Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ใกล้เเตกหักเเล้ว..

ArjanPong | 02-04-2556 | เปิดดู 2684 | ความคิดเห็น 0

 

 

  • (เบื้องต้น)ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ไว้พิจารณา แต่ไม่คุ้มครองชั่วคราว ในกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากยังไม่ปรากฎกรณีอันเป็นเหตุฉุเกเฉิน หรือเหตุผลเพียงพอที่จะต้องใช้วิธีชั่วคราว ดังกล่าว
  •  

นอกจากนี้ ศาลมีคำสั่งให้ ผู้ถูกร้อง และให้ผู้ร้องยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภาย 15 วัน ผู้ร้องต้องยื่นสำเนาคำร้องต่อศาล 312 ชุด

 

 

       ศาล รธน.รับคำร้อง เขาใช้กำลังส่วนสุดท้ายเต็มที่

                   "สู้หรือไม่สู้" เขาก็เล่นแน่นอน

 
 

 

ก็เป็นอันชัดเจนว่า ศาล รธน. รับคำรอง 40 สว.เรื่องการแก้ไข รธน.รายมาตรา แต่ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ก็ตีความได้ว่าเป็นการขู่ เพื่อให้หยุดนั้นเอง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364982319&grpid=00&catid=&subcatid=

ตอนนี้พวกเขา "หมดทางสู้ในทางมวลชน" แล้ว ก็ต้องใช้กำลังที่มีอยู่ส่วนสุดท้ายในการต่อต้านอำนาจของพวกเขาเต็มที่
นี่รวมทั้งเรื่อง ที่ ปปช. กำลังไต่สวนนายกฯปู กรณีเงินกู้ 30 ล้านล้าน

ลูกอยู่ในเท้ายเขา จะกราบ หรือขอประนีประนอม เจรจาอะไร เขาก็ต้องทุบอยู่ดี

 

สรุปคือ "สู้หรือไม่สู้" เขาก็เล่นคุณอยู่ดี เพราะมันป็นศัตรูกันทางอุดมการณ์ การทำดี การประนีประนอม ไม่ใช่ทางออก มันต้องแพ้ชนะกันจึงจะจบ

การล้มนายกฯปู นั้นอาจไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง แต่พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาจไม่ถึงกับล้ม แต่ยกอะไรขึ้นมา "ขู่" เอาไว้ก่อน

ในทางสงครามการเมืองนั้น พวกอำมาตย์ไม่มีทางได้อำนาจทางการเมือง เพราะปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตระกูลชินวัตร แต่มันอยู่ที่ "ประชาชน 15.7 ล้านคน เขาไม่เอาระบอบอำมาตย์ จะล้มนายกฯปู เขาก็ส่งนายกฯคนใหม่ขึ้นมาแทน

 

ครั้งนี้ผมเสนอให้เอานายกฯพร้อมลุยเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหาให้จบ เช่น ดร.อภิวันธ์ วิริยะชัย เป็นต้น ส่วนการตั้งนายกฯ เพื่อเอาทักษิณกลับบ้าน เพื่อจะได้เจรจากับอำมาตย์ได้ ผลมันก็ออกมาอย่าที่เห็น ถึงอย่างไร พวกเขาก็ยอมไม่ได้ เพราะมันหมายถึงการสูญเสียอำนาจทางการเมืองของพวกเขา พวกอำมาตย์เขาก็ต้องล้มให้ได้

ส่งนายกฯที่ลุยให้มันจบๆ ไปเลย ยังไงประชาชนก็ไม่แพ้อยู่แล้ว แต่หากเราตั้งท่าจะลุยจริงๆ พวกเขาก็ต้องประเมินกำลังว่าจะสู้ได้หรือไม่ ซึ่งยังไงก็ไม่มีทางสู้กับประชาชนได้ ยิ่งไม่มีมาสเตอร์มายด์ที่ทรงพลัง ก็ยิ่งไม่มีทางสู้ได้

แต่คงเกิดสงครามกลางเมือง และพวก "ชนชั้นนำ" นั่นแหละจะเสียประโยชน์

ยังไงสถานการณ์ตอนนี้ประชาชน ผ่านการจัดตั้งไปแล้ว ติดอาวุธทางอุดมการณ์ไปแทบหมดเลือกข้างกันอย่างชัดเจนแล้ว

 

ไม่มีเคล็ดลับอะไรที่จะสามารถทำให้คน 15.7 ล้านคน เปลี่ยนข้างได้
ต่อให้ไปเอาตัวดาราระดับโลกอย่าง "ทอมครูส" มาแข่ง ก็ไม่มีทางชนะหรอก วันนี้มันไม่ใช่วันที่ประชาชนเขาบ้าดารากันอีกแล้ว

ดังนั้น หากจะแตกหัก "ล้มนายกฯปู" ก็ทำไป เอาให้สะเด็ดน้ำ เกมสงครามมันจะได้เคลื่อนไปสู่จุดจบเสียที ไม่อย่างนั้นก็ดึงแข้งดึงขากันไปมาอยู่นี่แหละ

 

