เลือดท่วมเทียนอันเหมิน
การชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินระหว่างวันที่ 15 เมษายน - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ซึ่งนำไปสู่การนองเลือด นักศึกษาชาวจีนร่วมชุมนุมกันในครั้งนั้นเพื่อต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีน เรียกร้องประชาธิปไตยและเสรีภาพ มีผู้เข้าร่วมถึงหลักแสน ตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ได้มีการบันทึกไว้ โดยมีข่าวลือกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณสองพันห้าร้อยคน บาดเจ็บ 7,000-10,000 คน แต่การประท้วงนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ผู้นำจีนในขณะนั้น
มีนายเติ้งเสี่ยวผิงเป็นผู้นำ นายหลี่เผิงเป็นนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คือนายจ้าวจือหยาง ซึ่งได้ทำการเจรจากับนักศึกษาที่ชุมนุมประท้วง แต่นักศึกษายืนกรานให้รัฐบาลลาออกหรือเปลี่ยนแปลงการปกครอง นายเติ้งเสี่ยวผิงและนายหลี่เผิงไม่ยอมตามคำเรียกร้องเพราะเชื่อว่ามีชาติตะวันตกมาอยู่เบื้องหลังเพื่อล้มล้างพรรคคอมมิวนิสต์
ภาพรถถังออกมาปราบนักศึกษาจีนที่เรียกร้องประชาธิปไตย
เป็นภาพประวัติศาสตร์หนึ่งในหลายๆภาพของเหตุการณ์นองเลือดที่จัตุรัส เทียนอันเหมิน เมื่อมีชายนิรนามออกไปยืนขวางขบวนรถถังที่กำลังมุ่งหน้า ไปบดขยี้กลุ่มผู้ชุมนุม
เทียนอันเหมินสีเลือด.....เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นเกิดในเดือนพฤษภาคม ปี 2532 โดยนักศึกษาและประชาชนได้ชุมนุมเรียกร้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบคอมมิวนิสต์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
จัตุรัสเทียนอันเหมิน.........จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ผู้นำสูงสุดของจีนในขณะนั้นคือ คนโตตัวเล็ก เติ้งเสี่ยวผิง เจ้าของวาทะอันลือลั่น.....จะเป็นแมวขาวหรือแมวดำไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้เป็นพอ.....ซึ่งหมายถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจของเติ้ง จากแบบคอมมูนหรือคอมมิวนิสต์มาเป็นทุนนิยม แต่ก็คงการปกครองแบบคอมมิวนิสต์อย่างเหนียวแน่น
ภาพนักศึกษาประท้วง
ขณะนั้น เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คือ นายจ้าวจือหยาง นายกรัฐมนตรีคือ นายหลี่เผิง ได้ทำการเจรจากับนักศึกษาให้ทำการยุติการชุมนุมประท้วง อย่างสันติวิธี แต่นักศึกษาก็ยืนกรานให้คณะรัฐบาลลาออกหรือทำการเปลี่ยนการปกครอง และดูเหมือนว่า เลขาฯจ้าว จะมีความเห็นใจนักศึกษามากกว่านายกฯหลี่เผิง
เลขาฯ จ้าวจือหยาง
ภาพ....นายกฯหลี่เผิง
รถถังพร้อมทหาร ขณะเตรียมการบดขยี้ผู้ชุมนุม
เหตุการณ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น เพราะมีผู้เข้าร่วมประท้วงหลายแสนคน เติ้งเสี่ยวผิงและนายหลี่เผิงแข็งกร้าวไม่ยอมตามคำเรียกร้อง เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีฝ่ายตะวันตกโดยเฉพาะซีไอเอ เข้ามายุยงส่งเสริม เพื่อล้มล้างพรรคคอมมิวนิสต์ จึงได้มีคำสั่งปลด นายจ้าวจือหยาง ออกจากตำแหน่ง พร้อมกักบริเวณภายในบ้านพัก จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่นานมานี้
