Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

เจ้าฟ้ากุ้ง

ArjanPong | 09-04-2556 | เปิดดู 3205 | ความคิดเห็น 0

 

 

 

 

                                    

 

 

เจ้าฟ้ากุ้ง

รู้ไปโม้ด
nachart@yahoo.com


อยากทราบพระประวัติเจ้าฟ้ากุ้งที่มีรายละเอียดมากกว่าในเว็บนะน้า รวมถึงผลงาน ขอบคุณครับ

รักกวี

ตอบ รักกวี


ได้คำตอบจากหนังสือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ เรียบเรียงโดย ธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร สรุปความดังนี้ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ ไชยเชษฐสุริยวงศ์ มีพระนามที่เรียกกันเป็นสามัญว่า "เจ้าฟ้ากุ้ง" เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ และสมเด็จพระพันวัสสาใหญ่ ซึ่งโปรดให้สถาปนาเป็น กรมหลวงอภัยนุชิต เป็นพระมารดา เมื่อสมเด็จพระราชบิดาได้เสวยราชย์แล้ว โปรดให้สถาปนาพระอิสริยยศเจ้าฟ้าธรรมธิเบศเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามว่า เจ้าฟ้าฯ กรมขุนเสนาพิทักษ์ เมื่อ พ.ศ.2276

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศทรงมีเจ้าฟ้าชายลูกพี่ลูกน้องอยู่พระองค์หนึ่ง คือ เจ้าฟ้านเรนทร์ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ และเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอที่สมเด็จพระเจ้าบรมโกศทรงโปรดปรานรักใคร่มาก แต่เจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์เสด็จออกทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อสมเด็จพระเจ้าท้ายสระทรงประชวรหนัก จึงโปรดมอบราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสอีกพระองค์ สมเด็จพระเจ้าบรมโกศซึ่งขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช ไม่พอพระทัยและตรัสว่า ถ้าโปรดมอบราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ จึงจะยอมถวาย จึงได้รบพุ่งแย่งราชสมบัติกัน

ในที่สุดเจ้าฟ้าอภัยพ่ายแพ้ พระมหาอุปราชได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าบรมโกศ ส่วนเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์คงทรงผนวชพระและเสด็จประทับอยู่ในวัดยอดเกาะ มิได้ลาผนวช ด้วยเหตุนี้ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศคงจะทรงเหนียนหน่าย ด้วยทรงเกรงว่า เจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์จะเป็นศัตรูราชสมบัติ จึงคิดหาทางกำจัดอยู่ตลอดมา

แต่วิถีชีวิตของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศนั้น นอกจากเป็นอัจฉริยะในทางกวีแล้ว ในฐานะเป็นเจ้าฟ้าและพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าแผ่นดิน ทรงดำรงตำแหน่งรัชทายาท จะได้สืบราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ต่อมา ซึ่งเป็นพระราชอิสริยยศอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ทรงมีวิถีชีวิตโลดโผนมาก ประดุจทรงมีเส้นชีวิตอยู่ 2 เส้น เส้นหนึ่งกำลังแล่นขึ้นสู่พระราชอิสริยยศอันยิ่งใหญ่ และอีกเส้นหนึ่งกำลังแล่นลงต่ำเพื่อรับพระราชอาชญากรรมอันมหันต์ เส้นวิถีชีวิตทั้งสองนี้ต่างก็แข่งขันชิงความมีชัยชำนะแก่กัน

พ.ศ.2278 ขณะที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงพระประชวรและประทับอยู่ในพระราชวัง เจ้าฟ้าพระ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ก็เสด็จเข้ามาประทับอยู่ ณ วัดโคกแสง ภายในพระนคร และเสด็จเข้าเยี่ยมพระอาการประชวรอยู่เนืองๆ ครั้นราตรีกาลวันหนึ่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศตรัสใช้พระธิดาคือพระองค์เช้าชื่นและพระองค์เจ้าเกิด ไปทูลลวงนิมนต์เจ้าฟ้าพระให้เสด็จมาเยี่ยมพระอาการประชวร ส่วนเจ้าฟ้าธรรมธิเบศทรงพระแสงดาบแอบพระทวารคอยทีอยู่ พอเจ้าฟ้าพระเสด็จผ่านพระทวารเข้ามา เจ้าฟ้าธรรมธิเบศก็จ้วงฟัน