ผมต้องการให้พรรคเพื่อไทย ลุยต่อไป จะยุบพรรค หรือ ล้มนายกฯปู ก็ปล่อยให้เขาทำ ยุบพรรค ก็หาพรรคใหม่ลงไป ล้มนายกฯปู ก็ส่งนายกฯที่พร้อมลุย เข้าไปลุยใหม่ ล้มอีก ก็ส่งไปใหม่อีก เอาให้พังกันจนกว่าจะชนะ

ให้มันสะเด็ดน้ำ การเมืองไทยมันมาถึงจุดเปลี่ยงแปลงทางโครงสร้างระบบการคิดของประชาชน ยังไงก็ไม่สามารถรักษาโครงสร้างแบบนี้เอาไว้อีกต่อไปได้

 

 

 

นาย microman บอร์ดการเมือง
: พุธ, 03/04/2013 - 20:09

 

ยังไม่ต้องไปแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันตอนนี้ จนกว่าไอ้แสวงบาทามันจะต้อง

นำคำร้องที่มันไปยื่นศาล รธน. พิมพ์แจกจ่ายไปยังทุกผู้คน ที่ยื่นแก้ รธน.ให้ครบถ้วนทุกคน

มิฉะนั้นการพิจารณาเรื่องนี้จะดำเนินการต่อไปไม่ได้ ไอ้แสวงบาทากับพวกคงงงเหมือนกันนิ

รับแต่พวกมึงต้องทำให้ครบถ้วนก่อนแล้วแจ้งใหม่ให้ทราบว่ายื่นครบแล้ว ถ้ามึงยึกยัก

ยื่นไม่ครบคนเมื่อไหร่ แต่แจ้งว่าครบเรื่องนี้ยกเลิกเข้าใจไหมครับ แต่ถ้าครบแล้วศาล รธน.

ถึงจะบอกให้อีกฝ่ายมาแถลงแก้ ไอ้แสวงบาทางานนี้คงผิดหวังมากกว่าสมหวังแล้วเพราะ

ดันถูกจับแก้ผ้าแสดงออกโดยชัดแจ้งแล้วว่าไม่ชอบระบอบการเลือกตั้งโดยประชาชนแน่นอน

แสดงตัวตนทั้งหมดคือสวะลากตั้งหนักรัฐสภาจริงๆ.

 

 

** แม่ลูกจันทร์..ไทยรัฐ...จับประชาธิปัตย์แก้ผ้าล่อนจ้อน **

 

1/7

การประชุมรัฐสภาพิจารณาญัตติด่วนแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น

รายมาตรากำลังร้อนฉ่าทะลุ 40 องศาซี

เพราะพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม 40 ส.ว. ตั้งป้อมค้าน

สุดลิ่มทิ่มประตู ไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญทั้ง 3 ประเด็น

แถมขู่ฟ่อๆ ถ้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบ

จากที่ประชุมร่วม 2 สภาฯ จะร้องศาลรัฐธรรมนูญเช็กบิล

จะผ่าน? หรือไม่ผ่าน? พรุ่งนี้ (3 เม.ย.) รอฟังคำตอบอีกที

 

2/7

แม่ลูกจันทร์กราบเรียนว่าเมื่อกติกาเปิดช่องให้ ส.ส. ส.ว.

ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญ ได้ก็เป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านจะขอ

ใช้บริการเสริมพิเศษจากศาลรัฐธรรมนูญ

แต่ประเด็นสำคัญคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตรา

เป็นคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง

แถมผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ เวชชา-ชีวะ ก็เรียกร้องไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ให้แก้ไขเป็นรายมาตรา

ทีนี้ พอรัฐบาลยื่นขอแก้ไขเป็นรายมาตรา ฝ่ายค้านก็อ้างว่า

การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน

สวมวิญญาณปลาหมอแถกเหงือกไปอีกทาง

 

3/7

แม่ลูกจันทร์ฟันธงว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ประเด็น

เป็นประโยชน์ประชาชน เพื่อประโยชน์ประเทศ และเป็นไป

ตามหลักประชาธิปไตย

1, การแก้ไขประเด็นยุบพรรคการเมือง ลงโทษกรรมการ

บริหารพรรคเหมาเข่ง เป็นบทลงโทษที่ขัดหลักนิติธรรม

ข้อสำคัญ การยุบพรรคเหมาเข่ง ยังเป็นการละเมิดสิทธิ

ขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

นับสิบล้านคน

 

4/7

 

2, การแก้ไขที่มาของ ส.ว. โดยการยกเลิก ส.ว.ลากตั้ง และ

ให้มีเฉพาะ ส.ว.เลือกตั้ง 200 คน ที่มาจากประชาชนโดยตรง

นี่คือการคืนสิทธิ์ให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง

ไม่ใช่ให้ คน 7 คนแอบใช้อำนาจประชาชน 65 ล้านคน

ไปลากตั้ง ส.ว.กันตามอำเภอใจ

 

5/7

 

3, การแก้ไขมาตรา 190 ไม่ให้รัฐบาลต้องเปิดเผยรายละเอียด

เงื่อนไข ความตกลงต่างประเทศต่อรัฐสภาก่อนไปเจรจาต่อรอง

การแก้รัฐธรรมนูญมาตรานี้ ก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศโดยรวม

 

 

6/7

ส่วนประเด็นไส้ติ่ง แก้ไขมาตรา 68 สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

