Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

กราดยิงห้างเคนยา

ArjanPong | 20-09-2556 | เปิดดู 3015 | ความคิดเห็น 0

 

 

 

               กราดยิงห้างเคนยา

 

 

 

 

 

 สื่ออังกฤษ อาทิ เมลออนไลน์ และอัลจาซีราห์ รายงานว่า หัวหน้าระดับสูงของกลุ่ม“อัล-เชบับ” ผู้ก่อการร้ายชาวอังกฤษเจ้าของฉายา “แม่หม้ายขาว” ซาแมนตา ลูทต์เวตท์ วัย 29 ปี ภรรยาของเจอร์เมน ลินด์ซีย์ มือระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2005 ถูกสงสัยว่าเป็นผู้บงการ “กลุ่มนักรบมูจาฮีดิน” ลงมือกราดยิงในห้างเวสต์เกท ในกรุงไคโรบี เคนยา เมื่อวันเสาร์(21)ที่ผ่านมา ในขณะที่เหตุการณ์ล่าสุดในวันจันทร์(23) เจ้าหน้าที่เคนยาสามารถช่วยเหลือตัวประกันมาได้ “เกือบทั้งหมด” แล้ว และตัวประกันที่รอดชีวิตเปิดเผยว่า จะถูกยิงทิ้งหากหากพวกเขาไม่สามารถอ้างในคำภีร์อัลกุรอานหรือเอ่ยชื่อมารดาของศาสดาโมฮัมหมัดได้

จากเหตุการณ์ก่อการร้ายกราดยิงกลางห้างเวสต์เกทในกรุงไคโรบี เคนยา ในบ่ายวันเสาร์(21)ที่ผ่านมานั้น มีรายงานพบว่ามีหญิงผิวขาวคลุมหน้าเป็นผู้สั่งการเป็นภาษาอาราบิกให้กลุ่มนักรบลงมือกราดยิง โดยทางเจ้าหน้าที่เคนยาได้เผยว่า ผู้ก่อการร้ายชาวอังกฤษเจ้าของฉายา “แม่หมายขาว” ซาแมนตา ลูทต์เวตท์ วัย 29 ปี ภรรยาของเจอร์เมน ลินซีย์ มือระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม 2005 นั้นเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นตัวบงการ

 

เหตุการณ์เขย่าขวัญครั้งนี้ โดยพบว่าจากกลุ่มติดอาวุธ “อัล-เชบับ” ของที่ก่อนหน้านั้นอ้างความรับผิดชอบในการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ กล่าวผ่านทวิตเตอร์ล่าสุดว่า “ ซาแมนตา ลูทต์เวตท์ “แม่หม้ายขาว” อดีตภรรยาของเจอร์เมน ลินด์ซีย์ มือระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอน7/7 (วันที่ 7 กรกฎาคม ) เป็นหนึ่งในหัวหน้าระดับสูงของขบวนการของกลุ่ม และทางกลุ่มถือว่าเธอเป็นสตรีที่ กล้าหาญ ” นอกจากนี้ทางกลุ่มยังอ้างผ่านทวิตเตอร์ต่อไปว่า “มีชายชาวอังกฤษอีก 2 คนจากกรุงลอนดอนและไชร์ดูนได้ร่วมลงมือในครั้งนี้ด้วย ลิบาน อดัม วัย 23 ปี และอาเหม็ด นาเซอร์ วัย 24 ปี ซึ่งทางกลุ่มถือบุคคลทั้งคู่เป็น “นักรบศักดิสิทธิ์” ร่วมลงมือในครั้งนี้ด้วย”

 

และยังอ้างต่อไปว่า กลุ่มที่ลงมือปฎิบัติการในห้างนั้นมีคลังอาวุธที่มากมาย มีอุปกรณ์สำหรับการดูในเวลากลางคืนและได้ทำลายกล้องวงจรปิดในห้างหมดแล้ว และอัลขจาซีราห์รายงานว่า อัล-เชบับนั้นมีเป้าหมายไปที่กลุ่มที่ไม่ใช่มุสลิมเป็นหลัก ที่รวมถึงชาวต่างชาติ ชาวเคนยา ซึ่งจากการรายงานที่ได้รับการยืนยันพบว่า ชาวต่างชาติที่เสียชีวิตจากการกราดยิงนั้นมี ฝรั่งเศส อังกฤษ อินเดีย แคนาเดียน จีน และกวีที่มีชื่อเสียงของกาน่า โดยทางกลุ่มก่อการร้ายอัล-เชบับได้ประกาศข้อเรียกร้อง ให้เคนยาถอนทหารออกจากโซมาเลียที่ทางการเคนยาได้ร่วมกับโซมาเลียในการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย

จากประวัติของแม่หม้านขาวพบว่า ลูทต์เวตท์นั้นถือสัญชาติอังกฤษ เธอเป็นลูกสาวของอดีตนายทหารอังกฤษ ที่ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูกสามในบัคคิงแฮมเชอร์ เธอหันมานับถือศาสนาอิสลามในภายหลัง และที่สำคัญ เธอเป็นอดีตภรรยาของ เจอร์เมน ลินด์ซีย์ มือระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2005 โดยเธอตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนในขณะที่สามีของเธอเสียชีวิต และได้ไปอยู่ในเคนยาหลังจากเหตุการณ์ระเบิดสถานีรถไฟเกิดขึ้น จากสื่อในอังกฤษพบว่า ลูทต์เวตท์ หรือ เชราฟาฟิยาห์ ลูทต์เวตท์ ในภาษาอาราบิกนั้นเป็นหนึ่งในหัวหน้าระดับสูงของกลุ่ม“อัล-เชบับ” โดยกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้เผยผ่านทวิตเตอร์สงสัยว่า ลูทต์เวตท์นั้นจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ หรือจริงๆแล้วอาจจะอยุ่ในที่เกิดเหตุ “หัวหน้าผู้บงการเป็นผุ้หญิงผิวขาวที่มีสำเนียงอังกฤษ อาจจะเป็น“แม่หม้ายขาว” ที่อื้อฉาว” โรเบิร์ต เอไล บล็อกเกอร์ชาวเคนยา อดีตตัวประกันในห้างเคนยา กล่าวผ่านทวิตเตอร์

นอกจากนี้จากสถานการณ์ล่าสุดของการจับกุมตัวประกันราว 15 คนนั้น ทางเจ้าหน้าที่เคนยากล่าวว่า สามารถช่วยเหลือออกมาได้เกือบจะทั้งหมดแล้ว โดยพบว่าตัวประกันที่ถูกช่วยมานั้นอยู่ในสภาพขาดน้ำและเสียขวัญในสิ่งที่เกิดขึ้น และมีเจ้าหน้าที่เคนยา 4 รายบาดเจ็บในการปฎิบัติการครั้งนี้ โดยผู้ที่รอดชีวิตออกมาได้นั้นเปิดเผยว่า ทางกลุ่มนักรบมูจาฮีดีนจะสังหารตัวประกันที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็น ชาวเคนยา หรือชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ทิ้งหากพวกเขาไม่สามารถอ้างในคำภีร์อัลกุรอานหรือเอ่ยชื่อมารดาของศาสดาโมฮัมหมัดได้อย่างถูกต้อง โดยตัวประกันทั้งหมดยืนเรียงกันเข้าแถวเพื่อตอบคำถาม หาก

 

 