บังเอิญฟันไม่เข้า บางทีเจ้าฟ้าพระจะอยู่ยงคงกระพันชาตรี จึงเพียงแต่จีวรขาดไป ท่านจึงเสด็จเลยเข้าไปเยี่ยมพระอาการประชวรถึงในพระที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นจีวรขาด จึงตรัสถาม เจ้าฟ้าพระก็ถวายพระพรว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศทรงหยอกเล่น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพิโรธเป็นอันมาก มีพระราชดำรัสสั่งให้เอาตัวพระองค์เจ้าชื่นและพระองค์เจ้าเกิดไปสำเร็จโทษ ส่วนเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรีบเสด็จหนีไปยังตำหนักพระชนนี ซึ่งก็ได้ไปเฝ้าเจ้าฟ้าพระให้ทรงช่วย เจ้าฟ้าพระทรงแนะนำให้เสด็จออกผนวชเสีย เจ้าฟ้าธรรมธิเบศจึงทรงผนวช ณ วัดโคกแสง มีพระนามฉายาในสมณเพศว่า "สิริปาโล" จึงเป็นอันว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ได้ช่วยให้รอดพ้นจากพระราชอาชญากรรมมาได้ครั้งหนึ่ง

ปลายปี พ.ศ.2280 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดพระราชทานอภัยโทษให้เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ ตามคำกราบทูลขอของกรมหลวงอภัยนุชิต ผู้เป็นพระชนนี ซึ่งประชวรหนัก เจ้าฟ้าธรรมธิเบศทรงลาผนวช เสด็จเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเหมือนอย่างแต่ก่อนกาล ต่อมาอีก 4 ปี คือ พ.ศ.2284 ทรงสถาปนาเจ้าฟ้าธรรมธิเบศขึ้นดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล และสถาปนาเจ้าฟ้าหญิงอินทสุดาวดี พระกนิษฐภคินีร่วมพระชนนีกับกรมพระราชวังบวรฯ เป็นกรมขุนยิสารเสนี หรือพิศาลเสนี พระราชทานให้เป็นอัครมเหสี นอกเหนือจากที่ทรงมีพระชายาและเจ้าจอมหม่อมห้ามอีกหลายองค์และหลายคน

14 ปีต่อมา คือ พ.ศ.2298 ขณะที่ทรงประ ชวรเป็นพระโรคคุดทะราดอยู่ มีพระบัณฑูรให้ตำรวจมาเอาตัวเจ้ากรม ปลัดกรม นายเวร ปลัดเวร ในกรมหมื่นจตรสุนทร กรมหมื่นสุนทรเทพ และกรมหมื่นเสพภักดี มาถามว่า เจ้ากรมเป็นแต่หมื่น ตั้งกันในกรมขึ้นเป็นขุน ทำสูงกว่าศักดิ์ ให้ลงพระราชอาญาโบยหลังคนละ 15 ทีบ้าง 20 ทีบ้าง กรมหมื่นทั้งสามพระองค์นั้นเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ และเป็นพระราชอนุชาต่างชนนีกับกรมพระราชวังบวรฯ

และคงจะเป็นด้วยเหตุนี้ กรมหมื่นสุนทรเทพจึงทรงผูกอาฆาต ได้นำเรื่องราวขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระอยู่เจ้าหัวเป็นการลับว่า กรมพระราชวังบวรฯ ลอบเสด็จเข้าไปเป็นชู้กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ ถึงในพระราชวังเป็นหลายครั้ง เจ้าฟ้าสังวาลย์เป็นมเหสีองค์หนึ่งของสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ทรงมีพระราชโอรสธิดา 4 พระองค์ คือ เจ้าฟ้ากุณฑล เจ้าฟ้าอาภรณ์ เจ้าฟ้ามงกุฏ และเจ้าฟ้าสังคีต สมเด็จพระเจ้าบรมโกศจึงมีพระราชโองการให้ชำระ เจ้าฟ้าสังวาลย์ก็ทรงรับเป็นสัตย์ แล้วมีพระบรมราชโองการให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงธิดา และเจ้าฟ้าหญิงสุริยวงศ์ให้ไปเชิญเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ ลงมาเฝ้า เจ้าฟ้าทั้งสองกราบทูลว่า เป็นอริกันอยู่จะไปเชิญเสด็จมิได้

