Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

อานามสยามยุทธ

ArjanPong | 01-02-2556 | เปิดดู 2865 | ความคิดเห็น 0

 

                สงครามไทย-ญวณ (อานามสยามยุุทธ)

 

           

                                   Image

             

                                 เจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)

 

ต้นสมัยรัตนโกสินทร์ กล่าวได้ว่าไทยสิ้นสุดการสงครามกับพม่าลงเนื่องจากอังกฤษ
แผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปยึดครองพม่า แต่ไทยก็ต้องหันไปเผชิญปัญหาการสงครามกับลาว
กัมพูชา และเวียดนามโดยเริ่มตั้งแต่การปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์
ที่ฉวยโอกาสขณะที่ไทยเตรียมการระวังป้องกันพระนครจากการรุกรานของอังกฤษ

ใน พ.ศ.2369 กองทัพหน้าของเวียงจันท์จู่โจมเข้ามาถึงสระบุรี ส่วนทัพหลวงของเจ้าอนุวงศ์
เข้ายึดครองนครราชสีมา ส่วนทางด้านนครศรีธรรมราชรายงานว่าสามารถส่งทหาร
มาช่วยขัดตาทัพได้เพียงแค่ 2,000 คนเพราะมีกำลังเรืออังกฤษมาจอดอยู่ในน่านน้ำมลายู
จำนวน ห้าลำ ไม่ทราบว่าจะไปที่ใด กรุงรัตนโกสินทร์จึงมีศึกที่จะต้องระวังทางด้านใต้อีกทางหนึ่ง

กองทัพที่สอง สาม และสี่ ซึ่งเตรียมจะขึ้นไปทางปราจีนบุรี จำต้องถูกเรียกกลับ
ให้ลงไปรักษาปากแม่น้ำเจ้าพระยา การสงครามกับเวียงจันทน์ต้องใช้เวลาถึงสามปี
กว่าจะจับเจ้าอนุวงศ์ได้ และได้อาณาจักรลาวคืนมา

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ทศพร วงศรัตน์ (ราชบัณฑิต) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า
เหตุการใน พระอภัยมณีคำกลอนของสุนทรภู่ที่ได้ประพันธ์ไว้นั้น ตรง กับเหตุการณ์จริง
ห้วงเวลาที่ เจ้าอนุวงศ์กบฏเวียงจันทน์ ถูกจับขังกรงส่งมาถึงกรุงเทพฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 15
มกราคม พ.ศ. 2371
หลังจากที่ได้รับการแช่งด่าทรมานหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์
ประมาณ 7 วัน 8 วัน ก็ตาย (พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ร.3)
ในกรณีนี้วันพุธของสุนทรภู่เท่ากับได้เพิ่มความชัดเจนให้แก่ประวัติศาสตร์ไทย
พระอภัยมณีคำกลอน ตอนที่ 26 หน้าที่ 415 อุศเรนตายแล้วผีไปเข้านางวาลี ความว่า

"ชักชะงาก รากเลือด เป็นลิ่มลิ่ม
ถึงปัจฉิม ชีวาตม์ ก็ขาดสาย
เป็นวันพุธ อุศเรน ถึงเวรตาย
ปีศาจร้าย ร้องก้อง ท้องพระโรง"


ย้อนไปเมื่อครั้งรัชกาลที่ 2 เมื่อครั้งสมเด็จพระนั่งเกล้าฯยังเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร
และเจ้าพระยาบดินทรเดชา เป็นจมื่นเสมอใจราช วันหนึ่งมีการเสด็จพระราชดำเนินทางเรือ
วันนั้นเป็นฤดูหนาวหมอกลงจัด เรือของจมื่นเสมอใจราชผ่านมาพลัดหลง และเฉียดเรือพระที่นั่ง
ของกรมพระราชวังบวรฯ อันเป็นความผิดพระอัยการฐานตัดหน้าฉาน ต้องโทษจำขังอยู่ระยะหนึ่ง

กรมหมื่นเจษฎาฯ ทรงเห็นหน่วยก้านของ จมื่นเสมอใจราช ว่าเป็นคนเข้มแข็ง
จะเป็นหลักของบ้านเมืองต่อไปได้ จึงขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่นานจมื่นเสมอใจราช
ได้เลื่อนเป็น พระยาเกษตรรักษา อยู่ในกรมนา พระยาเกษตรรักษา ออกไปทำนาหลวงอยู่พักหนึ่ง
ก็ถึงคราวเคราะห์ มีคนกล่าวโทษว่าล้อมรั้วทำค่ายคูประตูหอรบที่กองนา คล้ายจะส้องสุมกำลังพลเป็นกบฎ
จึงต้องพระราชอาญาจำคุกอยู่นาน จนสิ้นรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
กรมหมื่นเจษฎาฯ ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ จึงโปรดให้พ้นโทษเข้ารับราชการใหม่เป็นพระยาราชสุภาวดี

เจ้าพระยาบดินทรเดชา เวลานั้นได้เป็นที่พระยาราชสุภาวดีแล้ว แต่ยังไม่มีบ้านเรือนจะอยู่แน่นอน
คราวนี้ลงอยู่ในแพลอย ซึ่งว่าที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดของสมัยโน้น เพราะธรรมดาชาวบ้าน
ชาวช่อง แม้แต่ขุนนางบางท่านก็อยู่แพกันแทบทั้งนั้น ในภาพโบราณ จะเห็นแพจอดกันเป็นตับตามแม่น้ำลำคลอง

