เลือดล้นทุ่งหันตรา
....วันเสาร์เที่ยงคืน ขึ้น 4 ค่ำเดือนยี่ ปีจอ อัฐศกจุลศักราช 1128 เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในพระนคร ไหม้ตั้งเเต่ท่าทราย ลามมาถึงสะพานช้างวงคลองข้าวเปลือก เเล้วข้ามมาติดป่ามะพร้าว ป่าโทน ป่าถ่าน ป่าทอง ป่ายา วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดฉัตรทัณต์ เผาผลาญบ้านเรือนไปเป็นหมื่นๆหลัง
พระยาตากก็ยกสมัครพรรคพวกไพร่พลไทยจีนจากค่ายวัดพิชัย มุ่งหน้าฝ่าวงล้อมกองทหารอังวะไปยังฝั่งทะเลทางด้านตะวันออก
"ท่านเเม่ทัพ มีกองทหารจำนวนหนึ่งได้ตีฝ่าวงล้อมทางด่านวัดพิชัย มุ่งหน้าทางตะวันออกท้องทุ่งหันตรา จะคิดเเก้ไขประการใด?"
"จำนวนเท่าไหร่?" เสียงจากเเม่ทัพใหญ่ของกองทหารอังวะค่ายปากน้ำประสบเหนือโพธิ์สามต้นกล่าวขึ้นมาลอยๆอย่างไม่พอใจ
"จำนวนไม่มากนัก มีทหารไพร่เเละทหารเลวเป็นซะส่วนใหญ่"
"ใครเป็นหัวหน้า?"
"พระยาวชิรปราการ มาช่วยศึกจากเมืองตาก"
"จัดม้าเร็วหมู่ทะลวงฟัน ตามบดขยี้พวกมันไป.....อ้อ....." เเม่ทัพใหญ่อังวะพูดด้วยเสียงอันเบาเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคน
"ถ้าไม่ได้หัวของไอ้หัวหน้ามันมา...ก็เอาหัวของมึงมาเเทนก็เเล้วกัน!!......
พระยาตาก หลังจากตีฝ่าวงล้อมเเหกค่ายด่านวัดพิชัยออกมา ก็พาสมัครพรรคพวกมุ่งหน้าไปทางตะวันออกอย่างสุดกำลัง ถึงเเม้ว่าไพร่พลจะไร้ซึ่งพละกำลังหมดสิ้นเรี่ยวเเรง เหตุจากตอนอยู่ในพระนคร ขาดจากการบำรุงดูเเลจากวังหลวง เเทบจะเรียกว่า เรียกมาช่วยเเล้วก็ปล่อยไปตามยถากรรมตามมีตามเกิด ข้าวสารหนึ่งกำก็หุงหาเเบ่งกันกินเเทบจะไม่ทั่วถึง
"ท่านพระยา...พักก่อนเถิด พี่น้องเราไม่ไหวเเล้ว" หลวงพิชัยอาสา ข้าเก่าเต่าเลี้ยงตั้งเเต่เป้นเจ้าเมืองตากเอ่ยปากขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงบไร้ซึ่งสรรพสำเนียงใดๆ นอกจากเสียงฝีเท้าเเละเสียงลมหายใจที่อ่อนล้าของนักรบผู้กล้าที่ขออาสาจะไปตายเอาดาบหน้า
"ไปอีกหน่อย" พระยาตากพูดด้วยเสียงเบาๆ "ให้พ้นทุ่งหันตรานี้ไปก่อน เเล้วค่อยไปพักที่บ้านสามบัณฑิต..."
"อีกตั้งไกล"
"เเค่นี้เอง"
"พี่น้องเราจะไม่ไหวนะ...เรี่ยวเเรงไม่มีเหลือ บาดเจ็บก็ไม่ใช่น้อย ก่อนเเจ้งมีเเรงนิด ก็ค่อยไปต่อก็ได้นี่..."