ให้เสนอผ่านอัยการสูงสุด ก่อนยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ

ก็เพื่อให้ขั้นตอนมีความชัดเจน ไม่เกิดปัญหาขัดแย้งอย่างที่

ผ่านมา..ไม่ใช่เป็นการตัดสิทธิ์ประชาชนอย่างที่ฝ่ายค้านโจมตี

แม่ลูกจันทร์มองว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีสิทธิ์อ้างว่าการ

แก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ประชาชน แต่เพื่อ

ประโยชน์ของนักการเมือง


เพราะ รัฐบาลอภิสิทธิ์นั่นแหละ ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยน

กติกาเลือกตั้ง เพื่อเอาเปรียบคู่แข่ง และเพื่อประโยชน์ตัวเอง

 

 

7/7

นี่ไม่ใช่พูดชุ่ยๆ มีใบเสร็จยืนยัน

1, แก้รัฐธรรมนูญ เพิ่มจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 80 คน

เป็น 125 คน

เพราะหวังว่าคะแนนรวมพรรคประ-ชาธิปัตย์จะสูสีคะแนนรวม

พรรคไทยรักไทย

การเพิ่มโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 80 คนเป็น 125 คน

จะทำให้ ปชป.ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ

2, แก้กติกาเลือกตั้ง ลดจำนวน ส.ส.เขต จาก 400 ให้เหลือ 375 คน

ผลที่ตามมาคือทำให้โควตา ส.ส.อีสานและ ส.ส.เหนือซึ่งเป็นฐาน

ที่มั่นพรรคเพื่อไทยลดไปทันที 16 คน


ส่วน ส.ส.ใต้ซึ่งเป็นฐานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ลดไปแค่ 4 คน

เกมนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้กำไร พรรคเพื่อไทยขาดทุน

นี่แหละตัวอย่างการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์นักการเมือง

แหม...แกล้งลืมอีกแล้วไง.

 


แม่ลูกจันทร์

 

 

********************************************************************************************

 

     

                                 พระอรหันห์ตอบแทนคุณ

 

 

พระสารีบุตรแรกเกิดชื่อว่า “อุปติสสะ” เป็นบุตรของนางพราหมณีชื่อสารี และพราหมณ์ชื่อวันคันตะ ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านอุปติสคามแห่งตำบลนาลกะหรือนาลันทะ ในวันเดียวกันวันที่นางพราหมณีสารีให้กำเนิดอุปติสสะนั้นมีครอบครัวข้างเคียงให้กำเนิดบุตรชื่อว่า “โกลิตะ” หรือเมื่อต่อมาพระมหาโมคัลลานะเมื่อเจริญเติบโตขึ้นก็ได้มาเป็นเพื่อนสนิทกัน

วันหนึ่งอุปติสสะและโกลิตะได้ช่วนกันไปเที่ยวในงานรื่นเริงประจำปีในกรุงราชคฤห์ ขณะชมมหรสพอยู่นั้นเกิดความสลดใจขึ้นมาอย่างเดียวกันว่ากิจกรรมนี้ชั่งไร้สาระสิ้นดี หาสาระอะไรไม่ได้เลยควรจะหาสิ่งใดเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและหลุดพ้นจากบ่วงเช่นนี้ ต่อมาสองสหายได้ไปมอบตัวเป็นศิษย์ของสำนักทางปรัชญาผู้มีชื่อเสียง นามว่า สัญชัย เวลัฏฐบุตร

เช้าตรู่วันที่พระอัสสะชิหนึ่งในปัญจวัคคีย์ที่บรรลุพระอรหันต์แล้วห่มจีวรถือบาตรไปสู่กรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาท อุปติสสะเมื่อพบพระอัสสะชิเถระเกิดความประทับใจในพระอิริยาบทที่สำรวมและน่าเลื่อมใสของพระอัสสะชิผู้มีอินทรีย์ฝึกมาดีแล้วจึงเกิดคิดว่าท่านผู้นี้จักต้องเป็นพระอรหันต์ จึงได้ตามพระอัสสะชิไปข้างหลังและรอคอยโอกาสที่เหมาะสม แล้วจึงสอบถามพระเถระพระอัสสะชิเถระได้แสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้าตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและความดับแห่งธรรมเหล่านั้นพระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้ครั้นเมื่ออุปติสสะและโกลิตะได้ชวนกันไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานการอุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิขุอุสัมปทา และทรงบัญญัตินามให้อุปติสสะว่าพระสารีบุตรและโกลิตะว่าพระโมคคัลลานะ ซึ่งต่อมาพระสารีบุตรได้รับการยกย่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นพระธรรมเสนาบดีอัครสาวกเบื้องขวาส่วนพระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธองค์