 
“แม่หม้ายขาว” ซาแมนตา ลูทต์เวตท์ วัย 29 ปี (ภาพเล็ก)


 
ซาแมนตา ลูทต์เวตท์ (ซ้าย) และ เจอร์เมน ลินด์ซีย์ (ขวา)


 


 


 


 

 

 กกลุ่มหัวรุนแรง "อัล-ชาบับ" แห่งโซมาเลีย

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 เวลา 16:05 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันที่ 22 ก.ย. กลุ่มนักรบติดอาวุธหัวรุนแรง “อัล-ชาบับ” แห่งโซมาเลีย ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ ประกาศว่า พวกเขาคือผู้ลงมือก่อเหตุบุกโจมตีห้างสรรพสินค้ากลางกรุงไนโรบี สังหารประชาชนไปแล้ว 50 ศพ และยังจับตัวประกันเอาไว้อีกหลายสิบคน แสดงให้เห็นว่า แม้จะถูกทางการโซมาเลียและประเทศเพื่อนบ้านร่วมกันกวาดล้างอย่างหนัก แต่กลุ่มอัล-ชาบับยังมีอิทธิพลและน่าเกรงขามอย่างมาก นี่คือข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้

 

กลุ่มอัล-ชาบับคือใคร


กลุ่มอัล-ชาบับ มีชื่อเต็มว่า “ฮารากัต อัล-ชาบับ อัล-มูจาฮีดีน” ( เอชเอสเอ็ม ) หมายความว่า แนวร่วมเคลื่อนไหวเยาวชนมูจาฮีดีนแห่งอาระเบีย ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2555 มีฐานที่มั่นหลักอยู่บริเวณทางตอนใต้ของโซมาเลีย แต่ยังสามารถข้ามพรมแดนไปก่อเหตุยังประเทศใกล้เคียง อาทิ การลอบวางระเบิดที่สนามกีฬาฟุตบอลกลางกรุงกัมปาลา เมืองหลวงของยูกันดา ซึ่งมีประชาชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 76 ศพ

 

กลุ่มอัล-ชาบับมีสมาชิกเท่าไหร่


ยังไม่เคยมีรายงานชิ้นใดสามารถระบุจำนวนสมาชิกกลุ่มอัล-ชาบับได้อย่างแน่ชัด แต่ทางการสหรัฐเคยประเมินเอาไว้ที่ 1,000 คน ขณะที่รายงานของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ระบุจำนวนเอาไว้ที่ 200-500 คน และมีชาวเคนยารวมอยู่ด้วย

 

ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเคนยากับกลุ่มอัล-ชาบับ


กองทัพเคนยาเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือที่ติดกับโซมาเลีย เมื่อช่วงปี 2554 นัยว่าเพื่อสร้างพื้นที่แนวกันชนบริเวณดังกล่าว หลังเกิดเหตุโจมตีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งทางตอนเหนือของเคนยาบ่อยครั้งในช่วงเวลานั้น และมีรายงานบ่งชี้ว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอัล-ชาบับ

 

ขณะที่กองทัพเอธิโอเปียเองก็ใช้ปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดน เพื่อขับไล่สมาชิกกลุ่มอัล-ชาบับออกไปจากประเทศเช่นกัน ทางกลุ่มจึงเปลี่ยนมากำหนดเป้าโจมตีเป็นทหารรักษาสันติภาพในแอฟริกา หรืออาคารสถานที่ราชการมากขึ้น

 

ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอัล-ชาบับกับกลุ่มอัล-กออิดะห์


กลุ่มอัล-ชาบับประกาศเป็นเครือข่ายของกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนก.พ. ปีที่แล้ว หลังให้ความช่วยเหลือกันและกันมาอย่างยาวนานในอดีต ด้านทางการสหรัฐเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายโอซามา บิน ลาเดน สั่นคลอนเสถียรภาพภายในกลุ่มอัล-กออิดะห์ย่างมาก จึงอาจทำให้สมาชิกจำนวนหนึ่งอพยพออกจากอัฟกานิสถานและปากีสถาน แล้วไปหลบซ่อนตัวอยู่ในโซมาเลีย

 

หัวหน้ากลุ่มอัล-ชาบับเป็นใคร

นายอาห์เหม็ด อับดี โกแดน หรือในอีกชื่อหนึ่งคือนายมุคตาร์ อาบู ซูแบร์ เป็นหัวหน้ากลุ่ม แทบไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะ มีข้อมูลเพียงว่า เป็นชาวเขตปกครองตนเองโซมาลีแลนด์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

 

ใครสนับสนุนกลุ่มอัล-ชาบับ


ว่ากันว่าคือประเทศเอริเทรีย ประเทศเล็กๆทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ซึ่งสนับสนุนกลุ่มอัล-ชาบับทั้งในด้านการเงินและสรรพาวุธ เพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรองอำนาจกับเอธิโอเปียที่อยู่ทางใต้ อย่างไรก็ตาม ทางการเอริเทรียยืนกรานปฏิเสธตลอดมาว่าไม่เป็นความจริง

 

โซมาเลียมีแนวทางจัดการกลุ่มอัล-ชาบับอย่างไร


ประธานาธิบดีฮัสซัน เชค โมฮามุด ผู้นำโซมาเลียคนปัจจุบัน ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ย. ปีที่แล้ว ท่ามกลางการยกย่องของยูเอ็นและประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ เนื่องจากเป็นทั้งนักเคลื่อนไหวและอาจารย์มหาวิทยาลัยผู้มีความรู้เต็มเปี่ยม และโซมาเลียยังขาดรัฐบาลที่มีเสถียรภาพแท้จริงมานานถึง 2 ทศวรรษ

 

อย่างไรก็ตาม การได้ผู้นำคนใหม่ตามระบบประชาธิปไตยไม่ได้หมายความว่า กลุ่มอัล-ชาบับจะยอมสยบโดยง่าย ยังคงมีการต่อสู้และก่อความวุ่นวายต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่อย่างน้อย ชาวโซมาเลียก็เริ่มอุ่นใจกับพัฒนาการทางการเมืองที่เกิดขึ้น เมื่อสหรัฐเป็นประเทศแรกที่ประกาศรับรองรัฐบาลชุดปัจจุบันของโซมาเลีย

 

 

 

 

*****************************************

 

 

 

 

 

            ประเทศซาอุดิอาระเบีย กรุงริยาด

 

 

 

 

                                            
 

 

              

 

ข้อมูลทั่วไป

พื้นที่
ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย มีพื้นที่ 2,149,690 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 80 ของคาบสมุทรอาหรับ
ทิศเหนือ ติดกับจอร์แดน อิรัก คูเวต
ทิศตะวันออก เป็นอ่าวอาหรับ ใกล้กับบาห์เรน กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทิศใต้ ติดโอมาน และเยเมน
ทิศตะวันตก ติดกับทะเลแดง

ภูมิอากาศ
มี 2 ฤดู คือ
ฤดูร้อน (มี.ค. - ต.ค.) อุณหภูมิ 32-50 องศาเซลเซียส อากาศร้อน แห้งแล้ง มีพายุทรายพัดในวันที่อากาศร้อนจัด ช่วงเปลี่ยนฤดูจะมีฝนตกเล็กน้อย
ฤดูหนาว (พ.ย.-ก.พ.) อุณหภูมิ 2-20 องศาเซลเซียส

ประชากร
ปัจจุบันมีชาวต่างชาติทำงานอยู่ 5 ล้านคน โดยมีคนไทยประมาณ 10,000 คน

ศาสนา
อิสลามนิกายซุนหนี่ และมีนิกายชีอะห์บ้างเล็กน้อย

ภาษา
อาหรับเป็นภาษาราชการ และใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อทั่วไปได้

สกุลเงิน
ริยาล (RIYAL) อัตราแลกเปลี่ยน

อัตราแลกเปลี่ยน
1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 3.75 ริยาล
1 ริยาล เท่ากับ 10 บาท

เวลา
ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง

เวลาทำงาน
หน่วยราชการ เสาร์ - พุธ 09.00 - 14.30 น.
ร้านค้า เสาร์ - พฤหัส 09.00 - 12.00 น. และ
16.00 - 22.00 น.
ศุกร์ 16.00 - 22.00 น.
ธนาคาร เสาร์ - พฤหัส 08.30 - 14.00 น. และ
17.00 - 19.00 น.
ธุรกิจเอกชน เสาร์ - พฤหัส 08.30 - 12.00 น. และ
17.00 - 20.00 น.