สัญญลักษณ์ประชาธิปไตยที่กลุ่มผู้ชุมนุมหล่อขึ้น คล้ายกับอนุสาวรีย์เทพีแห่งเสรีภาพของอเมริกา
ภาพประธานเหมาเจ๋อตง ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน แขวนอยู่บริเวณจตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีนักศึกษาเอาสีไปป้ายภาพ ทำให้ต้องเปลี่ยนภาพใหม่
การชุมนุมประท้วงและการเจรจากับรัฐบาล ยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางความห่วงใยของนานาประเทศว่า รัฐบาลชองเติ้งเสี่ยวผิง จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
ในขณะที่ความตึงเครียด ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินดำเนินต่อไปท่ามกลางความห่วงใยของนานาประเทศ อีกด้านหนึ่งที่ฝรั่งเศส แฟนเทนนิสทั่วโลกก็กำลังตื่นเต้นกับการแข่งขันเทนนิสคอร์ตดินแกรนสแลมแรกของปี ลุ้นว่าใครจะครองถ้วยตำแหน่งแชมป์ชายเดี่ยวของปีนี้
การชุมนุมประท้วงดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด ล่วงเลยเข้าต้นเดือนมิถุนายน 2532......และแล้วเหตุการณ์โลกตะลึงก็เกิดขึ้น เมื่อมีภาพข่าวที่เล็ดลอดออกแพร่ไปทั่วโลก ในเย็นของวันนั้น เป็นภาพแสงไฟจากลูกปืนพุ่งเข้ากลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมเสียงปืนเป็นระยะๆ ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นทันที ผู้ชุมนุมต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอลหม่าน เมื่อมีขบวนรถถังพุ่งเข้าไป
ทหารและรถถังกราดยิงผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ เพื่อจะสลายการประท้วงที่ยืดเยื้อเป็นแรมเดือนให้สิ้นซาก มีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างทหารและผู้ชุมนุม มีการจุดไฟเผารถถัง ลากตัวทหารออกมาทำร้ายเผาทั้งเป็น น่าเวทนายิ่ง สูญเสียเลือดเนื้อกันทั้งสองฝ่าย
หวังตัน แกนนำ นักศึกษาคนหนึ่ง ถูกจำคุกหลายปี ก่อนได้รับการปล่อยตัว แต่ต้องถูกเนรเทศไปอยู่ต่างประเทศ จนปัจจุบันนี้
หวังตัน
ล้มตาย
อเมริกากล่าวโจมตีรัฐบาลจีนของเติ้งเสี่ยวผิงว่า ป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม พร้อมเรียกร้องให้นานาประเทศเลิกติดต่อค้าขาย ทางด้านกลุ่มอียูก้มีมาตรการห้ามค้าขายด้านอาวุธกับจีนภายใต้การกดดันจากอเมริกา จนกระทั่งปัจจุบัน จีนกล่าวโต้ตอบว่าเป็นเรื่องภายในอันละเอียดอ่อน ชาติอื่นไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ประท้วง
ต่อมาไม่กี่วัน เฟรนช์โอเพ่น ก็ได้คู่ชิงชายเดี่ยว
คู่ชิงคือ ไมเคิล ชาง ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน กับ สเตฟาน เอดเบิร์ก จากสวีเดน
การแข่งขันต้องสู้กันถึง 5 เซต และเซตสุดท้าย ไมเคิล ชาง ก็เอาชนะไปได้หวุดหวิด
กลายเป็นนักเทนนิสในประวัติศาสตร์ที่ครองถ้วยเฟรนช์โอเพ่นที่อายุน้อยที่สุด
และครองตำแหน่งมือสองของโลกหลายปี
พิธีมอบถ้วย ผู้ชมถามถึงเหตุการณ์ที่เทียนอันเหมิน ไมเคิล ชาง ก็กล่าวเสียใจที่เกิดการนองเลือดขึ้น
ประชาธิปไตยที่ได้มา บางครั้งต้องเเลกมาด้วย เลือด น้ำตา เเละชีวิตของนักสู้ที่ไร้ซึ่งเหรียญกล้าหาญที่จะไว้ประดับให้ชาวโลกได้รับรู้ สิ่งที่เขาเหล่านั้นต้องการสูงสุดก็คืออิสรภาพเเละความยุติธรรม...............
