พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร(พร
เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดมหา
พระ
พระพุทธรูปมาจากเมืองเหนือเ
มีจำนวน
นำมา
ความใหญ่โตขององค์พระ เมื่ออัญเชิญขึ้นประทับบนรถ
ส่งมาช่วยขนย้ายนั้น ปรากฏว่าองค์พระยิ่งสูงขึ้น
สายโทรศัพท์ และสายไฟรถรางให้พ้นพระเกตุ
วัดไตรมิตรวิทยาราม ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย มีชื่อเดิมว่าวัดสามจีน
เดิมทียกให้ใครใครก็ไม่เอา!!
พระพุทธรูปทองคําที่ใหญ่ที่สุดในโลก!!
www.arjanpong.com
#วัดไตรมิตร #พระพุทธรูปทองคำ #สุโขทัย
ตามประวัติที่สำนักนายกรัฐมนตรีพิมพ์แจกในงานทอดกฐินพระราชทาน ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๔ กล่าวไว้ว่า
“เดิมพระพุทธรูปทององค์นี้ ประดิษฐานอยู่ที่พระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ กรุงสุโขทัย แต่แล้วหายสาบสูญไปเพราะมีผู้เอาปูนปั้นหุ้มไว้ ต้นเหตุของการเอาปูนหุ้มสันนิษฐานได้ ๓ ประการ ประการที่
๑ หุ้มตั้งแต่สมเด็จพระบรมราชาธิราช (ขุนหลวงพะงั่ว) เสด็จขึ้นไปตีอาณาจักรสุโขทัย ชาวสุโขทัยกลัวจะอัญเชิญพระพุทธรูปทองคำลงมา จึงปั้นปูนหุ้มไว้ ประการที่
๒ หุ้มเพราะครั้งนั้นข้าศึกจะมาทำลายหรือเอาไฟสำรอกเอาทองออก ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อพุทธศักราช ๒๓๑๐ เพราะครั้งนั้นข้าศึกได้เอาไฟเที่ยวสุมสำรอกเอาทองคำเสียอเนกอนันต์ เช่นพระพุทธศรีสรรเพชญ์ ก็ถูกข้าศึกเอาไฟสุมละลายลงมาทั้งองค์ ประการที่
๓ ขุนนางผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งคงจะขึ้นไปพบเห็นเข้า เมื่อปรากฏว่ามีพระพุทธลักษณะงดงามมาก ก็ใคร่จะอัญเชิญมาประทับประดิษฐานที่วัดแห่งสกุลของตน หรือครั้งนั้นอาจไม่ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองก็ได้ เพราะเอาปูนปั้นหุ้มไว้หนามาก แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏหลักฐานว่า เท่าที่อยู่วัดโชตินาราม (วัดพระยาไกรฯ)นั้น คงมาเมื่อรัชกาลที่ ๓ นี่เอง”
วัดโชตินาราม เป็นวัดที่พระยาไกรโกษา (บุญมา) กรมพระคลังวังหน้า ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างมาตั้งแต่ยังเป็นพระยาโชฎึกราชเศรษฐีในรัชกาลที่ ๓ แต่พอสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางคอแหลมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นทำเลที่บริษัทฝรั่งเข้ามาเช่าทำท่าเรือกันมาก วัดพระยาไกรก็เลยถูกบุกรุกแคบลงทุกทีจนกลายเป็นวัดร้าง
บริษัทอิสเอเชียติก จำกัดได้ขอเช่าเป็นที่ทำการของบริษัท เมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็ได้รื้อถอนเสนาสนะสงฆ์ที่หักพังจนหมดสิ้น เหลือเพียงพระอุโบสถที่มีพระพุทธรูปปูนปั้นและพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่เท่ากันเพียง ๒ องค์ ซึ่งยากต่อการขนย้าย ส่วนพระขนาดย่อมถูกอัญเชิญไปไว้ตามวัดต่างๆหมดแล้ว
ในปี ๒๔๗๘ ทางคณะสงฆ์จึงมีเถระบัญชาให้วัดไตรมิตรวิทยาราม กับวัดไผ่เงินโชตนาราม ไปอัญเชิญพระพุทธรูป ๒ องค์นี้ไปเก็บรักษาไว้ ทางวัดไผ่เงินโชตนารามไปก่อน จึงเชิญพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ด้านหน้าไป วัดไตรมิตรจึงอัญเชิญพระพุทธรูปปูนปั้นที่เหลืออยู่มา
ความใหญ่โตขององค์พระเมื่ออัญเชิญขึ้นประทับบนรถบรรทุกที่บริษัทอิสเอเชียติกส่งมาช่วยขนย้ายนั้น ปรากฏว่าองค์พระยิ่งสูงขึ้นไปมาก ต้องคอยเอาไม้ค้ำสายไฟ สายโทรศัพท์ และสายไฟรถรางให้พ้นพระเกตุมาลามาตลอดทางจนถึงวัดไตรมิตร ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ
