Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ม๊อบขอทาน

ArjanPong | 16-07-2556 | เปิดดู 2855 | ความคิดเห็น 0

 

 

                                      

 

 

 

 

....อะไรกัน? โธ่คุณพี่ มีอีกไหม?

 

กินยังไง? เเกงถ้วยเดียว เคี๊ยวไหวเหรอ?

 

เเถวยาวเหยียด คอยเเต่เช้า เฝ้าจนเบลอ

 

เเอบชะเง้อ เหลือเเค่นี้ มีเเต่ลม

 

 

 

ไหนรับปาก อาหารดี ดนตรีเพราะ

 

ค่าตัวเหมาะ ได้ทุกคน จนสาสม

 

ไม่เอาเเล้ว กลับดีกว่า พากันจม

 

ม๊อบเหลวล่ม ไร้น้ำยา พามาตาย(ถุ๊ยยยย!!..)

 

 

 http://f.ptcdn.info/404/007/000/1374214549-image-o.gif

 

 

 

*******************************

 

 

                           การคว่ำบาตร

 

 

 

การคว่ำบาตรในความหมายทางพระพุทธศาสนา ไม่ได้หมายความว่าคว่ำบาตรลง แต่หมายถึงการที่พระสงฆ์ลงมติลงโทษหรือตักเตือนชาวพุทธด้วยการไม่รับทานหรือกิจนิมนต์ของอุบาสกอุบาสิกา (ภาพ: พระสงฆ์พม่าชูบาตรที่คว่ำลงเพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2550)

 

 

 

การคว่ำบาตรของพระสงฆ์ในพระวินัยปิฎกด้วย (บาลี: นิกฺกุชฺชยกมฺม) มีที่มาจากศัพท์ในจุลวรรค พระวินัยปิฎก ที่กล่าวถึงการที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสงฆ์สามารถมีมติลงโทษคว่ำบาตรอุบาสกอุบาสิกาได้เพื่อให้มีสติสำนึกผิดในความผิดที่กระทำต่อพระพุทธศาสนา การคว่ำบาตรในทางพระวินัยจึงถือเป็นการตักเตือนด้วยความปรารถนาดี โดยพระสงฆ์สามารถทำการคว่ำบาตรได้เฉพาะกับชาวพุทธเท่านั้นตามข้อกำหนดในพระวินัยปิฎกและตามสภาพที่เป็นจริงในทางปฏิบัติ

ความหมาย

คำว่า คว่ำบาตร นั้น มีที่มาจากการที่พระสงฆ์ลงโทษบุคคลผู้มีปรารถนาร้ายต่อพระรัตนตรัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีความผิดอยู่ 8 ประการ คือ

 

  1. ขวนขวายเพื่อมิใช่ลาภแก่สงฆ์
  2. ขวนขวายเพื่อมิใช่ประโยชน์แก่สงฆ์
  3. ขวนขวายเพื่อให้พระอยู่ไม่ได้
  4. ด่าว่าเปรียบเปรยภิกษุทั้งหลาย
  5. ยุยงให้สงฆ์แตกกัน
  6. ตำหนิติเตียนพระพุทธเจ้า
  7. ตำหนิติเตียนพระธรรม
  8. ตำหนิติเตียนพระสงฆ์

 

ฆราวาสผู้ใดมีพฤติกรรมดังกล่าว พระสงฆ์จะประชุมกันแล้วประกาศไม่ให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมด้วย การคว่ำบาตรในทางพระวินัยไม่ได้หมายถึงการคว่ำบาตรลง แต่หมายถึงการไม่รับบิณฑบาต ไม่รับนิมนต์ ไม่รับเครื่องใช้ อาหารหวานคาวที่บุคคลผู้นั้นนำมาถวาย[3] แต่หากต่อมาคนผู้นั้นสำนึกรู้สึกตน กลับมาประพฤติดี คณะสงฆ์ก็จะประกาศเลิก “คว่ำบาตร” ยอมให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมรับบิณฑบาต รับนิมนต์ รับเครื่องถวายไทยธรรมได้ เรียกว่า “หงายบาตร” เป็นสำนวนคู่กัน