วันหยุดราชการ
วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ ซาอุดิอาระเบียมีวันหยุดสำคัญประจำปี 3 ครั้ง คือ
- วันตรุษอีดิลฟิตรี (วันหยุดเทศกาลสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน หยุด 6 วัน)
- วันตรุษอีดิลอัฎฮา (วันหยุดเทศกาลพิธีฮัจญ์ หยุด 10 วัน) และวันชาติซาอุดิอาระเบียวันที่ 23 กันยายน

ไฟฟ้า 110 V และ 220 V 50-60 Hz

เมืองสำคัญ
ริยาร์ด (RIYADH) เป็นเมืองหลวง มีประชากร 1.8 ล้านคน
เจดดาห์ (JEDDAH) เป็นเมืองหลวงเก่า ปัจจุบันเป็นเมืองท่า และศูนย์การพาณิชย์ทางฝั่งตะวันตก
มักกะห์ (MAKKAH) เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจญ์ มีวิหารกะบะห์ซึ่งถือเป็นสุเหร่าแห่งแรกของโลกและ เป็นเมืองที่ประสูติของศาสดามูฮัมหมัด ซึ่งอนุญาตให้เข้าเมืองได้เฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้น
มะดีนะห์ (MADINAH) เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ฝังพระศพของศาสดามูฮัมหมัด อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะชาวมุสลิมเช่นกัน
ดัมมัน (DAMMAN) เป็นเมืองอุตสาหกรรมและเขตบ่อน้ำมันทางภาคตะวันออก

 

การปกครอง
ระบบราชาธิปไตย โดยมีกษัตริย์เป็นประมุข นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารสูงสุด แบ่งการปกครองท้องถิ่นเป็น 14 มณฑล (Provinces) มีเมืองหลวงและเมืองบริวารโดยเจ้าผู้ครองมณฑลเป็นผู้ว่าราชการปกครอง ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในราชวงศ์

ซาอุดิอาระเบีย ไม่มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และไม่มีรัฐธรรมนูญที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ยึดถือเอาธรรมนูญแห่งอิสลามที่มีพื้นฐานมาจากคัมภีร์อัล-กรุอ่านเป็นธรรมนูญสูงสุด พระวจนะและจริยวัตรของศาสดามูฮัมหมัดเป็นแม่บทแห่งการดำรงชีวิต ได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสภาที่ปรึกษาแห่งชาติ (MAJLIS AL SHOURA) ซึ่งมีหน้าที่ถวายคำแนะนำแก่กษัตริย์

 

เศรษฐกิจ
ทรัพยากรที่สำคัญคือน้ำมัน แหล่งน้ำมันในซาอุดิอาระเบียมีอยู่ถึง 252.38 พันล้านบาร์เรล บ่อน้ำมันส่วนมากจะอยู่แถบบริเวณภาคตะวันออกของประเทศที่ติดกับอ่าวอาหรับ นอกจากนี้มีทรัพยากรที่เป็นแร่ธาตุต่าง ๆ อีกมาก เช่น ทองแดง ทองคำ เหล็ก เป็นต้น

 

กฎหมายและการลงโทษ
ใช้หลักกฎหมาย อิสลาม (Shariyah) เป็นหลัก ลงโทษตัดสินประหารชีวิตในกรณีฆ่าคนตาย ค้ายาเสพติด ลงโทษตัดข้อมือในกรณีลักขโมย และลงโทษจำคุก เฆี่ยนตี ในกรณีดื่มสุรา เล่นการพนัน และการผิดกฎจราจร

 

ข้อควรระวัง


สำหรับบุรุษ ห้ามนุ่งกางเกงขาสั้น
ห้ามใส่สร้อยคอทองคำ
ห้ามนำสิ่งของบูชาทุกอย่างที่เป็นของศาสนาอื่น ๆ เข้าประเทศ
ห้ามเดินกับสตรีที่มิใช่ภรรยา
ห้ามดื่มสุรา เล่นการพนัน
ห้ามไม่ให้มีการบันเทิงทุกชนิด


สำหรับสตรี ในที่สาธารณะต้องใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด คลุมศีรษะและสวมชุดสีดำ (ชุดอาบายาห์ - ABAYAH)
สตรีออกนอกที่อยู่อาศัยคนเดียวไม่ได้ ต้องมีสมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้ชายตามไปดูแลด้วย
ทั้งนี้จะมีตำรวจศาสนา (มูเตาวะห์) คอยตรวจจับ ตักเตือนและนำไปกักขังลงโทษ หากกระทำผิดกฎข้อห้าม ทางศาสนาอิสลาม

 

หน่วยราชการไทย

สำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงริยาด
(Office of Labour Affairs, Royal Thai Embassy)
Ibnu Banna Road P.O.Box 94370 Riyadh 11693
โทรศัพท์ (9661) 482-7689, 482-7977 โทรสาร (9661) 488-1176

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์
( Royal Thai Consulate-General)
2 Safwan Ibn Wahab Street (92) off Palestine Street,
Behind Jeddah Dome, Sharafiah Dist, 3, P.O.Box 2224
โทรศัพท์ (9662) 665-5317 โทรสาร (9662) 665-5318

สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจดดาห์
(Office of Commercial Affairs)
31 Shacker Building, Room 303, 3rd Floor, Hail Street Near Carawan
Shopping Center P.O.Box 8014, Jeddah 21482
โทรศัพท์ (9662) 644-5059 โทรสาร (9661) 644-2234

นอกจากส่วนราชการไทยแล้ว ยังมีกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงริยาดซึ่งสามารถให้คำแนะนำ หรือให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มสมาชิก และคนไทยได้ คือ

1.นายประทิน ศาสตรพันธ์ โทร. 050 517 0816
2.นายชาลี ชัยนุวงศ์ โทร. 050 279 7387

หากท่านจะอยู่อาศัยในประเทศซาอุดีอาระเบีย
เป็นระยะเวลานาน โปรดแจ้งชื่อ และที่อยู่
ต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประโยชน์ในการติดต่อ
หรือให้ความช่วยเหลือในกรณีจำเป็น

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด
(Royal Thai Embassy)
Diplomatic Quarter Ibnu Banna Road
P.O.Box 94359 Riyadh 11693
โทรศัพท์ (9661) 488-1174, 488-0797, 480-0300
โทรสาร (9661) 488-1179
E-mail : thaiemry@awalnet.net.sa

 

 

ข้อมูลทั่วไป เมืองเจดดาห์



ทำเลที่ตั้ง
เจดดาห์มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งในเขตปริมณฑลมักกะห์ (Makkah)(ภาคตะวันตก) เป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศซาอุดิอาระเบีย
ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลแดง (Red Sea) ทางภาคตะวันตกของประเทศในเขตเทศบาลมีเนื้อที่ประมาณ 560 ก.ม.



