        ล่าสุด ปัญหาการขาดสภาพคล่องของสหฟาร์มได้ลุกลามขยายวงกว้างมากขึ้นจากลูกเล้าไปสู่ลูกจ้างและพนักงานบริษัทในกลุ่มสหฟาร์ม ทำให้มีการค้างจ่ายเงินเดือนและทยอยจ่าย สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อแรงงานต่างด้าวที่หาเช้ากินค่ำ จนนำมาสู่การประท้วงเรียกร้อง และขู่เผาโรงงานหากไม่ได้รับเงินค่าจ้าง จนบริษัทฯต้องยอมที่จะจ่ายเงินค้างจ่ายให้ ขณะเดียวกันก็ปิดโรงชำระแหละไก่ 2 เดือนเพื่อหาเงินกู้สำหรับเดินโรงงานต่อไป

 


        แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัญหาหลักๆ คือ ประชาชนนิยม ที่รัฐบาลประกาศไว้ก่อนเลือกตั้ง เพื่อดึงดูดใจประชากรส่วนใหญ่โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของชนชั้น ถือว่าเป็นการกระบวนการปลุกระดมทางการเมือง แต่หลังจากที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำงานทางการเมืองแล้วก็จบกันไป โดยไม่มีการวางแผนที่จะแก้ไขปัญหา หรือวางแผนรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะในกลุ่มของเกษตรปศุสัตว์ ที่รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งโยงใยเป็นลูกโซ่ เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย เนื่องจากรัฐบาลไม่ให้ความสนใจ ที่จะสนับสนุนในเรื่องของสถาบันงานเงินให้กับผู้ประกอบการ ธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีเงินหมุนเวียนธุรกิจก็ไปไม่รอด ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องมีนโยบายรองรับกับการทำประชานิยม

 


        " สหฟาร์มยังมีปัญหาในภายในของบริษัทเอง ที่มีการเติบโตเกินตัว รวมทั้งในปัจจุบันนี้เป็นยุคของเจเนอเรชั่นใหม่ ของสหฟาร์ม ทำการการบริหารจัดการต่างจากในยุคของ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ใช้เงินไม่เป็น ไม่มีการวางแผนงาน เพราะมั่นใจในนโยบายของรัฐบาลมาเกินไป ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าอยู่ทาง สหฟาร์ม มีความสัมพันธ์เป็นอย่างดีกับรัฐบาลในชุดนี้ แต่เมื่อมีปัญหาการเงินไม่ว่าใครก็เมิน "

 


        แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการไก่แปรรูป กล่าวว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมไก่ในครึ่งปีหลังนี้จะดีขึ้นกว่า 6 เดือนแรกปี 2556 เนื่องจากต้นทุนอาหารสัตว์อ่อนตัวลงมา และราคาไก่เป็นก็ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 46-47 บาท/กิโลกรัม ดีขึ้นจากปีก่อนที่ราคาไก่เป็นอยู่ที่ 30 กว่าบาท/กิโลกรัม เป็นระดับราคาที่ผู้ประกอบการมีกำไรเหมาะสม

 


        ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ราคาไก่ที่ดีขึ้นในช่วงนี้ เพราะได้รับอานิสงส์จากสหฟาร์มที่สะดุดล้ม จนต้องปิดโรงงานชำแหละไก่ไปทั้ง 2 โรงลพบุรีและเพชรบูรณ์ หลังจากช่วงที่ผ่านมา สหฟาร์มไม่สามารถแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องได้ ผิดจากผู้ประกอบการค่ายอื่นๆที่มีการขยายการลงทุนเพิ่มแต่ก็ไม่มากเท่า แม้ว่าปีที่แล้วจะขาดทุนแต่ไม่รุนแรงเท่าสหฟาร์ม ทำให้ปีนี้ยังประคองตัวเองได้

 


