*** ข่าวพลังภูผา..***
"เราเเค่มาขอหมอ ไปรักษาพ่อเเม่เราบ้าง!!"
เสียงตะโกนก้อง ของกะเหรี่ยงลิ้นดำหลังยึด ร.พ ราชบุรี!!
www.arjanpong.com
#พลังภูผา #ธรณีสัณฑฆาต
เริ่มที่ ตอนเช้าตรู่ของวันที่ 24 มกราคม 2543
ชาวเมืองราชบุรี ตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ในห้วง ฤดูหนาวท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นไม่มีคาดคิดว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ความร้อนระอุ จะแผ่อานุภาพปกคลุมไปทั่วเมืองราชบุรี
เหตุการณ์ระทึกขวัญ ที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทยอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อกะเหรี่ยงก็อดอาร์มี่บุกยึด รพ.ศูนย์ราชบุรี
เวลาที่ผู้คนบางคนยังหลับใหล บางคนอยู่ในบ้านยังหุงหาอาหาร หรือทำกิจกรรมที่บ้านยามเช้าตรู่ ในเวลา 6 โมงเช้า 24 มกราคม 2543 ได้มีรถบัสสาย 18 ได้เดินทางจากบ้านห้วยสุด อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี มุ่งหน้าเข้าตัวเมือง
และแล้วในขณะที่รถโดยสาร ผ่านบ้านหวายน้อย ต.สวนผึ้ง ทันไดนั้นได้มีผู้โดยสารชาย 2 คนขึ้นมาบนรถ ก่อนจะชักปืนจ่อศีรษะ "พินิจ ปองมณี" คนขับไว้
จากนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ได้ส่งสัญญาณให้อีก 8 คนที่ซุ่มอยู่ในป่าข้างทาง โดยที่บุคคลทั้ง 8 คนนี้ ได้ติดอาวุธสงครามครบมือ จากนั้นก็กระโจนขึ้นรถอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่จะบังคับให้คนขับรถโดยสาระตะบึงด้วยความเร็วสูงมุ่งสู่ รพ.ศูนย์ราชบุรี
เมื่อรถได้จอดนิ่งสนิทคนร้าย ได้ใช้ปืนบุกเข้าจี้ รปภ. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ผู้ป่วย และญาติ รวมถึงบังคับให้ ผู้โดยสารที่ติดมากับรถบัส เข้าไปอยู่ในห้องโอพีดี คนร้ายอีกส่วนแยกไปติดตั้งระเบิดเคลย์โมตามประตูทางเข้าและกำแพงโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรีไว้
เมื่อ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ตันบุญเอก รับทราบ และรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ให้ พล.ต.ต.ฉลอง สนใจ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และนายโกเมศ แดงทองดี ผู้ว่าฯ ราชบุรี รับทราบ จากนั้นแล้วนำกำลังตำรวจกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือ สมทบกับกองกำลังทหารค่ายภานุรังษี ปิดล้อมโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรีไว้
กองกำลังก็อดอาร์มี่ ได้ยิงปืนเข้าใส่ ขู่จะกดระเบิด
ทหารและตำรวจจึงต้องถอยร่นออกมาตั้งรับใหม่
พล.ต.ท.อนันต์ เหมทานนท์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.กิตติ สินธุสุวรรณ รอง ผบช.ภ.7 ร่วมประชุมกับนายโกเมศ ระหว่างนี้มีพยาบาลภายในโรงพยาบาลคอยรายงานความเคลื่อนไหวให้ทราบเป็นระยะๆ
ทำให้ทราบว่าตัวประกันถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกถูกคุมตัวอยู่ที่วิทยาลัยพยาบาลด้านทิศใต้
อีกส่วนอยู่ห้องตรวจคนไข้นอก
ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยและญาติที่กระจายอยู่ตามตึกต่างๆ ร่วม 1,000 ชีวิต
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี หารือกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย สั่งเสริมกำลังอีก 300 นาย วางแผนร่วมกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทบ. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศ นายกร ทัพพะรังสี รมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับข้อเรียกร้อง 5 ข้อของกะเหรี่ยงก็อดอาร์มี่
ซึ่งข้อเรียกร้อง 5 ข้อของกะเหรี่ยงก็อดอาร์มี่ ได้แก่
1.ให้รัฐบาลไทยหยุดใช้ปืน ค 120 มม. ยิงชนกลุ่มน้อยตามแนวตะเข็บชายแดน และให้รับรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