เพลงเเดนตาราง
********************************
'ชวน' เตือนรัฐบาลเดินนโยบายดับไฟใต้ผิดพลาดวอนรัฐบาลดูแลภาคใต้บ้าง คนใต้เสียภาษีให้รัฐสูงสุด...
"ชวน หลีกภัย"สอน"รัฐบาล"อย่าเอาน้ำมันไปราดกองไฟ เชื่อเหตุรัฐเดินนโยบายผิดพลาด วอน ให้ดูแลพี่น้องคนภาคใต้ เชื่อปัญหาไม่รู้จะจบเมื่อไหร่
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ศาลาประชาคม อ.สะเดา จ.สงขลา นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วย นายสมโมท สหกโร ผู้อำนวยสำนักงาน กศน.นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต สส.สงขลา ร่วมงานวันเปิดโลกเรียนรู้ผู้สูงอายุในสังคมพาหุวัฒนธรรม
นายชวน กล่าวว่า วอนรัฐบาลดูแลภาคใต้บ้าง คนใต้เสียภาษีให้รัฐสูงสุด รองจากกรุงเทพมหานคร และภาคกลาง และอัตราการจัดเก็บภาษีศุลกากรการส่งออกมากที่สุดในทุกภาค แต่ปัญหาเรื่องการพัฒนาภูมิภาคเขตนี้ กลับไม่ได้รับการเหลียวแล เช่นถนนหลักสู่ภาคใต้ เรื่องการศึกษา เรื่องยางพาราตกต่ำ เรื่องพัฒนาประเทศที่ล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซีย มีการโยนกันไปโยนกันมาระหว่างรัฐบาลชุดที่แล้ว เรื่องสถานการณ์ในสามจังหวัดที่เกิดความรุนแรงเป็นแบบทวีคูณ ซึ่งมีพ่อแม่พี่น้องชาวมุสลิม และชาวไทยพุทธ เสียชีวิตมากมาย พระสงฆ์ โต๊ะอิหม่าม ครู ทหารตำรวจ รองผู้ว่าฯ พยาบาล เสียชีวิตแทบทุกสาขาอาชีพแล้ว ยกเว้นหมอ และนายแพทย์ที่ยังไม่เสียชีวิต ทุกคนอยู่ด้วยความหวาดระแวง คนไทยหวาดระแงคนมุสลิม คนมุสลิมหวาดระแวงคนไทยพุทธ และไม่รู้ว่าปัญหาจะจบเมื่อไหร่ เพราะนโนบายที่เดินผิดพลาดของรัฐ ทั้งที่ไฟใกล้มอดแล้วแต่เอาน้ำมันไปราดกองไฟ
ผู้สื่อขาวรายงานว่า ในช่วงท้าย นายชวน ยังได้กล่าวถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ว่าปัจจุบัน"ป๋าเปรม"อายุ 90 ปีแล้วยังแข็งแรง เพราะการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ไม่กินหวานไม่กินเค็ม เพราะถ้ากินเค็มมากโรคไตจะถามหา และทานหวานมากน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง กลายเป็นโรคเบาหวาน ควรออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรง และสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งทุกคนจะต้องถึงวัยผู้สูงอายุ อยู่อย่างไรให้สังคมโลกปัจจุบันที่มีแต่ความเร่งรีบ หันมาบริโภคพืชผักที่ปลอดสารพิษ ใครมีเนื้อที่ว่างมีเวลาควรปลูกผักไว้กินเองดีกว่า.
