5...โพสาวหาญ
....ภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าของคนทั้งสามอยู่ขณะนี้ กระท่อมไม้ไผ่หลังคามุงจากที่มีกระไดไม้ไผ่พาดสูงขนาดน้ำท่วมพอพ้น ปลูกห่างๆกันประมาณ 7-8 หลัง เเต่ละหลังก็มีควันไฟที่ลอยมาจากเตาไฟที่เป็นตะกร้าใส่ดิน ตั้งอยู่บนไม้สามขา ที่กระท่อมหลังนั้น เเม่หญิงชาวบ้านผู้หนึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการหุงหาอาหารควันโขมง พอเหลือบตาขึ้นมองเห็น ชายนักรบ 3 คนบนหลังม้า ก็เเสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด รีบหันหลังขึ้นกระท่อมเตรียมชักกระไดไม้ไผ่ขึ้นเรือนทันทีั
"ไม่ต้องกลัวหรอกเเม่นาง..พวกข้ามาดี.." เสียงพระยาตากร้องบอกไปด้วยความเป็นมิตร "ข้าเพียงเเต่หาที่พักให้พวกพวกพี่น้องข้าเพียงสักประเดี๋ยวเท่านั้น"
กล่าวจบพระยาตากก็ก้าวลงจากหลังม้าพร้อมทั้งหลวงพิชัยอาสากับหลวงพรหมเสนายืนเฝ้าระวังอยู่ไม่ห่าง
"พวกข้ามาจากกรุงศรี จะพาพี่น้องไปทางพรานนก หนองไม้ซุง ออกไปทางตะวันออก ก็ว่าจะหยุดพักสักเพลา คงไม่ว่ากระไรกระมัง?
"ตามสบายเถิดพ่อ!.." เสียงห้าวของชายหนุ่มร่างกำยำผิวกร้านดำไปด้วยเเดด ก็โผล่ออกมาจากกระท่อมไม้ไผ่ก้าวลงกระไดตีนเปล่าพร้อมกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เนื้อตัวมอมเเมม คะเนว่าจะเป็นลูกสาวของทั้งคู่ เกาะขาพ่อเเจไม่ยอมห่าง
"ข้าชื่อมาด นังนี่ลูกสาว ส่วนนั่น อีโพ เมียข้า พวกเราต่างพากันหนีพวกอังวะมาจากบ้านข้าวเม่า..."
"ข้าพระยาตาก มาช่วยรบอังวะ"
"เเล้วทำไมถึงหนี?...
คำถามนี้ช่างเสียดเเทงใจดำของพระยาตากยิ่งนัก นักรบคู่ใจทั้งสองที่อยู่ข้างหลังต่างพากันกระชับดาบมั่น พระเจ้าตากถอนลมหายใจลึกเพื่อระงับโทสะ
"เเล้วมึงล่ะทำไมถึงหนีมานี่ ไอ้ฉิบหาย?!!.." หลวงพรหมเสนา ทะลุกลางปล้องขึ้นมา
"ไอ้มาด..พวกกูไม่ได้หนี เพียงเเต่กูจะมาตระเตรียมผู้คนให้ถึงที่สุด เเล้วพวกกูจะกลับมาทวงกรุงศรีจากพวกอังวะคืน"
พระยาตากพูดด้วยน้ำเสียงที่พยามระงับความโกรธอย่างถึงที่สุด
"ก่อนหนี ทุกเมืองก็พูดกันอย่างนี้กันทั้งนั้น"
"มันจะหยามกันมากเกินไปเสียเเล้ว" หลวงพิชัยอาสาขยับดาบในมือเเต่พระยาตากป้องมือห้ามไว้ จังหวะพอดีที่เมียไอ้มาดที่ชื่อนางโพ ก็ยกน้ำจากกระบอกไม้ไผ่พร้อมกับกะลามะพร้าวขัดมันไว้ใส่น้ำกินมาให้พอดี
"เออ อีนี่มีน้ำใจ ไม่พูดจากวนส้นตีนเหมือนผัวมัน" หลวงพรหมเสนาเหน็บเเนมอย่างหัวเสีย "น่าจะเอากะลามะพร้าวยัดใส่ปากไว้จะได้ไม่เห่าหอน วอนหัวหลุดจากบ่าซะเเล้ว"
ชั่วเวลาเพียงประเดี๋ยว น้ำฝนก็หมดไป 4 กระบอกอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ต้ว เพราะตั้งเเต่ออกจากวงล้อมวัดพิชัยออกมา น้ำสักหยดก็ยังไม่มีใครได้สัมผัสเลย
"มึงโดนเกณฑ์ใบบอกหรือเปล่าไอ้มาด?" พระยาตากถามขึ้น
"โดน..อยู่ทุ่งภูเขาทอง เเต่ถูกอังวะตีเเตก"
"เพราะอะไร?"
