ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12
ศิษย์หัวดื้อ เวฬุกชาดก
ว่าด้วยโทษของการดื้อรั้น
ในอดีตกาล
ณ กรุง พาราณสี
มีบุตรเศรษฐี คนหนึ่ง
เป็นผู้มีความรู้
ความสามารถดีมาก
|
|
ครั้นต่อมาเมื่อบิดามารดาสิ้นชีวิตลงก็คิดได้ว่า ทุกคนเมื่อตายแล้วก็นำทรัพย์สมบัติ ติดตัวไปไม่ได้
บุตรเศรษฐีจึงได้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดแจกจ่ายทำทานจนหมดสิ้น |
|
หลังจากนั้นบุตรเศรษฐีได้ออกบวชเป็นฤาษี ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ในป่าหิมพานต์
จนสำเร็จฌานโลกีย์ บรรลุอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ และมีผู้เลื่อมใสออกบวชเป็นศิษย์ถึง ๕๐๐ คน |
|
อยู่มาวันหนึ่งใกล้ที่พักของศิษย์ผู้หนึ่ง ได้มีลูกงูพิษเลื้อยมา
เมื่อศิษย์คนนั้นเห็นลูกงูพิษ ก็บังเกิดความรักลูกงูขึ้นมาจับใจ |
|
เมื่อถึงเวลาก็นำอาหารมาป้อน ให้ความรักความเอาใจใส่
ราวกับมันเป็นลูกของตน |
|
ต่อมาไม่นานนัก เรื่องที่ลูกศิษย์คนนี้เลี้ยงงูพิษเอาไว้
ก็ล่วงรู้ไปถึงพระอาจารย์ |
|
จากนั้นมาอีก ๒-๓ วัน ฤาษีทั้งหลายพากันไปหาผลไม้
ซึ่งมีอยู่มากมายในป่าลึกไกลจากอาศรม แล้วพักอยู่ที่นั่นสองสามวัน
งูเวฬุกะซึ่งอยู่ในกระบอกไม้ไผ่จึงถูกทิ้งไว้ที่อาศรมนั่นเอง |
|
เมื่อฤาษีทั้งหลายกลับมา ศิษย์หัวดื้อก็รีบมาหางูเวฬุกะด้วยความห่วงใย
แต่กลับต้องพบกับสิ่งไม่คาดฝัน |
|
งูพิษนั้นกำลังโกรธ เพราะอดอาหารมาหลายวัน
จึงฉกเข้าที่มือทันที ทำให้ศิษย์หัวดื้อถึงแก่ความตายอยู่ตรงนั้นเอง
|
|
ครั้นพระอาจารย์ทราบเรื่องแล้ว จึงให้ลูกศิษย์ช่วยกันทำศพ
จากนั้นได้กล่าวสอนแก่ศิษย์ถึงโทษของการดื้อรั้น |
|
จบ |
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ
|
เวฬุกชาดก
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::
.....ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีภิกษุรูปหนึ่งมีนิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง ว่ายากสอนยาก เพื่อนภิกษุจะว่ากล่าวตักเตือนอย่างไรก็ไม่เชื่อฟัง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงสอบถามภิกษุรูปนั้น
....เมื่อได้ความตามจริงแล้วจึงทรงตักเตือนแล้วทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุ มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้นที่เธอเป็นผู้ว่ายากสอนยาก แม้ในชาติก่อน เธอก็มีนิสัยเช่นนี้ ไม่ยอมเชื่อฟังคำตักเตือนของบัณฑิต จึงถูกงูกัดตาย ”
....จากนั้นพระพุทธองค์ทรงนำ เวฬุกชาดก มาตรัสเล่า
:: ข้อคิดจากชาดก ::
....๑ . โบราณว่าอย่าเลี้ยงงูพิษ เพราะมันอาจแว้งกัดเราได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกันคนพาลซึ่งอาจทำร้ายผู้มีพระคุณได้ตลอดเวลา
.... ๒ . ไม่ควรเพิกเฉยต่อคำตักเตือนของผู้หวังดีที่มีประสบการณ์มองเห็นการณ์ไกล เช่น บิดามารดา หรือครูอาจารย์
*************************************************
แกนนำแดงปลุกแนวร่วม 10 พ.ย.นี้ จัด 3 งานบิ๊ก ลั่นไม่ยอมให้ล้างโกงมากลบคำว่า "ล้างเลือด"
นปช.ระดมมวลชนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพ 10 พ.ย. จัด 3 กิจกรรมใหญ่ แสดงพลัง ปชต. ชี้ฝ่ายตรงข้ามต่างหากที่ไม่ยอมจบ ย้อน ปชป.ใครกันแน่ที่ติดคราบคนโกง
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวระหว่างการแถลงข่าว "สถานการณ์พิเศษ " ที่อาคารอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าวว่า ขณะนี้รัฐบาลประกาศถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว แต่ม็อบต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกลับยังเดินหน้าโดยมีเป้าหมายเพื่อขับไล่รัฐบาล
ทั้งนี้เพื่อแสดงจุดยืนทางนปช. ได้จัดกิจกรรม 3 แห่งในวันที่ 10 พ.ย. เพื่อต่อต้านกลุ่มพยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตยได้แก่ เวลา 9.00 น . กิจกรรมโรงเรียนนปช.ที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เวลา 12.00 น. กิจกรรม "หมื่นอัพ" ที่สี่แยกราชประสงค์จัดโดยกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง และ เวลา 16.00 น.ที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยแกนนำและผู้ชุมนุมอีสานยืนยันจะเข้าร่วม 3 หมื่นคน โดยภาคตะวันออกจะนำขบวนแรลลี่กว่า 100 คันเข้ากรุงเทพ รวมทั้งผู้ชุมนุมภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันตก กว่า 1 แสนคน ซึ่งแกนนำนปช.จะเดินทางไปร่วมทุกกิจกรรม
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 12-15 พ.ย.นี้ แกนนำนปช.จะปลุกระดมพลังคนเสื้อแดงในตามต่างจังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.สมุทรปราการ จ.ชลบุรี จ.อุดรธานี ซึ่งการชุมนุมในครั้งนี้จะประกอบด้วย 4 แกนนำ ได้แก่ จตุพร พรหมพันธ์ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ,อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ และวีรกานต์ มุสิกพงษ์ โดยไม่เน้นการปะทะหรือเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม
นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลประกาศถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทางพฤตินัยถือว่าจบแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มสว.40 และเครือข่ายต่างๆ ไม่ยอมจบ รวมทั้งในวันที่ 11 พ.ย.หลังจากศาลโลกตัดสินใจเขาพระวิหาร หากไทยเสียดินแดนให้กับกัมพูชา โดยกลุ่มคนเหล่านี้จะใช้เป็นข้ออ้างรวม 2 ประเด็นเป็นเหตุยกระดับขับไล่รัฐบาลและคนตระกูลชินวัตร