 

ดังนั้นการคว่ำและหงายบาตรจึงถือเป็นการลงโทษทางจารีตแบบหนึ่ง[4] ที่พระสงฆ์ได้นิยมถือปฏิบัติสืบมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพื่อประโยชน์ในการตักเตือนและความอยู่โดยปกติสุขระหว่างพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน

 

 

                ประวัติคำว่า บอยคอต

 

 

 

 

เชื่อกันว่าหลายต่อหลายคนคงเคยรู้จักและเคยได้ยินคำว่า บอยคอต กันมาเป็นอย่างดี เนื่องจากคำๆนี้มักจะถูกนำมาใช้กันบ่อยๆตามสื่อประเภทต่าง ๆ โดยคำดังกล่าว นี้มีความหมายถึงการต่อต้านผู้หนึ่งผู้ใดด้วยการไม่ยอมสนทนาหรือประกอบกิจกรรมใด ๆ ร่วมกับผู้นั้น แต่สงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าคำ ๆ นี้มีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด

 

 

                               

(การขับไล่ผู้เช่าออกจากที่ดิน)

 

 

คำว่าบอยคอต (Boycott) ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในช่วงเวลาดังกล่าว บรรดาชาวนาชาวไอริชที่เช่าที่ดินของเจ้าของที่ดินชาวอังกฤษต่างรู้สึกเจ็บแค้นที่ถูกขูดรีดและกดขี่จากเจ้าของที่ดิน พวกเขาจึงรวมตัวกันตั้งกลุ่มต่อต้านในปี ค.ศ. 1880 โดยใช้ชื่อว่าสันนิบาตที่ดิน ซึ่งกลุ่มนี้จะดำเนินการต่อต้านเจ้าของที่ดินผู้ขูดรีดโดยใช้วิธีที่ปราศจากความรุนแรงหรืออหิงสาและหนึ่งในเป้าหมายแรกที่กลุ่มสันนิบาตที่ดินดำเนินการต่อต้านก็คือเจ้าของที่ดินชาวอังกฤษผู้หนึ่งในเมืองมาโย

 

สันนิบาตที่ดินได้เรียกร้องให้เจ้าของที่ดินผู้นี้ลดค่าเช่าลง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวผลผลิตจากที่ดินได้ตกต่ำลงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติทว่าเจ้าของที่ดินคนดังกล่าวกลับตอบโต้ต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มสันนิบาตที่ดินด้วยความแข็งกร้าว โดยเขาได้สั่งให้ตำรวจขับไล่บรรดาผู้เช่าของเขาออกไป

 

เมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้นบรรดาชาวบ้านที่เป็นสมาชิกของสันนิบาตที่ดินจึงได้ตอบโต้เจ้าของที่ผู้นั้นด้วยการไม่ยอมรับเขาให้อยู่ในสังคมเดียวกับพวกตน โดยไม่มีชาวบ้านคนใดยอมขายของให้เขาหรือครอบครัวของเขา ไม่มีใครยอมรับจ้างเก็บเกี่ยวพืชผลหรือทำงานอื่นใดให้เขา จนทำให้เจ้าของที่ดินคนนั้นและครอบครัวต้องทำงานทั้งหมดเอง นอกจากยังไม่มีใครยอมพูดคุยกับเขา อีกทั้งพวกชาวบ้านยังโห่ร้องขับไล่ทุกครั้งที่เจ้าของที่คนดังกล่าวไปปรากฏตัวในที่สาธารณะ ซึ่งสุดท้ายแล้วการต่อต้านของกลุ่มสันนิบาตที่ดินก็บีบบังคับให้เจ้าของที่ผู้นั้นต้องอพยพออกนอกประเทศอังกฤษไป

 

 

                                   