ประชากร
ประมาณ 3 ล้านคน ปัจจุบันมีคนไทยพำนักอาศัยอยู่ในภาคตะวันตกของซาอุดิอาระเบีย ประมาณ 15,000 คน ซึ่งอาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆ อาทิ เมืองเจดดาห์ มักกะห์ ตาอีฟ มาดีนะห์ บาฮา ยันบู ราเบศ ปันจาเรซี เป็นต้น



ชื่อทางการ
The Kingdom of Saudi Arabia



ประมุขของรัฐและนายกรัฐมนตรี
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุล เลาะห์ บิน อับดุลอาซิส อัล ซาอุดิฯ (The Custodian of The Two Holy Mosques King Abdullah Bin Abdul Aziz Al - Saud)



เมืองหลวง
กรุงริยาด (Riyadh)
เมืองท่าที่สำคัญ เจดดาห์ และดัมมัม
ศาสนา อิสลาม (นิกายซุนนี)
ภาษาราชการ อารบิก



วันหยุดราชการ
วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เป็นวันหยุดราชการประจำสัปดาห์ นอกจากนั้น ซาอุดิฯ ยังมีวันหยุดราชการสำคัญประจำปีอีก 3 วัน คือ (ก) วันตรุษอีดิลฟิตรี (วันหยุดเทศกาลสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน) หยุด 6 วัน (ข) วันตรุษอีดิลอัฎฮา (วันหยุดเทศกาลประกอบพิธีฮัจญ์) หยุด 10 วัน (ค) วันชาติซาอุดิอาระเบียตรงกับวันที่ 23 กันยายน โดยเพิ่งได้ประกาศให้เป็นวันหยุดราชการในปี 2548 และหากปีใดวันชาติตรงกับวันพฤหัสบดี ให้หยุดชดเชยในวันพุธ แต่หากตรงกับวันศุกร์ให้หยุดชดเชยในวันเสาร์แทน

สกุลเงิน
ริยาลซาอุดิฯ (Saudi Riyal)

อัตราแลกเปลี่ยน
1 เหรียญสหรัฐฯ = 3.75 ริยาล
รายได้ต่อหัว 7,500 เหรียญสหรัฐฯ

ทรัพยากร
น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ

ร้านอาหาร
เมืองเจดดาห์มีอาหารนานาชาติหลายชนิดและร้านอาหารไทย 3 ร้าน

 

ข้อควรปฏิบัติ
ผู้ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศซาอุดิฯ ควรมีสำเนาบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก และสำเนาหนังสือเดินทาง โดยเฉพาะหน้าที่มีรูปถ่ายและรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตัวท่านรวมทั้งหน้าที่มีวีซ่าประทับเข้าประเทศซาอุดิฯ โดยเก็บสำเนาเอกสารดังกล่าวและติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อการติดต่อราชการอื่นๆ กับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ หรือหากกรณีหนังสือเดินทางสูญหาย จะได้ใช้ประโยชน์ในการทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่
ผู้เดินทางเข้าประเทศซาอุดิฯ ซึ่งมีภรรยา บุตรี หรือสุภาพสตรีที่เป็นเครือญาติร่วมเดินทางมาด้วย เมื่อเดินทางกลับจะต้องเดินทางออกไปพร้อมกัน


ในกรณีที่ท่านเดินทางถึงซาอุดิอาระเบีย และประสงค์พำนักอาศัยเป็นระยะเวลานานให้ท่านรีบติดต่อ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ แห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อลงทะเบียนและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่านในโอกาสแรกที่สามารถกระทำได้

การดำเนินการขอวีซ่า
ผู้ประสงค์ที่จะเดินทางเข้าซาอุดิฯ จะต้องขอรับการตรวจลงตรา ณ สถานเอกอัครราชทูตซาอุดิฯ ที่กรุงเทพฯ และที่สำคัญ จะต้องแจ้ง วัตถุประสงค์การเดินทาง ทั้งนี้หากเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามอาจจะเดินทางไปด้วย วัตถุประสงค์เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา อาทิ เพื่อประกอบพิธีอุมเราะห์หรือพิธีฮัจญ์ ซึ่งในปัจจุบันการยื่นขอวีซ่าทั้งสองประเภท ต้องดำเนินการผ่านบริษัทหรือผู้ประกอบการที่ ได้รับอนุญาตในประเทศไทย และหากมีวัตถุประสงค์ที่นอกเหนือจากนี้ เช่น เพื่อติดต่อธุรกิจการค้า เป็นต้น จะต้องมีคู่ค้า (Sponsor) ชาวซาอุดิฯเป็นผู้ดำเนินการในการขออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของซาอุดิฯ ก่อน จึงสามารถจะเดินทางเข้าไปได้

การขนส่ง
ซาอุดิฯ จัดได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีระบบสาธารณูปโภคในเกณฑ์ดี มีถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชื่อมต่อกับเมืองคมนาคมทั้งทางบกและ ทางอากาศสะดวกมาก

ประเพณี
ไม่ควรสวมกาเกงขาสั้นในที่สาธารณะ
ระมัดระวังการถ่ายภาพ ไม่ถ่ายภาพในที่คนพลุกพล่านโดยในที่ที่มีสตรีอยู่ด้วย ส่วนสถานที่ราชการ พระราชวัง เขตทหารและ บริเวณสนามบิน ห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด
ไม่ควรจ้องสตรีตรง ๆ ไม่พูดคุยหรือทักทายกับสตรีที่ไม่รู้จัก
ร้านค้าจะปิดเวลาละมาด (วันละ 5 ครั้ง) ดังนั้น เมื่อได้ยินเสียงเรียกหรือประกาศถึงเวลาละมาด ควรรีบเดินออกจากร้านค้าทันที


เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
แหล่งท่องเที่ยวและสภาพภูมิอากาศ
เนื่องจากเจดดาห์มีถนนเลียบชายทะเลที่สวยงาม ชายฝั่งทะเลเมืองเจดดาห์ตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ยาวถึง 80 ก.ม. ตลอดชายฝั่งทะเล มีแนวปะการังที่งดงามเป็นที่นิยมของนักดำน้ำดูปะการัง สำหรับอากาศเมืองเจดดาห์เป็นอากาศแบบร้อนชื้น (คล้ายอากาศเมืองไทย) และในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน อากาศจะร้อนมาก ซึ่งอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 39-45 องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากตั้งอยู่บนชายฝั่ง ทำให้เจดดาห์ไม่ร้อนมากเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ

สิ่งของที่ห้ามนำเข้า
เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ และสิ่งมึนเมาทุกชนิด
เนื้อสุกร
พระพุทธรูป
สื่อ/สิ่งตีพิมพ์ที่มีรูปภาพเปลือยหรือไม่สุภาพ
วีดีโอทุกชนิด


