"ตำนานพระมหาเทพ!! ดาบสองมือสู้จนตัวตาย!!.."
www.arjanpong.com
#ตำนาน #พระมหาเทพ #อยุธยา #พลังภูผา
Credit : สำนักดาบวังหน้า พระนครศรีอยุธยา
ในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเสียกรุงครั้งที่ ๑ ครั้งพระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่าเสด็จยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในเดือน ตุลาคม พ.ศ 2111 ซึ่งได้เกณฑ์
ไพร่พลมาทั้งสิ้น ๕๐๐,๐๐๐ คน และต่อมาก็ได้เกณฑ์ไพร่พลมาสมทบอีก ๕๐๐,๐๐๐ คน แต่ยังมิอาจหักตีกรุงศรีอยุธยาได้
และได้สั่งจัดเตรียมไพร่พลที่กรุงหงสาวดีอีก ๕๐๐,๐๐๐ คน แต่ยังไม่ได้เดินทางออกจากกรุงหงสาวดี
ในครั้งนั้นพระเจ้าบุเรงนองได้ออกอุบาย โดยส่งพระยาจักรีผู้ซึ่งเคยเป็นแม่ทัพคนนึงของ กรุงศรีอยุธยามาเป็นไส้ศึก ซึ่งต่อมา
พระยาจักรีได้หาวิธีให้ร้ายพระศรีเสาวราชน้องยาเธอของสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้ากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งได้ช่วย
อำนวยการรบกับพม่าได้อย่างเข้มแข็งว่าทรงเป็นขบถ จนในที่สุดพระองค์ได้ทรงต้องโทษถูกประหาร พระมหาเทพ
( ท่านชื่อเทพ อยู่วัดเป็นมหาและมียศเป็นคุณพระ ) แม่ทัพ ๑ ใน ๓ กองทัพของกรุงศรีอยุธยาและครูฝึกกองทหารทะลวงฟัน
ซึ่งถือเป็นข้าเบื้องบาทของพระศรีเสาวราช แม้รู้ในอุบายของพระเจ้าบุเรงนองก็มิอาจทำอะไรได้ จึงเกิดความท้อใจและ
ไม่ต้องการเป็นข้าพระยาจักรี จึงขอลาออกจากราชการ
ต่อมาพระยาจักรีจึงได้ทำการต่างๆและเมื่อเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาอ่อนแอมากแล้ว จึงเปิดประตูเมืองให้กองทัพพม่าเข้าเมือง
แต่เลือกเปิดประตูเมืองทางด้านของกองทัพพระมหาธรรมราชให้เข้าเมืองเพราะเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกันคงไม่ทำความเสียหาย
ให้้กรุงศรีอยุธยามากนักและคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญ เมื่อกองทัพของพระมหาธรรมราชาเข้าเมืองได้
้เหล่าทหารที่ประจำเชิงเทินในด้านต่างๆ จึงเคลื่อนตรงมารับศึกทางด้านของทิศที่พระมหาธรรมราชาเข้าเมือง ต่อจากนั้น
กองทัพหงสาวดีทุกกองก็ได้ยกเข้าตีกรุงศรีอยุธยาในทุกทางทำให้เกิดโกลาหลอลม่านขึ้นภายในพระนคร
ครั้นพระมหาเทพทราบข่าวก็เข้าใจว่าพระยาจักรีเปิดประตูเมืองทางด้านของกองทัพพระเจ้าบุเรงนอง เนื่องจากเป็นทัพที่ยิ่งใหญ่
และแข็งแกร่งที่สุด พระมหาเทพจึงขึ้นช้างใช้ง้าวรบกับพม่าเรื่อยมาเพื่อไปขวางทัพของพระเจ้าบุเรงนอง ด้วยทหารเพียงไม่กี่คน
ที่มาบอกข่าว เมื่อช้างติดล่มก็ฉวยม้าจากข้าศึกจับทวนขึ้นต่อสู้กับพม่าเรื่อยมา สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่หน้ากำแพงเมืองทางด้าน
กองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง พระมหาเทพยืนอยู่ตัวคนเดียวในระหว่างซุ้มประตูกำแพงเมืองถือดาบสองมือยืนสู้ยันกองทัพพม่า
ของพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งมีจำนวนกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน ไม่ให้เข้ากรุงศรีอยุธยาได้ เนื่องจากบริเวณซุ้มประตูกำแพงเมืองเป็นที่แคบ