ข้อมูลคนใต้เสียภาษีสูงสุดเอามาจากไหนนายชวน ตอแหลเสียละมากกว่า
จังหวัดที่จ่ายภาษีอากรสูงสุดและต่ำสุด 5 อันดับแรก ในปีงบประมาณ 2553
********************************************
กลิ่นตัว
รู้ไปโม้ด
โดย...น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
|
สรุปได้ว่ากลิ่นตัวส่วนใหญ่ของคนเราเกิดขึ้นจากบริเวณที่มักขับเหงื่อออกมามากที่สุด คือที่อับชื้น ได้แก่ รักแร้ ซอกขา ซอกนิ้วเท้า ข้อพับต่างๆ แต่ด้วยเป็นจุดอับ เวลาเหงื่อออกจึงระเหยออกไปได้ยาก ทำให้เกิดการหมักหมมเป็น กลิ่นเหม็น กลิ่นตัวของคนจะแรงขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นเนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้อาหารบางชนิด เช่น ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ สะตอ กระเทียม หอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ตลอดจนยาบางชนิด ก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวได้เช่นกัน เช่น การใช้ยารักษาสิวที่มีสารเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) ผสมอยู่เป็นประจำ รวมถึงโรคประจำตัว ทั้งท้องผูก ตับอักเสบ ไต เบาหวาน พยาธิในระบบทางเดินอาหาร และมะเร็ง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัว
วิธีกำจัดกลิ่นตัว เริ่มจากปรับพฤติกรรมกำจัดกลิ่น 1.รักษาความสะอาด อาบน้ำให้สะอาด สวมเสื้อผ้าสะอาด โดยเลือกเนื้อผ้าที่ใช้เส้นใยจากธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่ระบายเหงื่อได้ดี 2.ผ่อนคลายความเครียด บางครั้งความเครียดก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เหมือนกัน เพราะร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลินออกมา 3.ทำดี ท็อกซ์ การสะสมสารพิษในร่างกายก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัว ปัญหานี้ช่วยได้ด้วยการทำดีท็อกซ์ 4.ไม่ควรขัดผิวบ่อยๆ เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์กับร่างกายถูกทำลาย ทำให้เกิดกลิ่นตัวง่าย ดังนั้น ขัดผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ
การลดปัญหากลิ่นตัวด้วยอาหาร 1.กินอาหารหลากหลาย กินโปรตีนจำพวกธัญพืชต่างๆ ผักสดทั้งใบเขียวและใบเหลือง ผลไม้สด โดยเฉพาะแก้วมังกรวันละ 1 จานเล็กจะช่วยได้ดี หรือน้ำคั้นสดจากผักและผลไม้ รวมทั้งกินอาหารที่มีธาตุสังกะสีหรือแมกนีเซียม เช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต และอาหารทะเล 2.เลี่ยงการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง และเครื่องเทศต่างๆ รวมถึงเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 3.เลี่ยงอาหารก่อพิษจำพวกเนื้อสัตว์ใหญ่ ทั้งหมู เนื้อ ไก่ ไข่ ตับ รวมทั้งช็อกโกแลต ลูกเกด ถั่วลิสง เพราะจะทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังขับไขมันออกมามาก โดยเฉพาะใต้วงแขน และที่สำคัญจะก่อให้เกิดสารตกค้างในลำไส้ ทำให้เหงื่อมีกลิ่นเฉพาะตัว