เมื่อเดินทางเข้าซาอุดิฯ
ชาวซาอุดิฯ ยังยึดถือแนวทางศาสนาอิสลามโดยเคร่งครัด เป็นสังคมที่แบ่งแยกส่วนของสุภาพบุรุษและสตรีออกจากกัน ร้านอาหาร ภัตตาคาร จะแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับชายโสด และส่วนของครอบครัวหรือแม้แต่ห้องรับแขกก็ต้องแยกกัน ผู้ชายแต่งกายสุภาพ ส่วนสตรีต้องแต่งกายอย่างมิดชิดโดยไม่เปิดเผยให้เห็นสัดส่วนของร่างกายด้วยเสื้อคลุมยาวสีดำ หรือ ที่เรียกกันว่า "อาบายา"

ดังนั้น การปฏิบัติตัวในที่สาธารณะ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นของประเทศนี้ให้รอบคอบ

หน่วยราชการไทย

สำนักงานแรงงานไทยในซาอุดิอาระเบีย (เมืองเจดดาห์)
ที่อยู่เดียวกันกับสถานกงสุลใหญ่
โทรศัพท์/โทรสาร (966 2) 664-1584

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
(Commercial Section, Royal Thai Consulate-General)

Shaker's Building, Room No. 303, Al-Hail Road,
P.O.Box 8014 JEDDAH 21482, KSA.
โทรศัพท์ (966 2) 664-5059
โทรสาร (966 2) 664-2234

หากท่านจะอยู่อาศัยในประเทศซาอุดีอาระเบีย
เป็นระยะเวลานาน โปรดแจ้งชื่อ และที่อยู่
ต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประโยชน์ในการติดต่อ
หรือให้ความช่วยเหลือในกรณีจำเป็น

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์
(Royal Thai Consulate General)
2 Safwan Ibn Wahab Street (92)
off palestinc Street, Behind Jeddah Dome,
Sharafiah Dist. 3, P.O.Box 2224
JEDDAH, KSA.
โทรศัพท์ (966 2) 665-5317
โทรสาร (966 2) 665-5318


 

 

 

*****************************

 

 

 

 

 

  สมาคมรัฐศาสตร์ มก.เตรียมเดินสายจัดเวที “ต้านเขื่อนแม่วงก์ในรั้วมหาลัย

 

 

 

 

 

 

 

สมาคมรัฐศาสตร์ มก.แถลงจุดยืนค้านเขื่อนแม่วงก์ พร้อมไว้อาลัยแด่ขบวนการนักอนุรักษ์ไทย ชี้หลัง ครม.ออกมติกว่า 4 เดือน การแสดงออกเหยาะแหยะ เผยเตรียมยกระดับการเคลื่อนไหว มุ่งจัดเวทีในรั้วมหาลัย-ยื่นหนังสือพรรคการเมือง

 

 17 ส.ค.55 สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (สร.มก.) แถลงการณ์ เรื่อง โครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ลงนามนายธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสูญเสียพื้นที่ป่าที่มีความสำคัญเพื่อแลกกับเขื่อน ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถก่อประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติ ไม่ว่าจะด้านการเกษตร หรือบรรเทาปัญหาอุทกภัย

 

อีกทั้งยังไว้อาลัยแด่ขบวนการนักอนุรักษ์ของประเทศไทย ทั้งที่อยู่ในภาครัฐและภาคเอกชน ที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่จะปกป้องผืนป่า โดยการแสดงออกเท่าที่ปรากฏ อย่างน้อยตลอด 4เดือนเศษ ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถฝากความหวังได้ ทั้งที่การดำเนินการของภาครัฐในการผลักดันโครงการเป็นไปอย่างหละหลวม มีช่องโหว่จำนวนมาก โดยเฉพาะด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน

 

 แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ภายหลังจากการสัมมนาสาธารณะในครั้งนี้ สมาคมฯ จะยกระดับการเคลื่อนไหวให้กว้างขวาง และเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดเวทีในลักษณะเดียวกันนี้อีก ตามมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาคีอื่นๆ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยทักษิณ และมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นต้น

 

 รวมถึงเข้าพบและยื่นหนังสือต่อทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อเป็นปากเป็นเสียงในรัฐสภา ในโอกาสการแถลงผลการบริหารงานครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาลต่อรัฐสภา และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในสมัยการประชุมนี้

 

ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าว เผยแพร่ในการสัมมนาสาธารณะ เรื่อง "เขื่อนแม่วงก์: ได้ (กี่) อย่าง ก็ต้อง (?) เสีย (กี่) อย่าง" ณ ห้องปฏิบัติการทางรัฐศาสตร์ ชั้น 7 อาคารศรีรัศมิ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมี ดร.อนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผอ.สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าสากล ประเทศไทย นายชัชวาล พิศดำขำ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.อุทัยธานี ผศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสัมมนา

 

นายชัชวาล กล่าวว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2533 จนถึงปัจจุบัน ปริมาณของเสือในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เพิ่มกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ที่กำลังฟื้นตัวกลับมา แต่การสร้างเขื่อนในพื้นที่จะทำให้แหล่งอาหารของเสือหมดลง เพราะบริเวณที่สร้างเขื่อนเป็นที่ราบลุ่มผืนสุดท้ายของอุทยานฯ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

 

 ส่วนการที่รัฐบาลมีมาตรการลดผลกระทบของสัตว์ป่า โดยนำสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงไปปล่อยกลับคืนสู่ป่านั้น เปรียบเสมือนการส่งสัตว์ไปตาย เพราะสัตว์ที่ถูกเลี้ยงมาไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพในพื้นที่ได้ทัน และไม่มีสัญชาตญาณในการหาอาหารได้ด้วยตนเอง

 

 การสร้างเขื่อนแม่วงก์ก็เปรียบเสมือนการตัดหัวใจที่สำคัญต่อป่า และสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์นายชัชวาลกล่าว

 

คนแม่วงก์เจ้าของพื้นที่ เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน/แต่คนกทม.ดันประท้วง



เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2556 เวลา 08.30 น. กลุ่มมวลชนเดินเท้าต่อต้านคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ที่นำโดยนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ที่เดินเท้ามาจาก จ.นครสวรรค์ เป็นระยะทาง 388 กิโลเมตร ได้รวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประตูถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเดินเท้าแสดงการคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ไปยังหอศิลปวัฒนธรรม แห่งกรุงเทพมหานคร โดยการเดินเท้าครั้งนี้ได้ใช้เส้น




ทางถนนวิภาวดีมุ่งหน้า 5 แยกลาดพร้าวและใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน โดยขบวนเดินตามเส้นทางสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งขบวนได้มีนายศศิน เป็นผู้เดินนำขบวนและต่อด้วยเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม และตามด้วยมวลชนที่เข้าร่วมโดยได้มีการถือป้ายผ้าเขียนข้อความคัดค้านการก่อ สร้างเขื่อนแม่วงก์ ทั้งยังได้มีการกางธงชาติไทยขนาดใหญ่ร่วมขบวนด้วย ซึ่งในการเดินเท้าต่อต้านครั้งนี้ได้มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากส่งผลให้มี การปิดช่องทางการจราจร 2 ช่องทาง ซึ่งขบวนมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ไม่ส่งผลให้การจราจรติดขัด สามารถเคลื่อนตัวได้
 
