ผู้หญิง แบบไหนที่ ผู้ชายกลัว และ ไม่กล้าจีบ?
โดย ดีเจ เพชรจ้า…
เอาล่ะ ผมขอแตกแขนงออกเป็น 2 ด้าน จะดีกว่า 555 จะได้เข้าใจง่ายๆ คือ ด้านสว่างกับด้านมืด
เริ่มจากผู้หญิงด้านสว่าง หรือเป็นพวกวาสนาดีที่หนุ่มไม่กล้าจีบ หรือไม่แม้แต่จะคุยด้วยก่อนละกัน
1. ผู้หญิงสวย สวยในที่นี้คือสวยมากถึงมากที่สุด สวยแบบทุกคนต้องบอกว่าสวยขนาดผู้หญิงด้วยกันยังการันตี เพราะการจีบสาวสวยมากๆ ทำให้เราคิดว่าเขาจะคุยกับเราเหรอวะ ถ้าเราไม่หล่อมากเหมือนโดม ปกรณ์ลัม เราจะจินตนาการไปต่างๆ นานา เช่น เขาคงมีแฟนอยู่แล้วมั้ง แฟนเก่าแม่งโครตจะรวยเธอจะชอบแต่ผู้ชายรวยๆ หรือเปล่า (อันนี้ต้องบอกว่าเป็นความคิดของผู้ชายส่วนใหญ่เลยนะว่าคนสวยชอบผู้ชายรวย) หยิ่งหรือเปล่า อาจไม่ 100% แต่หนุ่มๆ ส่วนใหญ่คิดอย่างนั้นจริงๆ
2. ผู้หญิงรวย รวยระดับขั้นเทพ ไม่ใช่รวยธรรมดา อาทิเช่น บ้านใหญ่เป็นคฤหาสน์ ขับเบนซ์สปอร์ตคันละห้าล้าน จบเมืองนอก เป็นลูกนักการเมืองหรือนักธุรกิจระดับพันล้าน ตรงนี้ขอบอกไว้เลยว่าเรื่องจริง ผู้ชายอย่างเราๆ น่ะ ไม่ชอบสาวที่ดูดีกว่าเรามากเกินไป เพราะมันจะทำให้เราดูแย่ บางคนอาจมองว่าเราไปเกาะเขากิน หรืออยากรวยทางลัด หรือว่ากันง่ายๆ ไม่มีปัญญาเลี้ยง ตามสเต็ปของแพงมากๆ ค่าบำรุงรักษษมันก็จะสูง กินข้าวมื้อละสามพัน ปาร์ตี้คืนละหมื่น ถอดใจ 555
3. ผู้หญิงเก่งมากๆ เช่นระดับด็อกเตอร์ หมอ ผู้บริหาร CEO เหตุผลใกล้เคียงเมื่อกี้ แต่ต่างตรงที่ว่าสาวประเภทนี้จะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่า เพราะสถานะทางการเงินและงานเธอสร้างขึ้นมาเอง ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัทต๊อกต๋อยทั่วไป เป็นนายธนาคารเป็นอาจารย์สอนพิเศษ เป็นลูกจ้างชั่วคราวและอีกหลายอาชีพ คุณจะกล้าจีบไหม บอกตรงๆ ว่าส่วนใหญ่ไม่กล้าหรอกครับ นอกจากชายคนนั้นจะมีธุรกิจส่วนตัว ทำงานอิสระ จิตกร ศิลปิน ดารา พิธีกร แบบนี้มีลุ้น
เอาล่ะ เรามาต่อกันที่ด้านมืดเลยดีกว่า สาวๆ ด้านมืดคือ
1. ผู้หญิงที่ผ่านโลกมาเยอะ กร้าน ชีวิต กร้านแบบไม่มีใครรู้ไม่เป็น แต่ถ้าเป็นแบบเดินไปไหนก็มีแต่คนทักว่ายัยนี่เป็นแฟนเก่า ไอ้นั้นและไอ้นี่เคยโดนไอ้นั่น โอ๊ะเจอแบบนี้เราหนีก่อนแล้วล่ะครับ ว่าง่ายๆ คือ ผู้หญิงที่มีแฟนเยอะพวกเราไม่ชอบ อายครับ
2. ผู้หญิงเสียงดัง กิริยาเสียงดัง ในผู้ชายเราว่าแย่แล้ว ถ้ามันเกิดในผู้หญิง อันนี้บอกได้เลยว่าจบ เสียงดัง ชอบโวยวายเหมือนเจ๊กเมือ 50 ปีก่อนแถวเยาวราช แถมพูดจาหยาบคายอีก อันนี้บ่งบอกถึงชาติตระกูลเลย เป็นผู้หญิงอ่อนหวาน ได้เปรียบกว่าเยอะนะครับสาวๆ
3. ผู้หญิงที่… อันนี้อ่านแล้วอาจจะงง แต่เจอมากับตัวเองเลยครับพี่น้อง เช่นผู้หญิงคนหนึ่งสวยหุ่นดี แต่เวลาคุยกันแล้วมันโครตจะไม่ใช่เลย คุยไม่รู้เรื่อง อันนี้มีจริงๆ นะ เช่น
Q: “ไปดูหนังเรื่อง Transformers มาหรือยัง?”
A: “อะไรคือ Transformers? ….555″
Q: “ไปกิน Haagen-Dazs กัน”
A: “อะไรคือ Haagen-Dazs คะ? กรรมเวร”
Q: “ชอบ Whitney Houston ไหม?”
A: “ใครอ่ะ…เออ เราเพิ่งซื้อดีวีดีคอนเสิร์ต Celine Dion มา ดูกันไหม?”
4. ผู้หญิงมีปม อันนี้ว่ากันไม่ได้ พวกมีปมหลังนี่บางคนแก้ได้ บางคนไม่ยอมแก้ หรือบางเรื่องก็แก้ไมได้ ยอกตัวอย่างเช่น เป็นคนขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เล็ก มีแฟนก็โดนหักหลัง พวกสาวมีปมนี่ส่วนใหญ่จะขี้ระแวง ขี้หงุดหงิด ขี้น้อยใจ ใจร้อน อย่าคิดว่าผู้ชายอย่างเราไม่รู้ บอกได้เลยว่าถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเรารู้หรือสังเกตได้ว่าคุณมีปมในอดีตแล้วคุณ ตัดมันไม่ขาด ในอนาคตอันใกล้ พวกเราก็อาจจะเลิกกับคุณ ถ้าคุณยึดติดกับมันและแก้ไม่ได้นะ แต่คนส่วนใหญ่มักแก้ปมกันได้ไม่ว่าจะปลงตกเข้าวัดเข้าวา เริ่มชีวิตใหม่
ขอบคุณที่มาบทความจาก COSMOPOLITAN
ต้องทำตัวปลอมเชียวเร๊อะ?....