        แหล่งข่าวกล่าวว่า จากการปิดโรงชำแหละไก่ของสหฟาร์ม ทำให้ลูกเล้าบางรายที่เลี้ยงบไก่ป้อนให้สหฟาร์มต้องนำไก่ที่มีอายุ 10กว่าวันไปฝัง เพราะไม่สามารถหาอาหารสัตว์มาเลี้ยงให้ได้ แต่บางรายก็ประคองเลี้ยงไปแล้วขายให้โรงชำแหละไก่อิสระแทน เชื่อว่างานนี้จะเห็นการฟ้องร้องบริษัทฯตามมาอีกมากทั้งซัปพลายเออร์วัตถุดิบอาหารสัตว์ วัคซีน ฯลฯ เพราะเท่าที่ได้ยินมีการค้างจ่ายซัปพลายเออร์จำนวนหนึ่งด้วย

 


        ซึ่งแนวทางการแก้ไขในขณะนี้ คือ รัฐบาลจะต้องมีการหารือกับสถาบันทางการเงินให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่เพื่อให้สหฟาร์ม มีเงินมาหมุนเวียนและผู้ประกอบการรายย่อยก็สามารถอยู่รอดต่อไป ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาสังคมที่ตามมาเป็นลูกโซ่อีกมากมาย ตั้งแต่ผู้ผลิตอาหารสัตว์ แรงงาน เกษตรกร โดยยอมรับว่าอาชีพเลี้ยงไก่ความเสี่ยงสูง สถาบันการเงินไม่อยากปล่อยกู้

 


       
       **** ลูกเล้ารวมตัวทวงหนี้บริษัทฯ

 


        นายธีรศักดิ์ ทรายฮวด ผู้เลี้ยงไก่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ 1 ในลูกเล้าของสหฟาร์มในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มีอยู่กว่า 100 ราย กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่บริษัทสหฟาร์ม จะหยุดกิจการบริษัทในเครือที่ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน เนื่องจากไม่มีผู้เลี้ยงไก่ ซึ่งเป็นลูกเล้าบริษัทส่งไก่เข้าไปให้เชือดแล้ว เพราะบริษัทติดค้างค่าไก่ลูกเล้าไว้เป็นจำนวนมาก

 


        ก่อนหน้านี้ก็ทราบข่าวมาเหมือนกันว่าบริษัทจะหยุดดำเนินธุรกิจราว 2 เดือน ซึ่งตอนนี้ลูกเล้าทุกรายพยายามทำใจ แต่มีหลายรายที่ทำใจไม่ได้ เพราะไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน เมื่อบริษัทไม่ยอมจ่ายหนี้ บางรายก็แทบล้มละลาย หรือจะถูกยึดบ้านยึดที่ดินทำกินหมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียว ล่าสุดมีลูกเล้า 36 ราย มูลหนี้ร่วม 30 ล้านบาท จากทั้งหมด 100 กว่าราย รวมตัวกันพยายามติดตามทวงหนี้จากบริษัททุกช่องทาง แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น

 


        "เราทำทุกวิธีเพื่อติดตามทวงหนี้ โดยไปยื่นหนังสือให้ทางจังหวัดช่วยเหลือรวม 3 ครั้งก็ไม่มีผล ไปร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็ได้รับแจ้งว่า อยู่ระหว่างประสานกับทางบริษัทฯ ไปร้องสภาทนายความจังหวัด ก็ได้รับคำแนะนำพร้อมพาไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ .บึงสามพันก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นเดียวกัน".

 

 

 

 

***************************************************

 

 

 

                                                สายใยเเห่งรัก..               

 

 

                                  

 
 
 
 
"อย่าบอกป้าโจ๊วนะลูก ว่าลุงอู๊ด เสียเเล้ว.."
เสียงพูดอ้นเเผ่วเบาจากปากของนาง พรรณี พลรัตน์ น้องสาวคนเดียวของป้าโจ๊ว ที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ในห้อง ไอ ซี ยู โดยมีสายอ๊อกซิเจน กับสายน้ำเกลือ พันระโยงระยางเต็มไปหมดของโรงพยาบาลตำรวจ ที่เอ่ยกระซิบก้บลูกสาวที่นั่งเฝ้าอยู่ปลายเตียงของผู้เป็นป้าด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง
 
"ลุงเสียเมื่อไร ล่ะเเม่?.."
เมื่อตอนสองทุ่มครี่งนี่เอง อยู่ที่สมิติเวช พรุ่งนี้ก็คงจะเคลื่อนไปที่วัดมกุฏฯ เเม่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไว้ศาลาไหน?..."
 