(ชาร์ล คันนิงแฮม บอยคอต)

 

 

แม้ว่าเจ้าของที่ดินผู้นั้นจะเสียชีวิตไปนานแล้วแต่วิธีการต่อต้านที่สันนิบาตที่ดินกระทำต่อเขายังคงถูกกล่าวถึงและนำมาใช้งานจนถึงทุกวันนี้และชื่อของเจ้าของที่ดินผู้นั้นเองที่ได้กลายมาเป็นชื่อของการต่อต้านด้วยวิธีอหิงสานี้โดยชื่อของชายผู้นั้นก็คือ ชาร์ล คันนิงแฮม บอยคอต ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าบอยคอตนั้น

 

 

 

 

 

 

****************************************

 

 

 

 

 

 

***พรุ่งนี้นายกฯปู ลงพื้นที่จ.สระบุรี+อยุธยา ส่วน จ.ต่อไปคือ ประจวบคีรีขันธ์ -ลำปาง -ลำพูน***

 

 

 
 

 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ทำป้ายต้อนรับนายกฯปู พร้อมคณะ ร่วมประชุมรัฐมนตรีสัญจร 18 - 19 กรกฎาคมนี้

 

ภาคเช้าของวันที่ 18 กรกฎาคม จะเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตข้าวบรรจุถุงตราฉัตร ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ อำเภอนครหลวง เพื่อยืนยันว่าข้าวไทยปลอดสารพิษ

     ภาคบ่ายเดินทางไปบางไทรฮอสปิเฮ้าส์ ศูนย์ดูแลคนชราของภาคเอกชน

เสร็จแล้วเดินทางต่อมายังสวนสาธารณะ อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี ทุ่งหันตรา พร้อมประชุม กรอ. และประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลางในช่วงเย็น ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ


     เช้าวันที่ 19 กรกฎาคม ตักบาตรที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร และร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เสร็จแล้วเดินทางต่อไปจังหวัดนนทบุรี

 

 

18 ก.ค.56  จ. สระบุรี+ พระนครศรีอยุธยา

 

19 ก.ค. 56   ครม.สัญจร พระนครศรีอยุธยา

 

8-9 ส.ค.56    จ.ประจวบคีรีขันธ์

 

29-30 ส.ค. 56  จ.ลำปาง + จ.ลำพูน 

 

    ภาคเช้าของวันที่ 18 กรกฎาคม จะเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตข้าวบรรจุถุงตราฉัตร ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ อำเภอนครหลวง เพื่อยืนยันว่าข้าวไทยปลอดสารพิษ

     ภาคบ่ายเดินทางไปบางไทรฮอสปิเฮ้าส์ ศูนย์ดูแลคนชราของภาคเอกชน

เสร็จแล้วเดินทางต่อมายังสวนสาธารณะ อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี ทุ่งหันตรา พร้อมประชุม กรอ. และประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลางในช่วงเย็น ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ


     เช้าวันที่ 19 กรกฎาคม ตักบาตรที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร และร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เสร็จแล้วเดินทางต่อไปจังหวัดนนทบุรี

 

 

 

 

 

 

 

อิกคนกำลังสร้างชาติ
อิกฝูงตั้งหน้าตั้งตาทำลายชาติ

- ห้ามไม่ให้ป้องกันน้ำท่วม
- ห้ามไม่ให้มีโลจิสติกที่ก้าวหน้า
- ห้ามให้มีความเปนธรรมในบ้านเมือง
- ห้ามแรงงานพื้นฐานของชาติมีความสุข (ชาวนา)
- ส่งเสริมการให้ร้ายสินค้าหลักของประเทศ
- ดิสเครดิทผู้นำประเทศตนเอง
- สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน ( 60% มีสีของตัวเอง เริ่มต้นมาจากสีเหลือง)
ทั้งยึดอำนาจจากประชาชนด้วยอาวุธ สังหารพลเมืองไทย กักขังหน่วงเหนี่ยว

