สหฟาร์ม เจ๊ง..
หลังจาก บริษัทสหฟาร์ม จำกัด ประกาศหยุดธุรกิจการผลิตไก่แช่แข็งเพื่อการส่งออก ของบริษัทในเครือที่ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เป็นการชั่วคราว หลังติดค้างค่าแรงจนทำให้แรงงานต่างด้าวลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องนั้น
ล่าสุด วันที่ 8 กรกฎาคม นายกษิต โฆษิตานนท์ ประธานหอการค้า จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ถือเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาค เนื่องจากมีคนหลากหลายกลุ่มอาชีพที่ได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย
โดยเฉพาะ ผู้ค้ารายย่อย หรือลูกค้าที่ทำสัญญากับบริษัทและมีการลงทุนไปแล้ว แต่เกิดปัญหาติดค้างหนี้สิน จนทุนหายกำไรหด กลุ่มคนเหล่านี้ น่าเป็นห่วงกว่ากลุ่มแรงงงานในระบบ ซึ่งได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอยู่แล้ว ทางราชการจึงควรเร่งยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
นายกษิต กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาณบ่งชี้ เนื่องจากทางกลุ่มพ่อค้าพืชไร่ใน จ.เพชรบูรณ์ ราว 30-40 ราย หยุดป้อนข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบให้แก่บริษัท ซึ่งทราบมาว่า เนื่องจากมีปัญหาภาวะหนี้สินเช่นเดียวกัน โดยมูลหนี้ที่เป็นตัวเลขกลม ๆ อยู่ ราว ๆ 1 พันล้านบาท จึงอยากเสนอให้กรมสืบสวนคดีพิเศษ เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง
สหฟาร์มเจ๊ง! ขาดสภาพคล่อง คุมเข้มโรงเชือดไก่เพชรบูรณ์
วานนี้ (7 ก.ค.) พ.ต.อ.โสภณ เพียรร่มทองไทย ผกก.สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่มแรงงานต่างด้าว ลูกจ้างบริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จำกัด เลขที่ 99/2 ม.4 ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ บริษัทในเครือของกลุ่มสหฟาร์ม กว่า 3,000 คน ชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าจ้างที่ติดค้างว่า ระหว่างนี้ได้กำชับให้ชุดสายตรวจเข้าไปตรวจที่แคมป์คนงานบริษัทเป็นระยะๆ หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงชำแหละไก่สดที่ลพบุรี
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้สถานการณ์ยังไม่น่าห่วง เพราะยังไม่มีการผิดเงื่อนไข ที่ผู้บริหารบริษัทรับปากกับกลุ่มคนงานในการเจรจากันเมื่อวันที่ 6 ก.ค.คือบริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าแรงเดือน พ.ค.56 ที่ค้างอยู่ 25% ให้คนงานภายในวันที่ 15 ก.ค.56 และบริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าแรง เดือน มิ.ย.56 ที่ค้างอยู่ 100% ให้คนงานภายในสิ้นเดือน ก.ค.56
จากการสอบถามทางบริษัทพบว่า ระหว่างรอการจ่ายเงิน แรงงานเหล่านี้อาจจะเครียด แต่ก็ได้รับแจ้งว่าทุกคนมีวัตถุประสงค์ต้องการมาทำงาน จึงไม่ต้องการก่อปัญหา ระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารที่บริษัทต้องจัดเตรียมให้ เพื่อจะไปทำงานที่อื่น ส่วนแรงงานชาวพม่า 6 คนที่ก่อเหตุทุบทำลายสิ่งของนั้นเมื่อบริษัทไม่ติดใจเอาความ จึงปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 23.50 น. วันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาญวุฒิ เรืองจาบ ร้อยเวร สภ.ม่วงค่อม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้ที่บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ริมถนนสายสระบุรี-หล่มสัก เลขที่ 99 หมู่ 8 ต.ห้วยหิน อ.ชัยบาดาล โดยเหตุเกิดที่บริเวณโรงงานผลิตไก่แช่แข็งช่องทางที่ใช้ลำเลียงสินค้ามาเก็บเข้าห้องเย็น เป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบและควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปติดอาคารโรงงานใกล้เคียงกันได้ในเวลา 04.30 น.