"การจ้องล้มล้างรัฐบาลในครั้งนี้ เป็นเกมการเมือง ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะจบลงด้วยรัฐประหาร การจัดตั้งรัฐบาลโดยทางทหาร หรือ รัฐบาลแห่งชาติ แต่หน้าที่ของนปช.จะไม่ยอมปล่อยให้การชุมนุมที่เกิดขึ้น สร้างวีรบุรุษโดยพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้คำว่าล้างโกงมากลบคำว่าล้างเลือดที่สั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง แล้วก็เป่านกหวีดสร้างเป็นกระแสสังคมว่า เป็นผู้ปราบโกง ทั้งที่ตัวเองก็มีคราบการทุจริต"นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ภารกิจของนปช.มีจุดยืนมั่นคง ยอมหักไม่ยอมงอในร่างนิรโทษกรรม คือไม่ปล่อยให้ฆาตกรเข่นฆ่าประชาชนลอยนวล ซึ่งเป็นจุดยืนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่บัดนี้การฆ่าประชาชนได้ถูกทำให้ลืมไปจากสังคม กระแสนิรโทษกรรมไม่มีการพูดถึงการฆ่าคนตายตามท้องถนน นปช.ประกาศมาตั้งแต่ต้นว่าเรื่องของการล้างโกงนั้น กระบวนการพิจารณาทุจริตต้องเป็นไปตามครรลองคลองธรรมปฏิบัติเท่าเทียมกันในทุกๆรัฐบาล แต่การตั้งคตส. เลือกปฏิบัติทางการเมือง ขัดกับหลักความเท่าเทียม
"ประเด็นทุจริตเราไม่ปกป้องแต่เราตั้งข้อสังเกตเรื่องวิธีการ ถ้าบ้านเมืองนี้ที่ประชุมอธิการบดี ที่ประชุมของเครือข่ายคนดีทั้งหลายต้องการให้บ้านเมืองปราศจากคอร์รัปชั่น มีแต่ความซื่อสัตย์ คนเสื้อแดงก็เห็นด้วย ฉะนั้นถ้าคิดว่าการจัดการพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ควรใช้วิธีการนี้จัดการกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ด้วย ผมไม่มีหน้าที่ปกป้องทักษิณ ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูกก แต่ต้องเอาหลักการเดียวกันมาจัดการกับอดีตนายกฯทุกคน"นายจตุพรกล่าว
นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช. กล่าวว่า กลุ่มนปช. พรรคเพี่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงต้องแสดงจุดยืนถึงความมีเอกภาพ เพื่อเป็นการตอบโต้ระบบอำมาตย์ ที่ส่งผลให้การปกครองของประเทศไทยถอยหลัง
“เหตุการณ์ในครั้งนี้เหมือน 14ตุลาฯที่เหล่าบรรดาอธิการบดี นักศึกษาออกมาต่อต้าน ซึ่งรัฐมนตรีเรียกอธิการบดีเข้าไปพบ แต่กลับไม่ยอมมาพบเท่ากับว่าไม่ยอมรับประชาธิปไตย เป็นพวกเครือข่ายอํามาตยาธิปไตย"นพ.เหวง กล่าว
ขณะที่ กรณีเขาพระวิหารเรามีหลักฐานยืนยันว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้เซ็นเอกสารกับนายวาร์ คิม ฮง ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการชายแดนของกัมพูชา แผนที่ปักเขตแดนยึดแผนที่ตามฝรั่งเศส 1 ต่อ 2 แสน หากไทยต้องเสียดินแดนให้กัมพูชาก็ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลเพื่อไทย
สำหรับปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับแกนนำนปช. แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนปช.มีเป้าหมายต้องทำให้เกิดเอกภาพ และถึงเวลาที่แกนนำนปช.จะออกมาขับเคลื่อนและแสดงจุดยืนเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องออกมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย
*****************************************
ไอ้ตัวดูดสกิมเมอร์!!...
"พล.ต.อ.เอก" สอบเครียดแฮ็กเอทีเอ็ม-แจ้งแล้ว 80 ราย
รอง ผบ.ตร. ประชุมเครียดคดีแฮ็กตู้เอทีเอ็ม หลังยอดเสียหายพุ่งกว่า 1.3 ล้านบาท โดนแล้วเกือบ 80 ราย ลูกค้าหวั่นไม่กล้าใช้บริการ เสียวเจออีก
วันศุกร์ 8 พฤศจิกายน 2556 เวลา 16:07 น.
จากกรณีที่มีประชาชน จำนวน 40 ราย เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ว่าเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพหายไปโดยไม่รู้ตัว รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 6 แสนบาท ซึ่งภายหลังมีกระแสข่าวดังกล่าวแพร่กระจายออกไป ได้เกิดความโกลาหลอย่างมาก โดยพนักงานที่ทำงานอยู่ในอาคารต่างเดินทางไปที่ธนาคารที่ตัวเองเปิดบัญชี เพื่อตรวจสอบยอดเงินว่ามีหายไปหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ขณะที่บรรยากาศที่สน.ลุมพินี ได้มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความอย่างต่อเนื่อง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
คืบหน้า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาที่ สน.ลุมพินี เพื่อเร่งรัดคดี และประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ตัวแทนจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าร่วมหารือ นอกจากนี้ ยังผู้เสียหายที่เงินหายจากบัญชีจำนวนหนึ่งเข้าร่วมฟังด้วย
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับทางสน.ลุมพินีแล้วรวมทั้งสิ้น 78 ราย จนเกิดความเสียหายเป็นเงิน 1,340,000 บาท ซึ่้งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหายทุกรายเคยมากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ ที่บริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อของตึกอพอลโลข้างโรงแรมออลซีซั่นส์ ถนนวิทยุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า ตู้ดังกล่าวมีการติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ ซึ่งเป็นเครื่องคัดลอกข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายจริง โดยคนร้ายได้นำข้อมูลไปปลอมบัตรและโอนเงินไปต่างประเทศปลายทางอยู่ที่ประเทศยูเครน และรัสเซีย ทั้งนี้ ได้ประสานให้เจ้าหน้าฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ขอภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ติดอยู่ตรงตู้แล้ว เพื่อตรวจหาคนร้าย โดยคาดว่าจะเป็นชาวต่างชาติ