พระสารีบุตรมีน้องชาย ๓ คน และน้องสาวอีก ๓ คน ภายหลังพระสารีบุตรได้ชวนน้องทั้งหกคนออกบวช คือ พระจุนทะ พระเรวตะ พระอุปเสนะ และน้องสาว คือ พระจาลาเถรี พระอุปจาลาเถรี และพระสีสุปจาลาเถรี การที่พระสารีบุตรชวนน้องทั้งหกคนบวชนั้นเป็นเหตุให้นางพราหมณีสารีผู้เป็นมารดานั้นไม่ค่อยพึงพอใจนัก เพราะคิดว่าทอดทิ้งนางออกไปบวช ประกอบกับนางสารีพราหมณีเป็นผู้ที่มีทิฐิมานะแรงจึงไม่ค่อยชื่นชมและเชื่อถือพระลูกชายนับแต่พระสารีบุตรได้ฟังธรรมเทศนาที่พระอัสสชิแสดงจนบรรลุโสดาบันแล้วได้มาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาท่านก็ได้นับถือพระอัสสชิเป็นพระอาจารย์ทำการเคารพอยู่เสมอแม้ได้ยินข่าวว่าพระอัสสชิอยู่ทิศใด เมื่อจะนอน ท่านจะนมัสการไปทิศนั้นก่อนแล้วนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น

อีกตัวอย่างหนึ่งของความกตัญญูของพระสารีบุตรก็คือ พราหมณ์ชื่อ ราธะ มีศรัทธาจะอุปสมบท แต่ไม่มีภิษุรูปใดรับเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ พระตรัสถามในที่ประชุมสงฆ์ว่าผู้ใดระลึกถึงอุปการะของพราหมณ์ผู้นี้ได้บ้างพระสารีบุตรเถระกราบทูลว่า ระลึกได้ คือครั้งหนึ่งราธพราหมณ์ผู้นี้ได้เคยใส่บาตรด้วยข้าวสุกแก่ข้าพระพุทธเจ้าหนึ่งทัพพี พระพุทธองค์จึงมอบให้พระสารีบุตรเป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทให้แก่ราธพราหมณ์

อีกตัวอย่างหนึ่งของความกตัญญูรู้คุณของพระสารีบุตร คือ การไปตอบแทนคุณมารดาด้วยการกลับไปนิพพาน ณ ห้องที่ท่านเกิดที่บ้านของท่าน ตอนแรกที่นางสารีพราหมณีทราบว่าพระลูกชายกลับมาบ้าน โดยนางไม่รู้ว่าพระสารีบุตรมีความต้องการจะตอบแทนคุณมารดาด้วยการเทศนาธรรม และนางไม่เชื่อว่าพระลูกชายเป็นพระอรหันต์ เมื่อพระสารีบุตรพร้อมด้วยพระจุนทะพระน้องชายพร้อมบริวารเข้าไปในสถานที่ที่โยมมารดาให้คนจัดให้ตามประสงค์แล้วตกดึกพระสารีบุตรก็ป่วยด้วยโรคปักขันทิกาพาท(ถ่ายจนเป็นเลือด)อย่างปัจจุบันทันด่วน ท่านได้รับทุกขเวทนาอย่างมากพระจุนทะและบริวารช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิดฝ่ายมารดาเห็นว่าท่านอาพาธหนักถึงเข้ามาดูอาการด้วยความห่วงใย ขณะนั้นเทวดาองค์สำคัญๆ ต่างมาเยี่ยมอาการป่วยของท่านตามลำดับคือ

 

ท้าวมหาราชทั้งสี่ ได้แก่ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์ ท้าววิรุฬหก และท้าวเวสสุวัน ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์ )ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสุยามผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นยามา ท้าวสันดุสิตผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดุสิต ท้าวสุนิมมิตผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นนิมมานรดีและท้าวปรนิมมิตวสวัตดี เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัตดีรวมทั้งท้าวมหาพรหมแห่งพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ก็ได้มาเยี่ยมอาการป่วยของท่านด้วย เทวดาและท้าวมหาพรหมแต่ละองค์นั้นล้วนมัศมีกายเปล่งปลั่งงดงาม ต่างพามาเยี่ยมอาการป่วยของท่านด้วยความเป็นห่วงและเคารพยิ่ง นางสารีเห็นเหตุการณ์นั้นตลอด เมื่ออาการของพระเถระค่อยบรรเทาลง นางได้เข้าไปหาแล้วสนทนาด้วย โดยได้ถามถึงเทวดาองค์สำคัญๆ ที่มาเยี่ยมซึ่งนางไม่ทราบว่าเป็นใคร ท่านได้บอกให้โยมมารดาทราบตามลำดับจนกระทั่งถึงท้าวมหาพรหม

“อุปติสสะ” โยมมารดาเรียกชื่อเดิมของท่านด้วยความอัศจรรย์ใจ “นี่ลูกของแม่ใหญ่กว่าท้าวมหาพรหมอีกหรือ”
“ใช่...โยมแม่” ท่านตอบรับ ทันใดนั้นโยมแม่ก็เกิดปีติอย่างใหญ่หลวง สีหน้าอิ่มเอิบเมื่อได้ทราบว่าพระลูกชายยิ่งใหญ่กว่าท้าวมหาพรหมที่ตนเคารพ
“อุปติสสะลูกชายเรายิ่งใหญ่ขนาดนี้แล้วพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระศาสดาของลูกชายเราเล่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน” นางนางสารีคิดไปถึงพระพุทธเจ้า
พระสารีบุตรสังเกตดูโยมมารดาตลอดเวลา เมื่อเห็นจิตจิตใจเริ่มอ่อนโยนเหมาะจะรับน้ำย้อม คือ คำสอนทางพระพุทธศาสนาได้ จึงเริ่มแสดงธรรมโปรดโดยพรรณนาถึงพระพุทธคุณนานาประการ อาทิ พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระอรหันต์ห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง โยมมารดาฟังแล้วเลื่อมใสยิ่งนักเมื่อจบฟังธรรมเทศนานางก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล พระเถระได้ตอบแทนคุณโยมมารดาด้วยการตอบแทนที่ล้ำค่า คือให้พ้นความเห็นผิดที่มีมานานเสียได้ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญเช่นนั้น ส่วนโยมมารดารู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาและไม่ได้สัมผัสอมตธรรม จึงพูดกับพระสารีบุตรเป็นเชิงต่อว่า