จึงดำรัสใช้เจ้าจอมจันทน์ให้ขึ้นไปทูลเชิญเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ ครั้นเสด็จมาถึงจึงมีพระราชดำรัสสั่งพระมหาเทพให้ลงพระราชอาชญาจำห้าประการ และให้มีกระทู้ซักถามตามคำฟ้องกรมพระราชวังบวรฯ ก็ทรงรับเป็นสัตย์ตลอดข้อหา ครั้นถึงวันแรม ค่ำหนึ่ง เดือนเก้า (พ.ศ.2298) มีพระราชดำรัสให้ผูกกรมพระราชวังบวรฯ แล้วให้ลงพระราชอาชญาเฆี่ยนได้ 20 ที เกิดลมจุก กรมหมื่นสุนทรเทพขึ้นไปกราบทูลว่าจุกหนัก จะขอพระราชทานให้แก้เสีย จึงมีพระราชโองการสั่งให้ริบ ถึง ณ วันแรมสองค่ำ ให้ลงพระราชอาชญาเฆี่ยนอีกสองยกเป็นหกสิบทีและให้นาบพระบาทด้วย แล้วดำรัสสั่งให้เฆี่ยนยกสามสิบทีไปจนกว่าจะครบสองร้อยสามสิบที

เสนาบดีและลูกขุนกราบทูลว่าโทษกรมพระราชวังบวรฯ เป็นมหันตโทษถึงประหารชีวิตเป็นหลายข้อ จะขอพระราชทานให้สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ตามขัตติยประเพณี จึงทรงพระกรุณาตรัสขอชีวิตไว้ แต่ให้นาบพระนลาต ถอดเสียจากเจ้าเป็นไพร่ กรมพระราชวังบวรฯ ต้องรับพระราชอาชญาเฆี่ยนอีกสี่ยกเป็นร้อยแปดสิบทีก็เป็นอันดับสูญสิ้นพระชนม์ ส่วนเจ้าฟ้าสังวาลย์นั้นให้ลงพระราชอาชญาเฆี่ยนหนึ่งยกสามสิบที ให้ถอดเป็นไพร่ จำไว้กว่าจะตาย เจ้าฟ้าสังวาลย์อยู่ได้สามวันก็สิ้นพระชนม์ จึงโปรดให้เอาพระศพไปฝังไว้ด้วยกัน ณ วัดไชยวัฒนาราม เข้าใจว่าสองพระองค์คงสิ้นพระชนม์ในเวลาใกล้เคียงกันระหว่างวันแรม 2 ค่ำ ถึงวันแรม 5 ค่ำ ปีกุน สัปตศก พ.ศ.2298

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศทรงเป็นกวีเอกองค์หนึ่งของไทย ผลงานพระนิพนธ์ที่เหลือจนบัดนี้ ได้แก่ 1.กาพย์เห่เรือ 2.บทเห่เรื่องกากี 3 ตอน 3.บทเห่สังวาสและเห่ครวญอย่างละบท 4.กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก 5.กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง 6.นันโทปนันทสูตรคำหลวง ทรงพระนิพนธ์ พ.ศ.2279 ขณะทรงผนวช 7.พระมาลัยคำหลวง ทรงพระนิพนธ์ พ.ศ.2280 ขณะทรงผนวช 8.เพลงยาวบางบท นอกจากนั้น ทรงอำนวยการเป็นแม่กองปฏิสังขรณ์วัดพระศรีสรรเพชญ์ และทรงควบคุมงานต่อพระเศียรพระมงคลบพิตรและรื้อมณฑปที่ประดิษฐานพระมงคลบพิตรก่อใหม่แปลงเป็นวิหาร และทรงอำนวยการซ่อมพระที่นั่งวิหารสมเด็จอีกด้วย