พล.ต.อ.เอก กล่าวต่อว่า ในส่วนของการแนวทางการสืบสวนคดีดังกล่าว นอกเหนือจาก พงส.สน.ลุมพินีที่เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและรับแจ้งความแล้ว ก็จะมีการประสานความร่วมมือกับ บก.ปอศ.เข้าร่วมสอบสวนได้ พร้อมทั้ง ประสาน ผอ.สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที (ICT) เพื่อร่วมตรวจสอบและวางแผนในการหาข้อมูลคลี่คลายคดี รวมทั้ง จัดการป้องกันการโจรกรรมทางอิเล็คทรอนิคส์ลักษณะดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากกรณีที่เกิดขึ้น สามารถเดินทางเข้าแจ้งความกับสน.ลุมพินีได้ตลอดเวลา โดยทางเจ้าหน้าที่จะทำการประสานไปยังธนาคารเจ้าของบัตร หรือ ผู้เสียหายสามารถนำบันทึกแจ้งความ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนไปยื่นกับทางธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อรับการเยียวยา ซึ่งธนาคารยืนยันว่าจะดำเนินการภายในเวลา 15 วัน
ด้าน นายปกรณ์ กล่าวว่า ความเสียหายครั้งนี้มีบัตรของธนาคารที่ได้รับผลกระทบ 5 ธนาคาร ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยมีจำนวนบัตรเอทีเอ็มที่ผิดปกติ 117 บัตร ธนาคารสามารถอายัดได้ทัน 70 ใบ ส่วนที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว 41 ราย ทางธนาคารได้ชดใช้ค่าเสียหายไปแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เป็นจำนวนเงิน 2.8 แสนบาท สำหรับมาตราการป้องกันเครื่องสกิมเมอร์นั้น ปกติที่ตู้เอทีเอ็มจะมีการติดตั้งเครื่องป้องกันเครื่องสกิมเมอร์อยู่แล้ว นอกจากนี้ ในแต่ละสัปดาห์จะมีเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงไปเติมเงิน พร้อมกับตรวจสอบความเรียบร้อยของตู้เอทีเอ็ม เพื่อป้องกันการคัดลอกข้อมูลบัตร แต่หากมีกรณีลักษณะนี้ ทางธนาคารเจ้าของบัตรก็พร้อมที่จะทำการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับผู้เสียหาย รวมทั้ง จะไปปรึกษากับผู้ผลิตตู้เอทีเอ็ม เพื่อหามาตรการ หรืออุปกรณ์ในการป้องกันใหม่ ซึ่งทุกธนาคารมีข้อตกลงร่วมกันในการสอดส่องดูแล และแจ้งความเคลื่อนไหวทางบัญชีผ่านข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) หากลูกค้าพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติให้รีบแจ้งคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร เพื่ออายัดบัตรและแจ้งความทันที ทั้งนี้ ขอแนะนำประชาชน เวลากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ให้ใช้มือบังแป้นคีย์บอร์ดขณะกดรหัสด้วย
ด้าน น.ส.จารุวดี ใจนพเก้า อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชน หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเข้ามาแจ้งความเนื่องจากทราบข้อมูลเรื่องดังกล่าวช่วงบ่าย วันที่ 7 พ.ย. จึงนำสมุดบัญชีไปอัพเดท ปรากฏว่า มียอดเงินถูกโยกออกบัญชีจำนวนหลายรายการ ครั้งละ 7,000 – 9,000 บาท รวมยอดเกือบ 50,000 บาท เหลือเงินคงเหลือในบัญชีเพียง 300 กว่าบาท โดยบัญชีดังกล่าวเป็นบัญชีเงินเดือนและบัญชีเงินเก็บด้วย เมื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจ จึงได้ไปสอบถามธนาคาร ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบ พบว่า เงินในบัญชีถูกถอนออกในต่างประเทศ แต่ทางธนาคารยินดีจะรับผิดชอบ โดยต้องนำหลักฐานการแจ้งความมายื่นเรื่องขอชดเชย โดยเคยกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าอาคารอพอลโล 2 ครั้ง ตอนนี้ระแวงไปหมด ตั้งใจว่าไปเบิกเงินที่แบงก์เองเลยดีกว่า
ต่อมา นายสุพจน์ อิ่นคำ ผอ.ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท ออลซีซั่นส์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้เดินทางมาที่ สน.ลุมพินี พร้อมกับกล่าวว่า ขอยืนยันหลังจากที่ตกเป็นข่าวว่า เรื่องการถอนเงิน เป็นการถอนเงินภายในตึกออล ซีซั่น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยทางเจ้าหน้าที่ตึกได้ประสานงานกับธนาคารทั้ง 7 ธนาคาร ประกอบไปด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารธนชาต ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารยูโอบี เพื่อขอตรวจสอบความปลอดภัยตู้เอทีเอ็มภายในตึก พบว่า ไม่มีความผิดปกติ เพราะมีคนให้ข่าวว่าบริเวณเกิดเหตุอยู่ภายในตึกออลซีซั่นส์ แต่ความจริงแล้วเป็นตู้เอทีเอ็มที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ ตนยืนยันในระบบมาตรการรักษาความปลอดภัยของตึกออล ซีซั่นส์ ไม่มีแก๊งมิจฉาชีพเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ประชุมกันเสร็จ ยังคงมีผู้เสียหายทยอยเดินทางมาแจ้งความที่สน.ลุมพินีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณถนนวิทยุเกิดความไม่มั่นใจ และไม่กล้าใช้บัตรกดตู้เอทีเอ็ม เพราะกลัวจะถูกแฮกข้อมูลตามที่เป็นข่าว.
วิธีสังเกต: ตู้เอทีเอ็มปลอดจากเครื่องสกิมเมอร์หรือไม่
แนะนำวิธีสังเกตตู้เอทีเอ็มที่ต้องสงสัยว่าจะมีเครื่องสกิมเมอร์ติดตั้งอยู่ เพื่อเฝ้าระวังภัยก่อนเงินของเราจะเกิดการสูญหาย
วันศุกร์ 8 พฤศจิกายน 2556 เวลา 11:24 น.