โดยในเบื้องต้น ได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ ไฟฟ้าลัดวงจร กับการวางเพลิง แต่ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่า สาเหตุมาจากอะไรกันแน่ เพราะมีการขู่ว่าจะมีการว่างเพลิงของแรงงานชาวต่างชาติที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างมาเป็นระยะอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง แต่เบื้องต้นอาคารดังกล่าวนี้น่าจะถูกทางไฟฟ้าตัดไฟไปแล้ว เนื่องจากติดค้างค่าไฟฟ้าอยู่จำนวนมาก คาดว่าจะรู้ผลได้ภายใน 2-3 วันนี้
สำหรับความเสียหายจากเพลิงไหม้อาคารชำแหละไก่สดของบริษัทสหฟาร์ม ในครั้งนี้ น่าจะอยู่ราวไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท เนื่องจากเครื่องจักรในอาคารเสียหายเป็นจำนวนมากแถมอาคารอาจจะต้องมีการทุบทิ้งเพื่อทำการก่อสร้างใหม่ทั้งหมดเพราะอาจจะได้รับความร้อนจนอาจจะถล่มลงมาได้ นอกจากอาคารแล้วยังพบรถยนต์ 6 ล้อบรรทุกไก่สดส่งขายยังถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายอีก 1 คันด้วยเนื่องจากจอดอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งห้ามบุคคลเข้าไปในจุดเกิดเหตุแล้ว
**** สหฟาร์มทรุดจากนโยบายประชานิยม
แหล่งข่าวในแวดวงผู้ประกอบการเลี้ยงไก่เนื้อ เผยถึงกรณีที่ทาง สหฟาร์ม ติดค้างเงินค่าเลี้ยงไก่กับ ลูกเล้า (คอนแทร็กต์ ฟาร์มมิ่ง ) ที่ไม่ยอมจ่ายค่าเลี้ยง มูลค่ารวมจำนวนมหาศาล ซึ่งปัญหาดังกล่าวเริ่มรุนแรงมาตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีลูกเล้าหลายร้อยรายได้รวมตัวกันมากมาทวงค่าเลี้ยงเลี้ยงไก่ที่ค้างจ่ายมาหลายเดือน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ลูกเล้าของสหฟาร์มหันไปย้ายค่ายเลี้ยงไก่ให้บริษัทอื่นๆแทน
กล่าวได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสหฟาร์มครั้งนี้รุนแรงและเลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปีนับว่ารุนแรงมากกว่าช่วงเกิดวิกฤตไข้หวัดนก สาเหตุสำคัญเกิดจากการที่สหฟาร์ม มีการขยายการลงทุนเกินตัว ขยายทั้งจำนวนลูกเล้า โรงงานชำแหละไก่ กอร์ปกับในปีที่แล้ว มาราคาวัตถุดิบแพงทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 30% การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน ค่าไฟฟ้า(เอฟที)ที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นกระทบต่อการส่งออก ขณะที่ราคาขายไก่ทั้งในและต่างประเทศตกต่ำ ยิ่งรุมเร้าปัญหาให้แย่ลงไปอีก
ล่าสุด ปัญหาการขาดสภาพคล่องของสหฟาร์มได้ลุกลามขยายวงกว้างมากขึ้นจากลูกเล้าไปสู่ลูกจ้างและพนักงานบริษัทในกลุ่มสหฟาร์ม ทำให้มีการค้างจ่ายเงินเดือนและทยอยจ่าย สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อแรงงานต่างด้าวที่หาเช้ากินค่ำ จนนำมาสู่การประท้วงเรียกร้อง และขู่เผาโรงงานหากไม่ได้รับเงินค่าจ้าง จนบริษัทฯต้องยอมที่จะจ่ายเงินค้างจ่ายให้ ขณะเดียวกันก็ปิดโรงชำระแหละไก่ 2 เดือนเพื่อหาเงินกู้สำหรับเดินโรงงานต่อไป