ผู้เป็นเเม่กล่าวจบพร้อมกับหยดน้ำตาใสๆที่ค่อยๆไหลรินร่วงมาเป็นสายอย่างไม่รู้ตัว ภาพของพี่สาวคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ในอาการที่ไม่รู้สึกตัวอยู่ในขณะนี้ ช่างน่าเวทนายิ่งนัก นี่หรือศิลปินเเห่งชาติ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี?.. นี่หรือคนที่ให้ความสุขเเก่มิตรรักนักฟังเพลงมาเป็นระยะเวลานานเเสนนาน เป็นนางฟ้าเสียงสวรรค์ที่อยู่ในหัวใจคนนับล้านคน?..ทำไมต้องมานอนซมเพราะพิษ เบาหวาน พาร์กิสัน อัลไซเมอร์ หนักหนาสาหัสสากรรณ์ถึงขนาดนี้ล่ะ?!!.....
 
ภาพของพี่สาวกับสามีก็คือคุณ สุวัฒน์ วรดิลก หรือ ลุงอู๊ดของเด็กๆ ต่อเเต่นี้ไปก็คงจะไม่มีอีกเเล้ว ภาพของทั้งคู่ที่ไม่เคยห่างกันเลยเเม้เเต่วันเดียว ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ครองรักกันมา มันยิ่งกว่าเงาตามตัวของกันเเละกันเสียอีก ไม่รู้ล่ะ..เห็นพี่โจ๊วตรงไหน ก็ต้องเห็นพี่อู๊ดอยู่ตรงนั้นด้วยล้านเปอร์เซนต์!!...ทั้งคู่ต่างก็ห่วงหาอาทรซึ่งกันเเละกันอยู่ตลอดเวลา คำน้อยสักนิดที่จะผิดใจกันนั้นไม่มี จวบจนกระทั่งพี่อู๊ดล้มป่วยลงด้วยวัยชรา เเข้งขาไม่มีเเรง เเต่ก็ได้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากคอยดูเเลเฝ้าไข้อย่างใกล้ชิด จัดการหาหยูกหายาพาขับรถไปหาหมอพนอคลอเคล้ากันไม่ห่าง พี่อู๊ดยิ้มเเย้มเเจ่มใสทักทายลูกหลานเเละลูกศิษย์ลูกหา ที่เเวะเข้าไปเยี่ยมเยียนกราบทักทายสองตายายที่ศรีราชาอยู่เป็นประจำ ไม่มีสักนิดเลยสำหรับเเววตาของการท้อถอย.....
 
เเล้วก็ถึงวันหนึ่งที่พี่โจ๊วต้องมาล้มป่วยลงบ้างจากอาการโรคเบาหวานกำเริบ พร้อมกับโรคร้ายหลายอย่างที่ประดังเข้ามา ทางญาติๆก็ตกลงกันว่าให้มารักษาตัวที่กรุงเทพจะดีกว่า เพราะอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือทางการเเพทย์จะมีความพร้อมมากกว่า
 
"โจ๊ว เขาเป็นยังไงมั่งล่ะณี?..." เสียงของชายชราที่นอนไม่ไหวติงอยู่บนเตียง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างประหลาด จากน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาจากชายชราผู้นั้น
 
"หมอเขารับตัวไว้เเล้วล่ะพี่อู๊ด อยู่ใกล้มดใกล้หมอ เครื่องไม้เครื่องมือก็มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องกลัวหรอกพี่ อาการก็ดีขึ้นไปเรื่อยๆ อีกไม่นานก็คงหาย.."
"หมอเขาว่าเป็นอะไร?.."
"โรคคนเเก่น่ะพี่.." กล่าวจบเธอก็เเสร้งทำปลีกตัวเดินเข้าไปในครัวหลังบ้าน เพี่อที่จะได้หยุดการสนทนาไว้เเต่เพียงเท่านั้น ก็เธอจะพูดออกไปได้อย่างไรกันเล่า? ว่าทุกวันนี้พี่สาวของเธอนั้นยังนอนอยู่ที่ห้องไอซียู เเละยังไม่รู้สึกตัวเลย...
 