.....ผู้สื่อข่าวถามว่า...เจ็บมากขึ้นหรือ ถึงได้เปลี่ยนอุปกรณ์..
..... นายกฯปู ตอบว่า .... พอดีช่วงนี้ใช้กำลังขาเยอะเกินไปเลยบวมมากขึ้น แพทย์เลยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์อันใหม่ เมื่อเดินแล้วข้อเท้าจะไม่ขยับ ช่วยล็อค
.....ผู้สื่อข่าวถามว่า.... อาการช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
.....นายกฯปู กล่าวว่า อย่างที่เรียนไว้ใช้กำลังขามากเลยบวม แพทย์เลยบอกว่าให้พัก ยิ่งพักมากก็จะหายเร็ว
!!!! เคยใช้แล้ว.............
nce
: พฤ, 03/27/2014 - 14:09
เหลือเชื่อ....แต่ก็ดีที่ไม่เป็นไรมาก......
เหตุเกิด สภ.พระพุทธบาท
ได้สอบถามตำรวจจราจร
สภ.พระพุทธบาท ว่ารถคันแดงห้อย
พระนิรันตรายที่ สตช.
สร้างเมื่อเร็วๆนี้
รถที่ใช้เป็น โตโยต้า ยาริส
สภาพคนขับ ติดอยู่ในรถ
กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่าง
นำตัวออกมา จากรถ
เดินหน้าตาเฉย มีบาดแผล
เล็กน้อย รถเละตุ้มเป้ะคนบาดเจ็บเล็กน้อย เก็บพระรุ่นนี้ไว้ให้ดีราคาดีแน่ๆ
ใครนิมนต์ไปช่วยราชการ ตามนิมนต์กลับด้วยนะครัฟ
รู้จักมณฑลซินเจียงและชาวอุยกูร์
บทความน่ารู้ : เรื่องรู้จักมณฑลซินเจียงและชาวอุยกูร์
ที่นี่คือศูนย์รวมบทความที่น่าสนใจและให้ความรู้จากทุกมุมโลก เพื่อเป็นแหล่งความรู้สำหรับคนไทยทุกคน
การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนกับชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง ถือเป็นเหตุการณ์จลาจลที่มีความรุนแรงมากที่สุดของประเทศจีนนับแต่เหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะยังไม่รู้จักมณฑลซินเจียงและชาวอุยกูร์มากนัก
เราขอเรียกว่าส่วนผสมที่ลงตัว เพราะมีส่วนผสมของเอเชีย ยุโรป รัสเซีย แถมคมแบบแขกขาว
ผ่าเส้นทางใหม่ลี้ภัย"อุยกูร์"220ราย โยงใยนายหน้า"โรฮิงญา"
หลังจากเพิ่งครบรอบสองทศวรรษของเหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เหตุการณ์การจลาจลที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปีก็บังเกิดขึ้นอีกครั้งในประเทศจีนเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ณ เมืองอูรุมชี/อุรุมฉี เมืองเอกของมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกของจีน
เหตุการณ์ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นเมื่อชาวอุยกูร์/อุ้ยเก๋อราว 1,000-3,000 คน มาชุมนุมกันอย่างสงบที่เมืองเอกของมณฑลซินเจียง เพื่อประท้วงเรียกร้องให้ทางการจีนสอบสวนหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุปะทะกันระหว่างคนงานชาวอุยกูร์กับคนงานชาวฮั่น ณ โรงงานแห่งหนึ่งเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีคนงานชาวอุยกูร์เสียชีวิต 2 คน ทั้งนี้ก่อนหน้าเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เกิดข่าวลือว่า มีหญิงสาวชาวฮั่น 2 คน ถูกข่มขืนโดยชายชาวอุยกูร์ในโรงงาน
แต่การชุมนุมอย่างสงบก็บานปลายกลายเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งใหญ่ โดยทางการจีนอ้างว่าผู้ชุมนุมชาวอุยกูร์เป็นฝ่ายสร้างความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สมบัติสาธารณะ รวมทั้งจุดไฟเผารถยนต์บนท้องถนน ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงชาวอุยกูร์ก็เห็นว่า ความรุนแรงดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นมาจากการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมโดยทางการจีน ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวน 156 คน และผู้มีบาดเจ็บ 828 คน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ เมืองอูรุมชี ไม่ได้บังเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญหรือฉับพลันทันใด ชนิดที่ไร้ต้นสายปลายเหตุ ทว่าปมปัญหาเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงนั้นดำรงคงอยู่มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่จีนผนวกรวมดินแดนดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเลยด้วยซ้ำไป
ดังนั้น การมาทำความรู้จักกับมณฑลซินเจียงและชาวอุยกูร์ จึงน่าจะทำให้เราเข้าใจถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองอูรุมชีได้ดียิ่งขึ้น
มณฑลซินเจียงเป็นพรมแดนที่กั้นระหว่างดินแดนเอเชียกลางกับประเทศจีน มณฑลแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของประเทศฝรั่งเศส ในประวัติศาสตร์แล้ว ซินเจียงถือเป็นจุดนัดพบสำคัญทางการค้าและวัฒนธรรม เนื่องจากเคยเป็นพื้นที่หยุดพักผู้คนและสินค้าของ "เส้นทางสายไหม" ส่งผลให้ดินแดนแห่งนี้ได้รับมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มชนพื้นเมืองของมณฑลซินเจียงคือ ชาว "อุยกูร์" ซึ่งเป็นกลุ่มคนมุสลิมที่มีลักษณะชาติพันธุ์ ภาษา และวัฒนธรรม เป็นพวกเติร์ก อันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากชาวฮั่นที่เป็นผู้ปกครองและเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ที่ครอบครองดินแดนส่วนที่เหลือของจีน การดำรงอยู่ของชาวอุยกูร์นี่เองที่ทำให้ ซินเจียงกลายเป็นมณฑลเดียวของประเทศจีนที่มีชาวมุสลิมเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่
ซินเจียงถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์สามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจีนได้สำเร็จในปี พ.ศ.2492 (ค.ศ.1949) มณฑลซินเจียงก็มีสถานะเป็น "เขตปกครองตนเอง" ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในมุมมองของรัฐบาลกลางพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปักกิ่ง ซินเจียงถือเป็นส่วนหนึ่งของจีนตลอดมา โดยรัฐบาลได้มองข้ามความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ใหญ่โตมหาศาล อันเกิดขึ้นจากการที่มณฑลแห่งนี้ได้หลอมรวมตนเองเข้ากับดินแดนเอเชียกลางและรัฐต่าง ๆ ของชาวเติร์กมาโดยตลอด และจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ชาวอุยกูร์ส่วนใหญ่ในซินเจียงก็ยังรู้สึกว่าพวกเขามีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมกับชาวเติร์กทางด้านตะวันตก มากกว่ารัฐบาลกลางที่ปักกิ่งทางด้านตะวันออก
แต่รัฐบาลกลางของจีนก็พยายามกลืนกลายชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง ด้วยนโยบายการส่งชาวฮั่นจำนวนมากเข้าไปอยู่อาศัยในมณฑลดังกล่าว จากที่ในปี พ.ศ.2496 (ค.ศ.1953) มีชาวฮั่นอยู่ในซินเจียงเพียง 5 แสนคน แต่ในปี พ.ศ.2543 (ค.ศ.2000) กลับมีชาวฮั่นในมณฑลแห่งนี้เพิ่มมากขึ้นเป็น 7.5 ล้านคน หรือถือเป็นร้อยละ 42 ของประชากรจำนวน 18 ล้านคนในมณฑล นอกจากนั้น ชาวฮั่นยังกลายเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของเมืองอูรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียง เสียด้วย
กลุ่มชนพื้นเมืองชาวอุยกูร์ไม่พอใจที่ผู้อพยพชาวฮั่นได้เข้ามาแย่งงานในอุตสาหกรรมน้ำมัน ปิโตรเคมี และในหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งควรเป็นแหล่งรายได้สำคัญของพวกตน ขณะที่ชาวฮั่นก็มองว่าพวกอุยกูร์เป็นคนเกียจคร้าน และไม่รู้จักสำนึกบุญคุณที่รัฐบาลกลางของจีนที่ปักกิ่งนำความทันสมัยและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่มณฑลซินเจียง
และยิ่งชาวฮั่นในซินเจียงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเท่าใด ชาวอุยกูร์ก็ยิ่งพยายามขับเน้นอัตลักษณ์ของตนเองมากขึ้น ส่งผลให้เยาวชนชาวอุยกูร์รุ่นหลังเคร่งครัดในหลักการของศาสนาอิสลามยิ่งกว่าคนรุ่นพ่อแม่ นอกจากนี้พวกเขายังหันมาเรียนภาษาอารบิกกันมากขึ้น ซึ่งนี่อาจถือเป็นการประกาศว่าอัตลักษณ์ของชาวอุยกูร์นั้นมีความผิดแผกแตกต่างไปจากอัตลักษณ์ของชาวจีนฮั่นตั้งแต่ในระดับรากฐาน
แม้ชาวอุยกูร์ในเมืองเอกของมณฑลซินเจียงอย่างอูรุมชี อาจจะเริ่มมีวิถีชีวิตประจำวันคล้อยตามแบบชาวฮั่นอันเป็นคนกลุ่มใหญ่ของเมือง และหันมาหาเรื่องราวทางโลกย์ในสังคมสมัยใหม่มากขึ้น แต่สำหรับเมืองบริเวณชายแดนที่อยู่ติดกับดินแดนเอเชียกลางแล้ว รัฐบาลกลางของจีนยังต้องจัดส่งกำลังทหารเข้าไปควบคุมกิจกรรมทางการเมืองและบรรดาอิหม่ามในมัสยิดต่าง ๆ ของเมืองเหล่านั้นอย่างเข้มงวดกวดขัน เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เติบโตมากขึ้น จนมีผู้ขนานนามว่าซินเจียงถือเป็นทิเบตอีกแห่งหนึ่งของจีน
ทั้งนี้ กิจกรรมทางการเมืองในการแบ่งแยกดินแดนของชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงได้ถูกปลุกเร้าขึ้นในคริสต์ทศวรรษที่ 1990 เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลาย และรัฐมุสลิมเก่าแก่ทั้งหลายในเอเชียกลางได้มีโอกาสแยกตัวออกมาเป็นรัฐอิสระที่มีเอกราชเป็นของตนเอง เช่น คาซักสถาน คีร์กิสถาน และอุซเบกิสถาน เป็นต้น ชาวอุยกูร์จึงเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแยกตนเองออกมาเป็นรัฐอิสระในนาม "อุยกูริสถาน" หรือ "เตอร์กิสถานตะวันออก" บ้าง อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนได้พยายามใช้มาตรการทางด้านเศรษฐกิจและการทูตอันชาญฉลาดมาหน่วงเหนี่ยวไม่ให้รัฐอิสระในเอเชียกลางต่าง ๆ ช่วยเหลือซินเจียงในการแยกตัวออกเป็นอิสระ กระทั่งขบวนการแบ่งแยกดินแดนในมณฑลแห่งนี้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของตนเองได้อย่างยากลำบากในที่สุด
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลางของจีนกับชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงคงไม่ได้จบสิ้นลงในเร็ววัน อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวแสดงให้เราเห็นถึงปัญหาสำคัญของ "รัฐ-ชาติ" ในโลกสมัยใหม่ ที่ยากจะดำรงความเป็นเอกพันธุ์เอาไว้ได้ เมื่อโลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยผู้คน วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ความทรงจำ และ "ชาติ" อันหลากหลาย ชนิดที่ไม่มีผู้มีอำนาจรายใดสามารถควบคุมหรือลดค่าความหลากหลายดังกล่าวให้กลายเป็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้อย่างง่ายดาย กระทั่งอาจมีเพียงการพยายามทำความเข้าใจในความแตกต่างหลากหลายเท่านั้นที่จะช่วยให้ผู้คนบนโลกใบนี้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความทุกข์น้อยลง
ปฎิบัติการคุมตัวต่างด้าวจำนวน 220 คน คน เป็นชาย 78 คน,หญิง 60 คน, เด็ก 82 คน เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ภายในบริเวณสวนยางพารา ม.10 บ้านคลองต่อ ต.รัตภูมิ อ.รัตภูมิ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา พร้อมชาวโรฮิงยา อีกกว่า 10 คน กลายเป็นปมร้อนที่หลายฝ่ายให้ความสนใจขึ้นมาพลัน
ที่สำคัญกลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถระบุสัญชาติให้ประจักษ์ เนื่องจากไร้เอกสารใดๆติดตัวยืนยันสัญชาติ
