พระบวรราชานุสาวรีย์กรมพระร
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุ
พระราชวังบวรสถานมงคล หรือ พระบวรราชวัง ตั้งอยู่ที่เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
เป็นพระราชวังที่ประทับของก
ราชเจ้ามหาสุรส
พ.ศ. 2325
พระองค์เจ้าหญิงดาราวดี พระธิดาในสมเด็จกรมพระราชวั
พระบรมสาทิสลักษณ์ของสมเด็จ
แม่ครัววังหน้า"พระยาเสือ"ใฝ่สูง!!
คิดก่อการกบฏ หวังให้ลูกสาวเป็นพระมเหสี!!
www.arjanpong.com
#กรมพระราชวังบวร #วังหน้า #กรุงรัตนโกสินทร์
แม้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ การสืบทอดอำนาจครองราชย์บัลลังก์จะเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลและราชประเพณี ไม่มีการแย่งชิงอำนาจกันเหมือนสมัยกรุงศรีอยุธยาแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนมักใหญ่ใฝ่สูงคิดชิงอำนาจ ขนาด สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ซึ่งทรงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนเด็ดขาดเหี้ยมหาญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ จนพม่าข้าศึกยังให้สมญาว่า “พระยาเสือ”
แต่ก็ยังมีอ้ายกบฏ ๒ คนแอบซ่อนเข้าไปในวังหน้า หมายจะสังหารกรมพระราชวังบวรฯ เพื่อชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทั้งยังมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมด้วยหลายคน ส่วนหัวหน้าแม่ครัวของวังหน้าเอง หวังจะให้ลูกสาวได้เป็นมเหสีกบฏ จัดแจงให้ ๒ กบฏแต่งเป็นหญิงซ่อนดาบไว้ในผ้า ปนไปในขบวนฝ่ายครัวที่ขนกระบุงข้าวเข้าไปใส่บาตรแต่เช้ามืด
พงศาวดารรัชกาลที่ ๑ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ กล่าวว่า ครั้งนั้นสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรฯ ทรงพระราชดำริว่า พระสงฆ์ที่รับบาตรตามบ้านราษฎรได้กลับวัดเร็ว เพราะราษฎรคอยใส่บาตรกันอยู่แล้ว แต่พระสงฆ์ที่ไปรับบาตรตามวังเจ้าและผู้มีบรรดาศักดิ์ใหญ่ๆ ต้องไปยืนคอยกันอยู่นานจนสาย การทำบุญก็กลับจะได้บาป จึงโปรดให้ตั้งพระราชกำหนดว่า สำหรับพระราชวังบวรฯ จะเสด็จทรงบาตรในเวลา ๗ โมงตรงทุกวัน ให้ฝ่ายเตรียมข้าวทรงบาตรมาตั้งตามกำหนด และให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์มารับบาตรพร้อมกัน
ด้วยเหตุนี้ประตูดินกรมพระราชวังบวรฯจึงต้องเปิดก่อนเวลาย่ำรุ่ง เพื่อให้พวกวิเสทปากบาตรขนข้าวทรงบาตรเข้าไปตั้ง อ้ายบัณฑิต ๒ คนซึ่งมาจากเมืองนครนายก อวดตัวว่ามีความรู้ด้านล่องหนหายตัวได้ มาอาศัยกับ เอี้ยง นายวิเสทปากบาตร ก่อนหลายวัน แล้วคบคิดกับขุนนางหลายคนที่มักใหญ่ใฝ่สูง อย่างพระยาอภัยรณฤทธิ์เป็นต้น โดย เอี้ยง วิเสทปากบาตรวางแผนให้อ้ายกบฏ ๒ คนแต่งเป็นผู้หญิงซ่อนดาบไว้ในผ้าห่ม เข้าไปทางประตูดินพร้อมกับผู้หญิงที่ขนกระบุงข้าวใส่บาตรเข้าไป ไม่ยักใช้วิชาหายตัวเข้า แล้วไปแอบอยู่ข้างทวารพระราชมณเฑียรทางที่จะเสด็จลงทรงบาตร คอยทำร้ายกรมพระราชวังบวรฯ
เดชะบุญในวันนั้น กรมพระราชวังบวรฯได้เสด็จไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวที่วังหลวงก่อนจะทรงบาตร จึงเสด็จทางพระทวารหน้าไปวังหลวงแต่เช้า อ้ายกบฏ ๒ คนจึงคอยเก้อ จนนางพนักงานเฝ้าที่มาพบเข้าก็ตกใจ ร้องโวยวายขึ้นและหนีลงมา ขุนหมื่นกรมวังคนหนึ่งจึงนำคนเข้าไปจับ อ้ายกบฏก็ฟันหัวขุนหมื่นขาดกระเด็น พวกเจ้าจอมก็วิ่งไปบอกข้าราชการด้านนอก จึงแห่กันเข้ามาล้อม แล้วใช้ก้อนอิฐก้อนหินขว้างเข้าใส่จนน่วมแล้วหวดด้วยกระบอง จับมัดไว้
อ้ายกบฏ ๒ คนก็ซัดทอดผู้ร่วมคิดทั้งขบวน ซึ่งมีทั้งข้าราชการวังหลวงวังหน้า สำรับ เอี้ยง วิเสทปากบาตรยอมรับสารภาพว่าหลงเชื่ออ้ายกบฏจนสาบานว่าจะขอพึ่งบุญ ยอมยกลูกสาวให้เป็นภรรยา เมื่อสำเร็จการที่คิดไว้จะได้เป็นมเหสี
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นที่แน่นอนว่า ให้ลงพระราชอาญาตามโทษ ดำรัสให้ประหารชีวิตอ้ายบัณฑิต ๒ คนเสีย ส่วนพวกที่คบคิดร่วมขบวนการ ก็ให้รับโทษสถานเดียวกัน หัวที่คิดชั่วจึงไม่ได้อยู่กับตัวกันทุกราย...
Credit : พงศาวดารฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์
วันที่: Fri Nov 15 15:59:11 ICT 2024
|
|
|