(จากวิกิพิเดีย)
22 มกราคม พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - รัฐบาลไทยกำหนดให้ใช้คำว่า " สวัสดี " เป็นคำทักทายเมื่อพบเจอกันหรือลาจาก
สวัสดี เป็นคำทักทายของคนไทย โดยจะใช้เมื่อแรกพบกัน หรือ เมื่อต้องการบอกลา โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "สวัสดี (สวัสดิ์)" ว่าหมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย[1]
สวัสดี" หมายถึง ความดี ความงาม ความปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรือง การอวยชัยให้พร คำทักทาย หรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน
ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) โดยพิจารณามาจากศัพท์ "โสตถิ" ในภาษาบาลี หรือ "สวัสติ" ในภาษาสันสกฤต โดยได้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2486 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเห็นชอบให้ใช้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม เป็นต้นมา[2]
"สวัสดี" เป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า "สุ" เป็นคำอุปสรรค (คำเติมหน้าศัพท์ที่ทำให้ความหมายของศัพท์เปลี่ยนแปลงไป) แปลว่า ดี งาม หรือ ง่าย และคำว่า "อสฺติ" เป็นคำกิริยาแปลว่า มี แผลงคำว่า "สุ" เป็น "สว" (สฺวะ) ได้โดยเอา "อุ" เป็น "โอ" เอา "โอ" เป็น "สฺว" ตามหลักไวยากรณ์ แล้วสนธิกับคำว่า "อสฺติ" เป็น "สวสฺติ" อ่านว่า สะ-วัด-ติ แปลว่า "ขอความดีความงามจงมี (แก่ท่าน)"
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้ปรับเสียงของคำว่า "สวสฺติ" ที่ท่านได้สร้างสรรค์ขึ้นให้ง่ายต่อการออกเสียงของคนไทย จากคำสระเสียงสั้น (รัสสระ) ซึ่งเป็นคำตาย มาเป็นคำสระเสียงยาว (ทีฆสระ) ซึ่งเป็นคำเป็น ทำให้ฟังไพเราะ รื่นหูกว่า จึงกลายเป็น "สวัสดี" ใช้เป็นคำทักทายที่ไพเราะและสื่อความหมายดีๆ ต่อกันของคนไทย ส่วนคำว่า "ราตรีสวัสดิ์" ซึ่งเป็นคำแปลจากคำว่า "good night" ซึ่งเป็นคำลาในภาษาอังกฤษ ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เช่นกัน โดยกำหนดให้คนไทยทักกันตอนเช้าว่า "อรุณสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good morning" และให้ทักกันในตอนบ่ายว่า "ทิวาสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good afternoon" ส่วนตอนเย็นให้ทักกันว่า "สายัณห์สวัสดิ์" มาจากคำว่า "good evening" แต่เนื่องจากต้องเปลี่ยนไปตามเวลา จึงไม่เป็นที่นิยม คนไทยนิยมใช้คำว่า "สวัสดี" มากกว่า เพราะใช้ได้ตลอดเวลา แต่กระนั้น คนไทยก็ยังคงใช้อยู่บ้างบางคำคือ คำว่า อรุณสวัสดิ์ และราตรีสวัสดิ์
คำว่าสวัสดีนั้นจะทำหน้าที่ทั้งการทักทาย และอวยพรไปในคราวเดียวกัน และเมื่อเรากล่าวคำว่าสวัสดี คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้นมาจากใจของผู้ไหว้
ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่าสวัสดีพร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำที่งดงามของคนไทยที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำที่งดงามดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลต่อทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง และยังสามารถเพิ่มสเน่ห์ในตัวบุคคลได้อีกด้วย
*** กลอนหวานผ่านใจ ***
เล็กกว่านี้มีมั้ย?!!.......
....ก็ไม่รู้ อันใหญ่ ไปไหนหมด?
เท่าขามด กรรไกรจิ๋ว เบาหวิวสวย
เผลอไม่ได้ สติมั่น ไม่งั้นซวย
คุณพระช่วย ตัดผิดพลาด อาจถึงตาย
....อย่างเรานี้ เล็บด๊ำดำ ทำเลอะเทอะ
มือไปเปรอะ อะไรมา น่าเสียหาย
ดูซิน่ะ เล็บก็เเตก เเปลกเเยกลาย
นิ้วสุดท้าย เชื้อโรคตรึม ซึมเลยเรา......
ร่อนหนังสือเชิญ..คาดโทษ ใครไม่มาต้อนรับ ครม.สัญจร มีโทษทางวินัย
ทน.แม่สอดสั่งระดมคนแต่งเต็มยศรับ “ปู-ชัจจ์”-
คาดโทษฝ่าฝืนเจอสอบ “วินัย”
มีรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า เทศบาลนครแม่สอด
ได้มีหนังสือเวียนภายในแจ้งให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างในสังกัดทุกคน
เข้าร่วมต้อนรับ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ที่จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการสำคัญของ อ.แม่สอด ในวันที่ 19-20 ม.ค.นี้ด้วย
โดยได้มีกำหนดการแต่งกายในวันที่ 20 ม.ค.
ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางมาที่ศูนย์การท่องเที่ยวและศูนย์การประชุมนั้น
ให้พนักงานเทศบาลแต่งเครื่องแบบกากีคอพับแขนยาว ส่วนลูกจ้างประจำ
พนักงานจ้าง ให้แต่งเครื่องแบบกากี
“การเดินทาง มาตรวจพื้นที่ของนายกฯ และ รมช.มหาดไทย
เป็นการปฏิบัติราชการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาล แม่สอด
จึงให้ถือว่าการต้อนรับเป็นวันปฏิบัติราชการปกติ หากไม่มาร่วมต้อนรับดังกล่าวโดยไม่มีเหตุผลอันควร
จะมีการพิจารณาโทษทางวินัยตามสมควรแก่กรณีไป” หนังสือเวียนระบุไว้
แล้วทำไมไม่ไปวันทำงาน
นี่เป็นเวลาของครอบครัว
บางคนต้องจ้างคนมาดูแลเด็ก-ผู้สูงอายุ
ใครจ่ายหากเขาต้องไปในวันหยุดของเขา
วันเสาร์อาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ ข้าราชการเขาจะมีกิจธุระและพักผ่อนบ้าง ยังไปเกณฑ์เขามาต้อนรับอีก
คิดว่าคนจ.ตากตเขารักและชื่นชมรบ.นี้ทุกคนหรือ น่าสงสารที่เขาต้องฝืนใจไปต้อนรับ และยังกำหนดการแต่งกายให้เป็นไปตาม
ประกาศอีกด้วย มันน่าทุเรศสิ้นดี
วันที่: Fri Nov 15 16:28:27 ICT 2024
|
|
|