นั่นเป็นครั้งเเรกที่เธอได้เห็นเขาทั้งคู่ต้องเเยกจากกัน เเละนับตั้งเเต่วันนั้นเป็นต้นมา อาการของพี่อู๊ดก็ทรุดลงเรื่อยๆ จวบจนกระทั่งวันที่ 15 เมษายน 2550 พี่อู๊ดก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวในสภาพที่คราบน้ำตายังเเห้งเกรอะกรังอยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง..."ใช่เเล้วล่ะ..พี่อู๊ดตรอมใจตาย......" พรรณี รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆด้วยอารมณ์ที่หดหู่ยิ่งนัก
 
ทางญาติๆต่างตกลงกันว่าจะสวดอภิธรรม 30 วัน เเล้วก็จะเก็บศพ 100 วัน ก่อนที่จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป ลูกๆหลานๆใครทีว่างก็สลับสับเปลื่ยนกันเข้ามาดูอาการของป้าโจ๊วที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง
 
"เเม่ป้ายิ้มเเล้ว!!.." เสียงลูกสาวละล่ำละลัก หันไปบอกเเม่พรรณีที่กำลังยืนคุยกับคุณหมอด้วยน้ำเสียงดีใจ..ภาพที่เห็นอยู่ในขณะนี้ คนไข้ที่นอนหลับตาไม่รับรู้เรื่องราวต่างๆมานาน เธอกำลังยิ้มอย่างมีความสุข ทั้งๆที่ตาทั้งสองข้างของเธอยังปิดสนิท
 
"รอด้วยพี่อู๊ด...." เสียงที่เบาเเสนเบาพอจะจับใจความได้ถึงความรู้สึกที่โหยหาอาทรเเห่งห้วงลึกสุดหัวใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรอคอยบางสิ่งบางอย่างมานานเเสนนาน..."รอด้วยยยยยยย............" เสียงที่เเผ่วเบานั้น ค่อยๆเงียบหายไป พร้อมกับลมหายใจที่สงบนิ่งลงในเวลาต่อมา......
 
10.30 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ศิลปินเเห่งชาติ ได้สิ้นใจอย่างสงบ ภายหลังจากสวดอภิธรรมศพ สุวัฒน์  วรดิลก ศิลปินเเห่งชาติ ผู้เป็นสามี ครบ 30 วัน พอดี................

 

 

*******************************************

 

 

               

 

 

                                       จลาจลอิยิปต์

 

 

 

อียิปต์เดือด ผู้สนับสนุบต่อต้าน โมฮัมเหม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดี ที่ถูกรัฐประหารเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปะทะกัน เสียชีวิตไปเกือบ 30 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน

 

 

อียิปต์ ปะทะเดือด ตาย 30 เจ็บกว่า 300
 
 
 
 
 
 

อียิปต์เดือด ผู้สนับสนุบต่อต้าน โมฮัมเหม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดี ที่ถูกรัฐประหารเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปะทะกัน เสียชีวิตไปเกือบ 30 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สถานการณ์ทางการเมืองในอียิปต์ ทวีความตึงเครียดมากขึ้น หลังเกิดเหตุ
ปะทะกัน ระหว่างกลุ่มสนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด มอร์ซี ที่มีกลุ่มภราดรภาพมุสลิม เป็นแกนนำกับกลุ่มต่อต้านและทหาร เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปประมาณ 30 ราย บาดเจ็บ 318 คน ในหลายเมืองทั่วประเทศ

รายงานระบุว่า ความรุนแรงเกิดขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารยิงผู้สนับสนุน นายมอร์ซี เสียชีวิต 3 ราย ก่อนที่ นาย
โมฮัมเหม็ด บาดี ผู้นำสูงสุดของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ปรากฏตัวต่อหน้าผู้สนับสนุน ที่มัสยิดในกรุงไคโร พร้อม
กับเรียกร้องให้ออกมาแสดงพลังตามท้องถนน เพื่อคืนตำแหน่งให้ นายมอร์ซี และประณามทหารว่าผิดคำสัญญา
จากนั้นจึงเกิดการปะทะกับฝ่ายต่อต้าน และทหาร บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำไนล์ ที่มุ่งหน้าไปยังจตุรัสทาห์รี