 
และในเวลาต่อมาขบวนเดินเท้าได้เคลื่อนขบวนมาถึงสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตในเวลา 10.30 น. และเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยถึงที่อนุส่วรีย์ฯในเวลา 13.00 น. และขบวนเดินเท้าได้มีการหยุดพักให้ทำธุระส่วนตัว ซึ่งผู้เข้าร่วมก็ต่างได้พักรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งยังได้มีการแสดงกิจกรรมร้องเพลงชีวิตสัมพันธ์เพื่อเป็นสัญลักษณ์การคัด ค้านอีกด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนที่เดินทางผ่านไปมาจำนวนมาก
 
 
จากนั้นเวลา 15.00 น. กลุ่มเดินเท้าได้เคลื่อนขบวนต่อไปยังหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และมาถึงในเวลา 15.30 น. ซึ่งระหว่างทางเดินได้มีประชาชนบางส่วนได้นำน้ำดื่มรวมทั้งอาหารมาแจกจ่าย แก่ผู้เข้าร่วมขบวน อย่างไรก็ตามเมื่อขบวนเดินทางมาถึงยังจุดหมายหอศิลป์ฯได้รับเสียงปรบมือจาก ประชาชนจำนวนมากที่มารออยู่ที่บริเวณลานข้างหน้าหอศิลป์ ขณะที่บรรยากาศบริเวณหอศิลป์ฯได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การแสดงสัญลักษณ์บุกรุกป่า การแสดงดนตรี อีกทั้งไดัมีการตั้งโต๊ะลงชื่อร่วมคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์อีกด้วย
 

 ฝ่ายคัดดัานการสร้าง

ก้อแล้วทำไมไม่สร้างเขื่อนในที่สามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมป่าเสื่อมโทรมที่เกือบไม่เหลือต้นไม้ละ

คึดไม่เป็น รึงัย เอาแบบเขื่อนลำตะคองนะ จะเอากี่เขื่อนก้อทำไปสิ ทำไมต้องเสือกไปบุกรุกป่าต้นน้ำที่มีอยู่แล้วด้วย

ลำน้ำตามธรรมชาติที่มันอุ้มน้ำมาแต่เดิม ทำไมไม่หาทางทำท่อดึงน้ำที่เข้าท่วมนั้นออกไปช่วยที่แห้งแล้ง

รึดึงไปที่เขื่อนตามที่ผ้มบอกนี่ไปหละ ทำไมต้องบุกรุกป่าที่มีมาแต่เดิมละ หือ มันไม่มักง่ายไปหน่อย รุงัย

เรื่องง่ายยแค่เนี้ยยังไม่เข้าใจที่จะทำ สมควรที่ชาวบ้านเขา ถึงด่า เอา สมควรให้เขาด่า

 

 

ฝ่ายสนับสนุนให้สร้าง

เขื่อนแม่วงก์

มีความสูง 57 เมตร สันเขื่อนยาว 730 เมตร กว้าง 10 เมตร

ความจุของอ่างเก็บน้ำประมาณ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร

สร้างในพื้นที่อุทธยานแห่งชาติแม่วงก์ในเขตรอยต่อ กำแพงเพชร-นครสวรรค์

 

- เปรียบเทียบ -

 

เขื่อนกิ่วลม

มีความสูง 42 เมตร สันเขื่อนยาว 136 เมตร กว้าง 5.4 เมตร

ความจุของอ่างเก็บน้ำ 107 ล้านลบ.ม.

 

ภาพ : บริวณสันเขื่อนกิ่วลม

 

 

 

-ลักษณะเขื่อนกิ่วลม เหมือนแม่น้ำ ส่วนที่กว้างที่สุดคือสันเขื่อนตามภาพข้างบน

 

 

 

 

เขื่อนภูมิพล

สูง 154 เมตร ยาว 486 เมตร ความกว้างของสันเขื่อน 6 เมตร

อ่างเก็บน้ำสามารถรองรับน้ำได้สูงสุด 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร

 

ภาพสันเขื่อนภูมิพล

 

 

ลักษณะเขื่อนภูมิพล ที่ความจุ 13,462 ล้าน ลบ.ม. หรือขนาดใหญ่กว่า 90 เท่าของเขื่อนแม่วงก์

 

 

ความจุของอ่างเก็บน้ำสันเขื่อนแม่วงก์ มีขนาดแค่ 150 ล้าน ลบ.ม.เล้กกว่าเขื่อนภูมิพลเกือบ 100 เท่า

พื้นที่ผิวน้ำของเขื่อนแม่วงก์ไม่ได้ไปทำลายผืนป่าอันกว้างใหญ่ทั้งหมด

เป็นเพียงพื้นที่ลำน้ำตามซอกเขาของดอยแม่วงก์

จะมีลักษณะเหมือนเขื่อนกิ่วลมที่เปรียบเสมือนแม่น้ำขนาดใหญ่

ป่าเบญจพรรณ สัตว์ป่า ยังมีพื้นที่อยู่อาศัยเช่นเดิม

 

ไม่ได้ทำลายระบบนิเวศน์ และพันธ์พืช รวมทั้งสัตว์ป่า

 

 

 

มีแม่น้ำสายเดวที่ใหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไม่มีเขื่อนชะลอการใหลบ่าของน้ำ คือแม่น้ำสะแกกรัง อุทัยธานี

 

แม่น้ำสะแกกรังก็มาจากน้ำแม่วงก์ ที่กะลังจะสร้างเขื่อนแม่วงก์

ถ้าหากไปสร้างเขื่อนที่บริเวณแม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี จะมีพื้นที่ หมู่บ้าน อำเภอ หายไปจากแผนที่ของจังหวัด เพราะเป็นที่ราบลุ่ม.

 

 

************************

 

                                       เอาเเต่ใจ...

 

 

 

                                    

 

 

 

 

 

....เดี๋ยวก่อนซี่ ร้องเหย็งๆ เร่งอยู่ได้

 

ภาษาไทย ไม่ค่อยคล่อง มองไม่เห็น

 

อีกอย่างหนึ่ง เครื่องซื้อใหม่ ไม่ค่อยเป็น

 

พอจะSend คำก็หาย หน่ายจริงๆ

 

 

 

....รอไม่ได้ หรือไร? โวยวายเเท้

 

เร่งจะเเย่ พิมพ์มือจิก หงิกเป็นขิง

 

เบื่อเเล้วนะ ทำเง้างอด ออดอ้อนจริง

 

เดี๋ยวให้วิ่ง เซมาซบ ตบด้วย"ตา".....

 

 

...........................