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัญหาหลักๆ คือ ประชาชนนิยม ที่รัฐบาลประกาศไว้ก่อนเลือกตั้ง เพื่อดึงดูดใจประชากรส่วนใหญ่โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของชนชั้น ถือว่าเป็นการกระบวนการปลุกระดมทางการเมือง แต่หลังจากที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำงานทางการเมืองแล้วก็จบกันไป โดยไม่มีการวางแผนที่จะแก้ไขปัญหา หรือวางแผนรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะในกลุ่มของเกษตรปศุสัตว์ ที่รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งโยงใยเป็นลูกโซ่ เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย เนื่องจากรัฐบาลไม่ให้ความสนใจ ที่จะสนับสนุนในเรื่องของสถาบันงานเงินให้กับผู้ประกอบการ ธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีเงินหมุนเวียนธุรกิจก็ไปไม่รอด ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องมีนโยบายรองรับกับการทำประชานิยม
" สหฟาร์มยังมีปัญหาในภายในของบริษัทเอง ที่มีการเติบโตเกินตัว รวมทั้งในปัจจุบันนี้เป็นยุคของเจเนอเรชั่นใหม่ ของสหฟาร์ม ทำการการบริหารจัดการต่างจากในยุคของ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ใช้เงินไม่เป็น ไม่มีการวางแผนงาน เพราะมั่นใจในนโยบายของรัฐบาลมาเกินไป ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าอยู่ทาง สหฟาร์ม มีความสัมพันธ์เป็นอย่างดีกับรัฐบาลในชุดนี้ แต่เมื่อมีปัญหาการเงินไม่ว่าใครก็เมิน "
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการไก่แปรรูป กล่าวว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมไก่ในครึ่งปีหลังนี้จะดีขึ้นกว่า 6 เดือนแรกปี 2556 เนื่องจากต้นทุนอาหารสัตว์อ่อนตัวลงมา และราคาไก่เป็นก็ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 46-47 บาท/กิโลกรัม ดีขึ้นจากปีก่อนที่ราคาไก่เป็นอยู่ที่ 30 กว่าบาท/กิโลกรัม เป็นระดับราคาที่ผู้ประกอบการมีกำไรเหมาะสม
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ราคาไก่ที่ดีขึ้นในช่วงนี้ เพราะได้รับอานิสงส์จากสหฟาร์มที่สะดุดล้ม จนต้องปิดโรงงานชำแหละไก่ไปทั้ง 2 โรงลพบุรีและเพชรบูรณ์ หลังจากช่วงที่ผ่านมา สหฟาร์มไม่สามารถแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องได้ ผิดจากผู้ประกอบการค่ายอื่นๆที่มีการขยายการลงทุนเพิ่มแต่ก็ไม่มากเท่า แม้ว่าปีที่แล้วจะขาดทุนแต่ไม่รุนแรงเท่าสหฟาร์ม ทำให้ปีนี้ยังประคองตัวเองได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากการปิดโรงชำแหละไก่ของสหฟาร์ม ทำให้ลูกเล้าบางรายที่เลี้ยงบไก่ป้อนให้สหฟาร์มต้องนำไก่ที่มีอายุ 10กว่าวันไปฝัง เพราะไม่สามารถหาอาหารสัตว์มาเลี้ยงให้ได้ แต่บางรายก็ประคองเลี้ยงไปแล้วขายให้โรงชำแหละไก่อิสระแทน เชื่อว่างานนี้จะเห็นการฟ้องร้องบริษัทฯตามมาอีกมากทั้งซัปพลายเออร์วัตถุดิบอาหารสัตว์ วัคซีน ฯลฯ เพราะเท่าที่ได้ยินมีการค้างจ่ายซัปพลายเออร์จำนวนหนึ่งด้วย
ซึ่งแนวทางการแก้ไขในขณะนี้ คือ รัฐบาลจะต้องมีการหารือกับสถาบันทางการเงินให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่เพื่อให้สหฟาร์ม มีเงินมาหมุนเวียนและผู้ประกอบการรายย่อยก็สามารถอยู่รอดต่อไป ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาสังคมที่ตามมาเป็นลูกโซ่อีกมากมาย ตั้งแต่ผู้ผลิตอาหารสัตว์ แรงงาน เกษตรกร โดยยอมรับว่าอาชีพเลี้ยงไก่ความเสี่ยงสูง สถาบันการเงินไม่อยากปล่อยกู้