 

 

 ************************

 

 

 

 

 

‘โอ๊ค’ โชว์คลิปย้อนรอย ชาวบ้านแฉ ‘กรณ์’ ขี้ตั๊ว ฝากบอกเลิกโกหกได้แล้ว

 

 

 
 
วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13:45 น.  ข่าวสดออนไลน์

 

 

  เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แฟนเพจในชื่อ Oak Panthongtae Shinawatra   เกี่ยวกับกรณีคลิปหลุดอีก ข้อความดังนี้


 
 คลิปหลุดอันใหม่สดๆร้อนๆ ทั้งภาพและเสียง เป็นหนึ่งตัวอย่างของคนที่ "ก้าวข้ามทักษิณฯไม่พ้นเสียที" ครับ

 

 ครั้ง ที่แล้วที่คุณพ่อผมอยู่ที่ฮ่องกง ก็ปรากฏว่าบุคคลผู้นี้แหละ ถ่อไปนั่งโซฟาตัวที่สามารถมองไปยังห้องประชุมบนชั้นลอย ที่คุณพ่อผมนั่งประชุมและพูดคุยกับส.ส. ได้อย่างชัดที่สุด นั่งอยู่เป็นชั่วโมงแถมยังส่ง SMS ยืนยันไปยังหัวหน้าพรรคฯของตัวเองว่า ตนกำลังนั่งห่างจากทักษิณ20เมตร ซึ่งปรากฏภาพเป็นหลักฐานว่านั่งจ้องเขม็ง มายังห้องที่คุณพ่อผมนั่งประชุมอยู่ ดังภาพที่ผมเคยโพสต์ให้ดูมาแล้ว

 

 มา คราวนี้เอาอีกแล้วครับ ไม่ได้เจอตัวก็ขอไปถามความเห็นจากชาวบ้านก็ยังดี บุกไปถึงหมู่บ้านเสื้อแดงที่จังหวัดขอนแก่น เสร็จแล้วมาโพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊คเสียหล่อเลยครับว่า
"ความจริงของแต่ละ ฝ่ายไม่ตรงกัน และชาวบ้านไม่เคยรับรู้ข้อมูลจากฝั่งปชป.เลย จึงได้พูดคุยอยู่ประมาณ2ชั่วโมง ในบรรยากาศที่เป็นมิตร" สังเกตได้ว่าไม่ได้เขียนพาดพิงถึงคุณพ่อผมเลย แถมปิดท้ายด้วยคำว่า

 

 "เราจากกันด้วยดี แถมผมได้เสื่อมาเป็นที่ระลึกหนึ่งผืน น้องในภาพได้ทอกับมือเขาเองครับ"

 

 แต่ ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นซิครับ แท้จริงแล้วนั่นคือโลกในความฝันของคนที่ โคจร วนเวียน อยู่รอบตัวจนก้าวข้าม"ทักษิณ"ไม่ได้เสียที "เป็นความซวยของคุณกรณ์อีกครั้ง ที่จุดไต้ตำตอดันไปคุยกับกลุ่มญาติๆทีมงานของผมพอดี" อีก2วันต่อมาจึงมีการการสัมภาษณ์ชาวบ้านซ้ำ พร้อมกับการถ่ายVDO บันทึกไว้ สรุปว่าไอ้ที่นำมาโพสต์หล่อๆนั้น Fake ทั้งดุ้นครับ

 

 ลองดูในคลิ ปแล้วจะรู้ว่า "หนังคนละม้วน"เลยครับ ในส่วนที่ชาวบ้านถามกรณ์ ที่มาโพสต์อย่างซาบซึ้งนั้น ชาวบ้านบอกถามไรไปคุณกรณ์แกหนูไม่รู้อย่างเดียว ชาวบ้าน4-5คนรุมถามกรณ์ว่า "ตอนปชป.เป็นรัฐบาล เรียกร้องให้ยุบสภา ทำไมต้องฆ่าคน ก็ตอบผมไม่รู้ อยากเป็นรัฐบาลทำไมไม่เลือกตั้ง ทำไมไปตั้งครม.กันในค่ายทหาร ก็ผมไม่รู้" 55555