“ลูกรักทำไมจึงเพิ่งมาให้อมตธรรมนี้แก่แม่เหล่า” หลังจากโยมมารดาลากลับไปที่พักผ่อนแล้วท่านก็ได้บอกพระจุนทะให้นิมนต์พระบริวารมาประชุมพร้อมกัน ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้สว่างท่านดูอิดโรยเต็มทีแต่ถึงกระนั้นก็พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง โดยพระจุนทะคอยประคองอยู่ตลอดเวลา
“ท่านทั้งหลาย” พระเถระเอ่ยขึ้นด้วยน้ำแสงแหบพร่า
“ผมกับท่านอยู่ด้วยกันมานานถึง ๔๔ ปี หากกายกรรมและวจีกรรมของผมอันใดไม่เป็นที่พอใจขอได้อภัยให้ผมด้วย"
“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ” บริวารกล่าวตอบ “พวกกระผมติดตามท่านมานานยังมองไม่เห็นกายกรรมและวจีกรรมที่ไม่สมควร เมื่อพระเถระกับพระบริวารต่างกล่าวคำขอขมากันและกันแล้ว แสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้าแล้วเช้าวันนั้นเบญจขันธ์เริ่มอ่อนล้าของพระเถระก็ดับลงอย่างสนิท

ท่านนิพพานเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ในห้องที่ท่านเกิด เทวดาและมนุษย์ได้พร้อมใจกันฌาปนกิจศพของท่านอย่างสมเกียรติ พระจุนทะนำผ้าขาวมาห่ออัฐิของท่านแล้วนำไปพร้อมทั้งบาตรและจีวร เพื่อมอบให้พระอานนท์นำไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงรับอัฐิของท่านแล้วโปรดให้สร้างสถูปบรรจุไว้ที่ใกล้ประตูเชตวันมหาวิหารเพื่อให้พุทธบริษัทได้สักการะต่อไป

จะสังเกตเห็นว่าพระสารีบุตรนั้นทรงเป็นผู้ที่กตัญญูรู้คุณและปฏิบัติเพื่อตอบแทนคุณด้วยความเคารพและนอบน้อม ทั้งต่อพระอัสสะชิซึ่งเป็นพระอาจารย์ในพระพุทธศาสนาพระองค์แรกของท่านและตอบแทนคุณมารดา ตลอดจนสำนึกรู้คุณและผูกพันต่อบ้านเกิดโดยกลับมาเทศนาธรรมให้มารดาและกลับมานิพพานในห้องที่ท่านเกิด และแม้นิพพานก็ยังสำนึกรู้คุณแก่พระเถระทั้งหลายที่ตามมาร่วมปรนนิบัติ ด้วยการขอขมาหากเคยกระทำล่วงเกินใดๆ ไว้ทั้งๆ ที่มิได้กระทำใดเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการสำนึกกตัญญูรู้คุณของพระสารีบุตร เป็นปัญญาที่สูงส่งยิ่ง

 

 

 ******************************************************************

 

 

      ทำไมการเเกว่งเเขน การว่ายน้ำจึงสำคัญนัก

ทำไมการเเกว่งเเขน การว่ายน้ำจึงสำคัญนัก

 