**** ลูกเล้ารวมตัวทวงหนี้บริษัทฯ
นายธีรศักดิ์ ทรายฮวด ผู้เลี้ยงไก่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ 1 ในลูกเล้าของสหฟาร์มในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มีอยู่กว่า 100 ราย กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่บริษัทสหฟาร์ม จะหยุดกิจการบริษัทในเครือที่ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน เนื่องจากไม่มีผู้เลี้ยงไก่ ซึ่งเป็นลูกเล้าบริษัทส่งไก่เข้าไปให้เชือดแล้ว เพราะบริษัทติดค้างค่าไก่ลูกเล้าไว้เป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ก็ทราบข่าวมาเหมือนกันว่าบริษัทจะหยุดดำเนินธุรกิจราว 2 เดือน ซึ่งตอนนี้ลูกเล้าทุกรายพยายามทำใจ แต่มีหลายรายที่ทำใจไม่ได้ เพราะไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน เมื่อบริษัทไม่ยอมจ่ายหนี้ บางรายก็แทบล้มละลาย หรือจะถูกยึดบ้านยึดที่ดินทำกินหมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียว ล่าสุดมีลูกเล้า 36 ราย มูลหนี้ร่วม 30 ล้านบาท จากทั้งหมด 100 กว่าราย รวมตัวกันพยายามติดตามทวงหนี้จากบริษัททุกช่องทาง แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น
"เราทำทุกวิธีเพื่อติดตามทวงหนี้ โดยไปยื่นหนังสือให้ทางจังหวัดช่วยเหลือรวม 3 ครั้งก็ไม่มีผล ไปร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็ได้รับแจ้งว่า อยู่ระหว่างประสานกับทางบริษัทฯ ไปร้องสภาทนายความจังหวัด ก็ได้รับคำแนะนำพร้อมพาไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ .บึงสามพันก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นเดียวกัน".
***************************************************
สายใยเเห่งรัก..
*******************************************
จลาจลอิยิปต์
อียิปต์เดือด ผู้สนับสนุบต่อต้าน โมฮัมเหม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดี ที่ถูกรัฐประหารเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปะทะกัน เสียชีวิตไปเกือบ 30 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน
นายศราวุฒิ อารีย์ นักวิชาการจากศูนย์มุสลิมศึกษาสถาบันเอเชียศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ทางสถานีวิทยุ 97.0 เมกกะเฮิรทซ์ ถึงการรัฐประหารในประเทศอียิปต์ว่า หากเราติดตามจะพบการคัดง้างระหว่างกองทัพกับรัฐบาลของนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซีมาตลอด และหลังจากเหตุการณ์อาหรับสปริง ที่โค่นล้มอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก ทหารเกิดความหวาดระแวงกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูดของนายมอร์ซี เพราะมีความพยายามออกกฎหมายลดอำนาจบทบาทกองทัพ ตุลาการ
นายศราวุฒิล่าวต่อว่า ที่ประชาชนซึ่งเคบขับไล่นายมูบารัก ออกมาขับไล่นายมอร์ซีอีกครั้ง เหตุผลมีหลานประการ ประการแรกเพราะการชนะเลือกตั้งของนายมอร์ซีชนะ เพียง 52 % ส่วนกลุ่มเก่า 48% เพราะฉะนั้นจำนวนประชาการที่สนับสนุนสองฝ่ายใกล้เคียงกัน นอกจากนี้วัยรุ่นหนุ่มสาวช่วงอาหรับสปริง เขาต้องการให้เปลี่ยนแปลงฉับไว แต่การบริหารของมอร์ซีสะท้อนความล้มเหลว เมื่อมีเศรษฐกิจตกต่ำ มีคนว่างงานจำนวนมากจึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น นอกจากนี้กระแสโลกอาหรับมีการต่อสู้ระหว่างแนวทางกลุ่มนิยมอิสลาม กับกลุ่มแนวทางฝ่ายทางโลก ก่อนหน้านี้ก็ทมีการลุกฮือในอีกหลายๆประเทศ ของฝ่ายทางโลก เขาเกิดความหวาดระแวงว่าฝ่ายนิยมอิสลามจะนำไปสู่แนวทางเคร่งครัดของมุสลิม และจะนำไปสู่การลิดรอนอิสรภาพของตนเอง และครั้งนี้ทำให้ทหารเข้ามายึดอำนาจในที่สุด.....
