*** ข่าวชาวบ้าน!!..***
กฎเเห่งกรรม!! เณรคำเจอคุก 114 ปี!!
Radio online : www.arjanpong.com
FM 89.75 MHz. พระนครศรีอยุธยา
Time : 06.00-08.00 น/17.00-19.00 น. ทุกวัน
สำหรับอดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ นามเดิมว่า "วิรพล สุขผล" เกิดที่บ้านทรายมูล ตำบลทรายมูล อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้ง 5 คนของนายรัตน์ สุขผล และนางสุดใจ สุขผล.....
ด.ช.วีระพล สุขผล บวชเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 ขณะนั้นอายุได้ 15 ปี ที่วัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีหลวงปู่โชติ อาภัคโค เป็นพระอุปัชฌาย์ และเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า "ฉัตติโก" หลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ต่อมาหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ออกเดินทางมายังจังหวัดศรีสะเกษ มีตำแหน่งเป็นประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ตำบลยาง อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนที่จะเกิดเรื่องฉาวมีภรรยาถึง 8 คน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และฐานฟอกเงิน.....
หลังเกิดเรื่องราวฉาวโฉ่ขึ้นมานายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความชื่อดัง ได้นำข้อมูลเข้าร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้สืบหาข้อมูลจนทราบว่ามีการทำผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรง ถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิก จึงอายัดบัญชีเงินฝากกว่า 21 บัญชี วงเงินกว่า 200 ล้านบาท พร้อมทั้งถูกดีเอสไอ ออกหมายจับ 5 ข้อหา คือ 1.พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี 2.กระทำชำเราเด็กหญิง 3.ฉ้อโกงประชาชน 4.ความผิดฐานฟอกเงิน และ 5.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานอวดอุตริมนุสธรรมผ่านเว็บไซต์.....
ขณะที่อดีตเณรคำ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น "พระวิมุติญาณ" แห่งวัดป่าขันติบารมี ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มีเนื้อที่ประมาณ 2 เอเคอร์ เมืองซานติเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีสถานภาพเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งก็ยังมีภาพทำกิจนิมนต์อย่างพระสงฆ์ ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจับกุมตัวได้ที่ย่านริเวอร์ไซด์ อิส ลอสแอนเจลิส จนวันที่ 15 กรกฎาคม 2560 ศาลชั้นต้นแคลิฟอร์เนีย มีคำสั่งให้ส่งตัวนายวิรพล สุขผล เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 เพื่อขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ให้กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย.....
ต่อมานายวีรพล สุขผล ได้ถูกส่งตัวมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ด้วยสายการบินไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งตัวให้อัยการส่งฟ้องศาล แต่นายวีรพล กลับให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาพร้อมขอไปให้สู้คดีในชั้นศาล.....
จนล่าสุดวันนี้ 9 สิงหาคม 2561 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาสั่งจำคุกนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ อายุ 39 ปี จำเลยในความผิดฐานตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ปี 2552, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และฐานฟอกเงิน รวมจำคุกทั้งสิ้น 114 ปี.....
โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552-27 มิถุนายน 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จังหวัดศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน โดยจำเลยได้บังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิต (ฝัน) พบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระโดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ ก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้นๆละ 3 แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ (รูปเหมือนจำเลย) ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าขันติธรรม สาขา 1 จังหวัดอุบลราชธานี สร้างวัดที่จังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากสหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมปี 2554 โดยจำเลยประกาศชักชวนให้ประชาชน นำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าขันติธรรม โดยจัดตู้บริจาค 8 ตู้.....
นอกจากนี้ จำเลยยังได้ใช้เว็บไซต์ เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆ จนมีผู้เสียหาย 29 ราย (เฉพาะที่มาร้องทุกข์) หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคทองคำ เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่า ทั้งสิ้น 28,649,553 บาท แล้วจำเลยโอนเงิน ที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อรถยนต์หรู 3 คัน รถยนต์โตโยต้าแคมรี หลายสิบคัน รถยนต์ตู้โตโยต้า 2 คันโดยทุจริตทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยมิได้ก่อสร้างศาสนสถานใดๆ เลยตามที่กล่าวอ้าง และมิได้เป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแต่อย่างใด เพราะจำเลยต้องปาราชิก พ้นจากความเป็นพระภิกษุ เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์ กับหญิงอื่นจนตั้งครรภ์ เหตุเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษ, อุบลราชธานี เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 ด้วย.....
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่มีเหตุปรักปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ ทั้งศาลแพ่งได้พิพากษาให้ริบเงิน และทรัพย์สินจำนวน 43 ล้านบาทเศษของจำเลย ที่ได้จากการกระทำผิดตกเป็นของแผ่นดิน นอกจากนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยเกินกิจของสงฆ์ นั่งเครื่องบินเช่าเหมาลำ นำเงินไปซื้อรถยนต์หลายสิบคันที่ได้จากการฉ้อโกง โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อต่อสู้จำเลยฟังไม่ขึ้น เชื่อว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง.....
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกสูงสุดตาม ม.91(2) ได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายกับ 29 ราย ตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไปด้วย.....
Credit : http://www.naewna.com/likesara/356866
: https://www.youtube.com/watch?v=VkYZP6YANxs
วันที่: Fri Nov 15 18:28:35 ICT 2024
|
|
|