ส่วนโบสถ์วิหารของวัดไตรมิตรก็เก่าเต็มทนใกล้พังเต็มที บริเวณวัดมีสภาพเป็นที่ลุ่ม มีสระคูคลอง น้ำท่วมขังเกือบทั่วบริเวณวัด ยังหาที่เหมาะสมให้ไม่ได้ จึงสร้างแค่เพิงสังกะสีกันแดดกันฝนให้อยู่ข้างพระเจดีย์หน้าโบสถ์ไปก่อน แล้วบอกกล่าวทั่วไปว่าใครอยากได้ก็จะยกให้ มีหลายวัดต้องการนำไปเป็นพระประธาน แต่ก็ขาดแคลนพาหนะที่จะขนไปได้ บางรายก็ติดขัดที่เส้นทางรถเข้าไม่ถึง จนรายสุดท้ายขอไปเป็นพระประธานที่วัดบ้านบึงบวรสถิตย์ ชลบุรี แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ว่าไม่งามสมกับที่จะเป็นพระประธาน
จนในปี ๒๔๙๘ มีการเตรียมงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษในปี ๒๕๐๐ วัดไตรมิตรเกิดความสงสารพระพุทธรูปที่ไม่มีใครเหลียวแล จึงสร้างวิหารให้เป็นที่ประดิษฐาน แต่ขณะขนย้ายเข้าวิหารในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๙๘ เชือกที่สอดใต้องค์พระขึ้นเกี่ยวกับกว้านยก ทานน้ำหนักไม่ได้เกิดขาด ทำให้องค์พระหล่นลงกระแทกพื้นคอนกรีต ปูนที่พอกกะเทาะออก เห็นเนื้อในเป็นทองคำสุกปลั่ง จึงจัดการกะเทาะออกทั้งองค์ พบว่าไม่มีรอยบุบสลาย แต่ก็เก็บเป็นความลับไว้ จนมาเป็นข่าวเกรียวกราวในปลายปี ๒๔๙๙
จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับกันว่าพระพุทธรูปทองคำองค์นี้งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ พุทธลักษณะสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัย และผู้ที่สร้างพระพุทธรูปทองคำขนาดนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคทีเดียว แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง
นอกจากสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพราะเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของกรุงสุโขทัย และโปรดให้สร้างพิหารหลวงขึ้นกลางกรุงสุโขทัยเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญต่างๆ ซึ่งหลักศิลาจารึกก็กล่าวไว้ว่า
“...กลางกรุงสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันงาม...”
พระพุทธรูปองค์นี้หน้าตักกว้าง ๓.๑๐ เมตร สูงจากฐานถึงยอดพระเกตุมาลา ๓.๙๔ เมตร ถอดออกได้เป็น ๙ ชิ้น มีความบริสุทธิ์ของเนื้อทองจากฐานขององค์พระ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ เรื่อยขึ้นไปถึงพระพักตร์มีความบริสุทธิ์ของทอง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดเป็นทองคำเนื้อแท้ ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักเฉพาะส่วนยอดนี้ ๔๕ กิโลกรัม
ใน พ.ศ.๒๕๓๓ กินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่า พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตร เป็นพระพุทธรูปทองคำใหญ่ที่สุดในโลก และตีราคาไว้ ๒๘.๕ ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับราคาทองคำในปัจจุบันคงต้องเปลี่ยนตัวเลขนี้อีกมาก
ใน พ.ศ.๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำของวัดไตรมิตรนี้ มีนามทางราชการว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” เพื่อเป็นสรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒน์มงคลสืบไป....
Credit : วารสารสำนักนายกรัฐมนตรี
วันที่: Fri Nov 15 16:02:27 ICT 2024
|
|
|