Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

เจียง ไคเช็ก

ArjanPong | 04-04-2556 | เปิดดู 3225 | ความคิดเห็น 0

 

                                                             

                                                              เจียง ไคเชก


                                        蔣中正 / 蔣介石

 

 

                                                      

 

 

เจียง ไคเชก (ภาษาจีนกลาง: เจี่ยง จงเจิ้ง หรือ เจี่ยง เจี้ยสือ: Chiang Kai-Shek, Jiǎng Zhōngzhèng, Jiǎng Jièshí) เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2430 (ค.ศ. 1887) จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยของญี่ปุ่นและกลับมาเป็นขุนศึกค้ำบัลลังก์ของ ดร. ซุน ยัตเซน ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) รวมอายุได้ 88 ปี มีวันเกิดตรงกับวันปล่อยผีของฝรั่ง (ฮาโลวีน) และมีวันตายตรงกับวันไหว้ผีของจีน (เช็งเม้ง)

 

เป็นผู้นำของจีนระหว่าง พ.ศ. 2471 ถึง พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1928) ถึง (ค.ศ. 1949) ต่อมาได้ไปตั้งรัฐบาลจีนคณะชาติที่ไต้หวัน เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในการปฏิวัติ ปี พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ต่อต้านรัฐบาลของหยวน ซื่อไข่ และตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) ได้เข้าร่วมรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งของ ดร. ซุน ยัตเซน และเมื่อ ซุน ยัตเซน ถึงแก่อสัญกรรม ในปี พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) เจียง ไคเชกได้เป็นผู้นำพรรคแทน และพยายามรวบอำนาจในพรรคด้วยการกำจัดแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งด้วยอำนาจทหารและอำนาจเงิน โดยมีการต่อท่อสายสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น กระทั่งสามารถยกตนเองก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน และได้รับยกย่องเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีนจากคำบรรยายใต้ภาพดังนี้ 「蔣公於民國三十七年當選中華民國第一任總統」 ในปี พ.ศ 2491 (ค.ศ. 1948)

 

เจียง ไคเชกย้ายที่ตั้งรัฐบาลไปอยู่เมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งอยู่ใกล้กับภูมิลำเนาเดิมบ้านที่มณฑลเจ้อเจียง แต่จากปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และถูกซ้ำเติมด้วยการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่นจนเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เป็นเหตุให้เกิดกลุ่มต่อต้านขึ้นมามากมายเพื่อโค่นล้มการปกครองของพรรคก๊กมินตั๋ง กลุ่มที่สำคัญที่สุดคือ พรรคคอมมิวนิสต์จีน (จงกว๋อก้งฉ่านต่าง) โดยมีเหมาเจ๋อตุง เป็นแกนนำสำคัญของพรรคนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) จนกระทั่งกลายเป้นสงครามกลางเมือง ระหว่างปี พ.ศ. 2470 ถึง พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1927) ถึง (ค.ศ. 1937) และระหว่างปี พ.ศ. 2489 ถึง พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1946) ถึง (ค.ศ. 1949) แต่บางครั้งทั้งสองฝ่ายก็หันมาร่วมมือกัน เช่น ในสงครามจีน-ญี่ปุ่น ระหว่างปี พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) ถึงปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) และในสงครามโลกครั้งที่สอง

 

โดยในช่วงหลังปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) การทำสงครามกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ รัฐบาลเจียง ไคเชกเป็นฝ่ายแพ้ต้องอพยพไปตั้งรัฐบาลจีนคณะชาติที่ไต้หวันในปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาด้วยดีตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) จีนคณะชาติที่ไต้หวันถึงถูกถอดออกจากการเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ เปิดทางให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าเป็นสมาชิกแทน

 

1. เจียงไคเช็คขึ้นสู่อำนาจในปี 1927-28 และก็ปกครองจีนยาวนานถึง 22 ปี จนถึงปี 1949 เมื่อเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยินในทุกสมรภูมิบนแผ่นดินใหญ่


- เจียงไคเช็คปกครองจีนมา 22 ปี แต่เขาประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนจีนที่ยากจน 400 ล้านคน แต่กลับประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการเพิ่มความร่ำรวยให้แก่พวกพ้อง, เหล่าขุนศึกและเจ้าที่ดินอีก 40 ล้านคนทั่วประเทศครับ ตรงนี้เองก็มองได้ว่า ทำไมก๊กมินตั๋งถึงพ่ายแพ้ ทั้งๆที่ก่อนเริ่มสงครามปลดแอกในปี 1945 ก๊กมินตั๋งมีพื้นที่ยึดครองมากกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีน 10 เท่าตัว, มีกองทหารมากกว่า 4 เท่าตัว และยุทธโธปกรณ์กับปัจจัยในการทำศึกมากกว่า 5 เท่าตัว

 

- มีคำเปรียบเปรยว่า ตอนเจียงไคเช็คขึ้นเป็นผู้นำของจีน เงิน 1000 เหรียญซื้อวัวได้ 1 ตัว, 10 ปีผ่านไปภายใต้ยุคของเจียง เงิน 1000 เหรียญ ซื้อไก่ได้ 2 ตัว, 20 ปีผ่านไปในยุคของเจียงเงิน 1000 เหรียญ ซื้อกระดาษได้แค่แผ่นเดียว.....