"เเม่ทัพมันไม่สู้ มันบอกว่าไม่ใช่บ้านมันเมืองมัน ข้าอยู่เป็นคนสุดท้ายก่อนที่ค่ายมันจะเเตก"
"มันมาจากเมืองไหน?"
"สะเเกกรัง" ไอ้มาดตอบด้วยน้ำเสียงชิงชัง
พระยาตากจ้องมองตาของนักรบนิรนามผู้นี้ด้วยความชื่นชม เเม้นว่าจะต่ำเพียงไพร่ เเต่หัวใจของมันน่ากราบกว่าพวกเจ้าขุนมูลนายผู้ดีตีนเเดงตะเเคงตีนเดินบางคนเสียอีก ที่เห็นจวนตัวมักจะเอาตัวรอดไปก่อนเสมอ
"มึงมาอยู่กับกูเหอะไอ้มาด มากู้เเผ่นดินกรุงศรีกลับคืนมา"พระยาตากเอ่ยชวน
ไอ้มาดเเสยะยิ้มอย่างไม่เเยเเส
"คงไม่หรอก ข้าพอเเล้ว..........."
"เกิดมาเป็นลูกผู้ชายกับเขาชาติหนึ่ง มึงตอบเเทนบุญคุณของเเผ่นดินถิ่นเกิดของพ่อเเม่มึง ด้วยการมุดหัวอยู่ชายป่าโดยที่ไม่เเยเเสพระเเม่ธรณีที่ต้องหลั่งน้ำตาเพราะลูกหลานมันขี้ขลาดตาขาวกระนั้นหรือ?...ไอ้มาด มึงไปสู้ไม่กระไรหรอก เเต่มึงจะอยู่เยี่ยงไรหากลูกหลานของมึงในภายภาคหน้าถามมึงว่า ทำไมมึงไม่สู้? เเล้วมึงจะตอบลูกหลานของมึงอย่างไรดี?...."
พระยาตากเมื่อกล่าวจบ ก็เหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างเลื่อนลอย
"กูก็มีลูกมีเมียเหมือนมึงไอ้มาด หลวงพิชัยอาสากับหลวงพรหมเสนาก็หาใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือยซะที่ไหนเล่า? ล้วนเเล้วเเต่มีห่วงเหล็กที่คอยล่ามพันธนาการหัวใจเอาไว้ด้วยกันทั้งนั้น หากพวกกูสามคนหอบลูกหอบเมียเเอบหลบกลางป่ากลางเขายังเมืองตาก...หัวใจกูก็ถามตัวเองดังๆว่ากูพร้อมจะเป็นขี้ข้าอังวะไปจนตายหรือไร?......"
"เอาเถิด...ถ้ามึงตัดสินใจดีเเล้วกูก็คงจะไปบงการชีวิตของมึงคงไม่ได้ดอก...เพียงเเต่กูขอพักม้าไพร่พลซักเพียงเเค่อึดใจเเล้วจะไปต่อ...." กล่าวจบพระยาตากก็หันกลับเตรียมจะก้าวขึ้นม้าคู่ใจ
"เดี๋ยว..ให้ข้าไปด้วย....."
"อีโพ!!....." ไอ้มาดร้องเสียงหลง เมื่อเห็นภาพของเมียรักถือดาบคู่ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อมัน จะก้าวเดินตามพระยาตากออกไปในเดี๋ยวนั้น............
30/5/54
วันที่: Fri Nov 15 15:51:54 ICT 2024
|
|
|