เรื่องนี้สุนัย ผาสุข ผู้ประสานงานที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์ ประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบทราบว่าต่างด้าวกลุ่มนี้ไม่ใช่ชาวตุรกีที่จะลี้ภัยไปประเทศที่3 แต่กลุ่มนี้เป็นชาว อุยกูร์ จากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ประสงค์จะลี้ภัยทางการจีน เพื่อเดินทางไปยังประเทศที่ 3 สาเหตุเนื่องจากชาวอุยกูร์ มีปัญหากับทางการจีนมาเป็นเวลานาน
จากอัตลักษณ์ทางชาติพันธ์กลายเป็นปัญหาที่น่าสนใจ สุนัยชี้ว่า ทางการจีนมองว่าชาว อุยกูร์ เป็นกลุ่มคนมุสลิมที่มีลักษณะชาติพันธุ์ ภาษา และวัฒนธรรมเป็นพวกเติร์ก อันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากชาวจีน และชาวอุยกูร์ ยังพยามหลอมรวมตนเองเข้ากับดินแดนเอเชียกลางและรัฐต่าง ๆ ของชาวเติร์กมาโดยตลอด
สำหรับความเป็นมาชาว "อุยกูร์" เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองของมณฑลซินเจียง ประเทศจีน ซึ่งเป็นกลุ่มคนมุสลิมที่มีลักษณะชาติพันธุ์ ภาษา และวัฒนธรรม เป็นพวกเติร์ก อันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากชาวฮั่นที่เป็นผู้ปกครองและเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ที่ครอบครองดินแดนส่วนที่เหลือของจีน
การลี้ภัยครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเข้าทำการควบคุมตัวเชื่อว่า กลุ่มคนต่างด้าวที่ยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้นั้น น่าจะมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการลักลอบนำเข้าและส่งต่อชาว "โรฮิงยา" ที่หลบหนีจากประเทศพม่าผ่านภาคใต้ เพื่อเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 มาเลเซีย และออสเตรเลีย เพราะจากการสอบถาม "โรฮิงยา" ที่มารวมกับกลุ่มคนต่างด้าว ที่อ้างว่าเดินทางมาจากประเทศ ตุรกี
"ชาวโรฮิงญาบอกว่าได้รับคำสั่งให้เดินทางมาสมทบกับกลุ่มคนต่างด้าวกลุ่มนี้ เพื่อรอคนมารับตัวไปพร้อมๆกัน เนื่องจากมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาจับกุมตัวก่อนหน้าที่จะถูกจับกุม 2 วัน จึงมีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนที่เป็นนายหน้านำพาคนต่างด้าวกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มขบวนการนำพา โรฮิงญา " เจ้าหน้ทาที่รายนี้ระบุ
ขณะเดียวกันน่า สังเกตุได้ว่า สถานที่กลุ่มคนต่างด้าวรวมตัว เพื่อรอคนมารับตัวออกจากพื้นที่ และเป็นพื้นที่ใกล้เคียงที่เคยมีการจับกุม "โรฮิงญา" หลบหนีเข้าเมืองกว่า 100 คน เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ภายในสวนยาง ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ และต.ฉลุง อ.หาดใหญ่
แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่สามารถตรวจสอบพบว่าพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่พบคนต่างด้าวมีการก่อสร้างที่พักชั่วคราวหรือไม่ แต่ก็มีข้อสังเกตุในขณะที่เข้าควบคุมตัวมีภาชนะสำหรับรับประทานอาหารรวมอยู่ด้วย รวมถึงสภาพเนื้อตัวเด็กที่มีรอยยุงกัดเต็มใบหน้า แสดงว่ามีการมานอนพักค้างคืนในพื้นที่ก่อนเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว
สอดรับกับการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ที่ได้เดินทางลงมาในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือ บอกว่า การเดินทางเข้ามาจำนวนครั้งนี้ จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี เพราะในกลุ่มจะมีเด็กและสตรีจำนวนมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ โดยกลุ่มคนที่เป็นนายหน้าหรือผู้ประสานงานการเดินทางต้องมีเครือข่ายอยู่ในพื้นที่เพื่อดำเนินการพาตัวส่งต่อไปยังประเทศที่สาม
"แม้ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลที่จะสาวไปถึงนายหน้าหรือผู้ประสาน อำนวยความสะดวกในการเดินทางก็ตาม แต่การที่คนต่างด้าวกลุ่มนี้ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการข้อมูลใดๆเป็นการบ่งบอกว่า ได้รับคำสั่งจากนายหน้าหากถูกจับกุมห้ามให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่โดยเด็ดขาด รวมถึงความไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นภาวะปกติของคนที่หนีออกจากประเทศของตัวเองในรูปแบบการลี้ภัยจะมีความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา"
น่าสนใจว่า"เป้าหมาย" ของกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้ประสงค์จะอยู่ในประเทศไทศ แต่ต้องการจะลี้ภัยไปในประเทศที่สาม คือ มาเลเซีย และออสเตรเลีย ส่วนการเดินทางเข้ามประเทศไทยอย่างไรนั้น ก็ต้องรอให้คนที่สามารถสื่อสารกับกลุ่มคนต่างด้าวกลุ่มนี้ได้ และเขาพร้อมจะให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เวลา
ปรากฎการณ์ที่มีกลุ่มคนต่างด้าวใช้เส้นทางจ.สงขลาเป็นจุดพักและผ่องถ่ายไปยังประเทศที่ 3 จึงสะท้อนให้เห็นว่าการปราบปรามกลุ่มขบวนนายหน้าหาประโยชน์ในฐานะผู้นำพาและส่งต่อคนต่างด้าวในจ.สงขลา ยังไม่สิ้นซาก ไปจากพื้นที่ แต่กลับเติบใหญ่ขยายกลุ่มยิ่งขึ้น
เส้นทางเหล่านี้ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า นายหน้าที่เข้าไปหาประโยชน์กับการลักลอบนำเข้า-ส่งต่อคนต่างด้าวเหล่านี้ ล้วนมทีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่รัฐบางคนเข้าไปเกี่ยวพัน แต่การจับกุมหลายๆครั้ง กลับไม่สามารถสาวถึงผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังได้แม้แต่ครั้งเดียว
นะโม ตัสสะ
ปี 53 หาทางกำจัดเสื้อแดงด้วย " ผังล้มเจ้า "
ปี 57 หาทางกำจัดอีกครั้ง ด้วย " แบ่งแยกดินแดน "
มรึง บร้า รึป่าว ??