 

- 4 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดแห่งยุคนั้นของจีนคือ เจี่ยง, ข่ง, ซ่ง, เฉิน ซึ่งก็คือพรรคพวกของเจียงไคเช็คทั้งสิ้น แล้วประชาชนที่ยากจนอีก 400 ล้านคนจะมองอย่างไรว่า เจียงไคเช็คได้คิดจะช่วยเหลือหรือยกระดับความเป็นอยู่ของพวกเขาสักนิดหรือไม่



2. พรรคก๊กมินตั๋งก่อตั้งขึ้นจากการร่วมมือของปัญญาชนที่เป็นนักเรียนต่างประเทศ, ปัญญาชนหัวใหม่ในจีน, เหล่าชาวจีนโพ้นทะเลที่ร่ำรวย และคนรักชาติอีกจำนวนมาก เพื่อดำเนินการปฏิวัติสร้างจีนใหม่ที่เข้มแข็ง ตามแนวทางไตรราษฎร์ของท่านซุนยัตเซนครับ



แต่เนื่องจากพรรคก๊กมินตั๋งในระยะแรก มีแต่อุดมการณ์ของวีรชนรักชาติจำนวนมาก แต่ทว่าขาดอำนาจทางการเงิน, อำนาจทางทหาร และอำนาจทางการเมืองที่แท้จริง ทำให้ ดร.ซุน จำเป็นที่จะต้องไปพึ่งพาเหล่าขุนศึกตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อช่วยให้รัฐบาลของก๊กมินตั๋งมีเสถียรภาพและสามารถรักษาอำนาจรัฐเอาไว้ได้ครับ
ทว่าพวกขุนศึกนั้นฉ้อฉลและไร้อุดมการณ์ เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง ทำให้เกิดการทรยศหักหลังแปรพักตร์กันบ่อยๆ รัฐบาลฝ่ายใต้ในช่วงแรกจึงไร้เสถียรภาพอย่างยิ่ง ซึ่งสาเหตุนี้เองที่ทำให้ ดร.ซุน ได้จัดตั้งโรงเรียนทหารหวงผู่ขึ้นมาครับ เพื่อสร้างของกองทัพของก๊กมินตั๋งขึ้นมาเอง เอาไว้พิทักษ์และบังคับใช้อำนาจรัฐ โดยไม่ต้องพึ่งพาพวกขุนศึกไม้หลักปักขี้เลนอีกต่อไป



แต่เมื่อเจียงไคเช็คขึ้นสู่อำนาจนั้น เขาต้องการที่จะกุมอำนาจสูงสุดของพรรคเอาไว้ แต่ตอนนั้นก๊กมินตั๋งเองไม่ได้เข้มแข็งมากนักครับ กำลังทหารส่วนใหญ่ของประเทศยังกระจัดกระจายอยู่ในมือของขุนศึกภูธรกลุ่มต่างๆ ทำให้เจียงไคเช็คต้องเล่นการเมือง โดยยอมให้พวกขุนศึกดูแลเขตปกครองของตัวเองเอาตามใจชอบ ขอแค่สวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลก๊กมินตั๋งและยอมรับว่ารัฐบาลที่นานกิงเป็นรัฐบาลกลางก็พอ ตรงนี้เองที่เจียงไคเช็ค ได้ขายพรรคก๊กมินตั๋งที่เหล่าวีรชนผู้รักชาติช่วยกันก่อตั้งขึ้นมา ให้พวกขุนศึกเข้ามายึดครองพรรคตามใจชอบครับ แต่นั้นมา พรรคก็เต็มไปด้วยขุนศึกที่มีอำนาจทหาร ร่วมกันกดขี่บีฑาประชาชนจีนที่ยากจน 400 ล้านคนยาวนานถึง 22 ปี.........