 

 

 

 

 

**************************************************

 

 

 

 

 

 

 


โรคหัวใจ
 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


ชั่วโมงการทำงานที่อัดแน่นด้วยความเครียด และการกินอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและเกลือ กำลังคุกคามสุขภาพของคนยุคปัจจุบัน อีกไม่นาน... การใช้ชีวิตสมัยใหม่แบบนี้ อาจทำให้ โรคหัวใจ ระบาดทั่วเมือง...

หัวใจคนเรามี 4 ห้อง แบ่งซ้าย - ขวา โดยผนังของกล้ามเนื้อหัวใจ และแบ่งเป็นห้องบน –ล่างโดยลิ้นหัวใจ ในทุกๆ วัน หัวใจคนเราจะเต้นประมาณ 100,000 ครั้ง และสูบฉีดเลือดประมาณวันละ 2,000 แกลลอน เปรียบเสมือนการทำงานปกติของ "หัวใจ" แต่ถ้าวันหนึ่ง... หัวใจเราเกิดอาการผิดปกติขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร...?

ทั้งนี้ นายแพทย์สุรพันธ์ สิทธิสุข แพทย์จากหน่วย โรคหัวใจ และหลอดเลือด คณะแพทย์ศาสตร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า อาการผิดปกติเบื้องต้นของร่างกาย ซึ่งอาจเป็นข้อบ่งชี้ว่า มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็น โรคหัวใจ สามารถแบ่งได้หลายชนิด ดังนี้

โรคหัวใจ ที่อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน...

คือ อาการผิดปกติเบื้องต้นของร่างกาย ที่บ่งชี้ว่าอาจเป็น โรคหัวใจ พบบ่อยในคนทั่วไป ที่คิดว่าตัวเองมีสุขภาพดี ทั้งที่ความจริงอาจเป็นโรคหัวใจในระยะแรกเริ่ม มีดังนี้

1. เหนื่อยเวลาออกกําลังกาย เพราะหัวใจทําหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ขณะที่เราออกกําลังกาย หัวใจจะทํางานหนักมากขึ้น ปกติเวลาที่เราออกกำลังกายไปถึงระดับหนึ่งจะรู้สึกเหนื่อย แต่ในรายของคนที่มีอาการเริ่มต้นของ โรคหัวใจ แม้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย จะรู้สึกเหนื่อยผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นหากออกกำลังกาย แล้วรู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่า คุณอาจเป็น โรคหัวใจ

2. เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก มักพบบ่อยในคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และไขมันอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ อาการดังกล่าวจะมีลักษณะเฉพาะคือ รู้สึกเหมือนหายใจอึดอัด และแน่นบริเวณกลางหน้าอก เหมือนมีของหนักทับอยู่ หรือรัดไว้ให้ขยายตัวเวลาหายใจ โดยมากอาการนี้ จะแสดงออกเวลาที่หัวใจต้องทำงานหนัก เช่น ระหว่างการออกกำลังกาย หรือใช้แรงมากๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่า อาจเป็น โรคหัวใจ

3. ภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายได้อย่างเพียงพอ โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อย ทั้งที่ออกกำลังกายเพียงนิดหน่อย หรือเหนื่อยทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ ในกรณีที่เป็นมาก อาจทำให้ไม่สามารถนอนราบได้เหมือนปกติ เพราะจะรู้สึกเหนื่อยเวลาหายใจ และอึดอัดตรงหน้าอก นอกจากนั้น อาจมีอาการหอบจนต้องตื่นขึ้นมาหอบกลางดึกอีกด้วย อาการภาวะหัวใจล้มเหลวนี้ หากไม่รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้

4. ใจสั่นและหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปกติหัวใจของเราจะเต้นด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอประมาณ 60 -100 ครั้ง/นาที แต่สำหรับคนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจขยับไปถึง150 -250 ครั้ง/นาที ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอนี้ จะทำให้เหนื่อยง่าย ใจสั่น หายใจไม่ทัน