สถานการณ์ที่ Eยิปต์ เข้าใจง่ายๆจาก อ.พิชิต
*********************************
ผลของคนอกตัญญู
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภอนาถบิณฑิกเศรษฐี เรื่องมีอยู่ว่า... มีเศรษฐีชาวบ้านนอกคนหนึ่ง เป็นสหายผู้ไม่เคยเห็นกันของอนาถบิณฑิกเศรษฐี วันหนึ่ง ได้บรรทุกสิ่งของมาขายเมืองสาวัตถี ด้วยขบวนเกวียนสินค้า ๕๐๐ เล่ม มอบให้คนงานนำมาขาย พร้อมฝากคำมาหาอนาถบิณฑิกเศรษฐีด้วย ฝ่ายท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ทำการต้อนรับด้วยความยินดี สั่งให้หาที่พักและเสบียงแก่คนเหล่านั้น ไต่ถามถึงความสุขของเศรษฐีผู้สหาย รับซื้อแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งหมดแล้วส่งกลับบ้าน พวกคนงานแจ้งเนื้อความนั้นแก่เศรษฐีเจ้านายของตน ต่อมาอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ส่งเกวียนบรรทุกสินค้าจำนวน ๕๐๐ เล่ม พร้อมนำเครื่องบรรณาการไปเยี่ยมเยือนเศรษฐีผู้สหายนั้น ฝ่ายเศรษฐีนั้นรับเครื่องบรรณาการแล้ว บอกว่าไม่รู้จักอนาถบิณฑิกเศรษฐีไม่จัดที่พักและเสบียงให้คนงานเหล่านั้นเลย ไม่รับซื้อสินค้าอีกด้วย คนเหล่านั้นต้องขายสินค้ากันเองแล้วกลับคืนเมืองสาวัตถี เล่าเรื่องนั้นแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐีฟัง อยู่ต่อมา เศรษฐีนั้น ได้บรรทุกสินค้ามาขายที่เมืองสาวัตถีซ้ำอีก นำบรรณาการมอบให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีแล้ว พวกคนงานของอนาถบิณฑิกเศรษฐีเห็นพวกนั้นแล้ว ขออาสาต้อนรับเอง ให้ปลดเกวียนไว้นอกเมือง พอถึงเวลากลางคืนได้นำพวกเข้าปล้นสินค้าแย่งเอาแม้กระทั่งผ้านุ่ง พวกบ้านนอกไม่เหลือแม้กระทั่งผ้านุ่งต่างกลัวตาย พากันหนีไปสู่บ้านของตน ฝ่ายคนของอนาถบิณฑิกเศรษฐีพากันบอกเรื่องนั้นแก่เศรษฐี ท่านเศรษฐีจึงนำความนี้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัสพระคาถาว่า |
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า | ||||
|
* เรื่องที่ ๑๐ ในอปายิมวรรค หน้า ๓๑๖-๓๑๙ พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๒
|
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๑ โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น วัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทร ๐๔๓-๒๒๒๑๐๑, ๐๔๓-๓๒๐๘๕๐ |
************************************
'ยุทธศักดิ์' ปฏิเสธ คลิปเสียง ยันไม่คิดคุมผบ.เหล่าทัพ
"พล.อ.ยุทธศักดิ์" ปฏิเสธ คลิปเสียง ยันไม่คิดคุมผบ.เหล่าทัพ -แก้กม.กลาโหม-คุมโยกย้ายทหาร และไม่เคยพบ"พ.ต.ท.ทักษิณ" ที่สิงคโปร์
เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่า วันนี้( 6 ก.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ได้มีสมาชิกยูทูปใช้ชื่อว่า " ไทย รักชาติ" โพสต์คลิปเสียง โดยใช้หัวข้อว่า "เสียงการสนทนาของ พล.อ. ยุทธศักดิ์กับพ.ต.ท ทักษิณ ในการวางแผนกลับประเทศ???" มีทั้งหมด 4 ตอนว่า ยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าว ยืนยันว่าช่วงก่อนปรับ ครม. และหลังปรับครม. ไม่ได้โทรศัพท์หา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่เคยไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่วนตัว รวมไปถึงไม่เคยไปคุยในวงสนทนาที่มีบุคคลที่สาม