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ภายหลังจากมีคนร้ายชาวต่างชาติติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ในตู้เอทีเอ็ม ก่อนลักข้อมูลบัตรไปกดเงินจนเสียหายไปเป็นเงินหลายแสน แต่ยังมีหลายคนที่ไม่รู้จักเจ้าเครื่องดังกล่าวว่ามีวิธีการทำงานอย่างไร จึงเสนอข้อมูลไว้ให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งวิธีสังเกตุสิ่งผิดปกติก่อนจะเสียบบัตรที่ตู้เอทีเอ็ม
วิธีสังเกตในการใช้บริการตู้เอทีเอ็ม คือก่อนใช้บริการทุกครั้ง ควรตรวจสิ่งดูผิดปกติ เช่น มีกล่องประชาสัมพันธ์ กล่องใส่ใบปลิว ติดที่หน้าตู้ ซึ่งเป็นการโฆษณาอื่นที่ไม่ใช่ของธนาคารหรือไม่ เพราะอาจจะมีกล้องตัวเล็กถูกซุกซ่อนไว้แอบถ่ายอยู่ จากนั้นก็ลองขยับหรือโยกอุปกรณ์ของตู้ได้ ถ้าไม่เป็นมาตรฐานของธนาคารมันจะหลุดออกมา เนื่องจากปกติมิจฉาชีพจะไม่ติดตั้งให้แน่นแบบถาวร เนื่องจากต้องถอดเครื่องสกิมเมอร์ไปที่ตู้อื่นด้วย
แต่ผู้มาใช้บริการบางรายอาจจะมาทำธุรกรรมที่ตู้ด้วยความเร่งรีบจนลืมระมัดระวัง ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดที่พอจะช่วยสังเกตุถึงความผิดปกติได้คือ ตู้เอทีเอ็มของทุกธนาคาร ก่อนที่จะเสียบบัตรจะต้องมีไฟกะพริบล้อมรอบช่องเสียบบัตรทุกครั้ง ดังนั้นถ้าไม่มีไฟกะพริบปรากฏให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจมีเครื่องดูดข้อมูล จึงควรเปลี่ยนไปใช้ตู้อื่น เพื่อความปลอดภัย
สำหรับ เครื่องสกิมเมอร์ (skimmer เครื่องดูดหรือกวาดข้อมูล) นั้น เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คนร้ายสร้างขึ้น โดยนำเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก วงจรถอดรหัส และวงจรหน่วยความจำมาประกอบเข้าด้วยกัน สกิมเมอร์มีหลายขนาดตั้งแต่เท่ากับกล่องใส่รองเท้าไปจนถึงขนาดเท่าซองบุหรี่ที่คนร้ายซ่อนไว้ในอุ้งมือได้ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จึงสามารถพกพาได้สะดวก เมื่อนำบัตรเครดิต (หรือบัตรเดบิตเช่นบัตร ATM) มารูด สกิมเมอร์จะอ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กและนำไปเก็บไว้ในหน่วยความจำ สกิมเมอร์ที่มีหน่วยความจำน้อยจะเก็บข้อมูลบัตรเครดิตได้ 50 ใบ
ส่วนสกิมเมอร์ที่มีหน่วยความจำมากอาจเก็บข้อมูลได้หลายหมื่นใบ และเมื่อลักลอบดูดข้อมูลจากบัตรเครดิตไปแล้ว คนร้ายก็จะนำไปสร้างบัตรปลอมซึ่งมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกเรียกว่า “บัตรสี” เป็นบัตรเครดิตปลอมที่มีสี มีลวดลาย และมีตัวพิมพ์นูนเหมือนของจริงทุกอย่าง รวมทั้งมีข้อมูลในแถบแม่เหล็กอย่างถูกต้องอีกด้วย บัตรแบบนี้สามารถนำไปใช้ได้ทุกแห่งเช่นเดียวกับบัตรจริง บัตรปลอมอีกแบบเรียกว่า “บัตรขาว” เป็นบัตรพลาสติกสีขาวมีเพียงแถบแม่เหล็กเก็บข้อมูล ซึ่งเพียงพอที่จะนำไปใช้ในหลายๆ แหล่ง เช่นนำไปกดเงินสดจากตู้ ATM หรือนำไปใช้กับร้านค้าที่ทุจริต คนร้ายบางคนไม่ทำบัตรปลอม แต่นำข้อมูลบัตรของเราไปขายในอินเตอร์เน็ตก็มี
************************************************
รัฐบาลต้อง รีบถอน พรบ. เดี่ยวนี้ สว สรรหา (มาจากใหนไม่รู้)
วันนี้ทุกท่านคงรู้ข่าวกันแล้วนะขอรับ
เรื่อง 40 ส.ว. ไม่ยอมเข้าประชุม
เพื่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.สุดซอยนั้น
เหตุผลคืออะไร?
มันฟังดูตลกๆนะขอรับ เพราะ ส.ว.สรรหากลุ่มนั้น
ได้คัดค้าน พรบ.ฉบับนี้มาโดยตลอด
ทั้งโจมตีและข่มขู่ ให้รัฐบาลถอนร่างออก
จากสภาให้"เร็วที่สุด"
แต่เหตุผลที่ ไม่เข้าประชุมและได้แถลงในวันนี้คือ
อ้างว่าจะทําในสิ่งที่ถูกต้อง
คือรอประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 11 นี้
เพื่อรอดูท่าทีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ต่อการณีคําตัดสินคดีประสามพระวิหาร ไปพร้อมๆกัน
ซึ่งถ้าไปสมยอมกับเขมร
และรัฐบาลยอมรับคําตัดสินที่เสียเปรียบ
จะทําให้คนไทยรับไม่ได้
เมื่อนั้นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบทุกเรื่องทั้งหมด
และจะต้องได้รับการลงโทษจากประชาชนอย่างสาสม
ตกลงที่สู้กันมานี่ เพื่อต้าน พ.ร.บ.จริงหรือ?
แล้วจะโยงเอาเรื่องพ.ร.บ.มาเพิ่มน้ำหนัก
ให้กับคดีปราสาทเขาพระวิหารมันถูกต้องแล้วหรือขอรับ?
อุเม๊ะ....สงสัยช่วงนี้ MIB จะทำงานกันหนักจริงๆ
FB ขุนพิเรนจำนรรจา
พอเขาถอยจริง แม่มไปกันไม่เป็น !...
โดย ปลายอ้อกอแขม
เมื่อ ศุกร์, 08/11/2013 - 11:35
สงสัยพวก ปชป.บวกแก็งค์ 40 สว. คงตกใจสุดขีด คิดไม่ถึงว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะถอน พรบ.แนวนิรโทษทั้ง 6 ฉบับออกจากวาระการพิจารณาของสภา อย่างฉับพลันทันด่วน ทำให้ตั้งตัวไม่ติด..อะไรวะ ?
ในสภาเกือบป่วน สส.ปชป. ช่วยกันดักหน้าดักหลัง สกัดกั้นเต็มที่ ไม่ต้องการให้รัฐบาลถอน “ร่าง พรบ.นิรโทษฯ” ออกไป อ้างเหตุผลต่างๆมาอภิปรายกัน น้ำเสียงสั่นเครือใจแทบขาดรอนๆ..โอ๊ย ผมน้ำตาไหล !
เอ๊า..ไรวะ ! ก็พวกเอ็งต่อต้านอยากให้ถอนพรบ.ออกนี่หว่า เพราะกลัวจะล้างผิดให้ทักษิณ รัฐบาลเขาก็ทำตามที่พวกเอ็งเรียกร้องแล้วนี่ แล้วจะมาขัดขวางการถอนทำไม จะเอาอะไรอีกล่ะโว้ยยยย..หืมมมมม์ ปชป.???
ความจริงพวกเอ็งต้องสนับสนุนรัฐบาลนะ ต้องช่วยยกมือโหวตให้ เพราะเอ็งไม่ชอบไม่ใช่หรือ ? พวกเอ็งต้องปรบมือ กระทืบเท้าที่รัฐบาลยอมถอยให้ อ้าว! พอเขาถอย ก็เฉือกค้านไม่ให้ถอย..ฉับฉนใช่มั๊ยนี่ ?
ส่วนแม่นางรสนา สว.ของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับวีนแตก เมื่อประธานวุฒิฯเรียกประชุมด่วน เพื่อพิจารณาร่างพรบ.นิรโทษฯสุดซอยที่ผ่าน 3 วาระจากสภาผู้แทนไปแล้ว บอกด้วยเสียงกร้าวว่า “ไม่เข้าประชุมหรอก มันเร็วเกินไป ก็ไหนบอกวันที่ 11 นี่แค่วันที่ 8 เอง ทำใจไม่ได้”..ขำอิ๊บอ๋าย !