5. เป็นลมหมดสติ คืออีกหนึ่งอาการที่เตือนว่าคุณอาจเป็น โรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติสูง เนื่องจากจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ เพราะเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ให้จังหวะไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพ ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง และส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนทำให้เป็นลมไปชั่วคราวได้ ทั้งนี้ การเป็นลมหมดสติ มักจะเกิดในท่ายืนมากกว่านั่ง ทำให้ขณะล้มลงศีรษะมีโอกาสฟาดพื้น และเกิดการกระทบกระเทือนต่อสมองได้มากกว่า ดังนั้น ใครที่เป็นลมบ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็น โรคหัวใจ ได้

6. หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ในกรณีนี้มักเกิดจากความผิดปกติของเซลล์หัวใจโดยตรง และมักเกิดกับคนปกติที่ไม่มีอาการของ โรคหัวใจ มาก่อนล่วงหน้า ซึ่งหากมีอาการหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็ว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

โรคหัวใจ ที่อาการผิดปกติที่สังเกตได้จากร่างกาย...

นอกจากความผิดปกติชนิดเฉียบพลันแล้ว อาการบ่งชี้ที่สังเกตได้จากร่างกายของเราเอง ก็เป็นอีกหนึ่งความผิดปกติที่เตือนให้รู้ว่า คุณอาจเป็น โรคหัวใจ และควรไปพบแพทย์โดยด่วนได้เช่นกัน เป็นต้นว่า...

1. ขาหรือเท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อกดดูแล้วมีรอยบุ๋มตามนิ้วที่กดลงไป ซึ่งหากเกิดขึ้นกับใคร ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คโดยด่วน เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า เวลานี้คุณอาจอยู่ในภาวะหัวใจล้มเหลวโดยที่ไม่รู้ตัว

2. ปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ อาการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ทางเดินของเลือดในหัวใจห้องขวากับห้องซ้ายมีการเชื่อมต่อที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการผสมของเลือดแดงกับเลือดดํา และทําให้ปริมาณของออกซิเจนในเลือดมีปริมาณน้อยลง

โรคหัวใจ ที่อาการผิดปกติที่ตรวจพบขณะตรวจร่างกาย...


การไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถคาดคะเนความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหัวใจ ได้ เช่น ตรวจเลือดแล้วพบว่าเป็นเบาหวาน หรือมีไขมันในเลือดสูง ก็อาจสันนิษฐานได้ว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้เช่นกัน หรือเอ็กซเรย์แล้วพบว่า ขนาดของหัวใจโตกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว และกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนกำลังลง ทำให้ห้องต่างๆ ของหัวใจขยายขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีความเสี่ยงสูง ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

ป้องกัน โรคหัวใจ อย่างไรดี...

ข้อมูลที่ได้บอกไปข้างต้น เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เรามีอัตราเสี่ยงสูงต่อการป่วยเป็น โรคหัวใจ เท่านั้น ซึ่งผู้ที่จะวินิจฉัยว่าเราเป็น โรคหัวใจ หรือไม่ คือแพทย์ โรคหัวใจ เท่านั้น ดังนั้นหากพบความผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนดีที่สุด

สำหรับคนที่หัวใจยังเป็นปกติ เรามีข้อแนะนำในการดูแลหัวใจ (ก่อนสายเกินไป) ดังนี้ค่ะ

สังเกตความผิดปกติของตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น ดูว่าอัตราการเต้นของหัวใจปกติดีหรือไม่ เจ็บหน้าอก ใจสั่นบ่อยๆ หรือเปล่า เป็นต้น

ออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สุขภาพจิตแจ่มใสแล้ว ยังช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้นอีกด้วย

ดูแลสุขภาพใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ พยายามไม่เครียด รู้จักควบคุมอารมณ์ และพึงระลึกไว้เสมอว่า ความเครียดและความโกรธ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้หัวใจเต้นแรง และทำงานหนักขึ้น

รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยงดอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูง เกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบได้ง่าย และหันไปกินผักผลไม้ให้มากขึ้น

ควรไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันและรักษาโรคร้ายที่อาจคาดไม่ถึง เช่น โรคหัวใจ ซึ่งแฝงอยู่ในตัวเราตั้งแต่เนิ่นๆ

... ยามใดที่ร่างกายอ่อนล้า เราหยุดพักให้หายเหนื่อยได้... แต่ยามใดที่หัวใจอ่อนแรง มันก็ยังคงเดินต่อไป ทำงานต่อไป... เพราะฉะนั้น เมื่อรู้ว่า "หัวใจ" คนเราไม่เคยหยุดพัก อย่าลืมดูแลรักษามันไว้ให้ดีๆ นะคะ เพือจะได้ไม่เป็น โรคหัวใจ ค่ะ

 

 

 

***********************************************                                           

 

 

 

 

 

 

"ขวัญชัย"แฉแหลก!!! "ธิดา"กร่าง-แดงบางกลุ่มไร้สมอง -ลั่นไม่ร่วมรำลึก 10 เม.ย.

 

 
 
 
 
"ขวัญชัย"แฉแหลก!!! "ธิดา"กร่าง-แดงบางกลุ่มไร้สมอง -ลั่นไม่ร่วมรำลึก 10 เม.ย.

 

https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRVCxPPVbcQ35YsaATPXMDdnivtb6A5PbD3D7eVJONk2WSClINM

 

 

 

"ขวัญชัย"แฉแหลก!!! "ธิดา"กร่าง-แดงบางกลุ่มไร้สมอง -ลั่นไม่ร่วมรำลึก 10 เม.ย.


( 8 เม.ย.) นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทีนิวส์ โดยระบุว่า จะไม่เดินทางเข้าร่วมกิจกรรม “ รำลึก ครบ 3 ปี การชุมนุมปี 53 ” ในวันที่ 10 เมษายนนี้ ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.เนื่องจากวันนั้น ตนจะจัดเวทีเสื้อแดงที่จ.มุกดาหาร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ พร้อมย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้งไปยังส่วนกลางนปช .เพราะนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.ได้ประกาศแล้วว่าเสื้อแดงขวัญชัย ไม่เกี่ยวข้องกับนปช.แล้ว


“ ผมไม่มาอยู่แล้ว ถ้าร้องรำทำเพลงเต้นกินรำกิน จัดรำลึกทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนผมไม่เอา แดงอีสานจะไม่เป็นเครื่องมือให้ใครแล้วพอกันที เราพาคนมาหนุนให้เป็นซูเปอร์สตาร์แท้ๆ แต่มาข้ามหัวกัน แดงใหม่ๆ ทำตัวใหญ่คับฟ้า มีผลประโยชน์กันทั้งนั้น จัดงานเวทีแต่ละครั้งไปเอาเงินจากทักษิณ เอาเงินจากครอบครัวชินวัตรมาทั้งนั้น จัดเวทีโบนันซ่าฯ เอาเงินพี่เฉลิมมา 5 แสน เอาคุณหญิงอ้อ 5 แสน เอาพรรค 5 แสน จัดเสร็จเหลือกำไรเงินทอนทั้งนั้น ” นายขวัญชัย กล่าว


นายขวัญชัย ยังกล่าวต่อว่า การที่นางธิดา มาคุมนปช.จะทำคนติดคุก เพราะเป็นคอมมิวนิสต์ ทำตัวกร่างใหญ่โต กลุ่มแดงใหม่ฝ่ายนางธิดาหนีทัพแล้วมารับตำแหน่งกันทั้งนั้น ที่ผ่านมาตนพยายามรักษาน้ำใจ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาไม่ได้ทะเลาะกับ นปช.แต่ติเฉพาะนางธิดา และเสื้อแดงบางกลุ่มที่ไร้สมองเลอะเทอะ บีบรัฐบาลให้สั่งการศาล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตอนนี้รัฐบาลจะล้มวันนี้พรุ่งนี้ยังไม่รู้เรื่องกันเลย

 

 

ภาพของ ตัวดำแต่ใจแดง
: อังคาร, 09/04/2013 - 17:33

 

 

 

 

"พอหนทางทำมาหาแดร็กซ์ ไม่คล่องมือเหมือนอย่างแต่ก่อน...