"ผมยืนยันว่าไม่ได้ไปคุยกับท่าน คนที่มาบอกผมให้มารับตำแหน่งรมช.กลาโหม คือท่านนายกฯ โทรศัพท์มาเรียกผมช่วง 3 โมงเย็นไม่เกี่ยวกับนายกฯทักษิณ และในคลิปไม่ใช่เสียงผมแน่นอน" รมช.กลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่า ในบทสนทนา อ้างว่าชายดังกล่าวเล่าเหตุการณ์ที่ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ไปราชการภาคใต้และโดนทักกลับว่าคู่สนทนาอายุ 76 ปี พล.อ.ยุทธศักดิ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่มี ไม่มี ไปเอาที่ไหนมา ยังไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่รู้ใครเอาเรื่องนี้ไปเขียน ยืนยันว่าไม่ได้พูด เมื่อถามย้ำว่า ในบทสนทนาอ้างว่าเหตุการณ์ระเบิดภาคใต้ทหารตาย 6 ศพ เกิดเมื่อวานนี้เหมือนเป็นการไปพูดคุยกันวันที่ 23 ก.ค. ตามที่มีข่าวว่าไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่สิงคโปร์
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไปเช็คดูได้เลยว่าช่วงดังกล่าวตนเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์และไปประชุม ไม่ได้ไปสิงคโปร์เลยพอกลับมาก็ได้รับข่าวว่าต้องมารับหน้าที่ พอวันที่ 4-5 ก.ค.ก็ไปเกาหลี ไม่ได้ไปฮ่องกง และตนก็ไม่ได้ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณนานแล้ว ท้าเลยเอาคลิปเสียงมายืนยันว่า เป็นเสียงตน หรือเสียงนายกฯทักษิณ วันจันทร์ (8 ก.ค.) เอามาเปิดฟังเลย เอาหลักฐานมายืนยัน นี่แค่เริ่มทำงานนะ สงสัยคลื่นใต้น้ำในกระทรวงกลาโหมจะแรง ขนาดตอนไปเกาหลีหลังรับตำแหน่งยังมีข่าวลือ บอกว่าตนจะยึดห้อง รมว.กลาโหม ซึ่งก็ได้แจ้งไปทางเลขาธิการนายกฯ ว่าได้สั่งปลัดกระทรวงกลาโหมส่วนตัวให้ไปเตรียมห้องทำงานให้ท่าน ไปเช็คดูความเรียบร้อย เพราะท่านเป็นผู้หญิง ทั้งเรื่องห้องน้ำ โต๊ะทำงาน พร้อมทั้งไปตรวจดูว่ามีเครื่องดักฟังหรือเปล่า แต่เมื่อมีเรื่องอย่างนี้ออกมาก็ดี จะได้รู้ว่ามีคนไม่ค่อยหวังดี และไม่อยากให้ตนมา
ในเนื้อหาการสนทนามีการพูดถึงการควบคุม ผบ.เหล่าทัพ และการแก้ไขกฎหมายบางฉบับเรื่องโยกย้ายทหารเพื่อคุมกองทัพนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยพูดเรื่องการแก้ไขกฎหมาย หรือแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการโยกย้าย และตนก็ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ ทั้งนี้นายกฯ เป็นประธานบอร์ดโยกย้าย และยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดเรื่องโยกย้ายทหาร หรือต้องการคุมเสียงของกองทัพ ตอนนี้ทหารกับรัฐบาลคุยกันแบบเปิดอก.
**********************************
******************************************
วันที่: Fri Nov 15 16:30:44 ICT 2024
|
|
|