เมื่อ อาทิตย์, 24/02/2013 - 21:56
ผลพวงจาก “แดง”ฟัด “แดง” ถึงขั้น “ขวัญชัย ไพรพนา”ประธานชมรมคนรักอุดร และประธานชมรมคนรักภาคอีสาน ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรื นปช. อันมีชนวนเหตุมาจากการขบเขี้ยวแย่งกันใหญ่
กำลังกลายเป็นชนวนไป “เผา”สำนักงานตำรวจแห่งชาติไหม้เกรียมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ที่บอกว่าเผาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่การเข้าไปเผาสถานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ถนนพระราม 1 เหมือนตอนเผาบ้านเผาเมืองช่วงการชุมนุม แต่เป็นการเผาภาพพจน์องค์กรตำรวจที่ตกต่ำในสายตาชาวบ้านอยู่แล้วให้แหลกเป็นจุณเข้าไปอีก
เพราะการระบายความอัดอั้นตันใจเคล้าน้ำตาของ “ขวัญชัย” ต่อผู้สนับสนุนที่ไร่มุกเดือน จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา เนื้อหานอกจากการระบายความรู้สึกไม่พอใจธิดาและแกนนำนปช.หลายๆคน รวมทั้งบ่งบอกว่าตัวเองเป็นคนเซนทีฟ แคร์ความรู้สึกคนดูไบแล้ว บางช่วงบางตอน “ขวัญชัย”ก็โชว์เพาเวอร์ตัวเองให้ผู้สนับสนุนรู้ว่าข้าก็ใหญ่ไม่แพ้ใคร กลายเป็นเนื้อหาที่สะท้อนกลับไปตั้งคำถามต่อองค์กรตำรวจว่าใช่อย่างที่”ขวัญชัย”พูดจริงหรือไม่ อย่างไร
“...ทุกวันนี้ถ้าไม่มีตำรวจดูแลจะเอาเงินจากไหนไปดูแล ผู้กำกับเมืองอุดร ผู้การเมืองอุดร ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนมาเอ็นเตอร์เทน ...ผกก.มุกดาหารก็น้องผมผมส่งไปเอง ....ยโสธร ผู้การฯฉลอง ผมเป็นคนเซ็นต์รับรองเอง เป็นน้องเป็นนุ่ง แต่โดนภาพเสื้อน้ำเงินโดนเตะไปอยู่จเร มาขอฟอกตัวเอง มาขอหนังสือฟอกตัวผมหาดูไบ ผมเซ็นต์รับรองให้ เลยออกจากจเรไปเป็นผู้การยโสธร ....ตำรวจอุดรจังหวัดของผม ดูไบจะเปลี่ยนผู้การอุดรฯต้องถามผมก่อน...”
หากถอดเนื้อหาตามถอยกระทงความอย่างที่ “ขวัญชัย”พูดไว้เช่นนี้ ถ้าเป็นจริงก็ต้องบอกว่า “ขวัญชัย”ไม่ทำธรรมดา สามารถชี้เป็นชี้ตาย ชี้ให้ตำรวจระดับ “นายพล”โยกย้ายไปไหนก็ได้ ตามที่ตัวเองต้องการ รวมทั้งมีตำรวจคอยดูแลเรืองเงินเรื่องทองใช้จ่ายอย่างสบายมือ
ทั้งที่ตามพระราชบัญญัติ(พรบ.)ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ลักษณะ 6 ระเบียบข้าราชการตำรวจ หมวด 2 การบรรจุ การแต่งตั้งและการเลื่อนขั้นเงินเดือน มาตรา 51 (6) ตำแหน่งผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพันตำรวจเอก ซึ่งได้รับอัตราเงินเดือนพันตำรวจเอก(พิเศษ) หรือพลตำรวจตรี
มาตรา 54 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่มาตรา 44(5)(ตำแหน่งรองผู้บัญชาการ)ลงมาและเป็นการแต่งตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือในกองบัญชาการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44(5) และ(6)(ตำแหน่งผู้บังคับการ) ในสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอ ก.ตร.(คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
ในกรณีเป็นการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในกองบัญชาการที่สังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับฟังข้อเสนอแนะของผู้บัญชาการที่เกี่ยวข้องด้วย