"ทำตามที่ท่านพระยาบอกเถิดหลวงพิชัย..." หมื่นราชเสน่หา กล่าวขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ "ก็เราพร้อมใจกันเเล้วไม่ใช่หรือ? ว่าจะฝากชีวิตกับท่านพระยา เอาอย่างไร ก็ว่ากันตามนั้นสุดเเท้เเต่ท่านพระยาจะเห็นสมควร"
"ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ท่านหมื่น" หลวงพิชัยเสียงเข้ม "ก็เเค่เพียงถามดูเเค่นี้ ท่านพระยาว่าอย่างไรข้าก็ว่าตามนั้นอยู่เเล้ว ว่าเเต่ท่านหมื่นเถอะ ข้ามเนินข้างหน้านี้ไปเเล้ว อย่ามาทำสำออยเรียกข้ามาเข้าพยุงเหมือนตอนปะทะที่คลองสวนพลูอีกล่ะ"
"ก็ตอนนั้น...."
"เอาล่ะๆ พอเเล้ว...ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไร?" หมื่นราชเสน่หากำลังจะสวนกลับก็ถูกดุด้วยเสียงเข้มจากพระยาตากให้เงียบเสียงลงด้วยกันทั้งคุ่
"ท่านพระยาขอรับ...จากบ้านสามบัณฑิตเเล้ว เราจะมุ่งหน้ากันไปทางไหนต่อล่ะขอรับ?.." ขุนอภับภักดี ที่เดินอยู่ไม่ห่างจากพระยาตากเอ่ยถามขึ้น
"ไปคิดอ่านกันที่บ้านพรานนก ว่าจะเอากันยังงัยดี เเต่ถ้าไปบางคาง ก็จะมีค่ายใหญ่ของอังวะตั้งอยู่ที่นั่น"
"เห็นทีจะต้องอ้อม"
"ใช่ ท่านขุน...เห็นทีจะต้องเลียบชายทะเลไปทางบางปลาสร้อย หลุดจากที่นั่นไปเเล้ว เห็นทีจะไม่มีค่ายอังวะอยู่เป็นเเน่"
"ทำไมไม่ขึ้นเหนือกลับไปเมืองตากบ้านเราล่ะขอรับ?"
"ท่านขุน...ค่ายใหญ่อังวะมีไม่ต่ำกว่าสามค่ายมีปืนใหญ่กระสุนดินเเตกไม่อั้น เเล้วพวกเราจะไหวหรือ?...อีกอย่างเจ้าพระยาพิษณุโลก ก็เป็นพวกกับกองทัพอังวะ เขาคงไม่ปล่อยให้พวกเรากลับไปได้ง่ายๆหรอก..."
"ถ้าอย่างงั้น"
"ใช่เเล้วท่านขุน หากพี่น้องเราจะกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืน เราก็ต้องไปตั้งมั่นทางชายทะเลด้านตะวันออกเท่านั้น"
"ท่านพระยาขอรับๆๆ"
"มีอะไรหรือ?หลวงพรหมเสนา..ข้าให้เจ้าเฝ้าเเนวระวังหลัง เเล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
"กองกำลังม้าเร็วอังวะ มุ่งหน้ามาทางเราเเล้วขอรับ" หลวงพรหมเสนาละล่ำละลักพูดตะกุกตะกักด้วยความเหนื่อยอ่อน
"หยุดดดดดด...." พระยาตากเเผดเสียงคำรามลั่น
"ทุกคนหันหลังกลับ จัดกำลังรบเป็นรูปปีกกา หลวงพิชัย หมื่นราช อยู่ปีกซ้าย หลวงพรหม ขุนอภัย พระเชียงเงิน อยู่ปีกขวา....พุ่งไปข้างหน้า ฆ่าให้สิ้น!!..................."
24/5/54
วันที่: Fri Nov 15 14:48:13 ICT 2024
|
|
|