ขณะเดียวกัน กองทัพได้ประกาศว่า สามารถควบคุมตัว นายไครัด อัล-ชาเตอร์ ผู้ช่วยของ นายบาดี ที่บ้านพักของ
เขาในกรุงไคโรได้แล้ว แต่ความวุ่นวายยังขยายไปยังหลายเมืองกลุ่มผู้สนับสนุนพยายามบุกเข้าไปยังอาคารของรัฐบาล และกองทัพ จนทำให้เกิดเหตุปะทะกับตำรวจและกลุ่มต่อต้าน นายมอร์ซี ที่เมืองอเล็กซานเดรีย เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 กลุ่มสนับสนุน นายมอร์ซี กราดยิงใส่กลุ่มต่อต้าน มีผู้เสียชีวิตไป 12 ราย และที่เมืองอัล-อาริส มีตำรวจเสียชีวิตไป 5 นาย ด้วย

ด้าน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญกับอียิปต์ ได้ออกแถลงการณ์ประณามความรุนแรงที่เกิด
ขึ้นและเรียกร้องทุกฝ่ายยุติความรุนแรง เช่นเดียวกับ นายบัน กี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกมาแสดงความ
วิตกกังวลต่อเหตุการร์ในอียิปต์ ที่กำลังบานปลายด้วย

 

 

                              
 

 

 

นายศราวุฒิ อารีย์ นักวิชาการจากศูนย์มุสลิมศึกษาสถาบันเอเชียศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ทางสถานีวิทยุ 97.0 เมกกะเฮิรทซ์ ถึงการรัฐประหารในประเทศอียิปต์ว่า หากเราติดตามจะพบการคัดง้างระหว่างกองทัพกับรัฐบาลของนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซีมาตลอด และหลังจากเหตุการณ์อาหรับสปริง ที่โค่นล้มอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก ทหารเกิดความหวาดระแวงกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูดของนายมอร์ซี เพราะมีความพยายามออกกฎหมายลดอำนาจบทบาทกองทัพ ตุลาการ



นายศราวุฒิล่าวต่อว่า ที่ประชาชนซึ่งเคบขับไล่นายมูบารัก ออกมาขับไล่นายมอร์ซีอีกครั้ง เหตุผลมีหลานประการ ประการแรกเพราะการชนะเลือกตั้งของนายมอร์ซีชนะ เพียง 52 % ส่วนกลุ่มเก่า 48% เพราะฉะนั้นจำนวนประชาการที่สนับสนุนสองฝ่ายใกล้เคียงกัน นอกจากนี้วัยรุ่นหนุ่มสาวช่วงอาหรับสปริง เขาต้องการให้เปลี่ยนแปลงฉับไว แต่การบริหารของมอร์ซีสะท้อนความล้มเหลว เมื่อมีเศรษฐกิจตกต่ำ มีคนว่างงานจำนวนมากจึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น นอกจากนี้กระแสโลกอาหรับมีการต่อสู้ระหว่างแนวทางกลุ่มนิยมอิสลาม กับกลุ่มแนวทางฝ่ายทางโลก ก่อนหน้านี้ก็ทมีการลุกฮือในอีกหลายๆประเทศ ของฝ่ายทางโลก เขาเกิดความหวาดระแวงว่าฝ่ายนิยมอิสลามจะนำไปสู่แนวทางเคร่งครัดของมุสลิม และจะนำไปสู่การลิดรอนอิสรภาพของตนเอง และครั้งนี้ทำให้ทหารเข้ามายึดอำนาจในที่สุด.....

 

สถานการณ์ที่ Eยิปต์ เข้าใจง่ายๆจาก อ.พิชิต

พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์

ขณะนี้ สถานการณ์ในอียิปต์ซับซ้อนมาก Morsy เป็นประธานาธิบดีมาหนึ่งปี จากพรรคภราดรภาพมุสลิม มีปัญหามาก พยายามเอาศาสนาอิสลามเข้ามาครอบงำการเมืองของอียิปต์ เปลี่ยนให้เป็น รัฐมุสลิม ไล่ล่าทุกองค์กรที่วิพากษ์วิจารณ์ Morsy โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ "ทำรุนแรงXXX" ต่อผู้หญิงที่ต่อต้านรัฐบาล ไล่ล่าแม้แต่ผู้นำศาสนาอิสลามที่ไม่ใช่นิกายสุหนี่ (พรรคภราดรภาพมุสลิมเป็นนิกายสุหนี่)