 

แค้นฝังหุ่นป้าธิดาเค้า ตั้งแต่เค้ารู้แกว ว่าจะใช้เวทีโบนันซ่าประชาสัมพันธ์งานหากินของตัวเอง...

ตั้งแต่นั้นมา "ไอ้หมูดำจอมโปรเจ็กต์" นี่ก็แขวะทั้งป้าธิดาผู้เป็นประธานและแกนนำนปช.บางคนมาเป็นระยะ ระยะ...

 

ตัวเองก็เป็น 1 ในแกนนำนปช.อยู่ คุมมวลชนอยู่ทางภาคอีสานไม่ใช่น้อยๆ แต่ "ไอ้หมูดำจอมตะกละ" นี่...

มันก็ยังดัน "เสือก" ชอบไปให้ข่าวกับสำนักข่าว T-News ที่ใครๆเค้าก็รู้ ว่าไอ้สำนักข่าวแห่งนี้...

แท้ที่จริงแล้วมันก็คือ "สุนัขรับใช้ของอำมาตย์" ดีดีตัวนึงนี่เอง มันชอบให้สัมภาษณ์ "อวดเบ่ง" ว่าตัวเองนั้น "เส้นใหญ่"...

สามารถย้ายตำรวจที่โน่นมาลงที่นี่ ย้ายจากที่นี่ไปอยู่ที่นั่น มันหารู้ไม่ว่า มันยิ่งแสดงความขี้เท่อออกมามากเท่าไหร่???...

ก็เท่ากับว่า มันเอานายใหญ่ของมัน มาทำให้ขายขี้หน้า มากขึ้นเท่านั้น

 

เพราะว่าเรื่องแบบนี้ ถึงจะสามารถทำได้...แต่มันก็เป็นเรื่องภายในเฉพาะบุคคล ใครๆเค้าก็จะไม่เอามาพูดกัน แต่ไอ้หมูสมองหมาตัวนี้...

 

มันกลับเอามาสำรอกในที่แจ้งซะจนหมดเปลือก สิ่งที่มันทำนี่ "ฉลาดหรือว่าโง๋" ถามเด็กๆเค้ายังรู้กันเลยว่ะ...

 

 

ไปให้ไกลๆเลยนะ บอกไม่มาตั้งแต่ชุมนุมที่ราชมังคลาฯ หัวหมากแล้ว

ทำไมยังป้วนเปี้ยนหากินอยู่กับเสื้อแดงอยู่ได้ นะ

 

 

เป็นไปตามนั้น หน้าเวทีลองประกาศถามคนอุดรยกมือหน่อย ผมว่าเพียบ แดงอุดร อาศัยมันขื้นรถเสียค่าใช้จ่ายน้อยเท่านั้น มันบอกว่าฟรี พอรถออกเดินทางขอบริจาค อาไรว๊ะ เชื่อเถิด ไม่มีมันเขาก็ไป

 

 

 ประกาศให้มาขึ้นรถฟรี

พอขึ้นไปนั่งรถเคลื่อนตัวยังไปไม่ถึงไหน..มีคนเดินถือหมวกมาขอบริจาคเฉยเลย

ไม่ให้ก็ไม่ได้เขากล้าขอเราก็กล้าให้...คนอื่นให้เราไม่ให้ก็รู้สึกอาย

 

 

ขอถามไอ้ขวัญฟายแทนคุณจตุพร

" ใครไปชวนมรึง "

 

 

ถุ๊ยยยส์...กูละเหม็นขี้ฟันแม่งซะจริงๆเลย...

 

 

"ไอ้หมูขี้เรื้อนโสโครกจอมหาแดกเอ๊ยยย!!!"...

 

 

 

smileysmileysmileysmileysmileysmileysmiley

 

 

 

 

 

 

 

 

***************************************************** 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 18:40:08 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>