จดหมายเหตุโหรระบุว่า พระเจ้าอู่ทองรามาธิบดีเสด็
ปีขาล จ.ศ. 676 (ตรงกับปี พ.ศ. 1857) ได้ทรงสถาปนาเมืองหลวงขึ้นใ
จ.ศ. 712 ปีขาล โทศก วันศุกร์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 5 เวลา 3 นาฬิกา 9 บาท ตรงกับวันศุกร์ที่
4 มีนาคม พ.ศ. 1893 เมื่อครองราชย์ได้รับเฉลิมพ
ศรีสุนทร
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีของไทย
ในพ.ศ. 1893 “กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา” ตั้งอยู่บริเวณ หนองโสน (บึงพระราม) บนเกาะ
เมืองอยุธยา ซึ่งมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสัก
ศักราช ๗๑๕ ปีมะเส็ง เบญจศก (พ.ศ. ๑๘๙๖) วันพฤหัสบดี เดือน ๔ ขึ้น ๑ ค่ำ เพลา ๒ นาฬิกา
๕ บาท ทรงพระกรุณาตรัสว่า ที่พระตำหนักเวียงเหล็กนั้น
ป็นอารามแล้ว ให้นามชื่อ วัดพุทไธศวรรย์
ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุท
ซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบั
ในวัดพุทไธศวรรย์
เจ้าชายเเอบมุดท่อน้ำ ทำพระธิดาทรงครรภ์
เจอพระเจ้าอู่ทองดัก"ลอบเหล็ก"สิ้นชีวิตคาท่อ!!
www.arjanpong.com
#พระเจ้าอู่ทอง #เจ้าชายเชียงใหม่ #อโยธยา
พงศาวดารเหนือ ฉบับพระวิเชียรปรีชา (น้อย) บันทึกไว้ว่า
“...ฝ่ายพระเจ้าอู่ทองมีพระราชบุตรีอีกองค์ ๑ เมื่อจะประสูตินั้น ท้าวอู่ทองฝันเห็นว่าดอกบัวลอยมา เธอจึงตรัสให้พราหมณ์มาทาย พราหมณ์จึงทายว่าพระองค์เจ้าจะได้บุตรเขยมาต่างเมืองข้างเหนือ”
และพงศาวดารเหนือฉบับเดียวกันได้กล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่ว่า
“สมเด็จพระสุคนธคีรี เจ้าเมืองพิชัยเชียงใหม่ มีพระราชบุตร ๒ พระองค์ ๆ ๑ ชื่อเจ้าชัยทัตกุมาร องค์ ๑ ชื่อเจ้าชัยเสนกุมาร ๒ องค์เป็นภิกษุขึ้นไปเรียนพระไตรปิฎกถึงเมืองภุกาม ๓ พรรษาก็จบพระธรรม แล้วเจ้าจึงเรียนไตรเพทข้างไสยศาสตร์ได้จบบริบูรณ์...”
เมื่อโอรสทั้งสองสำเร็จวิชาจากเมืองพม่ากลับมา สมเด็จพระสุคนธคีรีและมเหสีก็ดีพระทัยนัก ใคร่จะให้เจ้าชัยทัตขึ้นครองราชย์แทน จึงให้ลาสิขาบทและจะหาคู่ครองให้ พอดีมีเสียงร่ำลือมาถึงเมืองเชียงใหม่ว่าพระราชธิดาของพระเจ้าอู่ทองนั้นงามดังนางฟ้า เจ้าชัยทัตก็เกิดอยากได้เป็นมเหสีทันที จึงบวชเป็นเณร แล้วชวนน้องชายผู้ยังเป็นพระภิกษุรอนแรมมาจนถึงกรุงศรีอยุธยา
พงศาวดารเหนือเล่าว่า
“...มาอยู่อาศัยในวัดใกล้พระราชวัง ฟังกิตติศัพท์คนทั้งหลายเล่าลือแก่กัน ครั้นรู้ตระหนักแล้ว เจ้าก็ลาเพศออกจากเณร แล้วซ่อนกำบังกายเข้าไปในพระราชวังมิได้ จึงเห็นต้นพิกุล ๑ ต้นอยู่ใกล้กำแพงวัง เจ้าจึงขึ้นข้ามเข้าไปได้ จึงให้นิทราไว้มิให้ผู้ใดรู้ และเจ้าจึงเข้าไปหานางได้ แล้วนางถามว่าท่านนี้เป็นบุตรผู้ใด จึงบอกว่าเรานี้เป็นบุตรเจ้าเชียงใหม่ หาภรรยาที่ชอบใจมิได้ พี่จึงมาหาเจ้าจะใคร่ได้เจ้าเป็นนางอัครมเหสี แต่เทียวไปหานางทุกวันจนนางทรงครรภ์แก่แล้ว สมเด็จพระเจ้าอู่ทองเห็นลูกดูหลากตา แต่มิออกปากกลัวลูกจะน้อยใจ แล้วคิดว่าพระทวารบานประตูได้ร้อยชั้นยังเข้ามาได้ จะมาในที่ใด ถ้าเว้นไว้แต่ท่อน้ำ ครั้นพระองค์เจ้ารำพึงแล้วจึงตรัสสั่งคนทั้งหลายให้ทำเป็นลอบเหล็กดักไว้ที่ท่อน้ำนั้น
ฝ่ายเจ้าชัยทัตเคยประดาน้ำเข้าไปทุกวันๆนั้น ก็เข้าลอบเหล็กติดอยู่ช้านานก็ตายในที่นั้น ต้องคำโบราณว่า ทำมิชอบเข้าลอบตายเอง พระเจ้าอู่ทองจึงให้คนไปดูเห็นคนตายอยู่ จึงเอารูปนั้นมาดูเห็นหลาก เป็นบัณฑิตรูปงาม และพระองค์จึงเสียดาย พระองค์คิดว่าจะมาแต่ผู้เดียวหรือว่ามีเพื่อน พระองค์จึงให้คนค้นหาจึงได้พบน้องชายอยู่อาราม ก็ให้คุมเอาตัวมาในพระราชวัง จึงให้ถามดูรู้ว่าบุตรพระเจ้าเชียงใหม่ และพระราชเทวีอันทรงพระครรภ์แก่ก็ทรงพระกรรแสงไห้รักสามี ว่ากูจะเป็นหม้ายและลูกจะหาพ่อมิได้ จะอายแก่ไพร่พลทั้งหลาย เขาจะทายประมาณครรภ์ เห็นหน้าพระเจ้าอาดุจดังเห็นหน้าผัวอันตาย พระเจ้าอู่ทองจึงให้เจ้าชัยเสนอันเป็นภิกษุนั้นลาผนวช แล้วจึงราชาภิเษกให้เป็นพระยา”
ครองรักครองเมืองกันสืบมาอย่างสงบร่มเย็น จนสิ้นอายุขัยทั้ง 2 พระองค์...
วันที่: Fri Nov 15 07:15:55 ICT 2024
|
|
|