รัฐธรรมนูญที่ร่างโดย Morsy ก็โน้มเอียงโดยอ้างศาสนา เช่น ไม่ให้สิทธิหญิงเท่าเทียมชาย
ประชาชนนับล้านเลยออกมาชุมนุมขับไล่ให้ Morsy ลาออกและให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ทันที โดยสรุปคือ ประชาชนที่ออกมาขับไล่ Morsy ต่อต้านการเอาศาสนาอิสลามมาครอบการเมือง (กลัวเป็นแบบอิหร่าน) และต้องการให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นแบบ "เสรีนิยม" มากขึ้น

ฝ่ายพรรคภราดรภาพมุสลิมก็เอาผู้สนับสนุนของตนออกมาชุมนุมต่อต้านอีกที ผู้นำพรรคภราดรภาพมุสลิมประกาศ "จิฮัด สงครามศักดิ์สิทธิ์" ต่อผู้ที่ต่อต้าน Morsy และหาว่า ผู้ประท้วงเป็นพวกต้องการ "ประชาธิปไตยเสรีนิยม" แบบตะวันตก
นโยบายของพรรคภราดรภาพมุสลิมอียิปต์ข้อหนึ่งคือ "รวมชาติอิสลามทั้งหลายให้เป็นหนึ่ง ไปสู้กับ จักรพรรดินิยมตะวันตก"

ล่าสุด กองทัพได้ยื่นคำขาดให้ Morsy ลาออกภายใน 48 ชั่วโมง ประชาชนฝ่ายต่อต้านได้เฮ พอเส้นตายผ่านไป รถถังก็เคลื่อนออกมา "รัฐประหาร!!!" ประชาชนที่ต่อต้าน Morsy เชียร์ทหารเป็นการใหญ่
ก็ต้องดูต่อไปว่า จะเป็นอย่างไร ที่สำคัญ เมื่อกองทัพโค่น Morsy ได้แล้ว จะทำตามข้อเรียกร้องของประชาชนที่ให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่และให้เลือกตั้งประธานาธิบดี​ใหม่หรือไม่ หรือจะ "มั่วนิ่ม" ลากถูไปเป็นเผด็จการอีกรอบ??!!

--------------------------------------------------------------------------------
อาจารย์เขียนให้อ่านเข้าใจง่าย ซึ่งเห็นอยู่ว่าบริบทมันต่างจากประเทศไทยเยอะเลย ที่นั่้นคนเคยอิสระ แต่ต้องมาเจอรัฐธรรมนูญที่พยายามริดรอนเสรีภาพ ส่อออกไปเป็นรัฐอิสลามเคร่งครัดเหมือนอิหร่าน ผู้หญิงถูกกดขี่อย่างมากจนไกล้เคียงเผด็จการเข้าไปทุกวัน

ประชาชนออกมาประท้วงเพื่อต้องการเสรีภาพครับ

ย้ำ!!

เค้าไม่มีเสรีภาพเลยออกมาประท้วง ผิดกับไทยที่มีเสรีภาพอยู่แล้วแต่ออกมาประท้วงเพื่อให้เป็นเผด็จการ

 

 

 

 

 

*********************************

 

 

 

 

                                                          ผลของคนอกตัญญู



ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภอนาถบิณฑิกเศรษฐี เรื่องมีอยู่ว่า...

    มีเศรษฐีชาวบ้านนอกคนหนึ่ง เป็นสหายผู้ไม่เคยเห็นกันของอนาถบิณฑิกเศรษฐี วันหนึ่ง ได้บรรทุกสิ่งของมาขายเมืองสาวัตถี ด้วยขบวนเกวียนสินค้า ๕๐๐ เล่ม มอบให้คนงานนำมาขาย พร้อมฝากคำมาหาอนาถบิณฑิกเศรษฐีด้วย