(2) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44(5) และ(6) ในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการคัดลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในกองบัญชาการนั้นเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาเสนอ ก.ตร. ให้ความเห็นชอบก่อนแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
ในกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นว่า การคัดเลือกของผู้บัญชาการตามวรรคหนึ่งยังไม่เหมาะสม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะทำความเห็นพร้อมข้อเสนอแนะและเหตุผลเสนอ ก.ตร. พ่อประกอบการพิจารณาด้วยก็ได้
ตรวจทุกตัวอักษรตามพรบ.ตำรวจแห่งชาติฉบับนี้ ไม่มีมาตราไหน หรือข้อใด ที่เขียนไว้ว่าต้องได้รับความเห็นชอบจาก “ขวัญชัย” หรือจาก “คนดูไบ” ตามที่ “ชวัญชัย”พูดไว้
จะเป็นการพูดโอ้อวด โชว์พรรคพวก หรือแสดงบารมีตัวเองอย่างไร แต่สิ่งที่ “ขวัญชัย”พูดออกมาก็สร้างความเสื่อมเสียต่อการบริหารงานบุคคลภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสื่อมเสียต่อภาพพจน์องค์กรตำรวจ ที่อาจทำให้สังคมมองได้ว่า
การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจไม่ได้อยู่ที่ผลงาน หรือหลักเกณฑ์ข้อกำหนดตามกฎตามระเบียบ แต่เป็นการฝากฝั่งจากพวกพ้อง จากผู้มีอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านับตั้งแต่ “ขวัญชัย”โอ้อวดทำลายภาพพจน์องค์กรตำรวจ โดยเฉพาะในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายเสียป่นปี้เช่นนี้ แต่ผ่านมานับตั้งแต่ “ขวัญชัย”พูดไว้เมื่อวันที่ 11 ก.พ. จนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งเดือน
ก็ไม่เห็นมีผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนปัจจุบัน รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผบช. หรือโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือตำรวจหน้าไหนออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกู้ภาพพจน์ตำรวจ หรือดำเนินการสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อคนที่พูดพล่อยๆเช่นนี้
ซึ่งดูจะต่างจากกรณีมีการพาดพิงถึงพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. จากพรรคเพื่อ
ไทย เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดร่างขอบเขตของงาน(ทีโออาร์) โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่กำลังมีปัญหาเรื่องการโกงกินกันอยู่ ทั้งพล.ต.อ.อดุลย์ หรือโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างดาหน้าออกมาแก้ต่างแทน ยืนยันพล.ต.อ.พงศพัศไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถึงขนาดออกเป็นแถลงการณ์การันตีความบริสุทธิ์ให้พล.ต.อ.พงศพัศ
เช่นเดียวกับการพาดพิง อดีตผบ.ตร.อาจีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ออกมาพาดพิงถึง พล.ต.อ.อดุลย์ ก็ออกมาแสดงท่าทางขึงขังไม่พอใจ “ธาริต เพ็งดิษฐ” อธิบดีดีเอสไอ ด้วยข้ออ้างว่าเป็นการกระทำที่ทำให้ภาพพจน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียงหาย เป็นการทำลายองค์กรตำรวจ
แต่พอเรื่องนี้ที่ “ขวัญชัย”ออกมาพูดชี้ซ้ายชี้ขวาแต่งตั้ง ผู้การฯจังหวัดได้เอง กลับไม่เห็นพล.ต.อ.อดุลย์ออกมาดำเนินการสิ่งใด หรือออกมาปกป้องรักษาพจน์องค์กรตำรวจเหมือนอย่างที่ออกมาประกาศว่ารักองค์กร
หรือคำพูด “ขวัญชัย”ที่เชื่อมโยงคนดูไบสั่งแต่งตั้งตำรวจได้จะเป็นเรื่องจริง จน “พล.ต.อ.อดุลย์”น้ำท่วมปากพูดไม่ออก