พูดตรงๆว่า ปชป.กับพวกสว.ลากตั้งทั้งหลายที่เจ็บใจพรรคเพื่อไทย ที่แก้รัฐธรรมนูญที่มาของ สว. โดยสั่งประหารชีวิต สว.ลากตั้งไปแล้ว จึงพยายามจะลุกขึ้นมาเอาคืน “คว่ำ”รัฐบาลให้ได้ ด้วยทุกวิธีที่คิดออก..เพราะความแค้น
ตอนนี้เป้าหมายค้านนิรโทษฯ แค่เป้าหมายลวง ซึ่งปชป.ยกขึ้นมาบังหน้าเท่านั้น และมองข้ามช็อตไปแล้ว แต่เป้าหมายจริงๆ คือต้องการจะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ได้นั่นเอง จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะยื้อมวลชนให้อยู่ให้นานที่สุด เพิ่มมวลชนให้มากที่สุด ต้องการให้เกิดความวุ่นวายให้มากที่สุด เพื่อใครก็ได้ จะมาคว่ำรัฐบาล คิดหวังอยู่ว่า ศาล หรือทหาร ใครจะมาก่อนกัน..นี่คือความต้องการ !
แต่เมื่อรัฐบาลแก้เกมด้วยการถอย บอกว่ายอมฟังเสียงประชาชน ไอ้เจ้าพวกนี้ก็ตกใจ ดิ้นพล่าน กลัวมุกแป้กเหมือนเดิม เพราะกว่าจะจุดกระแสได้ ต้องใช้เวลา 2 ปีกว่า เมื่อรัฐบาลยอมถอยง่ายๆแบบนี้ เป็นใคร ใครจะยอม มันต้องยื้อเอาไว้จนสุดฤทธิ์ ..นู๊ไม่ยอม นู๊ไม่ยอม นู๊ไม่ยอม !
จะทำยังไงกันดีหนอ ปชป.และสว.ทั้ง 40 จะล้มรัฐบาลด้วยประชาชน ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ จะให้ศาลฯตัดสินเอาผิดเพื่อไทยทั้งพรรค (ด้วยเรื่องอะไร ยังไม่รู้) ศาลก็ยังเปิดหาตำราในวิกิพีเดียไม่เจอ ทหารจะมาปฏิวัติ ก็ไม่มีเงื่อนไขที่จะอ้างความชอบธรรมอะไร และก็คงไม่ทำด้วย หรือหากยิ่งลักษณ์เกิด “งอล”ขึ้นมา ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพื่อไทยก็กลับมาอีก..สิ้นหวัง !
เข้าใจว่า ตอนนี้ ทุกฝ่ายที่เกลียดชังรัฐบาล ต่างพากันสับสนไปหมด ทำอะไรไม่ถูก เครียดไปตามๆกัน หาทางออกไม่เจอ เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ อยู่ในภาวะ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” ไม่รู้จะหาทางลงกันอย่างไร..กลุ้มใจแทนจริงๆวะ !!!
เดี๋ยว สว.แก้ไขมาตรา 3
ให้มีผลเฉพาะประชาชนที่มาชุมนุมเท่านั้น
ยกเว้นแกนนำ และผู้สั่งการ
ตามที่พวก สส.ปชป.และ สว.ปชป.ต้องการ
นายกฯ ไม่เถียงสักแอะ นำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยไว
จากนั้น เสื้อแดง ออกจากคุก !
มาร์ค เทือก ขึ้นศาลฯ พิมพ์ลายนิ้วมือ (อีกแร่ะ) วันที่ 12 ธค.
พวกเอ็งก็ค้านไม่ได้ เพราะเอ็งต้องการอย่างนี้
มันส์ดีว่ะ !!!
จุดชนวนต่อต้าน พอเขาถอยจะถอนออกเสือกขอเหตุผลในการถอน 555
**********************************************
สัตว์หิมพานต์
จาก
nachart@yahoo.com
|
สัตว์หิมพานต์เป็นจินตนาการที่กวี จิตรกร ประติมากร พรรณนาถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาส ดังปรากฏในวรรณคดีไตรภูมิกถา (ไตรภูมิพระร่วง) และรามเกียรติ์
นายช่วง สเลลานนท์ ผู้ประพันธ์หนังสือศิลปไทย ในปีพ.ศ.2494 จำแนกสัตว์หิมพานต์เป็น 3 ประเภท คือ สัตว์ทวิบาท (สองขา) สัตว์จตุบาท (สี่ขา) และปลา รวม 15 ชนิดดังนี้
1.กิเลน เป็นสัตว์หิมพานต์ที่ได้รับมาจากประเทศจีน เช่นเดียวกับสัตว์หลายชนิดในจีน กิเลนตัวผู้กับตัวเมียมีชื่อเรียกไม่เหมือนกัน ตัวผู้มีชื่อเรียกว่า "กิ" ส่วนตัวเมียเรียกว่า "เลน"
ตำนานเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้มีอยู่ในประเทศอื่นด้วย เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลี ในญี่ปุ่นเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่าคิริน ในไทยเองก็มีรูปกิเลนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 และมีรูปลักษณ์ต่างออกไป มี 3 แบบ คือ กิเลนจีน กิเลนไทย และกิเลนปีก
2.กวาง สัตว์ประหลาดที่มีเค้าจากกวางในตำนานหิมพานต์ ได้แก่ มารีศ พานรมฤค และอัปสรสีหะ
3.สิงห์ สัตว์ในป่าหิมพานต์ส่วนใหญ่จัดอยู่ในหมวดสิงห์ สิงห์ในตำนานหิมพานต์จำแนกได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ
ราชสีห์ มี 4 ชนิด คือ บัณฑุราชสีห์ กาฬสีหะ ไกรสรราชสีห์ และ ติณสีหะ
อีกชนิดเป็นสิงห์ผสม คือสัตว์ประสมที่มีลักษณะของราชสีห์กับสัตว์ประเภทอื่น ได้แก่ เกสรสิงหะ เหมราช คชสีห์ ไกรสรจำแลง ไกรสรคาวี ไกรสรนาคา ไกรสรปักษา โลโต พยัคฆ์ไกรสร สางแปรง สกุณไกรสร สิงฆ์ สิงหคาวี สิงหคักคา สิงหพานร สิงโตจีน สีหรามังกร เทพนรสีห์ ฑิชากรจตุบท โต โตเทพสิงฆนัต และทักทอ
4.ม้า เช่น ดุรงค์ไกรสร ดุรงค์ปักษิณ เหมราอัสดร ม้า ม้าปีก งายไส สินธพกุญชร สินธพนที โตเทพอัสดร อัสดรเหรา อัสดรวิหค
5.แรด หรือ ระมาด เป็นสัตว์หิมพานต์ที่มาจากสัตว์ที่มีตัวตนอยู่จริง แต่แรดเป็นสัตว์ป่าหายาก ระมาดที่ปรากฏในศิลปะไทยจึงดูคล้ายตัวสมเสร็จ มีจมูกเป็นงวงสั้นๆ
6.ช้าง ตำนานของช้างที่เกี่ยวกับป่าหิม พานต์มีเหตุมาจากความเชื่อของศาสนาฮินดู อันได้แก่ เอราวัณ กรินทร์ปักษา วารีกุญชร ช้างเผือก
7.วัวควาย ไทยและอินเดียเป็นประเทศกสิกรรม สัตว์ประเภทวัวควายจึงมีส่วนสำคัญในการดำรงชีพ ตำนานบางเรื่องจึงมีวัวควายเป็นตัวละคร ได้แก่ มังกรวิหค ทรพี และทรพา