2.ให้รัฐบาลไทยหยุดช่วยเหลือทหารพม่าที่มาใช้ดินแดนไทยมาต่อสู้กับชนกลุ่มน้อย
3.ให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือผู้อพยพบ้านบ่อหลี
4.ให้รัฐบาลไทยกดดันรัฐบาลพม่าให้ยอมรับชนชาติกะเหรี่ยง
5.ให้รัฐบาลไทยลงโทษทหารไทยที่สั่งให้ยิงฐานกำลังของตน
ระหว่างนี้มีการยิงปืนขู่เป็นระยะๆ กดดันไม่ให้ตำรวจ-ทหารเคลื่อนไหว
ต่อมาสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เมื่อกะเหรี่ยงก็อดอาร์มี่ยอมปล่อยตัวประกันเด็ก สตรี และคนชราที่ป่วยออกมารักษา
กระทั่งบ่าย 2 โมง กองกำลังก็อดอาร์มี่ ร้องขอช่างภาพโทรทัศน์ช่อง 7 สี เพื่อประกาศเจตนารมณ์ให้สาธารณชนได้รับรู้ โดย พ.จ.อ.ชาลี ศรีเพ็ง ได้รับหน้าที่บันทึกภาพหัวหน้าชุดปฏิบัติการชื่อ "หนุ่ย" หรือ "ปรีดา" ผู้ก่อการร้ายเพียงคนเดียวที่พูดไทยได้และยังเป็น 1 ในกองกำลังกะเหรี่ยง เคเอ็นยู ที่ยึดสถานทูตพม่าประจำประเทศไทย
เมื่อความมืดโรยตัวเข้าครอบคลุม นักรบพระเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าจากลายพรางมาเป็นชุดผู้ป่วย เพื่อให้ตำรวจทหารแยกแยะไม่ออก ป้องกันการจู่โจมและปิดประตูหน้าต่าง ไฟฟ้า ไม่ให้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวภายใน
ระหว่างนี้ทางการไทยได้วางแผนเตรียมจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อจะไม่เป็นผลดี กองกำลังผสมชุดปฏิบัติการนเรศวร 261 ของ ตชด. หน่วยอรินทราช 26 ของ บช.น.และชุดปฏิบัติการ 90 จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ค่อยๆ คืบคลานเข้าประจำจุดอย่างเงียบเชียบและรัดกุม รอคอยคำสั่งปฏิบัติการ เน้นความรวดเร็วและแม่นยำ ที่สำคัญต้องไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจาก 10 ชีวิตของผู้ก่อการร้าย
แผนปฏิบัติการแบ่งออกเป็น 3 ชุด
ชุดแรก
พลร่มป่าหวายทำหน้าที่จู่โจม โดยประกบคนร้ายแบบ 2 ต่อ 1 พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด
ชุดที่ 2 ปิดล้อมอาคารและสนับสนุนปฏิบัติการ หากมีคนร้ายเล็ดลอดออกมา
ชุดที่ 3 ปิดล้อมอยู่ด้านนอก คอยคุ้มกันและสนับสนุนการจู่โจม
และแล้วเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ล่วงเลยมากว่า 22 ชั่วโมงก็มาถึงจุดสิ้นสุดตอนตีห้าครึ่ง
ปฏิบัติการสายฟ้าแลบก็เปิดฉากขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัดของผู้คนใน รพ ศูนย์ราชบุรีแห่งนี้
ระเบิดแบบไร้สเก็ดกว่า 20 ลูก สั่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ รพ.ศูนย์ราชบุรี ที่แสงไฟสปอตไลท์จับอยู่ เสียงปืนและระเบิดกัมปนาทไปทั่วทั้งตัวเมืองราชบุรี ผสานเสียงกรีดร้องของตัวประกัน ที่ก้มหมอบตามเสียงกำชับของชุดปฏิบัติการ ส่วนเบื้องบนก็มีเฮลิคอปเตอร์คอยบินวนฉายสปอตไลท์สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่จู่โจม
โรงพยาบาลกลายเป็นสมรภูมิเลือด เสียงปืนที่ดังทิ้งจังหวะ 1 ชุด 3 นัด เงียบลงตอน 6 โมง 10 นาที
ทหาร-ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ปรากฏร่างนักรบก็อดอาร์มี่ 9 คน นอนเรียงรายจมกองเลือดใกล้ๆ กัน ส่วนรายที่ 10 เสียชีวิตคาห้องน้ำ หลังหลบหนีออกมาจากการปะทะ ทั้งหมดถูกยิงที่ศีรษะในลักษณะเผาขนและเสียชีวิตทันที
เหตุการณ์วันนั้นไม่มีใครได้รับอันตราย จะมีก็เพียงกะเหรี่ยงก็อดอาร์มี่ทั้ง 10 ชีวิตที่ด่าวดิ้นลง พร้อมกับความทรงจำของเจ้าหน้าที่และตัวประกัน ที่เผชิญหน้ากับเหตุการณ์อย่างยากจะลืม.....
Credit :https://www.baanmaha.com/…/39067-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B…
..................
รายการ : #ข่าวพลังภูผา #ธรณีสันฑะฆาต
Radio online : www.arjanpong.com
FM 89.75 MHz. #พระนครศรีอยุธยา
Time : 06.00-08.00 น./17.00-19.00 น ทุกวัน
โทร/line : 0898129392
Email : arjanpong123
วันที่: Fri Nov 15 17:23:15 ICT 2024
|
|
|