 

 ส่วนที่กรณ์ถามชาว บ้านนั้น ในVDO เห็นชัดเจนว่าคำถามส่วนใหญ่ที่ถามชาวบ้านนั้น ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ทั้งนั้นครับ ถามว่าคิดยังไงกับทักษิณฯ ไปหาทักษิณฯที่กัมพูชา ใครให้เงินไป(ใครจ้างไป) คุณพี่แกก็ตอบว่า ไปด้วยใจ ค่ารถค่าอะไรนี่ก็ออกเอง ไปด้วยใจเพราะรักและสงสารพ่อใหญ่ทักษิณฯที่ไม่ได้รับความยุติธรรม แล้วถามกลับว่าถ้าเป็นคุณกรณ์ต้องพลัดพรากจากครอบครัวบ้างจะคิดยังไง ดังนั้น2ชั่วโมงที่คุณกรณ์มาโพสต์อย่าง"ชื่นชม"นั้น ผมว่ามันน่าจะ "ขื่นขม" มากกว่านะครับ คุณพี่เขาบอกชาวบ้านมีแต่ด่าเขา และยกย่องนายกฯทักษิณฯ ลองฟังดูใน youtube ตามนี้เลยครับ

 

 

 

 

 สุด ท้ายที่กรณ์บอกว่า "เราจากกันด้วยดี แถมผมได้เสื่อมาเป็นที่ระลึกหนึ่งผืน น้องในภาพได้ทอกับมือเขาเองครับ" ใครๆอ่านก็ย่อมคิดว่าจากกันด้วยดี แถมด้วยการมอบเสื่อ ที่น้องเขาอุตส่าห์ทอเองกับมือให้กับคุณกรณ์เป็นที่ระลึก แต่จริงๆไม่ใช่ครับ ในคลิปเจ้าตัวเขาขอฝากไปถึงคุณกรณ์ว่า อย่าพูดโกหกในสิ่งที่ชาวบ้านเขาไม่ได้ทำเลย เขาไม่ได้มอบให้สักหน่อย มาขอซื้อเขาตั้ง 1,000 บาท เขาก็ขายสิ ถ้าอยากให้ประเทศชาติสงบสุข อย่าแปลง(โกหก)เลย ฟังดูแล้วเหมือนเคส "ป้าป๊ง"มั๊ยครับ คนเสื้อแดงที่เคยไปร้องเรียนผู้ว่าฯสุขุมพันธ์ฯ เรื่องขอรถสุขาเคลื่อนที่ แต่กลับถูกรีทัชสีเสื้อเป็นสีเขียว กลายเป็นไปให้กำลังใจกันซะงั้น เฮ้ออ..!! นี่หละหนอ "ประชาธิปัตย์"

 

 มาถึงตอนจบของคลิปนี้ครับ ตบท้ายด้วยคุณพี่อีกท่านหนึ่งฝากบอกว่า "โอ๊ย..!! ขี้ตั๊ว กรณ์นี่ อย่ากลับมาอีกนะ จะชี้หน้าถามให้ 555555"

 

 เคยฟังคำว่า "ขี้ตั๊ว"นี้ แค่จากในเพลงพี่เบิร์ดครับ พึ่งจะฟังของจริงก็ที่ชาวบ้านพูดถึงคุณกรณ์ จาติกวณิช ก็ในครั้งนี้แหละ เลยรู้ว่าขี้ตั๊วนี่เป็นภาษาอิสานแปลว่า "โกหก" ครับ

 

"ขี้ตั๊ว เบเบ๊ ขี้ตั๊ว ตาลาลา
ขี้ห๊ก เบเบ๊ ขี้ห๊ก ตาลาล่า"

 

"ขี้ห๊ก สีฟ้า ขี้ห๊ก ป.ช.ป.
โกห๊ก สีฟ้า โกห๊ก ป.ช.ป." ฮิ้ววววว....!!!