ทำไมการเเกว่งเเขน  การว่ายน้ำจึงสำคัญนัก </p><p>ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมารณรงค์ให้ออกกำลังกายด้วยการเเกว่งเเขนโดยอ้างว่าลดพุงได้อีกด้วย  หลายคนเเปลกใจว่าเกี่ยวกันตรงไหน ? เเกว่งเเขน(เเบบตำราเเพทย์เเผนจีนที่ใช้กันมานับพันปี)  บางคนถึงกับหัวเราะเยาะว่า เว่อร์เกิ้น </p><p>อย่าเพิ่งดูถูกครับ </p><p>ใต้หัวไหล่ที่เรียกว่ารักเเร้นั้นคือชุมทางของต่อมน้ำเหลืองเบ้อเริ่ม  <br />บริเวณขาหนีบนั่นก็ชุมทางของต่อมน้ำเหลืองขนาดใหญ่  </p><p>การขยับหัวไหล่เเละรักเเร้ของการเเกว่งเเขนก็ดี <br />การว่ายน้ำที่ขยับทั้งหัวไหล่เเละขาหนีบก็ดี </p><p>ล้วนเเล้วเเต่เป็นการออกกำลังให้ต่อมน้ำเหลืองขยับเพิ่มการไหลเวียนน้ำเหลืองจึงไม่ใช่ของเล่นธรรมดาๆ </p><p>ลองอ่านงานเขียนของ Dr. Kimberly Kaye ต่อไปนี้ดูเองก็จะร้องอ่อ ว่าอย่างนี้นี่เอง....  รู้งี้ทำไปตั้งนานเเล้ว......รู้งี้ว่ายน้ำจนเป็นเเชมป์ไปเเล้ว.....รู้งี้เเขนฉันก้ไม่มีเซลลูไลท์หรอกนะเนี่ย ........  <br />=================================<br />คำว่าระบบน้ำเหลืองนั้นหมายรวมถึง ม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัส ต่อมน้ำเหลืองต่างๆ น้ำเหลือง  ท่อน้ำเหลือง    นับเป็นระบบที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อทำความสะอาด ชำระล้างของร่างกาย อันจำเป็นต่อ การรักษาสุขภาพให้เเข็งเเรง   เยียวยาความเจ็บป่วย  </p><p>เพราะระบบน้ำเหลืองมีหน้าที่ขนถ่ายของเสีย พิษที่สะสมในร่างกาย  เศษของเซลล์ที่ตายเเล้ว ออกไปกำจัดยังอวัยวะที่รับผิดชอบเเละขับออกไปจากร่างกาย   <br />นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดขาว เเอนตี้บอดี้  ของระบบภูมคุ้มกัน   ตลอดระยะทางของท่อน้ำเหลืองจะมีต่อมน้ำเหลืองอยู่เป็นระยะๆเพื่อช่วยกรองสารเเปลกปลอม เชื้อโรค ที่มีอันตราย </p><p>ตับเป็นอวัยวะที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบน้ำเหลือง โดยตับมีหน้าที่สร้างน้ำเหลืองเป็นส่วนมาก  เเละตับก็อาศัยน้ำเหลืองนี่เองขนส่งสารอาหารที่ย่อยเเล้วจากตับเเละลำไส้เล็กไปส่งต่อให้กับเซลล์เเละอวัยวะต่างๆ <br />ม้ามเป็นอวัยวะขนาดใหญ่ที่สุดของระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่กรองเเละกำจัดเซลล์เม็ดเลือดเเดงที่หมดอายุ  เเละเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย   </p><p>ใครก็ตามที่ผ่าตัดเอาม้าม ต่อมทอนซิล  ต่อมไธมัสออกไป จะติดเชื้อได้ง่ายขาดภูมิต้านทาน </p><p>หากการไหลเวียนของน้ำเหลืองติดขัด จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองบวม อักเสบ <br />บริเวณที่น้ำเหลืองไหลเวียนเเละสังเกตุได้ชัดเจนได้เเก่ ลำคอ หลังใบหู  ท้ายทอย หน้าอก  รักเเร้ใต้หัวไหล่  ท้องเเขน  หน้าท้องกึ่งกลางระหว่างหน้าอกกับสะดือ  บริเวณขาหนีบ</p><p>เนื่องจากน้ำเหลืองไม่มีปั้มเหมือนระบบเลือดที่มีหัวใจเป็นปั้ม  ดังนั้นการกระตุ้นให้น้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้นจึงต้องพึ่งพิงการออกกำลังกายเเละการหายใจให้ลึกๆเป็นหลัก เพื่อเขย่ากระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลืองด้วยการขยับกล้ามเนื้อ เเละกระบังลม  </p><p>การเต้นกระโดดบน trampoline ดูจะเป็นวิธีการที่กระตุ้นน้ำเหลืองได้่ทั่วร่างกาย    หากเต้นไม่ได้ก็อาจใช้วิธี กัวช่า (Gua Sha)   การนวดด้วยน้ำมัน   การนวดเเผนไทย </p><p>ใครก็ตามที่มักมีอาการ ผิวซีด ซูบซีด หลงๆลืมๆ ติดเชื้อบ่อยๆ เป็นหวัดเจ็บคอเสมอๆ  เริ่มมีเซลลูไลท์เพิ่มมากขึ้น  ให้สงสัยระบบน้ำเหลืองติดขัด ไหลเวียนไม่ดี  ทั้งนี้็็ก็เข้าใจได้ไม่ยากนักเพราะของเสีย ขยะมีพิษ ตกค้างสะสมนั่นเอง </p><p>อย่าละเลยอาการน้ำเหลืองติดขัด โดยไม่ได้รักษาเพราะ นานวันเข้าพิษร้ายอาจทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อด้วยมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง </p><p>เขียนโดย  Dr. Kimberly Kaye Castaneda<br />เเปลเรียบเรียงโดย Wellness 2012 .