   ฝ่ายท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ทำการต้อนรับด้วยความยินดี สั่งให้หาที่พักและเสบียงแก่คนเหล่านั้น ไต่ถามถึงความสุขของเศรษฐีผู้สหาย รับซื้อแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งหมดแล้วส่งกลับบ้าน พวกคนงานแจ้งเนื้อความนั้นแก่เศรษฐีเจ้านายของตน

   ต่อมาอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ส่งเกวียนบรรทุกสินค้าจำนวน ๕๐๐ เล่ม พร้อมนำเครื่องบรรณาการไปเยี่ยมเยือนเศรษฐีผู้สหายนั้น ฝ่ายเศรษฐีนั้นรับเครื่องบรรณาการแล้ว บอกว่าไม่รู้จักอนาถบิณฑิกเศรษฐีไม่จัดที่พักและเสบียงให้คนงานเหล่านั้นเลย ไม่รับซื้อสินค้าอีกด้วย คนเหล่านั้นต้องขายสินค้ากันเองแล้วกลับคืนเมืองสาวัตถี เล่าเรื่องนั้นแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐีฟัง

   อยู่ต่อมา เศรษฐีนั้น ได้บรรทุกสินค้ามาขายที่เมืองสาวัตถีซ้ำอีก นำบรรณาการมอบให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีแล้ว พวกคนงานของอนาถบิณฑิกเศรษฐีเห็นพวกนั้นแล้ว ขออาสาต้อนรับเอง ให้ปลดเกวียนไว้นอกเมือง พอถึงเวลากลางคืนได้นำพวกเข้าปล้นสินค้าแย่งเอาแม้กระทั่งผ้านุ่ง พวกบ้านนอกไม่เหลือแม้กระทั่งผ้านุ่งต่างกลัวตาย พากันหนีไปสู่บ้านของตน

   ฝ่ายคนของอนาถบิณฑิกเศรษฐีพากันบอกเรื่องนั้นแก่เศรษฐี ท่านเศรษฐีจึงนำความนี้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัสพระคาถาว่า
     " ผู้ใด ไม่รู้จักคุณความดีและประโยชน์ให้ที่ผู้อื่นกระทำไว้ก่อน
       ผู้นั้น เมื่อมีกิจการเกิดขึ้นภายหลัง ย่อมไม่ได้ผู้ช่วยเหลือ "
 


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
 
บุญคุณคนต้องทดแทน

* เรื่องที่ ๑๐ ในอปายิมวรรค หน้า ๓๑๖-๓๑๙ พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๒

ที่มา : หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๑ โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
วัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทร ๐๔๓-๒๒๒๑๐๑, ๐๔๓-๓๒๐๘๕๐

 

 

 

************************************

 

 

 

 

 

 

 

'ยุทธศักดิ์' ปฏิเสธ คลิปเสียง ยันไม่คิดคุมผบ.เหล่าทัพ

 
 

 

 

 

 

 "พล.อ.ยุทธศักดิ์" ปฏิเสธ คลิปเสียง ยันไม่คิดคุมผบ.เหล่าทัพ -แก้กม.กลาโหม-คุมโยกย้ายทหาร และไม่เคยพบ"พ.ต.ท.ทักษิณ" ที่สิงคโปร์ 
 
 
เว็บไซต์เดลินิวส์  รายงานว่า วันนี้( 6 ก.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ได้มีสมาชิกยูทูปใช้ชื่อว่า " ไทย รักชาติ" โพสต์คลิปเสียง โดยใช้หัวข้อว่า "เสียงการสนทนาของ พล.อ. ยุทธศักดิ์กับพ.ต.ท ทักษิณ ในการวางแผนกลับประเทศ???" มีทั้งหมด 4 ตอนว่า ยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าว ยืนยันว่าช่วงก่อนปรับ ครม. และหลังปรับครม. ไม่ได้โทรศัพท์หา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่เคยไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่วนตัว รวมไปถึงไม่เคยไปคุยในวงสนทนาที่มีบุคคลที่สาม
 
 "ผมยืนยันว่าไม่ได้ไปคุยกับท่าน คนที่มาบอกผมให้มารับตำแหน่งรมช.กลาโหม คือท่านนายกฯ โทรศัพท์มาเรียกผมช่วง 3 โมงเย็นไม่เกี่ยวกับนายกฯทักษิณ และในคลิปไม่ใช่เสียงผมแน่นอน" รมช.กลาโหม กล่าว
 