 

 

 

 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 ************************************

 

 

 

 

 

                                                ทองเเท้ไม่กลัวไฟ...

 

 

 

                                                

 

 

 

 

 

....ก็อยากลอง สักนิด คิดว่าเสียว

 

ขึ้นเดี๋ยวเดียว ลงวูบวาบ ซาบซ่านหลาย

 

เห็นเขาเล่น หัวเราะร่า ท่าสบาย

 

หมากกระจาย เเน่เเท้ เเหมสะใจ

 

 

 

....จะเอาสิ่ง เหล่านี้ ที่พานพบ

 

ได้ประสบ เทศน์สั่งสอน วอนฟ้าใส

 

ให้ญาติโยม รู้ซึ้ง ก้นบึ้งใน

 

ว่าหัวใจ ของ"คำ" ทำด้วยทอง....

 

 

 

 

*******************************

 

 

 

 

 

 

           5 เคล็ดลับทำใจให้เป็นกลาง!!!

 

 


 

 

เรื่องทำใจให้เป็นกลาง อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะแต่ละคนย่อมมีพื้นฐานที่ต่างกัน มีประสบการณ์การรับรู้ที่ต่างกัน และที่สำคัญ ทุกคนก็ยังอยู่ในกลุ่มผลประโยชน์ ไม่ในสถานการณ์ใดก็สถานการณ์หนึ่ง แต่มิได้หมายความว่าฝึกไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ หากเราควบคุมจิตใจตนเองได้ก็นับได้ว่าชนะไปมากกว่าครึ่ง และนี่คือเคล็ดลับ 5 ประการ ที่จะฝึกทำใจให้เป็นกลาง…

1. อย่ามองตัวเองเป็นศูนย์กลาง
นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุด เพราะถ้ามองปัญหาต่าง ๆ จากมุมมองฝ่ายเดียว ใจย่อมไม่เป็นกลาง เพราะเราจะไม่มอง ไม่พยายามเข้าใจเงื่อนไขหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นข้อจำกัดของผู้อื่น

2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา
เพื่อให้เรามองเห็นภาพแบบองค์รวม ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ความหมายก็คือ ต้องลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นเขา อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเขา มีข้อจำกัดแบบเขา เราจะคิดตัดสินใจเช่นไร

3. มองอย่างเจาะลึกหลายชั้น อย่าเอาอาการมาเป็นสาเหตุ
บ่อยครั้งที่ปัญหาความขัดแย้งไม่อาจแก้ไขได้ เพราะมองตื้นเขินเกินไป เอาอาการมาเป็นสาเหตุ จึงควรมองอย่างเจาะลึกเพื่อค้นหาเหตุที่แท้จริง จะได้แก้ไขตรงจุด ถูกประเด็น

4. มองไปที่อนาคตเพื่อ “อยู่” ไม่ใช่ “แยก”
เพราะการมองเช่นนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายยังคงดำรงอยู่ได้ มิใช่แก้ไขเพื่อให้ต้องตายกันไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นการมองทางออกในทัศนคติที่เป็นบวกต่อทุกฝ่าย

5. หาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้ “อยู่ร่วมกัน” ต่อไปได้
การมีทัศนคติที่เป็นบวกยังไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย แต่ต้องหาข้อสรุปในทางเทคนิคหรือวิธีการที่สอดรับกับ “ใจที่เป็นกลาง” ด้วย ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาบ่อยครั้งก็มาพลาดท่าตรงนี้เอง เพราะผู้รับช่วงต่อใจยังไม่เป็นกลางพอ ยังคิดแบ่งพรรคแบ่งพวก เจ้าโกรธเจ้าแค้น…

 

 

 

****************************************
 

 

 

   

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 16:15:29 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>