 

 

 

 
 

 

                 

 

 

 

ผลการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 17 วันที่ 20 กันยายน 2556 ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ จ.นครราชสีมา ในรอบรองชนะเลิศแล้ว ปรากฎว่า คู่แรก ทีมชาติไทย สามารถเอาชนะทีมชาติจีน ไปได้อย่างสนุกและสุดมัน ด้วยสกอร์   3-2 เซต (19-25,25-19,25-22,21-25,16-14)  ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มสนาม  ลุ้นกันแทบหัวใจจะวาย   ทำให้ทะลุเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศศึกวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย เป็นทีมแรก โดยรอพบกับผู้ชนะระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้  

 

ชัยชนะครั้งนี้ ส่งผลไทยให้ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยได้สิทธิเข้าแข่งรายการ FIVB World Grand Prix ปี 2014 และถหากญี่ปุ่นชนะเกาหลีใต้เข้าชิงกับไทย ไทยจะได้สิทธิเข้าแข่งรายการ FIVB World Grand Champions Cup ทันที (เพราะ ญี่ปุ่นได้เข้าแข่งในฐานะเจ้าภาพอยู่แล้ว แข่งช่วงเดือน พ.ย. 2556)

 

ทั้งนีั้ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ จะมีขึ้นในเวลา 18.00 น. วันเสาร์นี้ (21 ก.ย นี้) 

 

 

 

 

 

Facebook ของปรีชาชาญ วิริยานุภาพพงศ์ บรรณาธิการข่าวกีฬานสพ.เนชั่น โพสต์ข้อความ ให้ความเห็นถึงผลการแข่งขัน

 

เซ็ตแรก จีนชนะไทย 25-19

สาวมังกรจีน อาศัยความได้เปรียบส่วนสูงและเทคนิคการเล่นยอดเยี่ยม สยบเสียงเชียร์แฟนชาวไทยที่มาเชียร์แน่นขนัดในยิมชาติชายกว่า 5,500 คน โดยเอาชนะสาวไทยไปได้ก่อนในเซ็ตแรก 25-19 ขึ้นนำ 1-0 วอลเลย์บอลหญิงชิงชนะเลิศแห่งเอเซีย ครั้งที่ 17 รอบรองชนะเลิศ

 

เซ็ตสอง ไทยชนะจีนไป 25-19

สุดยอดตบยางสาวไทยจริงๆ นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย วันนี้สวมหัวใจสิงห์สู้มังกรจีนจริงๆ แม้ว่าจีน แชมป์เก่าและรองแชมป์ world Grand Prix มาสดๆร้อนๆ แต่สาวไทยก็ไม่เกรงศักดิ์ศรี สู้ได้สนุกและเร้าใจกองเชียร์ในยิมชาติชาย ืชนิดขนลุกกันทุกหนึ่งนาที สาวจีนอาศัยสองหอคอย Xu Yunli และ Zhu Ting ที่สู 195ซม และยังมี Hui Ruoqi ทีตบรุนแรงอีกคน แต่ไทยก็ต้านได้ แม้มีบางช่วงจะเล่นพลาดเองก็ก็พลิกสถานการณ์กลับมาได้ทัน ท้ายสุดก็ปล่อยเพลงตบกันมันส์สะใจกองเชียร์ สาวไทยเอาชนะไปได้แบบมอบความสุขให้คนกว่าห้าพันคนในโรงยิม โดยชนะไป 25-19 เอาคืนมาด้วยคะแนนเท่ากัน เสมอ 1-1

 

เซ็ตสาม ไทยชนะจีน 25-22

ตบยางสาวไทยสู้ด้วยใจ โดยมีเสียงเชียร์เป็นไฟเติมใจให้ลุกโชน

ยากจะหาคำใดๆจริงๆมามอบให้กับนักตบลูกยางสาวไทยที่งัดความกล้ามาท้าชนมังกรจีน และสู้ขับเคี่ยวกับสาวจีนได้สูสีในเซ็ตสามนี้จนต้องยกนิ้วให้ ในยิมชาติชายตอนนี้ ทุกดวงใจกว่าห้าพันดวงหลอมเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ เหงื่อทุกหยาดของพวกเธอแลกกับเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม

สาวไทยนำ 17-13 ในเซ็ตนี้ ก่อนที่สาวจีนจะอาศัยความได้เปรียบ สูงยาวเข่าดีตีหนัก บล็อคเยี่ยม ตามไล่ตบสาวไทยจนมาทันกันที่ 17-17 และนำห่างไทย 20-18 ก่อนที่สาวไทยรวมใจอีกครั้ง เอาคืนไล่มาทันที่ 20-20 และหนีห่างบ้าง 22-20 ปลื้มจิตร์ อรอุมา วิลาวัณย์ช่วยกันไล่บี้ตีจีนจนเอาชนะไปได้ในเซ็ตนี้ 25-22 สาวไทยขึ้นนำ 2-1 เซ็ต ต้องการอีกแค่เซ็ตเดียวเพื่อ..เข้ารอบชิงชนะเลิศ วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเซีย

 

 

 

 

 

 

เซ็ตสี่ จีนชนะไทย 25-21

เหมือนทั้ง 3 เซ็ตที่ผ่านมา ไทยนำก่อน 1-0 แต่สุดท้ายพ่ายหวุดหวิด

หากเป็นโรคหัวใจ คงช็อคตายไปตั้งแต่เซ็ตแรกแล้ว

อยู่ในยิมชาติชายนี่มันตื่นเต้นสุดๆครับ กองเชียร์เร้าใจ สาวไทยก็เล่นดีจนผิดฟอร์ม มาเซ็ตสี่ นักตบลูกยางสาวไทยยังคงโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม แต่อาจจะมีเหนื่อยล้าบ้าง ในขณะที่จีนเปลี่ยนตัวมากกว่าไทยด้วยซ้ำ สาวไทยเล่นดี แต่ดูเหมือนจีนจะปรับเกมรุกมาดีมากๆ โดยเฉพาะจูถิงที่สะบัดข้อมืออัดสาวไทยแบบจัดเต็ม ไทยต้านได้หลายลูกและพยายามไล่จีนที่นำห่าง 23-19 แต่ท้ายเซ็ตแผ่วปลาย จีนเอาชนะไปได้ในเซ็ตนี้ 25-21 เสมอกัน 2-2 รอลุ้นเซ็ตห้าต่อครับ อีกเซ็ตเดียวนะอีหนู สู้เขา

 

 

 

 

เซ็ตห้า ไทยชนะจีน 16-14

แล้วสาวไทยก็ทำสำเร็๋จในเซ็ทตัดสิน ด้วยการเอาชนะจีน 16-14

ยินดีด้วยครับ นักตบลูกยางสาวไทยสยบแชมป์เก่าจีน เข้ารอบชิงชนะเลิศวอลเลย์บอลเอเซีย

 

 

ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เป็นทีมวอลเลย์บอลหญิงของ ประเทศไทยได้มีการพัฒนาฝีมือการเล่น จนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1998 และ ค.ศ. 2002 ล่าสุดในปี ค.ศ. 2010 ก็สามารถเข้ารอบสุดท้ายได้ และได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์กรังปรีย์ในส่วนโคว์ต้าทวีปเอเชีย ได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 เป็นต้นมาถึง ค.ศ. 2010 ยกเว้นปี ค.ศ. 2007 (ถอนทีมไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ)

 

ทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทยได้พัฒนาการเล่นมาตลอดได้อันดับ 3 การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2 ครั้งและสร้างประวัติศาสตร์เมื่อสามารถเอาชนะทีมจีน 3 - 1 เซตเป็นแชมป์ทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกในการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชียในปี ค.ศ. 2009 ที่สนามกวนเงือ ประเทศเวียดนาม ทำให้ได้โควตาทวีปเอเชียไปแข่งเวิลด์แกรนแชมป์เปี้ยนคัพในปี ค.ศ. 2009

ปัจจุบันผู้ฝึกสอนของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย คือ เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร

 

 

วอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย

  • ประเทศจีน 1987 : อันดับ 5
  • ฮ่องกง 1989 : อันดับ 6
  • ไทย 1991 : อันดับ 7
  • ประเทศจีน 1993 : อันดับ 7
  • ไทย 1995 : อันดับ 5
  • ฟิลิปปินส์ 1997 : อันดับ 5
  • ฮ่องกง 1999 : อันดับ 4
  • ไทย 2001 : Med 3.png เหรียญทองแดง
  • เวียดนาม 2003 : อันดับ 4
  • ประเทศจีน 2005 : อันดับ 6
  • ไทย 2007 : Med 3.png เหรียญทองแดง
  • เวียดนาม 2009 : Med 1.png เหรียญทอง
  • จีนไทเป 2011 : อันดับ 4
  • ไทย 2013

 

 

อันดับโลก

  • 2012 อันดับ 12
  • 2013 อันดับ 16

 

 

 

 

" Thia Thai Thai Thailand go go


Cheer Cheer Cheer Thailand Chai yo


Thia Thai Thai Thailand go go


Cheer Cheer Cheer Thailand Chai yo
........."
 