การใช้สมุนไพรระงับกลิ่น 1.ใบพลู นำใบพลูมาขยี้แล้วทารักแร้หลังอาบน้ำ เพราะใบพลูมีสรรพคุณฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้หลายชนิด 2.ใบฝรั่ง ใช้ได้ทั้งระงับกลิ่นปากและกลิ่นตัว นำใบฝรั่งประมาณ 10 ใบ มาโขลกให้ละเอียดแล้วทารักแร้ ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วอาบน้ำให้สะอาด 3.มะนาว ใช้มะนาวผ่าซีกทาบริเวณรักแร้ขณะอาบน้ำแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด 4.มะขามเปียก คั้นน้ำมะขามเปียกปริมาณพอเหมาะ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้น้ำมะขามแทนสบู่ตอนอาบน้ำ มะขามเปียกจะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วไม่ให้เกิดการหมักหมม
การใช้สารพัดสารขจัดกลิ่น 1.สารส้ม ใช้สารส้มถูทาที่รักแร้หลังจากอาบน้ำทุกครั้ง โดยทาขณะที่รักแร้ยังเปียกอยู่ 2.สารส้มและพิมเสน นำสารส้มสะตุผสมพิมเสนอย่างละเท่าๆ กัน บดให้ละเอียดแล้วผสมแป้งฝุ่นหรือดินสอพอง หยดน้ำลงไปนิดหน่อยทาที่รักแร้ปล่อยให้แห้ง 3.ปูนแดง ใช้ปูนแดงผสมน้ำทารักแร้หลังอาบน้ำ เพื่อใช้ความเป็นด่างของปูนแดงช่วยปรับภาวะกรดในร่างกายที่ขับแบคทีเรียออกมาบนผิวหนัง (อย่าใช้ปูนแดงปริมาณมากเกินไปเพราะจะทำให้กัดผิวได้) 4.สารสกัดจากสะระแหน่ หยดน้ำมันที่สกัดจากสะระแหน่ 2-3 หยดใส่ลงในน้ำอาบ สะระแหน่มีคุณสมบัติเป็นยาดับกลิ่นตามธรรมชาติอยู่แล้ว
และยังมีวิตามินต้านกลิ่นกาย 1.วิตามินบี 1 ปริมาณ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งไปในระยะหนึ่งก่อน เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นแล้วให้ลดลงเหลือปริมาณ 20-30 มิลลิกรัม วันละครั้งติดต่อกันประมาณหนึ่งปี ทั้งนี้ เพื่อควบคุมอาการ 2.วิตามินบีคอมเพล็กซ์ 25,000 I.U. หนึ่งวันต่อสัปดาห์ 3.วิตามินซี เพื่อผ่อนคลายความเครียดอันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นกาย นอกจากนี้ควรกินวิตามินบี 6 แมกนีเซียมและสังกะสีในปริมาณที่พอเหมาะร่วมด้วย
**********************************************
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียค้นพบซากแมมมอธที่ยังมีเลือดและเนื้อเยื่อที่สมบูรณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีอายุเก่าแก่ราว 10,000 - 15,000 ปีก่อน ทำให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มคิดจะสานฝันการโคลนนิ่งสัตว์สมัยจูราสิก พาร์คให้กลับมามีชิวตอีกครั้งในโลกปัจจุบัน
โดยระหว่างที่กำลังเจาะก้อนน้ำแข็งใต้ท้องของเจ้าแมมมอธก็มีเลือดจำนวนหนึ่งไหลออกมา ซึ่งแสดงว่าเลือดของแมมมอธไม่แข็งตัว แม้อุณภูมิจะต่ำถึง-17 องศา