3. ดังนั้นความวุ่นวายในจีน ช่วงปี 1927-1949 นั้น ที่ก๊กมินตั๋งไม่อาจจะแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนได้ ก็เพราะพรรคต้องตกอยู่ในมือของพวกขุนศึกนั่นเองครับ และเจียงไคเช็คก็ต้องเล่นการเมือง มองเหล่าหน้าอินทร์หน้าพรหมพวกนี้โกงบ้านกินเมืองอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะเจียงไคเช็คก็ต้องพึ่งพวกเขาเป็นมือเป็นเท้าในการรักษาอำนาจให้ตนเหมือนกัน



4. ซึ่งดูสถานการณ์ในปี 1945 ก็ได้ครับ พรรคก๊กมินตั๋งก็ยังเต็มไปด้วยขุนศึกภูธรที่ปกครองเขตต่างๆทั่วประเทศจีนเอาไว้ โดยมีเจียงไคเช็คเป็นหัวหน้าใหญ่ หากไม่มีสงครามปลดแอกกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้ว รัฐบาลกลางที่นานกิงก็ยังเต็มไปด้วยเหล่าขุนศึกอยู่ดี



พวกขุนศึกเหล่านี้มีกำลังพลมหาศาลและเขตปกครองที่กว้างใหญ่ เจียงไคเช็คไม่กล้าเข้าไปแตะต้อง เพราะอาจจะทำให้อำนาจของเขาพังครืนลงมาทันที....... ดังนั้นผมจึงเห็นว่า หากพรรคก๊กมินตั๋งยังได้ปกครองประเทศต่อหลังปี 1949 สถานการณ์ก็ไม่แตกต่างไปจากเดิมครับ ประเทศจีนก็จะยังยากจน อ่อนแอ และเต็มไปด้วยความวุ่นวายเหมือนเดิม แถมยังจะเกิดสงครามภายใน ระหว่างเจียงไคเช็คก๊กมินตั๋ง และขุนศึกภูธรที่จะขึ้นมาท้าทายอำนาจอยู่ร่ำไปไม่จบไม่สิ้น

 

ถ้าให้พูดกันอย่างเป็นกลางนั้น ผมคิดว่าเจียงไคเช็คเองก็มีความคิดที่จะสานต่อปฏิธานของ ดร.ซุน ในการสร้างประเทศจีนอันเข้มแข็งแน่นอนครับ เพียงแต่วิธีการของเจียงไคเช็คนั้นแตกต่างไปจากท่านซุนยัตเซ็นมาก

 

1. หลังจบสงครามโลกครั้งที่สองนั้น อิทธิพลของจีนในตะวันออกไกลถือว่าเพิ่มพูนขึ้นมากเลยครับ เจียงไคเช็คได้ใช้อิทธิพลที่มีในฐานะประเทศที่ชนะสงคราม เข้ายึดอาณานิคมของญี่ปุ่นหลายแห่ง (เช่นในหมู่เกาะซีซา และบางเกาะในทะเลจีนใต้) รวมไปถึงได้ล้มเลิกสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับมหาอำนาจตะวันตกจนหมดสิ้นเลยครับ
ตรงนี้ต้องยกเป็นความดีความชอบของเจียงไคเช็คเหมือนกัน



ปัญหาคือ หากเจียงไคเช็คยังคงปกครองจีนต่อไป เขาจะต้องเข้าร่วมในสงครามเย็นร่วมกับทางสหรัฐแน่นอน เพราะเจียงมีใจทะเยอทะยานมาก เขาต้องการแผ่อิทธิพลในเอเชียเข้าแทนที่ญี่ปุ่นครับ และนั่นจะทำให้จีนและโซเวียตจะเป็นศัตรูกันแน่นอน



2. เจียงจะสามารถลดอิทธิพลของพวกขุนศึกในพรรคก๊กมินตั๋งได้หรือไม่ ตรงนี้ถือว่าสำคัญครับ เพราะขุมกำลังของขุนศึกกลุ่มต่างๆที่ทำตนเสมือนเป็นกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นนั้น เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศจีนอย่างยิ่ง
สงครามกับญี่ปุ่นยาวนานแปดปี ได้ทำให้อิทธิพลของพวกขุนศึกในจีนตะวันออกบางส่วนอ่อนแอลง แต่ในทางตะวันตกยังมีขุนศึกอำนาจมากทีเดียว



3. การโกงกินเป็นปัญหาที่รุนแรงมากของก๊กมินตั๋งครับ ซึ่งแผ่ขยายไปทั่วทุกระดับของเจ้าพนักงาน แม้แต่คนสนิทใกล้ตัวของเจียงเองก็โกงกินจนร่ำรวยพุงปลิ้น ซึ่งผมยังกังขาว่า เจียงไคเช็คมีความจริงใจเพียงใดในการขจัดการโกงกินนี้ (ในเมื่อตัวของเจียงเองก็โกงกินมากเหมือนกัน ทรัพย์สินมากมายของเขาไม่มีที่มาที่ไป)

 

 

จากคุณ : อุ้ย (digimontamer)
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 54 14:50:14
   

 

 

 

****************************************************************

 

 

 

 

 

 

 

 

[IMG]

# มาดูข้อห้ามสงกรานต์ 2556 นั้น มีรายละเอียด ดังนี้

1. ห้ามซื้อ และขายสินค้าบนไหล่ทาง หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