จะไปแบ่งทำไม ?
เสื้อแดงเค้าเยอะ .. เค้าเอาทั้งหมด ไม่มีแบ่ง !!
...............................................................................
กรู จะเอาทั้งหมด ไล่แม่งงงงง ออกไป.................
นะโม ตัสสะ
4 เมษายน
วันที่ อำมาตย์ตั้งธง ฟัน เจ๊ปู
*************************
ก็ยังคงตอกย้ำ และ ท้าทาย ปปช. เช่นเดิม
ว่า ... / ข้อมูลเชิงลึก ท่านไม่มี / ข้อมูลที่ท่านมี ก็ไม่ใช่ G2G
และ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ท่านมี ก็มาจาก คุณหมอวรงค์
ก็เลย งงๆ ว่า ท่านจะเอาข้อมูลตรงไหน ? มาฟัน เจ๊ปู
ในเมื่อ ข้อมูลที่ท่านมีทั้งหมด ยังฟัน " บุญทรง " ไม่ได้เลย
ต่างคน ต่างทราบกันอยู่
ท่านมีข้อมูลน้อยมากๆ เพียง 14 โกดัง จากทั่วประเทศ
มีเรื่องโกดังข้าว ที่ เพชรบูรณ์ อีกนิดหน่อย
ตอนที่ กรรมาธิการ เข้าตรวจโกดัง
มีข้อมูลเรื่องข้าวหยอดหลุม ที่ นครสวรรค์
อ้อ .. !! แล้วก็มีเผาข้าว ที่ พิด-โลก
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ยังไม่เห็นว่า ตรงไหน ?
มันเกิดจากการทุจริตของรัฐบาล
ที่สำคัญ .. ถ้า ปปช. และ แมงสาบ
มีข้อมูล ทุจริตเรื่องข้าวจริงๆ
เชื่อว่า .. ป่านนี้ เพื่อไทย หัวขาด ไปนานแล้ว เจ้าค่ะ !!
ก็อยากดูเหมือนกัน ว่าวันที่ 4
" ท่านจะมา .. ไม้ไหน ?? "
10 อาหารบั่นทอนพลังเพศ
10 อาหารบั่นทอนพลังเพศ ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (TESTOSTERONE) เป็นฮอร์โมนเพศที่สำคัญที่สุดของผู้ชาย ซึ่งจะกำหนดความรู้สึกและอารมณ์ของความเป็นชาย มีหน้าที่สำคัญคือกระตุ้นให้แสดงลักษณะความเป็นชาย ซึ่งรวมไปถึงเรื่องความต้องการทางเพศ, การสร้างเชื้ออสุจิ, ปริมาณของขนเพชรและขนตามร่างกาย กล้ามเนื้อและกระดูก การลดลงของระดับฮอร์โมนเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและปัจจัย โดยเราได้ศึกษาบทความจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายบทความ ถึงอาหารที่ช่วยเพิ่ม และทำลายฮอร์โมนเพศชายของคุณ แต่ก็มีอาหารบางประเภทที่ให้ผลตรงข้ามกับความต้องการทางเพศของคุณ จึงควรศึกษาด้วยว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่สามารถทำลายพลังการขับเคลื่อนทางเพศ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์ของคุณด้วยเช่นกัน ในเมื่อตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ต้องการจะกระตุ้นให้ความต้องการทางเพศของคุณร้อนแรงอยู่ตลอดเวลา มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่คุณควรตีตัวออกห่าง หรือตัดออกจากเมนูอาหารหลักของคุณไปตลอดกาล
10.มินต์ (Mint)
คิดสักนิดก่อนที่คุณจะหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยว แม้ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและช่วยระงับกลิ่นปาก มินต์ อาจจะไม่ดีนักสำหรับอารมณ์ความใคร่ของคุณ หากรับประทานมากจนเกินไป มินต์หรือน้ำมันที่มีส่วนผสมของใบสะระแหน่ และเมนทอล สามารถลดระดับฮอร์โมนเพศชายได้ ดังนั้น หันไปพกแปรงสีฟันเพื่อลมปากสดชื่นจะดีกว่า
9.โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG: Monosodium glutamate)
ผงชูรส มักจะถูกใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูป หรืออาหารตามร้านค้าต่างๆ ก็ตาม เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารนั้นๆ แต่อาจก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า ส่งผลกระทบต่อภาวะอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว และการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศตามมา
8.แอลกอฮอล์ (Alcohol)
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะไม่เคยทำลายความต้องการทางเพศ แต่การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไปมีผลต่อตับ ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ในร่างกายสูงขึ้นและอัณฑะทำงานผิดปกติ จนผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ลดลง การดื่มจัดยังมีผลไปกดระบบประสาทส่วนกลาง อาจทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวไปชั่วขณะได้
7.อาหารทอดและอาหารขยะ (Fried and junk food)
อาหารทอดและจังก์ฟูด เช่น เฟรนช์ฟาย มันทอด ไก่ทอด และแฮมเบอร์เกอร์ เรียกได้ว่าเป็นเพชฌฆาตตัวฉกาจเลยทีเดียว เมื่อตัวการร้ายที่สำคัญของอาหารทอดอย่างไขมันทรานส์ ที่แทรกอยู่กับอาหารทอดแทบทุกชนิด ที่ใช้น้ำมันพืชผ่านความร้อน ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศลดต่ำลง และยังเป็นสาเหตุให้คุณภาพในการผลิตสเปิร์มลดลง และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในที่สุด