นายเซเมียน กริกอรีฟ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แมนมอธ ของมหาวิทยาลัยนอร์ธ-อีสต์เทิร์น เฟเดอรอล (North Eastern FederalUniversity) ระบุว่าพวกเขาได้เอาเลือดตัวอย่างที่เก็บได้ไปไว้ในตู้เย็นของพิพิธภัณฑ์แล้วแต่ทางศูนย์ยังต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าตัวอย่างเลือดที่เก็บได้มาน่าจะมีสารที่มีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้เจ้าแมมมอธตัวนี้ทนความหนาวได้
ทั้งนี้ความพยายามที่จะโคลนแมมมอธนั้นมีมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 แล้ว โดยใช้ตัวอย่างจากเนื้อเยื่อที่สมบูรณ์น้อยกว่านี้การค้นพบเลือดที่ยังคงอยู่ในสภาพที่เป็นของเหลวจะช่วยให้โอกาสในการฟื้นฟูแมมมอธที่เคยสูญพันธุ์ให้กลับคืนมาบนโลกมีความเป็นไปได้มากขึ้น
****************************************
ถวิล เปลี่ยนศรี
ตอนคุณมา คุณมาอย่างไง ข้าราชการส่วนมากถ้าได้เจริญเติบโตมาตามครรลอง ก็จะไม่ชีเรียสเรื่องตำแหน่ง นั่งอยู่ที่ไหนก็ทำงานในตำแหน่งนั้นได้เสมอ และสามารถทำได้ดีด้วยในทุกตำแหน่ง
นายถวิล เปลี่ยนศรี คุณเป็นข้าราชการแท้จริงหรืออิงเจ้านาย การขึ้นมาในตำแหน่งเลขา สมช.ของคุณ คุณก็ให้นายคุณเตะโด่ง เลขฯ พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา ไปนั่งเป็นที่ปรึกษานายกฯเหมือนกันกับคุณ คุณไม่รู้สึกถึงความช้ำในใจของอดีตนายคุณเลย คุณบอกคุณคิดแค่เป็นบุญคุณนายใหญ่นักการเมืองของ คุณที่ทำให้คุณได้เป็นเลขาสมใจคุณ(คนใต้นี่รักและบูชาช่วยเหลือคนบ้านเดียวกันดีนะ)
แต่ พล.ท.สุรพล เขาเป็นลูกผู้ชายเขารู้วิถีของข้าราชการประจำ เขาเลยไม่ออกมาร้องโวยวายฟ้องศาลเหมือนคุณ แต่พอคุณโดนเข้ากับตัวเอง
อัยยะรับไม่ได้เลย รับไม่ได้เลย มันรังแกกัน อย่างที่สังคมรู้กัน
อนาคตหลังเกษียรคงได้ เป็นเลขาพรรค ปชป.นะ ลูกพี่คุณอีกคนก็สุดยอดนะสอนการวางแผนมาดีจริงๆ (คนคาบไปร์น่ะ)
**************************************
ขณะนี้ไม่แน่ใจว่าบ้านเราได้ย่างเข้า สู่หน้าฝนหรือยังแต่ที่รู้ๆ คือเดี๋ยวมีฝน เดี๋ยวอากาศร้อน เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมมีผลต่อการใช้รถแน่นอน “ร.ย.ส.ท.” (ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย) มีเรื่องพื้นฐานของรถที่ต้องทำเมื่อขับรถเจอ “น้ำฝน” การดูแล ระบบต่างๆ ของรถและเครื่องยนต์ให้มีสภาพสมบูรณ์ เพราะรถเสียกลางฝน ย่อมลำบากและยุ่งยากกว่าตอนฝนไม่ตก สิ่งที่ต้องดูแลไม่ว่าจะเป็น
1. ระบบการปัดน้ำฝน
น้ำฉีดกระจกควรเติมให้เต็ม ถ้ารูหัวฉีดน้ำตันให้ใช้เข็มขนาดเล็กแหย่สวนทางเข้าไป ยางใบปัดน้ำฝน ควรหมั่นตรวจดูว่ายางหมดสภาพการใช้งานหรือยัง บางคันยางนี้อยู่ได้ถึง 1-2 ปีหรือกว่านั้น แต่โดยเฉลี่ยทุก 1 ปีควรเปลี่ยนใหม่ การทนขับรถกระจกมัวๆท่ามกลางสายฝน เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