8.ลิง ได้แก่ กบิลปักษา และมัจฉานุ
9.สุนัข ในภาพเขียนเก่าจะเป็นภาพสุนัขมีขนคอหนาและหางเป็นพุ่ม
10.นก เป็นสัตว์ที่มีมากที่สุดในป่าหิมพานต์ มีจำนวนมากถึง 28 ชนิด แตกต่างตามถิ่นที่อยู่อาศัย แต่นกที่ได้รับการเคารพสูงสุดสำหรับฮินดู คือครุฑ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของเทพปักษีและเทพกินนร สัตว์หิมพานต์ ประเภทนก ได้แก่ อสูรปักษา อสุรวายุพักตร์ ไก่ นกการเวก ครุฑ หงส์ หงส์จีน คชปักษา มยุระคนธรรพ์ มยุระเวนไตย มังกรสกุณี นาคปักษี นาคปักษิณ นกหัสดี นกอินทรี นกเทศ พยัคฆ์เวนไตย นกสดายุ เสือปีก สกุณเหรา สินธุปักษี สีหสุบรรณ สุบรรณเหรา นกสัมพาที เทพกินนร เทพกินรี เทพปักษี นกทัณฑิมา
11.ปลา ได้แก่ เหมวาริน กุญชรวารี มัจฉนาคา มัจฉวาฬ นางเงือก ปลาควาย ปลาเสือ ศฤงคมัสยา
12.จระเข้ ได้แก่ กุมภีนิมิตร และเหรา
13.ปู รูปลักษณะไม่เปลี่ยนจากรูปแบบทางกายภาพจริง แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
14.นาค เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามคติในศาสนาพุทธ และพบได้บ่อยในสถาปัตยกรรมภาษาไทย
15.มนุษย์ ได้แก่ คนธรรพ์ และมักกะลีผล
การจัดสร้างหุ่นสัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุ เป็นคติสื่อถึงการเดินทางสู่เขาพระสุเมรุ อันเป็นหลักชัยแห่งสวรรค์
ป่าหิมพานต์อยู่แห่งไหน
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าป่าหิมพานต์ตั้งอยู่บนเขา หิมาลายาหรือหิมาลัย คำว่า “หิมาลายา” นั้นเป็นคำที่ ีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต ซึ่งแปลว่าสถาน ที่ๆ ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ทางด้านภูมิศาสตร์หิมาลัยเป็น เทือกเขาในทวีปเอเชีย ประกอบไปด้วยเขาแนว ขนานหลายๆลูก และเป็นเทือกเขาที่มียอดเขาสูง ชัน กว่า ๓๐ ยอดเขามีความสูงเกิน ๗,๖๒๐ เมตร (๒๕,๐๐๐ ฟุต) โดยมียอดเขาเอเวอเรสต์ซึ่งสูงถึง ๘,๕๓๕ เมตร (๒๙,๐๒๙ ฟุต) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก.
ความกว้างโดยเฉลี่ยของเทือกเขาหิมาลัยอยู่ที่ประ มาณ ๒๐๐ กิโลเมตร เทือกเขาพาดเป็นแนวจากทิศ ตะวันออกไป ทิศตะวันตกถึงตอนกลางของประเทศ เนปาล และเป็นแนวจาก ทิศตะวันออก เฉียงใต้ไปทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือครอบคลุม อาณาบริเวณหลายประเทศจากอาฟกานิสถาน ปากีสถาน จีน อินเดีย เนปาล ภูฏาณ บังคลาเทศ และสหภาพพม่า
ภูมิอากาศของเทือกเขาหิมาลัยนั้นค่อนข้างจะคาดคะเนลำบาก แต่โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับระดับความสูง อุณหภูมิจะอยู่ในระดับต่ำ ในเขตภูเขาสูงและในเขต เนินเขาจะมีความชื้นสูง
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
จากการศึกษาชาดกในพระไตรปิฎกทำให้เราทราบว่า แต่เดิมนั้นภพมนุษย์ติดต่อกับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่เชิงป่าหิมพานต์อันเป็นอุทยานของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่มีเหล่าเทพบุตรเทพธิดามากมายหลายจำพวกอาศัยอยู่
ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
จาตุมหาราชิกา เป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 จัดอยู่ในกามภพ เป็นปรโลกฝ่ายสุคติภูมิ ในบรรดาสวรรค์ทั้ง 6 ชั้นนั้น สวรรค์ชั้นนี้จะมีความหลากหลายมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชิดกับพื้นมนุษย์มากกว่าสวรรค์ชั้นอื่นๆ และมีบางส่วนมีที่อยู่ซ้อนกับภูมิมนุษย์
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามีความหลากหลาย
อยู่ใกล้ชิดกับพื้นมนุษย์และบางส่วนก็ซ้อนอยู่กับภูมิของมนุย์อีกด้วย
จากการศึกษาชาดกในพระไตรปิฎกทำให้เราทราบว่า แต่เดิมนั้นภพมนุษย์ติดต่อกับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่เชิงป่าหิมพานต์อันเป็นอุทยานของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่มีเหล่าเทพบุตรเทพธิดามากมายหลายจำพวกอาศัยอยู่ ครั้นต่อมามนุษย์มีกิเลสหนาขึ้น ทำให้สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกากับโลกมนุษย์แยกออกจากกัน จากการศึกษาความรู้พื้นฐานเบื้องต้นทำให้เราทราบว่า บุคคลที่จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา นั้น จะเป็นประเภทที่ทำบุญบ้าง ทำบาปด้วย แต่ก่อนตายระลึกถึงบุญที่ทำได้ คนประเภทนี้มีอยู่มากมายในเมืองมนุษย์ จึงทำให้มาเกิดในสวรรค์ชั้นนี้เป็นจำนวนมากมายมีหลากหลายประเภท
จาตุมหาราช แปลว่า เทวดา 4 องค์ผู้เป็นใหญ่ จาตุมหาราชิกาภูมิ หมายถึง เทวดาทั้งหลาย ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติรับใช้ท้าวมหาราชทั้ง 4 เพราะเหตุว่ามากำเนิดในสถานที่ที่ท้าวมหาราชทั้ง 4 ปกครองอยู่ หรือสถานที่อันเป็นที่อยู่ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้ง 4 เป็นผู้ปกครอง