6.อาหารกระป๋อง (Canned Foods)
อาหารกระป๋องจะเต็มไปด้วยโซเดียม การผลิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และปรุงแต่งด้วยสารสังเคราะห์เทียมต่างๆ เป็นอาหารที่มีโซเดียมในปริมาณที่สูงและปริมาณโพแทสเซียมต่ำ อาจนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง จะมีความดันโลหิตเลี้ยงไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่สม่ำเสมอ ลดการไหลของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย นอกจากนั้น ในอาหารกระป๋องยังพบสาร BPA ที่เคลือบภายในบรรจุภัณฑ์อาหารกระป๋อง และที่สำคัญคือ มีการทดลองในหนูพบว่า BPA เป็นสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งในต่อมลูกหมาก โดยข้อมูลงานวิจัยระบุว่า เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ของเพศหญิง ทำให้สเปิร์มลดลง ปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งอีกด้วย
5.สารให้ความหวานเทียม (Artificial Sweeteners)
สารให้ความหวานเทียมจะมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดปัญหากับฮอร์โมนซีรีโทนิ (Serotonin) ในร่างกายคุณ หากคุณกำลังพยายามที่จะลดน้ำหนักและควบคุมอาหาร โดยใช้สารให้ความหวานเทียม โดยส่วนผสมนี้สามารถลดระดับฮอร์โมนซีโรโทนิ (hormone serotonin) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหัว, ซึมเศร้า, หงุดหงิด, วิตกกังวล และนอนไม่หลับ “ซีโรโทนิ” (Serotonin) ถือเป็นฮอร์โมนแห่ง “ความสุข” หากฮอร์โมนตัวนี้ลดระดับลงย่อมมีผลต่ออารมณ์และความใคร่ ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพิสูจน์แล้วว่าสารให้ความหวานเหล่านี้มีผลต่อระบบประสาท เพื่อให้พฤติกรรมทางเพศของคุณปกติ ควรเลือกรับประทานความหวานจากธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง และน้ำตาลทรายแดง จะดีกว่า
4.เครื่องดื่มน้ำอัดลม (Aerated Drink)
จากการศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกว่า 21,000 ชิ้น และได้ตีพิมพ์ในวารสารด้านการแพทย์“The New England Journal of Medicine” สรุปได้ว่า การบริโภคเครื่องดื่มที่มีรสหวาน น้ำตาล ซ่า สามารถก่อให้เกิดความผันผวนต่อน้ำหนักและอารมณ์ของคุณเอง รวมไปถึงปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่ตามมา เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคฟันผุ การดื่มมากเกินไป เครื่องดื่มเหล่านี้อาจกลายเป็นยาพิษรสหวาน ที่นอกจากจะทำให้คุณทุกข์ทรมานจากโรคภัยต่างๆ แล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพทางเพศของคุณได้อีกด้วย
3.กาแฟ (Coffee)
1 ถ้วยกาแฟในตอนเช้าสามารถกระตุ้นให้คุณมีความสุขได้ แต่หากคุณดื่มกาแฟเป็นประจำ และดื่มต่อวันมากเกินไปมีความเสี่ยงต่อการทำลายต่อมหมวกไตซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเครียด (stress hormone) ถ้าคุณมีกาเฟอีนในร่างกายมากเกินไปอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนความเครียด ดังนั้น ถ้าหากตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอารมณ์รักหรืออยากจะโรแมนติกกับคู่ของคุณแล้วล่ะก็ทางที่ดีที่สุดคือ ควรลดปริมาณการดื่มกาแฟลง
2.หอยนางรม (Oysters)
หอยนางรมได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาแห่งยาโด๊ป เป็นแหล่งของแร่ธาตุสังกะสีซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างฮอร์โมนเพศชาย และความไวของคลิตอริส แต่มันยังเป็นอาหารให้โทษต่อร่างกายได้อีกด้วยหากรับประทานมากเกินไป เพราะหอยนางรม หรือหอยชนิดอื่นๆ จะดูดซับสารพิษและเชื้อปรสิตในท้องทะเลเอาไว้ ดังนั้นควรรับประทานแต่พอดี เพราะถ้าอาหารเป็นพิษขึ้นมา นอกจากจะไม่ปึ๋งปั๋ง หมดเรี่ยวแรงแล้ว ยังต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลอีกก็เป็นได้ หรือจะลองเปลี่ยนมาเพิ่มธาตุสังกะสีกับอาหารประเภทอื่นๆ อย่างเช่น ผักโขม ที่มีปริมาณสังกะสีสูง แต่ปริมาณแคลอรีต่ำ จะดีต่อสุขภาพมากกว่า
1.ถั่วเหลือง (soy)
ผลการวิจัยจากวารสาร “European Journal of Clinical Nutrition” พบว่า ผู้ชายที่บริโภคถั่วเหลืองวันละ 120 มิลลิกรัม มีผลทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ลดลง ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย เอสโตรเจนที่พบมากในถั่วเหลือง จะไปกดการทำงานของฮอร์โมนเพศชาย และในถั่วเหลืองยังมีสารไฟโตรเอสโตรเจน (phytoestrogens) อยู่มาก จะออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งสามารถลดจำนวนอสุจิในผู้ชายอีกด้วย หากว่าคุณรับประทานถั่วเหลืองในปริมาณที่มากเกินไป มีผลทำให้เต้านมของคุณใหญ่ขึ้น มีผิวพรรณเนียน สวย ดูดี แต่ข้อเสียที่ตามมาคือ ปัญหาผมร่วง ส่วนเรื่องของผู้ชาย 'จอดสนิท' อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัว
พืชมหาเศรษฐี
มะละกอ พืชเศรษฐกิจมาแรงอีกชนิดหนึ่งของบ้านเรา ที่มาแรงแบบเงียบ ๆ ในชีวิตประจำวันของใครหลายคนมีมะละกอมาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน กับเรื่องอาหารการกิน อย่างส้มตำ ที่ต้องพึ่งพามะละกอเป็นหลัก มะละกอไม่ใช่แค่ทานดิบเท่านั้น ยังมีมะละกอทานสุกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่นดังชาวสวน อ.แม่สอด โกยเงินกับมะละกอ 50 ไร่ วางแผนปลูกให้เก็บได้ในช่วงแพงรับเนื้อ ๆ วันละ 50,000 บาท
มะละกอ ไม้ผลกระแสแรงด้วยผลตอบแทนที่น่าทึ่งอย่างมาก ปลูกมะละกอพื้นที่เพียง 10 ไร่ สามารถสร้างเงินล้านได้ไม่ยากเลย เพราะมะละกอจะสามารถเก็บผลผลิตได้ทุก 3-4 วัน หรือประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ๆ ละ 2-3 ตัน รายได้ต่อครั้งประมาณ 2-4 หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับราคามะละกอ ยิ่งถ้าวางแผนให้มีผลผลิตเก็บได้ในช่วงมะละกอขาดตลาดด้วยแล้วล่ะก็ เรียกว่าโกยเงินกระเป๋าตุงกันเลยทีเดียวเช่นเดียวกับชาวสวนหัวก้าวหน้ารายนี้ คุณเล็ก แห่งไร่กอทอง ที่ประสบความสำเร็จกับมะละกอ 50 ไร่ ที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในวันที่มะละกอขาดตลาดหรือขาดคอ โกยเงินอยู่ตอนนี้จนสามารถตั้งราคาขายได้เลย แม่ค้ามะละกอวิ่งเข้าไปซื้อผลผลิตกันจนต้องต่อคิว เพราะช่วงนี้มะละกอทั่วไปมีผลผลิตน้อย ขณะที่ตลาดมีความต้องการสูง
คุณเล็กบอกว่า ปกติมะละกอจะขาดตลาดตั้งแต่เดือน ก.ค.-ต.ค. ของทุกปี ช่วงดังกล่าวราคาจะสูงถึง 18-30 บาท/กก.(จากสวน) ถ้าจะปลูกให้เก็บในช่วงนี้ได้ก็นับย้อนไป 8 เดือนแล้วปลูก อีกอย่างมะละกอที่จะเก็บได้ในช่วงนั้นจะต้องออก ดอกและติดผลในช่วง มี.ค.-เม.ย. ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อน จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการติดผล มะละกอดอกจะร่วงและติดผลน้อย ต้องมีตัวช่วย คือ การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้ขาดน้ำ โชยน้ำช่วยเพื่อเพิ่มความชื้นพร้อมกับให้ปุ๋ยอย่างเพียงพอ ตรงกับความต้องการ โดยคุณเล็กจะให้ปุ๋ยเดือนละครั้ง ต้นละประมาณ 400 กรัม ช่วงมะละกอต้นเล็กใช้ 15-15-15 พอมะละกอเริ่มออกดอกเปลี่ยนมาใช้สูตร 8-24-24 เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกดอกและติดผล จากนั้นใช้สูตรนี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้มะละกอออกดอกติดผลต่อเนื่อง ส่วนทางใบพ่นปุ๋ยน้ำสูตร 13-3-43 พร้อมกับแคลเซียม-โบรอน จะช่วยส่งเสริมให้มะละกอมีผลผลิตตลอด
มะละกอคุณเล็กเพิ่งเริ่มเก็บผลผลิต ปริมาณยังไม่มาก เก็บวันละ 4 ตัน (1 คันรถ) ราคาตอนนี้จากสวน 13-14 บาท/กก. คาดว่าเดือนหน้าน่าจะเก็บผลผลิตได้มากขึ้นเป็นวันละ 8 ตัน (2 คันรถ) และราคามะละกอน่าจะขยับสูงขึ้นกว่านี้เพราะทุกปีช่วงนั้นราคามะละกอจะอยู่ที่ 20-25 บาท/กก. ลองกดเครื่องคิดเลขดูละกันว่าคุณเล็กจะมีรายได้วันละเท่าไหร่ นอกจากนี้คุณเล็กยังปลูกพริกแซมในแปลงมะละกออีก 20 กว่าไร่ เก็บพริกขายมาตั้งแต่ 3 เดือนหลังปลูกจนถึงตอนนี้ก็เหยียบล้านแล้ว
คุณเล็กบอกว่า มะละ กอเป็นไม้ผลที่น่าลงทุนที่สุดเพราะดูแลไม่ยาก ขอเพียงเข้า ใจและดูแลอย่างถูกต้องเท่านั้น มะละกอไม่กี่ไร่ก็สามารถสร้างเงินล้านได้ไม่ยากเลย.
ที่มาภาพและเนื้อหาจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
เทคนิคการปลูกมะละกอให้ลูกดก
คุณ พ่อสมพงษ์ จ. ขอนแก่น แนะนำว่าควรมีการเตรียมดินอย่างดี เช่นก่อนที่จะปลูกต้องมีการไถพรวนดินแล้วใส่ปุ๋ยคอก ก่อนที่จะนำต้นกล้ามาปลูกลงดินที่เตรียมไว้ เด็ดรากแก้วออกแล้วนำปูนขาวทา จะทำให้มะละกอได้ผลดก สิ่งที่สำคัญ คือน้ำ อย่าให้ขาด เพราะจะทำให้ต้นมะละกอเฉาได้ วิธีการปลูก
มะละกอสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพ แต่ที่สำคัญจะต้องเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ ขัง แฉะ เพราะมะละกอเป็นพืชที่ไม่มีความ ทนทาน ต่อการถูกน้ำท่วม
ความเชื่อของคนอีสาน
ใช้ผ้าถุงห่มให้ต้นมะละกอตัว หรือ ใช้กระดูกสัตว์ตอกเข้ากลางลำต้น ... วิธีหลังมะละกอกลัวตายมากกว่า ก็จะให้ลูกดอก อิอิ
เพิ่มยอดมะละกอ....โดยตัดต้นมะละกอสูงประมาณ50เ็นต์และวบำรุงต้นจะเกิดยอดออกมาข้างๆหลายกิ่ง..ต้นเตี้ยด้วย