2. ยางล้อรถสำคัญมาก
ความลึกของร่องยางหรือความสูงของดอกยาง มีผลต่อประสิทธิภาพของการรีดน้ำของยาง ยางที่ยังถูกรีดขึ้นมาจาหน้ายางแทรกตัวอยู่ หรือสะบัดออกด้านข้างทั้งสองของแก้มยาง ร่องยางหรือดอกยาง ควรเหลือไม่ต่ำกว่า 1.5-2 มิลลิเมตร
3. อย่าวางใจสภาพถนน
เมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มีฝน มีน้ำขังควรลดความเร็วลงจับพวงมาลัยในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ตำแหน่งที่ดีที่สุดของการจับมือซ้ายอยู่ที่ 9 นาฬิกา และมือขวา 3 นาฬิกา ถนนเมืองไทยมีทั้งแอ่งน้ำและการระบายน้ำที่ไม่ดีคละกันอยู่บ่อยๆ นอกจากอาการเหินน้ำแล้วก็ต้องทราบไว้ว่าช่วงที่ฝนเริ่มตกใหม่ๆ จะลื่นที่สุดเมื่อตัดสินใจลุยฝ่าในแอ่งน้ำ ควรชะลอความเร็วลงและใช้เกียร์ต่ำ วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอจนกว่าจะพ้นน้ำ ไม่ควรเบรกขณะรถอยู่ในน้ำ เพราะอาจทำให้รถปัดได้ ส่วนการขับรถบนถนนลื่น อย่าเหยียบเบรกแรงครั้งเดียว เพราะจะทำให้รถเสียหลัก ควรค่อยๆ ย้ำเบรกอย่างนิ่มนวล เพิ่มระยะทางและใช้เวลาในการเบรกนานขึ้น เมื่อพ้นน้ำแล้ว ย้ำเบรกหลายๆครั้ง ให้เกิดความร้อนเพื่อให้ผ้าเบรกแห้งเร็วขึ้น
4. ใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก
ถ้าฝนตกหนักควรเปิดไฟหน้าแบบต่ำ เพราะถ้าเปิดไฟสูง สายฝนจะสะท้อนกลับมายังผู้ขับมากจนมองเส้นทางข้างหน้ายาก ไม่ควรเปิดไฟหรี่ เพราะการเปิดไฟหน้าแบบต่ำ แทบไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรเลย ไดชาร์จ(อัลเตอร์เนเตอร์) แทบไม่ได้ทำงานหนักขึ้นหลอดไฟหน้าจะอายุสั้นลงก็ไม่ใช่ปัญหา หลอดละร้อยสองร้อยบาทเท่านั้น เมื่อจะเปลี่ยนเลน ให้เปิดไฟเลี้ยวเตือนผู้อื่นล่วงหน้าตาม ขับรถลุยฝนใช้ความเร็วต่ำกว่า อย่าชะล่าใจควรจับพวงมาลัย 2 มือในตำแหน่งที่แนะนำไว้ข้างต้น พร้อมจะลดความร็วลงได้อย่างรวดเร็ว ระวังอาการเหินน้ำของยางไว้ทุกวินาที
5. ไม่มีเอบีเอส เบรกอย่างไร
ถ้ารถไม่มีระบบเบรก เอบีเอส การเบรกแรงๆ บนถนนลื่น ล้อมีโอกาสล็อกได้ง่าย ล้อที่ล็อกจะขาดการบังคับควบคุมทิศทางจากพวงมาลัยหรือทำให้รถปัดเป๋จนถึง ขั้นหมุนคว้างได้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากระแทกแป้นเบรกแรงๆ หากจำเป็นและรู้สึกว่าล้อล็อกแล้ว ควรละเบรกเล็กน้อยเพื่อให้ล้อคลายการล็อก ส่วนการขับรถที่มีเอบีเอสก็อย่าชะล่าใจ เพราะถึงเอบีเอสจะป้องกันล้อล็อก แต่นั่นก็แสดงว่าเป็นการเบรกที่รุนแรงเกินไปนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ที่มาข้อมูลและภาพ toyotabuzz.com
*******************************