 

 

 

********************************* 

 

 

 

 

“นพ.กัมปนาท” แฉ “คนแดนไกล” จ้างสาวบินไป “อม” ถึงที่ เตือนรังสีรักษามะเร็งลงคอทำ “แน่นอก”..........แพทย์สภาต้องตรวจสอบ!!!

 

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    19 กันยายน 2556 22:46 น

“นพ.กัมปนาท” เผย “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ทุ่ม 1 ล้าน จ้างสาวๆ บินไป “อม” ถึงที่ เหน็บช่างน่าเห็นใจคนที่ของใช้งานไม่ได้แล้ว แต่ยังมีความต้องการทางเพศ พร้อมฝากเตือนผู้หญิงที่ดาหน้าเข้าคิวไป “อม” ระวังกัมมันตภาพรังสีรักษามะเร็งจะลงคอหอย ลามปอดจน “แน่นอก” ยกไม่ออก ตายสถานเดียว
       
       วันที่ (19 ก.ย.) นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดัง ได้โพสต์ทางเฟซบุ๊ก “นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.)” ภายหลังเกิดกระแสข่าวนักร้องสาว ใบเตย (สุธีวัน ทวีสิน) ที่ออกมาเผยว่าได้เดินทางไปร้องเพลงพร้อมทานข้าวกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ว่า...
       
       “เรื่องหนักอก (หนักใจ)....
       
       วันนี้จะคุยกันเรื่องหนักอก (หนักใจ) ที่มิใช่ เรื่อง “แน่นอก” ครับ ...
       
       เมื่อสองเดือนก่อน มีพิธีกร นางแบบสาวท่านหนึ่ง คุยกันไปคุยกันมาก็หลุดปากพูดออกมา เนื่องจากมีความสนิทสนมกัน บอกว่า เพื่อนสาวของเธอ เพิ่งกลับมาจากประเทศแถวตะวันออกกลาง ...ผมก็ถามว่าไปทำอะไร เธอบอกว่า ไปทำงานให้ใครบางคนที่นั่น ผมก็อยากรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร (อยากรู้มาก) เธอเลยเฉลยว่า คนคนนั้นคือ “ลอร์ดโวลเดอร์มอร์” หรือ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” และงานที่ไปทำ ไม่ใช่ไปกินข้าว หรือไปร้องเพลง แต่ไป “อม” ผมเลยสงสัยว่าถ้าไม่กิน แล้วอม (ข้าว) อย่างเดียว ข้าวไม่บูดหมดหรือ ? ...แต่ไม่ได้คำตอบกลับมา รู้เพียงว่าค่า “อม” หนึ่งล้านบาท ....ก็ได้แต่ทอดถอนใจว่าท่านลอร์ดท่านนี้ช่างฟุ่มเฟือยเสียจริง แต่มาคิดอีกทีก็พบว่า เงินที่จ่ายทีละล้าน สำหรับการบินไป “อม” นั้น (นั่นหมายความว่ามีการดาหน้ากันไป ไม่ใช่รายแรกและรายเดียวนะครับ) มันก็แค่เศษเงินของเขา และที่สำคัญมันอาจจะมาจากเงินที่คอร์รัปชันประเทศชาติของท่านลอร์ดเองนั่นแหละ ถึงไม่ได้รู้สึกอะไร
       
       ผ่านไปสองเดือน ฟังข่าวฮอตๆ วันนี้ ก็ให้อดสงสัยมิได้ว่า จะเป็นจำพวกเดียวกันหรือเปล่า แต่ค่าตัวไม่เท่ากัน ความจริงหนึ่งล้านบาทนั่น อาจจะไม่ใช่เงินอย่างเดียว อาจจะรวมค่าสิ่งของอื่นๆ แล้วเบ็ดเสร็จหนึ่งล้านบาทพอดีก็ได้เนาะ
       
       เลยเอาวิดีทัศน์ที่เคยให้สัมภาษณ์มานานแล้วมาฝากเป็นความรู้กันพอเป็นน้ำจิ้ม ให้เข้าใจท่านลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ผู้ที่ “ของ” ใช้งานไม่ได้แล้ว แต่ยังมี “desire” อยู่ มันช่างน่าเห็นใจเสียกระไร http://www.youtube.com/watch?v=f0RIbJRoHJY
       
       ฝากข้อระวังถึงสาวๆ ที่ชอบดาหน้ากันไปต่อคิว “อม” (ข้าวบูด) กันนะครับ ระวังกัมมันตภาพรังสีที่ฝังในตัวท่านลอร์ดเพื่อใช้รักษามะเร็ง จะลามมาบริเวณคอหอย จนต่อมไทรอยด์โต บวกกับลามไปที่ปอด จนน้ำท่วมปอด ...แล้วจะมาหาว่า ...“แน่นอก” ...แต่ครานี้ แค่ยก ก็ไม่ออกแล้วนะจ๊ะ ...ตายสถานเดียว
       
       คลายเครียด...ยามฝนตก รถติด และน้ำกำลังจะท่วมหนักอีกครั้ง ...เตรียมรับมือกับพายุลูกใหญ่กันด้วยนะครับ ....ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะครับ (ยืมมาจากดีแทคคอลเซ็นเตอร์ 555)”
 




 

 

หลายปีก่อน ที่ รพ นิติจิตเวช ก่อร่างสร้างชือขึ้นมาได้ เพราะชื่อของ ประภาส อุครานันท์ ท่านเป็นหมอที่นักอาชญวิทยาทั้งหลายต้องยอมรับ

มาวันนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแพทย์อีกคน คนที่ออกสื่อโดยใช้ชื่อสถาบันที่ตนทำงานอยู่ต่อท้ายเสมอๆ กำลังออกมาเคลื่อนไหวทางสังคมค่อนข้างต่อเนื่อง เนื่องจากกระแสมันพอไปได้

แต่ไอ้การที่เอาเรื่องคนอื่นมาพูดลับหลัง ถึงแม้ไม่ใช่คนไข้ตัวเองก็ตามที (เชื่อว่าหมอคงอ้างแบบนี้) มันก็เข้าข่ายนินทาชาวบ้านเขา แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งไอ้เป็นประเด็นเจ็บป่วยที่เป็นเรื่องจริงไม่จริงไม่มีใครรู้นี่ ไม่น่าทำ (ยิ่งถ้าจริงนี่ผิดอีกกระทงเรื่องจรรยาวิชาชีพ) และเวลาออกสื่ออย่าใช้คำนำหน้าว่า นพ.เลย อายหมามัน

แบบนี้คนเขาจะพูดได้ว่า สันดานหมอกับสันดาน_มา  มันก็ไม่ต่างกันตรงไหน

 

 





 

 

 

 

*******************************

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 18:24:34 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>