ที่ตั้งและลักษณะของสวรรค์ ชั้นจาตุมหาราชิกา
สวรรค์ชั้นนี้ตั้งอยู่ที่เขาสิเนรุ อยู่ใกล้โลกมนุษย์มากกว่าสวรรค์ชั้นอื่นๆ และเป็นเหมือนเมืองประเทศราช ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวมหาราช ทั้ง 4 นี้ ปกครองตั้งแต่บนสวรรค์ลงไปจนถึงพื้นมนุษย์ ท้าวมหาราชทั้ง 4 ยังเป็นผู้รักษามนุษย์โลกด้วย ฉะนั้นจึงเรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล
ท้าวมหาราชทั้ง 4 นี้ปกครองตั้งแต่บนสวรรค์ลงไปจนถึงพื้นมนุษย์
สวรรค์ชั้นนี้มีเมืองใหญ่ 4 แห่ง เป็นเทพนครของท้าวมหาราชทั้ง 4 ที่มีความรื่นรมย์มากมาย ทุกแห่งมีกำแพงทองงามอร่าม ประดับด้วยแก้ว 7 ประการ บานประตูกำแพงทำด้วยแก้วมณี มีปราสาทที่รุ่งเรืองสวยงาม อยู่เหนือประตูทุกประตู ภายในเทพนครที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้วมากมาย ซึ่งเป็นวิมานอันเป็นที่อยู่ของชาวสวรรค์ แผ่นพื้นที่รองรับก็ไม่เหมือนแผ่นดินในเมืองมนุษย์ เป็นพื้นทองก็มี พื้นเงินก็มี ราบเรียบและอ่อนนุ่มยิ่งนัก เมื่อเหล่าเทวดาเหยียบลงไป ก็ไม่ปรากฏรอยเท้า นอกจากนี้ยังมีสระโบกขรณีมีน้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยดอกบัวนานาชนิดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล มีต้นไม้สวรรค์อันวิจิตรตระการตา มีดอกไม้ทิพย์ที่สวยสดงดงามน่าดูน่าชม ที่กล่าวมานี้ เป็นที่อยู่ของเทวดาชั้นสูงผู้มีบุญญาธิการมาก
ส่วนเทวดาชั้นกลางจะอยู่ที่ป่าหิมพานต์เชิงเขาสิเนรุ ป่าหิมพานต์เป็นเหมือนอุทยานแห่งชาติของสวรรค์ มีต้นไม้ ดอกไม้ที่นี่สวยสดงดงาม ใบไม้เวลาตกลงมาถึงพื้นก็แวบหายไป ไม่ทับถมกันเป็นปุ๋ยเหมือนต้นไม้ในเมืองมนุษย์ ดอกไม้มีกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ พอร่วงหล่นลงมา ก็ออกดอกใหม่ ฤดูกาลของที่นี่จะเป็นฤดูสบาย คือ เย็นสบายๆ ไม่หนาว ไม่ร้อน ปีหนึ่งๆ ต้นไม้จะออกดอก 1 เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง 3 เดือนบ้าง ในป่าหิมพานต์นี้มียอดเขา 84,000 ยอด มีแม่น้ำใหญ่ 5 สาย คือ คงคา ยมุนา สรภู อจิรวดี มหิมา มีสระใหญ่ 7 สระ คือ อโนดาต กัณณมุณฑะ รถกาละ ฉัททันตะ มัณฑากินี สีหปปาตะ กุณาละ เฉพาะที่สระอโนดาตมีภูเขา 5 ลูกล้อมรอบ คือ เขาสุทัสสนะ เขาจิตรกูฏ เขากาฬกูฏ เขาไกรลาส เขาคันธมาทน์ ที่เขาคันธมาทน์นี้ มีเงื้อมเขาหนึ่งชื่อ นันทมูลกะ เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีถ้ำอยู่ 3 แห่ง คือ ถ้ำทอง ถ้ำแก้ว ถ้ำเงิน
นาค บนสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกาจัดเป็นเทวดาชั้นกลาง
ในป่าหิมพานต์เป็นที่อยู่ของเทวดาชั้นกลาง เช่น ครุฑ ยักษ์ นาค คนธรรพ์ วิทยาธร และมีสัตว์อัศจรรย์หลายชนิด ซึ่งสัตว์ที่อยู่ตรงนี้สวยมาก เหมือนเป็นต้นตระกูลของสัตว์ ทั้งหลาย มีสัตว์รูปร่างพิสดารมากมาย เช่น กินนร กินนรี ติณณราชสีห์ กาฬราชสีห์ ปัณฑุราชสีห์ ไกรสรราชสีห์ คชสีห์ และมีต้นมักกะลีผล ซึ่งมีผลเป็นนารี เป็นที่หมายปองของเหล่าเทวดาหลายพวก เช่น วิทยาธร คนธรรพ์ ในป่าหิมพานต์ทั้งหลาย เป็นต้น
ต้นนารีผล หรือ มักกะลีผล นี้ จะขึ้นอยู่ท่ามกลางต้นไม้ต่างๆ จะขึ้นประปรายทั่วๆ ไป ไม่ได้ขึ้นเป็นหมู่ อยู่ในป่าหิมพานต์ รอบๆ เขาพระสุเมรุ ลำต้นนารีผลเป็นสีน้ำตาลทอง สวยงามเป็นเงาระยิบระยับ ใบเป็นสีทองแพรวพราวสวยงาม ซึ่งถ้าอยู่ในภพนี้จะมีรัศมีเรืองรอง เมื่อใบตกถึงพื้นก็แวบหายไป ไม่ต้องรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย และไม่ต้องตกแต่ง เมื่อถึงฤดูกาลนารีผลจะห้อยเต็มไปหมด ถ้าไม่ใช่ฤดูกาลจะเห็นแต่ใบ เมื่อถึงเวลาอันสมควรจึงจะออกดอกออกผล นารีผลปีหนึ่งออกดอกครั้งเดียว ครั้งละ 3 เดือน ตั้งแต่ตูมจนกระทั่งบาน 1 เดือน จากบานเป็นนารีผลอีก 1 เดือน ส่วนอีก 1 เดือน นารีผลช่วงสุกงอมหลุดจากขั้ว จึงจะนำไปใช้สอยได้ ซึ่งแต่ละผลก็หลุดไม่พร้อมกัน แต่มีช่วงระยะหลุดจากต้น 1 เดือน เมื่อหล่นลงมาแล้วอยู่ได้แค่ 7 วันสวรรค์ เท่ากับ 350 ปีในเมืองมนุษย์ เหล่าคนธรรพ์ วิทยาธร จะมาคอยแย่งชิงนารีผลในช่วงที่นารีผลสุกงอม
สัตว์อัศจรรย์ที่อยู่ในป่าหิมพานต์
ลักษณะทั่วไปของป่าหิมพานต์ที่มีสัตว์อัศจรรย์อาศัยอยู่อย่างมากมาย
คชสีห์ ที่มีหัวเป็นช้าง ตัวเป็นราชสีห์ ราชสีห์กับช้างผสมผสานกลมกลืนกันอย่างดี บางคนบอกว่า คนละสายพันธุ์กันจะผสมกันได้อย่างไร ก็เหมือนคนไทยแต่งงานกับคนต่างชาติ ลูกออกมาก็ผสมผสานกันไป คชสีห์เราได้ยินกันบ่อยๆ ถ้าเราอ่านในวรรณคดีจะคุ้น เขาเรียกว่า สัตว์ในเทพนิยาย บางคนไม่เชื่อว่ามีจริง แต่มันมีจริงๆ ดูแล้วจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ว่าเป็นสัตว์ที่สง่างามมาก
นาคราชสีห์ มีหัวเป็นพญานาค แต่ตัวเป็นราชสีห์ มีหางเป็นนาค มีเกล็ดเป็นนาค สวยสง่างาม องอาจ เกิดจากพญานาคกับราชสีห์ผสมกัน
