วัดราชบูรณะ พระนครศรีอยุธยา ตำนานอาถรรพ์ที่ไม่มีใครกล้
นายลิ เกษมสังข์ ได้เล่าประสบการณ์ให้ลูกหลา
จิรเดช ไวยโกสิทธิ์ หรือขุนเดชตัวจริง ที่ สุจิตต์ วงษ์เทศ นำมาสร้างเป็นหนังเป็นละครห
หลายครั้ง เพราะมีส่วนร่วมรู้กับเหตุก
กฤษณ์ อินทโกสัย รองอธิบดีกรมศิลปากร ถือพระแสงขรรค์ชัยศรี ภาพจากหนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย
พ.ศ. 2500 ครั้ง “กรุแตก”
"เพื่อนในทีมมีอันเป็นไปตายเกลี้ยง!!"
คำสารภาพบาปของมือขุดสมบัติโบราณ!!
www.arjanpong.com
#คำสาปอาถรรพ์ #วัดราชบูรณะ #อยุธยา
ตามรอยมงกุฎทองคำกษัตริย์สมัยกรุงศรีฯ “ลุงลิ” หนึ่งในทีมขุดกรุสมบัติกษัตริย์ในวัดราษฎร์บูรณะกรุงเก่า โผล่เล่าเรื่องราวย้อนรอยประวัติศาสตร์
เผยเจอสมบัติดีใจแทบช๊อค ทุกอย่างล้วนทำด้วยทองคำเหลืองอร่าม พอรู้เป็นของเจ้าแผ่นดิน กล้า ๆ กลัว ๆ แต่สุดท้ายช่วยกันขนใส่ถุง 3 วันถึงขนหมด จากนั้นแยกย้ายกันหลบหนี
ผวาเจออาถรรพณ์เล่นงานชีวิตทุกข์ระทม แถมเพื่อนในทีมมีอันเป็นไปตายเกลี้ยง ลั่นผิดมหันก้าวล่วงนำของเบื้องสูงไปขาย ระบุมงกุฎที่โชว์อยู่เมืองลุงแซม ทีมฉกนำออกมาจากกรุด้วยมือ
ด้าน ผ.อ.พิพิธภัณท์เจ้าสามพระยา ชี้เป็นสมบัติของสมเด็จพระนครินทราธิราช ได้คืนมาแค่ 20 เปอร์เซ็น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งพื้นที่ ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพบกับนายลิ เกษมสังข์ อายุ 78 ปี หนึ่งในทีมขุดกรุโบราณสถานวัดราชบูรณะ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยนายลิ เปิดเผยว่า เดิมตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เคยทำงานที่กรุงเทพฯได้ระยะหนึ่ง ตอนหลังไม่มีงานเลยกลับมาอยู่บ้าน กระทั่งเมื่อช่วงปี 2499 ได้ร่วมกับเพื่อน ๆ อีก 20 คน เข้าไปบริเวณโบราณสถานวัดราชบูรณะ ซึ่งตอนนั้นมีสภาพเป็นป่ารกชัฏ ซึ่งเป็นช่วงที่กรมศิลปากรเริ่มที่จะมีการบูรณะ
ด้วยความที่อยากได้พระเครื่องเก่า ๆ จึงตัดสินใจเข้าไปขุดกรุที่พระปรางค์ประธานองค์ใหญ่ของวัดราชบูรณะ โดยลงมือตอนสองทุ่มวันที่ 27 ต.ค. 2499
ลุงลิบรรยายเป็นฉาก ๆ ต่อว่า บรรยา กาศตอนนั้นจู่ ๆ ก็มีลมพัดกระโชกมาอย่างแรง ตามด้วยฝนเทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ตนและเพื่อน ๆ ยังอดแปลกใจไม่หาย แต่ก็ยังเดินหน้าหาสมบัติกันต่อ ซึ่งเมื่อถึงชั้นบนของพระปรางค์ตนได้ใช้ชะแลงงัดเข้าไป
จากนั้นแยกย้ายกันหาสมบัติโดยที่พวกเพื่อนเดินลงไปข้างล่างซึ่งก็ไม่พบอะไร แต่เมื่อตนตามลงไปรู้สึกว่าแผ่นหินที่เหยียบอยู่นั้น เหมือนเป็นแผ่นศิลาที่ปิดเอาไว้เฉย ๆ จึงช่วยกันยกออก หลังยกแผ่นศิลาออกทุกคนถึงกับตาค้าง ตะลึงกับภาพที่เห็น
ตอนนั้นตนจำได้ไม่มีวันลืมของที่อยู่ข้างหน้าเป็นพระแสงดาบ มงกุฎ ภาชนะ พระพุทธรูป เครื่องอาภรณ์ต่าง ๆ ทุกอย่างล้วนมีสีทองเหลืองอร่ามส่องประกายเจิดจ้า
หนึ่งในทีมขุดหยุดนิ่งนึกถึงอดีตที่ผ่านมา ก่อนกล่าวต่อว่า ตอนนั้นตนดีใจและก็ตกใจมากเนื่องจากรู้ว่าของทั้งหมดต้องเป็นของกษัตริย์แน่นอน ใจไม่กล้าแตะต้องด้วยซ้ำ แต่ในทีมเห็นว่าไหน ๆ ก็ลงมาแล้ว หยิบไปคงไม่เป็นอะไร
ตนกล้า ๆ กลัว ๆ หยิบเครื่องทองมาได้เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสมบัติที่พบพวกตนต้องใช้ถุงใส่แล้วใช้เชือกโยงขึ้นไป นานเกือบ 3 วันจึงนำสิ่งของที่ได้ออกมาจนหมด สำหรับพระแสงดาบนั้นไม่มีใครเอาไปจึงตัดสินใจทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ละแวกดังกล่าว
ต่อมาทราบข่าวว่าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา อย่างไรก็ตามสมบัติที่ขนมาได้บางส่วนถูกนำกลับมาได้หลังจากที่เพื่อน ๆ ตน 8 คน ถูกตำรวจจับได้
ลุงลิกล่าวต่อว่า เงินทองที่ได้มาจากการขายสมบัติส่วนใหญ่จะใช้ไปในการหลบหนีเจ้าหน้าที่ แต่ในที่สุดเพื่อน ๆ ที่เคยร่วมทีมก็มีอันเป็นไปเสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลืออีกคนชื่อวิ ป่วยหนักยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ที่ผ่านมาตนเสียใจมากกับเรื่องที่ทำลงไป
ก็ได้แต่ไปขอขมาพยายามทำบุญ ซึ่งที่ผ่านมาชีวิตตนประสบเคราะห์กรรมมาโดยตลอด ต้องเข้าเรือนจำด้วยเรื่องต่าง ๆ ถึง 7 ครั้ง ครอบครัวก็อยู่กันแบบไม่มีความสุข เชื่อว่าเป็นผลมาจากการก้าวล่วงนำของกษัตริย์ไปขาย
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามงกุฎกษัตริย์ที่จัดแสดงอยู่ที่อเมริกาเป็นของที่กลุ่มพวกตนเป็นคนนำออกมาจากกรุเอง จากนั้นมีการขายต่อ ๆ กันไป จนไปอยู่ในมือต่างชาติ เรื่องนี้อยากให้คนไทยช่วยเอากลับคืนมาไว้ที่อยุธยาเหมือนเดิมด้วย....
Credit : https://www.dailynews.co.th/
วันที่: Fri Nov 15 10:04:43 ICT 2024
|
|
|