ทำไมการเเกว่งเเขน การว่ายน้ำจึงสำคัญนัก

 

ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมารณรงค์ให้ออกกำลังกายด้วยการเเกว่งเเขนโดยอ้างว่าลดพุงได้อีกด้วย หลายคนเเปลกใจว่าเกี่ย...วกันตรงไหน ? เเกว่งเเขน(เเบบตำราเเพทย์เเผนจีนที่ใช้กันมานับพันปี) บางคนถึงกับหัวเราะเยาะว่า เว่อร์เกิ้น

อย่าเพิ่งดูถูกครับ

ใต้หัวไหล่ที่เรียกว่ารักเเร้นั้นคือชุมทางของต่อมน้ำเหลืองเบ้อเริ่ม
บริเวณขาหนีบนั่นก็ชุมทางของต่อมน้ำเหลืองขนาดใหญ่

การขยับหัวไหล่เเละรักเเร้ของการเเกว่งเเขนก็ดี
การว่ายน้ำที่ขยับทั้งหัวไหล่เเละขาหนีบก็ดี

ล้วนเเล้วเเต่เป็นการออกกำลังให้ต่อมน้ำเหลืองขยับเพิ่มการไหลเวียนน้ำเหลืองจึงไม่ใช่ของเล่นธรรมดาๆ

ลองอ่านงานเขียนของ Dr. Kimberly Kaye ต่อไปนี้ดูเองก็จะร้องอ่อ ว่าอย่างนี้นี่เอง.... รู้งี้ทำไปตั้งนานเเล้ว......รู้งี้ว่ายน้ำจนเป็นเเชมป์ไปเเล้ว.....รู้งี้เเขนฉันก้ไม่มีเซลลูไลท์หรอกนะเนี่ย ........
=================================

 


คำว่าระบบน้ำเหลืองนั้นหมายรวมถึง ม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัส ต่อมน้ำเหลืองต่างๆ น้ำเหลือง ท่อน้ำเหลือง นับเป็นระบบที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อทำความสะอาด ชำระล้างของร่างกาย อันจำเป็นต่อ การรักษาสุขภาพให้เเข็งเเรง เยียวยาความเจ็บป่วย

เพราะระบบน้ำเหลืองมีหน้าที่ขนถ่ายของเสีย พิษที่สะสมในร่างกาย เศษของเซลล์ที่ตายเเล้ว ออกไปกำจัดยังอวัยวะที่รับผิดชอบเเละขับออกไปจากร่างกาย
นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดขาว เเอนตี้บอดี้ ของระบบภูมคุ้มกัน ตลอดระยะทางของท่อน้ำเหลืองจะมีต่อมน้ำเหลืองอยู่เป็นระยะๆเพื่อช่วยกรองสารเเปลกปลอม เชื้อโรค ที่มีอันตราย

ตับเป็นอวัยวะที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบน้ำเหลือง โดยตับมีหน้าที่สร้างน้ำเหลืองเป็นส่วนมาก เเละตับก็อาศัยน้ำเหลืองนี่เองขนส่งสารอาหารที่ย่อยเเล้วจากตับเเละลำไส้เล็กไปส่งต่อให้กับเซลล์เเละอวัยวะต่างๆ
ม้ามเป็นอวัยวะขนาดใหญ่ที่สุดของระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่กรองเเละกำจัดเซลล์เม็ดเลือดเเดงที่หมดอายุ เเละเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

 

ใครก็ตามที่ผ่าตัดเอาม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัสออกไป จะติดเชื้อได้ง่ายขาดภูมิต้านทา

หากการไหลเวียนของน้ำเหลืองติดขัด จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองบวม อักเสบ
บริเวณที่น้ำเหลืองไหลเวียนเเละสังเกตุได้ชัดเจนได้เเก่ ลำคอ หลังใบหู ท้ายทอย หน้าอก รักเเร้ใต้หัวไหล่ ท้องเเขน หน้าท้องกึ่งกลางระหว่างหน้าอกกับสะดือ บริเวณขาหนีบ

เนื่องจากน้ำเหลืองไม่มีปั้มเหมือนระบบเลือดที่มีหัวใจเป็นปั้ม ดังนั้นการกระตุ้นให้น้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้นจึงต้องพึ่งพิงการออกกำลังกายเเละการหายใจให้ลึกๆเป็นหลัก เพื่อเขย่ากระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลืองด้วยการขยับกล้ามเนื้อ เเละกระบังลม

 

การเต้นกระโดดบน trampoline ดูจะเป็นวิธีการที่กระตุ้นน้ำเหลืองได้่ทั่วร่างกาย หากเต้นไม่ได้ก็อาจใช้วิธี กัวช่า (Gua Sha) การนวดด้วยน้ำมัน การนวดเเผนไทย

ใครก็ตามที่มักมีอาการ ผิวซีด ซูบซีด หลงๆลืมๆ ติดเชื้อบ่อยๆ เป็นหวัดเจ็บคอเสมอๆ เริ่มมีเซลลูไลท์เพิ่มมากขึ้น ให้สงสัยระบบน้ำเหลืองติดขัด ไหลเวียนไม่ดี ทั้งนี้็็ก็เข้าใจได้ไม่ยากนักเพราะของเสีย ขยะมีพิษ ตกค้างสะสมนั่นเอง

อย่าละเลยอาการน้ำเหลืองติดขัด โดยไม่ได้รักษาเพราะ นานวันเข้าพิษร้ายอาจทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อด้วยมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง

เขียนโดย Dr. Kimberly Kaye Castaneda
เเปลเรียบเรียงโดย Wellness 2012 .