ทหารพม่าเข้ามาได้เพียงครั้งละไม่เกิน ๑๐ คนเท่านั้นและสามารถป้องกันการล้อมจับและการโจมตีจากทางด้านหลังได้อีกด้วย
และขณะนั้นทหารที่รักษาเชิงเทินด้านนั้นแทบจะไม่มเหลืออยู่ีเลย เนื่องจากไปช่วยทำศึกกับข้าศึกที่ยกเข้าไปในพระนคร
ทำให้ทหารพม่าของพระเจ้าบุเรงนองไม่คิดจะปีนกำแพงเมืองขึ้นไปเพื่อเข้าพระนครเพราะต้องการเลี่ยงขุนศึกแห่งกรุงศรีอยุธยา
เพียงคนเดียวและไม่คิดใช้อาวุธยิงให้เสื่อมเสียขื่อเสียงและเกียรติยศของผู้ชนะสิบทิศ
การรบผ่านไปนานมาก มีแต่ศพของทหารพม่านอนตายกองสุมกันอยู่บริเวณหน้าซุ้มประตู จนต้องเก็บออกไปศพแล้วศพเล่า
หลังจากนั้นไม่มีทหารพม่าคนใดในกองทัพของพระเจ้าบุเรงนองอีกแล้วที่กล้าเข้าไปประดาบกับพระมหาเทพ สิ่งที่ทหารพม่ากลัว
คงมาจากภาพการตายที่สยดสยองภายใต้คมดาบของพระมหาเทพ คงมาจากที่ไม่มีใครสามารถประดาบกับพระมหาเทพได้ถึง
๓ ดาบแล้วยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้และคงมาจากสายตา น้ำเสียงและลักษณะท่าทางของพระมหาเทพที่ดุดันและทรงอำนาจ
จนสามารถสั่นคลอนจิตใจของทหารพม่าผู้เจนศึกและผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชนได้ทั้งกองทัพ
พระเจ้าบุเรงนองทรงกริ้วที่กองทหารพม่าของพระองค์ยังไม่สามารถเข้ากรุงศรีอยุธยาได้ ในขณะที่กองทัพอื่นเข้าไปได้หมดแล้ว
ทหารจึงรายงานว่ามีทหารกรุงศรีอยุธยาเข้ามาขัดขวางกองทัพไว้และเมื่อพระองค์ทรงทราบว่าทหารกรุงศรีอยุธยาที่เข้าขวาง
กองทัพของพระองค์ทั้งกองทัพนั้น มาจากทหารเพียงคนเดียว พระองค์จึงมีความสนพระทัยในตัวนายทหารผู้นั้น
จึงเสด็จขึ้นมาดูตัวพระมหาเทพและเสด็จมาทันก่อนที่นายกองพม่าจะสั่งทหารยิงธนูและพุ่งหอกซัดเข้าใส่พระมหาเทพ
เมื่อเสด็จทอดพระเนตรพระมหาเทพแล้วจึงพูดกับทหารพม่าว่านายทหารผู้นี้ได้สิ้นชีวิตลงไปแล้ว แล้วพระองค์จึงสั่งให้ทหาร
เข้าไปเก็บศพของพระมหาเทพและเตรียมเคลื่อนทัพเข้ากรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป แม้จะต้องถูกลงอาญา
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในรัศมีดาบของพระมหาเทพอีก จนสุดท้ายพระเจ้าบุเรงนองจึงสั่งให้ทหารพม่าหน่วยหนึ่งถือค้อน
ปีนขึ้นกำแพงเมืองและทุบซุ้มประตูให้พังลงมาทัพร่างของพระมหาเทพ แล้วจึงสั่งให้เคลื่อนทัพเข้ากรุงศรีอยุธยา
ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองได้ให้ทหารสืบหาประวัติเกี่ยวกับพระมหาเทพและได้ให้ทหารขุดศพของพระมหาเทพขึ้นมาทำพิธีศพ
อย่างสมเกียรติเยี่ยงนักรบที่เก่งกาจและยิ่งใหญ่ที่สุดและได้ปรารพกับเหล่าทหารพม่าว่า " ตนเองแม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะสิบทิศ
แต่ทิศที่สิบไม่ได้ของพระองค์แต่เป็นทิศของพระมหาเทพ หากตนเองต้องต่อสู้กับพระมหาเทพก็คงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
เพราะไม่ว่าตนเองจะเก่งกาจยังไงก็ไม่มีวันเอาชนะกองทหารพม่าทั้งกองทัพได้อย่างพระมหาเทพแน่นอนและถ้าหาก
,กรุงศรีอยุธยามีพระมหาเทพซักสิบคน หงสาวดีคงไม่มีวันที่จะเอาชนะกรุงศรีอยุธยาได้แน่!! "
วันที่: Fri Nov 15 15:22:11 ICT 2024
|
|
|