*** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***
10. พระยาตากต้องภัย!!...
www.arjanpong.com
#อังวะ #พระยาตาก #นักรบ #กรุงศรี #อยุธยา
"อูยยยย!! เบาๆหน่อยซิวะไอ้ทองงงง ไอ้ฉิบหาย!!...."
เสียงโอดโอยพร้อมหน้าตาบิดเบี้ยว เเบบบอกบุญไม่รับของพระยาองอาจราชสงคราม ที่เห็นไอ้ทอง กำลังเอาเกลือผสมน้ำค่อยๆราดลงที่ต้นเเขนข้างซ้ายของตนเอง ซึ่งเป็นเเผลมาจากการที่ตีฝ่าวงล้อมเเหกค่ายพิชัยออกมาพร้อมกับนักรบเดนตายทั้งหลาย ที่เวลานี้ต่างคนต่างก็ทอดกายใต้ร่มไม้ที่พอหาได้ เพื่อพักเอาเเรง ก่อนที่จะคิดการอื่นใดต่อไป ซึ่งบาดเเผลนี้มันกำลังเริ่มเป็นหนอง มีเเมลงวัน 2-3 ตัว บินตอมบาดเเผลอยู่ไม่ห่าง....
"ตัวใหญ่ใจมด!!.."
"มึงว่าอะไรนะ ไอ้ทอง!!..."
"ป่าวววววว!!..ข้าว่า เทราดเเผลอีกนิด มันก็จะหมดเเล้ว พี่อาจ!!.."
"เเต่หูกูไม่ได้ยินดั่งนั้น..."
"งั้น เดี๋ยวข้าเหลือน้ำเกลือสัก 3 หยด ไว้ล้างหูพี่อาจก็เเล้วกัน เผื่อจะได้ฟังอะไรๆให้มันชัดๆ ก่อนที่หูมันจะบอดไปเสียก่อน...""
"นี่เเหนะ!! หูบอด..ไอ้บ้า!!..."
พลั่กกกก!!
"โอ๊ยยยย!!..."
สิ้นเสียงของเจ้าทอง ร่างของมันก็กระเด็นเด้งดึ๋งไปครึ่งวา พร้อมทั้งใบตองรองน้ำเกลือ ก็กระเด็นกระจายหายไปคนละทาง
"โอยยยยยยย!!..."
"มึงไม่ต้องมาคราง ไอ้ห่า!! รีบมาโปะยาให้กูได้เเล้ว!!.."
เจ้าทองค่อยๆลุกขึ้น คลานไปหยิบเอาย่ามยาที่วางอยู่ใกล้ๆดาบประจำตัวของมัน ทีอยู่ภายในเพิงเล็กๆ มีทางมะพร้าวเอามาทำเป็นหลังคาหมาเเหงน สำหรับใส่เเผลทายารักษากันไปตามมีตามเกิด เป็นโรงหมอเล็กๆของทัพนักรบเดนตายเหล่านี้
เจ้าทอง หมอยาจำเป็น!! ค่อยๆหยิบเอาวัชพืชเหี่ยวๆ ที่มีดอกสีขาวคล้ายๆกับดอกดาวเรืองเเต่เล็กกว่า ดอกขนาดเท่าปลายก้อย
ได้มาพอขยุ้ม เเล้วขยี้พอเเต่มีน้ำเยิ้มๆออกมา พอได้ที่ เจ้าทองก็หยิบเอาเกลือมาโรยพอเเต่ซึมๆเข้าไปในตัวยา พร้อมทั้งหลับตาว่ากล่าวคาถาด้วยเสียงอันดัง
"พุทธัง อาราธนานัง รักษา ธัมมัง อาราธนานัง รักษา สังฆัง อาราธนานัง รักษา....อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ....จัตตาโร ปัตเตยะถา อะธิฎฐาหิ...สาธุ เพี้ยงงง!!.."
พี่อาจ ที่ขณะนี้กำลังกัดฟันกลั้นลมหายใจหันหน้าไปทางอื่น ถึงกับต้องสะดุ้งเฮือกกก!! เมื่อยาโปะเเผลของเจ้าทองที่เย็นเเว๊บเเสบถึงหัว ได้มาสัมผัสบาดเเผลที่กำลังเเสดงอาการจะเป็นหนองเน่าอยู่ในไม่ช้านี้ ก่อนที่พี่อาจจะค่อยๆผ่อนลมหายใจยาวๆออกมาอย่างโล่งอก เมื่ออาการเเสบจิ๊ดเมื่อสักครู่นี้ค่อยๆทุเลาลงไป พร้อมกับเจ้าทองก็ค่อยๆมัดยาโปะเเผลนั้น ด้วยตอกไผ่ตงที่เตรียมมาอย่างคล่องเเคล่ว
"มึงเอายาอะไรมาโปะให้กู ไอ้ทอง!!..."
"กะเม็งตัวเมีย!!..."
"อ้าววววว ทำไมมึงไม่ใช้สาปเสือ.."