เมื่อถามว่า ในบทสนทนา อ้างว่าชายดังกล่าวเล่าเหตุการณ์ที่ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ไปราชการภาคใต้และโดนทักกลับว่าคู่สนทนาอายุ 76 ปี พล.อ.ยุทธศักดิ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่มี ไม่มี ไปเอาที่ไหนมา ยังไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่รู้ใครเอาเรื่องนี้ไปเขียน ยืนยันว่าไม่ได้พูด เมื่อถามย้ำว่า ในบทสนทนาอ้างว่าเหตุการณ์ระเบิดภาคใต้ทหารตาย 6 ศพ เกิดเมื่อวานนี้เหมือนเป็นการไปพูดคุยกันวันที่ 23 ก.ค. ตามที่มีข่าวว่าไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่สิงคโปร์
 
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไปเช็คดูได้เลยว่าช่วงดังกล่าวตนเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์และไปประชุม ไม่ได้ไปสิงคโปร์เลยพอกลับมาก็ได้รับข่าวว่าต้องมารับหน้าที่ พอวันที่ 4-5 ก.ค.ก็ไปเกาหลี ไม่ได้ไปฮ่องกง และตนก็ไม่ได้ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณนานแล้ว ท้าเลยเอาคลิปเสียงมายืนยันว่า เป็นเสียงตน หรือเสียงนายกฯทักษิณ วันจันทร์ (8 ก.ค.) เอามาเปิดฟังเลย เอาหลักฐานมายืนยัน นี่แค่เริ่มทำงานนะ สงสัยคลื่นใต้น้ำในกระทรวงกลาโหมจะแรง ขนาดตอนไปเกาหลีหลังรับตำแหน่งยังมีข่าวลือ บอกว่าตนจะยึดห้อง รมว.กลาโหม ซึ่งก็ได้แจ้งไปทางเลขาธิการนายกฯ ว่าได้สั่งปลัดกระทรวงกลาโหมส่วนตัวให้ไปเตรียมห้องทำงานให้ท่าน ไปเช็คดูความเรียบร้อย เพราะท่านเป็นผู้หญิง ทั้งเรื่องห้องน้ำ โต๊ะทำงาน พร้อมทั้งไปตรวจดูว่ามีเครื่องดักฟังหรือเปล่า แต่เมื่อมีเรื่องอย่างนี้ออกมาก็ดี จะได้รู้ว่ามีคนไม่ค่อยหวังดี และไม่อยากให้ตนมา

 
 ในเนื้อหาการสนทนามีการพูดถึงการควบคุม ผบ.เหล่าทัพ และการแก้ไขกฎหมายบางฉบับเรื่องโยกย้ายทหารเพื่อคุมกองทัพนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยพูดเรื่องการแก้ไขกฎหมาย หรือแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการโยกย้าย และตนก็ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ ทั้งนี้นายกฯ เป็นประธานบอร์ดโยกย้าย และยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดเรื่องโยกย้ายทหาร หรือต้องการคุมเสียงของกองทัพ ตอนนี้ทหารกับรัฐบาลคุยกันแบบเปิดอก.

 

 

 

ยืนยันได้เลย ไม่ใช่การบันทึกเสียงจากโทรศัพท์

แต่เป็นเสียงบันทึกจากการสนทนาแบบนั่งโต๊ะคุยกัน

เสียงไมค์ ที่พูดกะนายกฯ ทักษิณ ชัดเจนมาก เหมือนมีไมค์อยู่ใกล้ตัว

เหมือนจะเป็นการบันทึกเสียงไปให้ ใครซักคนฟัง ว่าความคิดท่าน นายกฯ ทักษิณ มีแนวคิดอย่างไร

แต่ถ้าบันทึกเสียงจากโทรศัพท์ จะใช้โทรศัพท์ยี่ห้อ อีริกสัน รุ่นเก่าดักฟัง เสียงจะชัดเจนเพียงคนเดียว

ยืนยันได้อย่างหนึ่งก็คือ ของจริงครับ ไม่มีการตัดต่อ
 
 
 
 
 
 

**********************************

 

 

 

 

 

 

 

******************************************

 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 16:30:44 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>