ไกรสรราชสีห์ เป็นเจ้าป่าหิมพานต์ ตัวมีขนสีขาว ปลายๆ ขนมีสีแดงๆ ถ้าดูข้างหน้าผมจะมีสีแดง ขนจะขดวน ขดใหญ่ๆ วนตามเข็มนาฬิกา วนเป็นเกลียวขึ้นไปบนหลัง และผมของมันจะไม่ยุ่งเหยิงเหมือนสิงโตเมืองมนุษย์ สวยสง่างามมาก สามารถจับช้างกินได้
ที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นที่อยู่ของเทวดาชั้นสูงและชั้นกลาง ส่วนเทวดาที่ต่ำกว่านั้นลงมา ก็จะมีความหลากหลายมากมาย บ้างก็อยู่รวมกันเป็นเผ่าพันธุ์ของตัว เช่น ครุฑ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ เป็นต้น ความเป็นอยู่ของบางกลุ่มก็จะใกล้เคียงมนุษย์ เช่น มีวิมานคล้ายบ้านในมนุษย์ เพราะมีบุญน้อย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเทวดาชั้นต่ำที่ถือว่าเป็นชาวสวรรค์ชั้นนี้อีกด้วย ที่มีวิมานอยู่บนพื้นดินที่มนุษย์อยู่ เรียกชื่อตามที่อยู่อาศัยรวมเป็นพวกใหญ่ ดังนี้
ภุมมเทวา เป็นเทวดาที่อาศัยอยู่บนพื้นมนุษย์ อยู่ตามจอมปลวก เนินดิน ใต้ดิน ภูเขา แม่น้ำ บ้าน เจดีย์ ศาลา ซุ้มประตู เป็นต้น บางองค์มีวิมานเป็นของตน บางองค์ก็ไม่มี ต้องอาศัยวิมานองค์อื่นอยู่
รุกขเทวา เป็นเทวดาที่อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้หรือยอดไม้ต่างๆ ซึ่งสูงขึ้นไปกว่าพวกภุมมเทวา มีทั้งที่มีวิมานและไม่มีวิมานเป็นของตน
อากาสเทวา เป็นเทวดาที่มีวิมานอยู่กลางอากาศ สูงขึ้นไปจากพื้นดินประมาณ 1 โยชน์
ลักษณะความเป็นอยู่ของอากาศเทวา
เทวดาเหล่านี้อยู่ในปกครองของท้าวจาตุมหาราชิกา ซึ่งที่อยู่อาศัยของเทวดาเหล่านี้ จะอยู่ซ้อนกับภูมิของมนุษย์ ทำให้บางคราวมนุษย์สามารถมองเห็นพวกภุมมเทวา รุกขเทวา และอากาสเทวา ได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งก็จะมีทุกเผ่าพันธุ์ ที่เราเรียกกายละเอียด หรือวิญญาณที่อยู่ปนกับภูมิมนุษย์เหล่านี้ว่า ผี
คำว่า ผี มีความหมายกว้างมาก หมายถึง กายละเอียดที่เรามองไม่เห็น ที่อยู่รวมกับมนุษย์แต่สภาพที่ละเอียดกว่า เช่น สัมภเวสี (ผีเร่ร่อน) ภุมมเทวา สายยักษ์ สายวิทยาธร สายคนธรรพ์ เป็นต้น อย่างผีปอบที่เราเคยได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นภุมมเทวาสายยักษ์ ที่อยู่ในการปกครองของท้าวเวสสุวรรณ ที่เข้าสิงร่างมนุษย์เพื่ออาศัยกินอาหาร แต่ไม่สามารถจะเข้าสิงได้ทุกคน จะเข้าสิงได้เฉพาะคนที่เคยสร้างกรรมประเภท ฆ่าสัตว์ไหว้เจ้ามาในอดีต
หากเราได้ศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของกายละเอียดเหล่านี้ ก็จะทำให้เราเข้าใจชีวิตของเขามากขึ้น ความกลัวของเราก็จะลดน้อยลง จนไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่เลย เพราะเขาเหล่านี้ก็คือ อดีตมนุษย์ที่สั่งสมบุญมาน้อยนั่นเอง เขาเหล่านั้นกลับจะกลัวผู้มีบุญมากกว่า
อายุขัยของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
อายุของชาวสวรรค์ชั้นนี้ มีปรากฏใน วิตถตสูตร1 ว่า
“ ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย 50 ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่ง ของเทวดาชั้นจาตุมหาราช 30 ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง 12 เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง 500 ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นจาตุมหาราช”
จากพระสูตรจะเห็นว่า อายุมาตรฐานของชาวสวรรค์ชั้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 500 ปีทิพย์ แต่ก็ไม่แน่ว่าเทวาเหล่านั้นจะอยู่ได้ถึงหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกำลังบุญของเทวดานั้น เหมือนเมืองมนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย 100 ปี บางคนก็น้อยกว่า บางคนก็มากกว่า ถ้านับเป็นอายุมนุษย์ก็เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
1 วิตถตสูตร, อังคุตตรนิกาย อัฏฐกบาต, มก. เล่ม 37 ข้อ 132 หน้า 504.
บทความที่เกี่ยวข้องกับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
*********************************************
คุณอภิสิทธิ คุณสุเทพ ว่าไงล่ะทีนี้?!
และแล้วทุกอย่างก็ลงตัวในทิศทางที่ถูกต้อง และเหมาะสม ตามความเรียกร้องของปชช.
ถึงแม้ว่าต้องใช้เวลาไปมากมาย เหนื่อยหน่ายกันไปหลายราย โกรธกันไปเยอะแยะ
แต่ก็ลงตัวได้จริงๆ ตามที่เห็น
จนป่านนี้แล้วท่านนายกยังไม่ทราบหรือว่าพรรคเพื่อไทยได้สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนที่สนับสนุนพรรคอย่างไม่ให้น่าอภัย. แต่สำหรับท่านนายกแล้วก็เข้าใจสถานะฐานและรู้สึกเห็นใจท่านเป็นอย่างมากที่ต้องมารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
อย่าให้มีแบบนี้อีกเป็นอันขาด รู้ตัวว่าผิด รู้ตัวว่าฝืนความรู้สึกประชาชน รู้ตัวว่าพลาดแล้วรู้จักถอย มวลชนยังให้อภัย แต่อย่าให้มีแบบนี้อีกเป็นครั้งต่อไป รับรองงานนี้ได้แยกกันเดินแน่นอน
คนที่เอ่ยปากขอโทษก่อน คือคนที่กล้าหาญที่สุด คนที่ให้อภัยก่อน คือคนที่เข้มแข็งที่สุด
*******************************************