 

 

 

*************************************************************

 

 

 

 

                 "ชวน"กรีดโต้พรรคไม่ได้ถูกอุ้มโดยตุลาการฯ

 

เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 1 เม.ย. บรรยากาศการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ เมื่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ขึ้นทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม บรรดาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต่างพากันเข้ามานั่งในห้องประชุม

 

โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายเนื่องจากถูกพาดพิงทันที ว่า ก่อนหน้านี้ที่ได้มีการกล่าวพาดพิงว่า มีพรรคการเมืองเก่าแก่ ไม่เคยถูกยุบพรรค จะคิดเป็นพรรคอื่นไม่ได้นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่พรรคเดียวที่ไม่ถูกยุบ เนื่องจากพรรค ประชาธิปัตย์ เราได้ถูกปลูกฝังมาในการทำหน้าที่ให้ยึดหลักของกฎหมาย และการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้กระทำความผิด ถึงแม้จะมีการวิ่งเต้นของทนายความจากอดีตนายกฯ 2 คน ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตุลาการฯ ไม่เอาด้วย จึงถูกข่มขู่ ข้อความเหล่านี้ออกมาจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ไปฟ้องจำเลย และจำเลยก็อยู่ในสภาฯแห่งนี้

 

ทำให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง ว่า นายชวน พูดเท็จ แต่นายชวนยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหา การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบเพราะไม่ได้ทำผิด

 

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โต้ว่า นายชวนไม่ควรมาตีกินเรื่องนี้ เพราะ 3 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ถอนฟ้องไปแล้ว ทำให้นายชวนลุกขึ้นโต้ว่า กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถอนฟ้อง เพราะนายพร้อมพงศ์ ได้ไปกราบขอขมาขอให้ถอนฟ้อง

 

จากนั้นนพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นตอบโต้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ทำให้่นายสมศักดิ์ พยายามไกล่เกลี่ย แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมกัน ทำให้นายสมศักดิ์ พูดออกมาว่า “จะเอาไหมรัฐธรรมนูญ หรือจะเอาเรื่อง หรือจะโต้กันไปกันมา 4 ทุ่มแล้วเลิกดีหรือไม่”

 

จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ลุกขึ้นมาตอบโต้ นพ.สุกิจ ว่า ตนไม่ได้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตนให้เกียรตินายชวน และทำตามหน้าที่ และที่ตนถูกพาดพิงก็ทำให้เสียหาย ตนก็ต้องใช้สิทธิ์พาดพิง แต่น.พ.สุกิจ ไม่ยอมและขอให้ถอนคำพูดว่า “นายชวนพูดเท็จ” มากล่าวหาผู้หลักผู้ใหญ่ของตนอย่างนี้ไม่ได้ ถ้ากล่าวหาตนว่าพูดเท็จ ตนยังไม่โกรธเท่านี้ จนนายสมศักดิ์ พยายามไกล่เกลี่ยให้จ.ส.ต.ประสิทธิ์ เป็นผู้เสียสละถอนคำพูด เรื่องจะได้จบ จนในที่สุด จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ยินยอมถอนคำพูดดังกล่าว

 

จากนั้นเข้าสู่การอภิปรายตามปกติ โดยส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอสงวนสิทธิ์ ในช่วงที่นายนิคม ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เข้ามาอภิปราย...................................

 

 

 

"โกหกหน้าตาเฉยว่า...ทำตามหลักการกฎหมายไม่ผิด

เมื่อไม่ผิดตลกจึงเอาผิดยุบพรรคไม่ได้

 

โถ...นายจวนนั่งเฉยๆดูเด็กๆเขาสาดน้ำใส่กัน จะน่านับถือบ้าง

เรื่องราวของแมงสาบที่โผล่ออกมาแต่ละเรื่อง...มันไม่ใช่ถูกหรือผิดหลักกฎหมาย

 

แต่มันเป็นเรื่องของการเลี่ยงบาลีบ้าง...ทำมึนบ้างของคนบางกลุ่ม

ยกตัวอย่าง...ยุบไทยรักไทยแต่ไม่ยุบ ปชป.

 

พอพยานปากเอกออกมาสารภาพผิดว่า...ถูกจ้างให้ใส่ร้าย

แทนที่จะมีการสอบสวนพิจารณาใหม่...กลับบอกว่า

เรื่องมันจบไปแล้ว...อย่าไปขุดคุ้ยขึ้นมาเลย นี่หรือคือ *หลักการ*

 

หรืออีกครั้งหนึ่งนายทะเบียน กกต.ส่งเรื่องฟ้องร้องตอนหมดอายุความ

ตอนยังไม่หมดอายุความ...ทำไมไม่ส่งเรื่อง ทำไมต้องรอให้หมดเวลาถึงส่ง

 

พอเรื่องถึงตลกก็อ้างว่าคดีหมดอายุความ...

ผิดจริงหรือถูกจริงไม่รู้...ไม่มีการพิจารณาวินิจฉัยเพราะหมดอายุความ

 

นายจวนมาตอบข้อสงสัยข้องใจพวกนั้นหน่อยสิ...ปฏิเสธไม่ว่า

แต่เพราะอะไรหวยมันถึงออกมาเป็นคุณกับแมงสาบ...ทั้ง 2 กรณี........"

 

(จากคุณ payai97 ประชาทอล์ค บอร์ด)

 

 

*******************************************************

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 19:10:53 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>