การทำให้มะละกอติดลูกดกนั้น อาจจะทำให้ต้นโทรมเร็วหากดูแลไม่ถูกวิธี แต่การทำให้มะละกอติดลูกติดต่อกันหลายปีนี่สิน่าสนใจนะครับ ขอแนะนำเทคนิคการทำสาวให้มะละกอของ คุณสนอง เศษโม้ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร จากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.มหาสารคาม บอกว่าหลังจากที่เกษตรกรได้เก็บผลผลิตมะละกอรุ่นแรกไปแล้ว ควรจะทำสาวด้วยการตัดต้นมะละกอแล้วเลี้ยงยอดใหม่ ซึ่งหลังจากตัดต้นไปแล้วเพียง 3 เดือน ยอดใหม่ที่แตกออกมาจะเริ่มออกดอกและติดผลตรงตามสายพันธุ์เดิมและเก็บผล มะละกอดิบได้ในเดือนที่ 4 หลังจากตัดต้น เทคนิคในการทำสาวให้มะละกอให้ตัดต้นมะละกอให้สูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร (เผื่อลำต้นมะละกอจะต้องผุเปื่อยเน่าลงมาอีกประมาณ 1 คืบ) แต่เกษตรกรจะต้องช่วยเจาะรูให้น้ำมีทางระบายออกจากลำต้นด้วย ในการทำสาวเพื่อจะให้มีการแตกยอดใหม่ที่ดีควรทำในช่วงฤดูฝน หลังจากตัดต้นมะละกอเสร็จแล้ว
หลังจากตัดต้นมะละกอเพื่อทำสาวเสร็จเกษตรกรจะต้องใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 หรือสูตรตัวหน้าสูง เช่น 32-10-10 และใส่ปุ๋ยคอกเก่าร่วมด้วย มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นจะมียอดมะละกอแตกออกมาใหม่หลายยอดให้คัดเลือกยอดที่สมบูรณ์ที่ สุดเหลือไว้เพียงยอดเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้ยอดเจริญแข่งกัน
ต้นมะละกอที่มีการทำสาวทุกปีจะมีการติดดกเหมือนกับต้นมะละกอปลูกใหม่ซึ่งผิด กับต้นมะละกอที่ไม่เคยทำสาวเลยจะมีการออกดอกและติดผลน้อยลง สำหรับเกษตรกรที่ปลูกมะละกอในเชิงพาณิชย์ จะสามารถกำหนดการให้ผลผลิตด้วยวิธีการทำสาวกำหนดให้ต้นมะละกอมีผลผลิตขายได้ ในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมเรื่อยมาจนถึงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งราคามะละกอดิบเพื่อใช้ ส้มตำในช่วงเวลาดังกล่าวจะเฉลี่ยสูง
ต้นไม้ก็เหมือนคนเรานั้นแหละค่ะ ถ้าต้องการให้พืชโตเร็วให้ผลผลิตมากๆเราก็ต้องมีวิธีบำรุงมันด้วย หรืออาจจะให้อาหารเสริมสำหรับพืชด้วย อย่างนี้เราต้องการให้มะละกอนั้นผลดกถ้าเร่งมะละกอมากเกินไปอาจจะทำให้มัน โทรมจนแก่ตายได้นะค่ะ ดังนั้นเราก็ต้องให้อาหารจานด่วนกับมะละกอด้วยแหละ หนูได้สูตรนี้มาจากอาจารย์ที่เชียวชาญด้านการปลูกพืชมาจากอาหารจานด่วน
วิธิทำ
1. ไข่ไก่ 1 ฟอง กระเทาะเปลือก ตีให้เข้ากัน
2. น้ำ 20 ลิตร
3. ปุ๋ยยูเรีย 20 cc
4. จูลินทรีย์หน่อกล้วย 4 ช้อนแกง
5. นำส่วนประกอบทั้งหมดมาหมักรวมกัน 7 วัน ก็สามารถใช้การได้
วิธีใช้
1. สามารถใช้ผสมจูลินทรีย์หน่อกล้วย ในปริมาณ 20 cc /จูลินทรีย์หน่อกล้วย 20 cc/ น้ำ 20 ลิตร ก็ได
2. ใช้เฉพาะอาหารจานด่วนก็ได้ 20 cc/ น้ำ 20 ลิตร
เทคนิคและวิธีการทำให้มะละกอลูกดกดังนี้
โดยเริ่มจากการเตรียมดินให้มีความอุดมสมบรูณ์ก่อน และก่อนย้ายกล้าที่เพาะไว้ลงปลูกในแปลง คุณพ่อจะใช้ภูมิปัญญาเก่าๆ ที่สืบทอดกันมาทำให้มะละกอเป็นต้นกระเทยเสียก่อน โดยการตัดรากแก้วออกให้เหลือประมาณ 2 ข้อมือ แล้วนำต้นมะละกอลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ วิธีนี้นอกจากจะทำให้มะละกอติดลูกดกแล้ว ยังทำให้มะละกอโตเร็ว เก็บผลผลิตได้เร็วขึ้น 1 เดือน ทั้งยังติดลูกดกทุกต้นด้วย
ดินต้องดีมีประสิทธิภาพก่อนด้วยการเพื่อจุลินทรีย์ในดินด้วยการราด
น้ำหมัดชีวภาพ ประการที่ 2 ให้เพื่อต้วแคลเซียมให้โดยเปลือกกุ้ง
เปลือกปู หอย ที่เรากินแล้ว มาทิ้งไว้โค้นต้นเพื่อเป็นปุ๋ยต่อไป
เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงใจ
"..เพื่อหมู่เฮา..ต้องสู้เค้าน๊าาา หล่า เอ๊ย ... "
"..กลางดงตีน ปีนเกาะกลาง อย่างนางเอก
เป็นปัจเจก เอกนารี ขี่ม้าขาว
โดนกลุ้มรุม ทุ่มทุนทุบ ให้ยุบยาว
ฝ่าร้อนหนาว อีกคราวฝน สู้ทนเอา
ทั้งซ้ายขวา มาหน้าหลัง ทั้งอีแอบ
เสียงแหบๆ แอบมาสั่ง ให้พลั้งถอย
อีกกองทัพ สดับเลี่ยง อย่าเสี่ยงคอย
ศาลก็พลอย ค่อยพยัก หักตาเดิน
เหมือนละคร ตอนผู้ร้าย หมายข่มเหง
ดั่งบทเพลง บรรเลงซ้ำ ย้ำบาดแผล
ดูคล้ายๆ หนังมันเศร้า เราอ่อนแอ
ทองเนื้อแท้ หาแพ้ไม่ แม้ไฟรุม
ท่ามกลางทุกข์ สุขยังมี ที่ได้เห็น
ดั่งน้ำเย็น เช่นประพรม ให้ข่มไหว
ผู้คนรัก ปักศรัทธา คือยาใจ
ต่างอวยชัย ให้ใจอยู่ สู้เพื่อเรา.."
เหลือเชื่อ....แต่ก็ดีที่ไม่เป็นไรมาก......
เหตุเกิด สภ.พระพุทธบาท
ได้สอบถามตำรวจจราจร
สภ.พระพุทธบาท ว่ารถคันแดงห้อย
พระนิรันตรายที่ สตช.
สร้างเมื่อเร็วๆนี้
รถที่ใช้เป็น โตโยต้า ยาริส
สภาพคนขับ ติดอยู่ในรถ
กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่าง
นำตัวออกมา จากรถ
เดินหน้าตาเฉย มีบาดแผล
เล็กน้อย รถเละตุ้มเป้ะคนบาดเจ็บเล็กน้อย เก็บพระรุ่นนี้ไว้ให้ดีราคาดีแน่ๆ
ใครนิมนต์ไปช่วยราชการ ตามนิมนต์กลับด้วยนะครัฟ