2. ห้ามเปิดเครื่องเสียง หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

3. ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำสาดตามท้องถนน
หากฝ่าฝืน มีความผิดฐานสร้างความเดือดร้อน
แต่หากมีการฝ่าฝืนข้อห้าม และส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ฝ่าฝืน มีความผิดดังต่อไปนี้

ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ : ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดฐานประมาทจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ จนมีผู้เสียชีวิต : ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดฐานประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิตด้วย :
ผู้ฝ่าฝืน มีความผิดฐานประมาทจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตาย

4. ห้ามนั่งหรือยืนบนหลังกระบะเพื่อเล่นน้ำสงกรานต์

5. ห้ามเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง หากผู้ใดฝ่าฝืน
มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. ห้ามนำน้ำแข็งปาใส่กัน หากผู้ใดฝ่าฝืน ถูกจับทันที

7. ห้ามทำลามกอนาจารหญิงสาว หากผู้ใดฝ่าฝืน ถูกจับทันที
โดยมีความผิดฐานกระทำการอนาจาร ต่อเด็กหญิง หรือสตรี

8. ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เล่นน้ำสาธารณะ
หากเป็นการขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
หรือขายให้ผู้ที่เมาอยู่แล้ว มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี

9. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ โดยในกรณีนี้ ทั้งผู้ขับขี่ และ
ผู้โดยสาร ที่ดื่มแอลกอฮอล์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

10. ห้ามเล่นแป้ง หากพบ จะมีการตักเตือน
แต่สำหรับผู้จำหน่ายแป้ง มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

11. ห้ามเมาแล้วขับรถ หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท
หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกําหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน
หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

นอกจากข้อห้ามสงกรานต์ 2556 ในข้างต้นแล้ว
ในแต่ละจังหวัดก็อาจมีการออกกฏเพิ่มเติมในพื้นที่ของตนเอง
อาทิ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีการประกาศห้ามนำรถบรรทุกถังน้ำเข้าในเขตเกาะเมือง เป็นต้น ...
ทราบอย่างนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกคนเล่นน้ำกันอย่างสนุก และปลอดภัย โดยไม่ผิดกฎ หมาย

จาก เดลินิวส์ , NNT , Voice TV

[IMG]

 

 

 

(ความเห็นของคุณ thanapatpp)

ผมขอถามจริงๆ เลย ถ้า เขากินเมาทั้งทั้งรถ มีคนขับรถกี่คนที่ไม่ได้กิน
แล้วเมามาไปชนคนที่เดินบนถนนตาย แล้วครอบครัวของคนถูกชน เสียพ่อ แม่ หรือคนเลี้ยงครอบครัว ใคร
ไอ้พวกที่ไป ชนเขา เคยรับผิดชอบไหม บางคนถูกตัดขา พิการ พวกที่ เมาเคยชดเชยเขาไหม

แล้วผลวิจัยออกมาแล้วว่า เวลาเมา การตัดสินใจ ช้าลงมากกว่า 0.5 วินาที ไอ้แค่ 0.5วินาทีไม่นาน แต่ถ้าวิง ที่ 120 กม ตก วินาทีละ 30 เมตรเอง ก็ 15 เมตร ตัดสินใจช้าตั้ง 15เมตร คิดว่า จะ ตกเขา ชนคนตาย ชนรถคันอื่นไหม
แถมสายตา ลดลง 30 % จากคน ปกติ

เอาแค่ 2 อย่างนี้ ก็ อันตรายกับคนอื่นไหม
ถ้ากินอยู่บ้าน นอนอยู่บ้าน ก็เรืองของคุณไม่ไประรานคนอื่น แต่ที่ตายทุก ปี สุรา ทั้งนั้น...........

 

 

(ความเห็นของคุณ คนเคยรักกัน บอร์ดการเมือง...)

สงกรานนี้ เปรมปรี ไม่มีแป้ง
ไม่มีแม่ง แสงสี ชีวีหาย
ไม่มีรถ กระบะ เหมือนปีกลาย
เพราะกฏหมาย รัฐบาล พาลวุ่นวาย


ประเพณี อย่างนี้ ปีละครั้ง
ไม่มีน้ำ ไม่มีถัง ฝันสลาย
รอตั้งแต่ ปลายปี ของปีกลาย 
มึนตาลาย เมื่อกฏหมาย ทำร้ายใจ


ห้ามขายเบียร์ ขายเหล้า เเค่เท่านี้
ไม่ให้มี เต้นกับเสา ทำเราได้
ห้ามไม่ให้ ซื้อขายแป้ง กูยอมตาย
ห้ามให้ตาย คอยดู กูจะทำ !!.....

 

 

******************************************************

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 18:29:08 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>