"ใครเขาใช้กันล่ะพี่อาจ!! ไอ้นั่นมันสำหรับเเผลสดๆ เเต่ถ้าเป็นเเผลเน่า เป็นหนอง สกปรกโสโครก เเมลงวันบินตอมไม่ห่าง ท่าทางต้องตัดเเขนทิ้งเป็นเเน่ ถึงจะมาใช้กะเม็งตัวเมีย..โอ๊ยย!!"
"ย๊างงงง!! กูยังไม่ได้ถีบมึงเลยนะไอ้ท้องงงง!!.."
พี่อาจ ตวาดเสียงสูง เเต่ก็อดยิ้มกับนิสัยทะเล้น ชอบเล่นชอบเเหย่ของเจ้าทองไม่ได้ บางครั้งก็โมโห เเต่พอเห็นหน้าเเละเเววตาใสซื่อของเจ้าหนุ่มจากคุ้มเวียงทอง ริมปิง คนนี้ ก็นึกเอ็นดูทุกครั้ง เพราะฝืไม้ลายมือในเชิงรบไม่ได้เรื่องไม่เป็นท่า เเต่เรื่องหยูกยาล่ะไม่เป็นรอง!!...
"ไอ้ทอง..ไอ้นี่ กะเม็งตัวเมียเหรอ?..."
"จ๊ะ...."
"เเล้วตัวผู้ล่ะ?.."
"อ๋ออออ...ตัวผู้มันจะดอกสีเหลือง ตัวเมียมันจะดอกสีขาวจ๊ะ พี่อาจ..."
"อืมมม เเล้วกะเม็งตัวลูกล่ะ?.."
"อ๋อออ..ไม่มีหรอกจ๊ะ กะเม็งตัวผู้มันเป็นหมันน่ะพี่อาจ...โอ๊ยย!!.."
"มึงจะร้องทำห่าอะไร? กูถีบมึงเเล้วหรือยัง?!!.."
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มต่างวัยสองคนในยามนี้ เป็นสิ่งที่วิเศษสุดที่หาที่ไหนไม่ได้อีกเเล้ว ในยามที่ไม่รู้ชะตากรรมสักนิดเลยว่า ต่อเเต่นี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของพวกเขา เเม้เเต่ชะตากรรมของบ้านของเมืองที่มืดอึมครึมอยู่ในขณะนี้ จะมีโอกาสกลับมาเป็นราชธานีเฉกเช่นเดิมต่อไปอีกหรือไม่? มันดูมืดมนไปเสียทุกทิศทุกทาง ไม่ว่า ไพร่ ฟ้า ประชา ขุนนาง ต่างก็เเบ่งเเยกกันเป็นก๊กเป็นเหล่า ไม่มีใครคิดที่จะสู้ โดยเฉพาะกรมขุนพรพินิต นักรบเบอร์หนึ่งของเเผ่นดิน กลับฝังตัวเงียบรายล้อมด้วยราชองครักษ์นับพันที่วัดราชประดิษฐ์ ไอ้หรืออีหน้าไหนห้ามกล้ำกรายเข้าไปเด็ดขาด ไม่เคยคิดสู้เพี่อกรุงศรีเลยเเม้เเต่น้อย ลูกเด็กเล็กเเดงทั่วทั้งเเผ่นดิน อยากจะคลานเข้าไปกราบก้มหน้ายังเบื้องพระบาท เเล้วอยากจะถามคำเดียวว่า เหตุไฉนใยพระองค์ท่านไม่คิดสู้!!...
เสียงฝีเท้าม้าควบมาอย่างเร็วพร้อมฝุ่นคลุ้งกระจายของหลวงพรหมเสนา ได้มาหยุดกึกลงทันที!! ท่ามกลางเหล่านักรบเดนตาย ยังรอดเหลือราว 100 กว่าคน ที่ร่วมกันเเหกค่ายวัดพิชัยกันมา พร้อมกับเสียงตะโกนอันดังว่า
"เฮ้ยยยย!! ไปช่วยกันหน่อยเว้ยยย พระยาตาก ลุยกับพวกอังวะที่ท้ายทุ่งโน่น!! ไปเว้ยยยย!!....."
พอสิ้นเสียง หลวงพรหมเสนา ก็ชักบังเหียนกลับหลังทันที พร้อมกับกระทืบโกลนม้าด้วยส้นเท้ารัวๆถี่ๆสุดเเรงเกิด เจ้าม้าคู่ใจก็พุ่งไปยังทิศทางเดิมในเดี๋ยวนั้น พร้อมด้วยไพร่พลที่เหลือทั้งหมด ต่างก็พากันลุกขึ้นวิ่งโห่ร้องก้องตามหลังมา โดยมี พระยาองอาจราชสงคราม วิ่งถือดาบนำหน้าสุด ทั้งที่ลืมไปเลยว่า ยากะเม็งโปะเเผล มัดด้วยตอกไผ่ตง ได้หลุดร่วงหล่นลง ไปตั้งเเต่เมื่อไรก็ไม่รู้?!!.....
วันที่: Fri Nov 15 15:59:37 ICT 2024
|
|
|