พระยาพิไชยวารี (เจ้าสัวโต) เป็นข้าหลวงเดิม ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เช่นเดียวกัน
จึงชักชวนให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) นำแพมาจอดปักหลักที่ท่าน้ำหน้าบ้าน
พระยาพิไชยวารี ผู้นี้ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ ได้เป็น เจ้าพระยานิกรบดินทร์ ต้นสกุล ‘กัลยาณมิตร’

เมื่อเกิดศึกเวียงจันทน์ พระยาราชสุภาวดีได้เป็นแม่ทัพสู้รบกับข้าศึกอย่างเข้มแข็งมาก
ในการประจันบานกันครั้งนั้น เจ้าราชวงศ์แม่ทัพลาวเอาหอกแทง ถูกท้องพระยาราชสุภาวดี
พระรายราชสุภาวดีชักมีดหมอที่เหน็บไว้แทงสวนไปถูกที่ขา ทนายของท่านเอาปืนยิง
ถูกเจ้าราชวงศ์บาดเจ็บเล็กน้อย คนของเจ้าราชวงศ์พานายของตนถอนตัวออกไป

พระยาราชสุภาวดีเอานิ้วแยงดูแผลว่าไม่ลึกนัก จึงเอารัดประคตพันรองเอวให้แน่น
แล้วเรียกให้คนเอาแคร่มาหามบัญชาการรบจนทหารลาวแตกพ่ายไป
ความสัมพันธ์ระหว่างพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
กับเจ้าพระยาบดินทรเดชา จัดว่าลึกซึ้งนัก ร.3 ทรงเรียกเจ้าพระยาบดินทรฯว่า พี่สิงห์
บางครั้งเมื่อเข้าเฝ้าในที่รโหฐานทรงโยนหมอนอิงให้กับเจ้าพระยาบดินทรฯ ท้าวข้อศอก
เจ้าพระยาบดินทรฯ รับไว้แล้วก็วางไว้ข้างหน้าหาได้ใช้หมอนนั้นไม่

การกระทำเช่นที่ทรงทำนี้ ไพร่พล คนใดมีหรือจะไม่ตื้นตันด้วยความจงรัก
(จำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา, อำนาจอยู่หนใด ชีวประวัติเหมือนนวนิยาย
ของนักปกครอง 7 ท่าน.--พิมพ์ครั้งที่ 1.--กรุงเทพฯ : พัฒนา, 2533.หน้า139-140)

ตลอดเวลาแห่งช่วงสงครามนี้ ญวนได้ให้การสนับสนุนลาวอย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่ลาวเท่านั้น
ประเทศกัมพูชาซึ่งเคยขึ้นอยู่กับไทยมาหลายร้อยปี ญวนก็ได้เข้ามาแทรกแซง
โดยสนับสนุนราชบุตรีของเจ้าแผ่นดินกัมพูชาที่ทิวงคตให้เป็นกษัตริย์ และได้พยามทุกวิถีทาง
ที่จะกลืนกัมพูชาให้เป็นของ ญวน จากศึกครั้งนี้ป็นต้นเหตุนำไปสู่การสงครามกับกัมพูชาและเวียดนาม
และขยายต่อเป็นสงครามยืดเยื้อกับเวียดนาม ที่ใช้เวลายาวนานถึง 14 ปี (พ.ศ.2378 - 2392)


ใน พ.ศ.2376 เมืองไซง่อนก่อการจราจลโดยฝ่ายกบฏ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็น แม่ทัพบก
ยกกองทัพไปตีเขมรและหัวเมืองญวนลงไปถึงเมืองไซง่อนเพื่อช่วยฝ่ายกบฏ
และให้เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เป็นแม่ทัพเรือไปตีหัวเมืองเขมรและญวนตามชายฝั่งทะเล
โดยไปสมทบกับกองทัพบกที่เมืองไซง่อน ในส่วนของกองทัพเรือต้องยกกำลังไปหลายครั้ง
เช่นเดียวกับการรบทางบก

ในสงครามกับญวนครั้งนี้ เจ้าพระยาบดินทรฯ ได้สั่งให้ตัดศีรษะนายขำ บุตรคนที่ 18 ของท่าน
ในข้อหาขลาดกลัวต่ออริราชศัตรู อันเป็นการลงโทษอย่างรุนแรง เป็นมาตรการที่ให้ ไพร่พล
เกิดความยำเกรงต่อกฎข้อบังคับและคำสั่ง จนเป็นกำลังไปสู่ชัยชนะได้

ในพ.ศ.2384 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าฟ้า
กรมขุนอิศเรศรังสรรค์เป็นแม่ทัพเรือยกกองทัพเรือ ไป ตีเมืองโจดก เรือรบไทยที่เดินทาง
ไปร่วมรบในครั้งนี้มี เรือกำปั่นพุทธอำนาจ เทพโกสินทร์ ราชฤทธิ์ วิทยาคม อุดมเดช เรือค่าย
เรือปักหลั่น และเรือมัจฉานุ ซึ่งใช้บรรทุกเสบียงอาหาร

อย่างไรก็ดีการรบทางเรือครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จเนื่องจากทหารไทยไม่ชำนาญภูมิประเทศ
และเรือไทยมีสมรรถนะที่ด้อยกว่า เรือญวน (ดูรายละเอียดใน พลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์, 2508)
ทั้งในเรื่องของขนาดและประสิทธิภาพ ด้วยเหตุผลดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
จึงทรงเห็นความจำเป็นที่จะต้องต่อเรือรบใหม่เป็นเรือป้อมอย่างญวน

สามารถติดตั้งปืนใหญ่ได้หลายกระบอก ทั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง
เป็นแม่กอง อำนวยการต่อเรือป้อมแบบญวนไว้ใช้ในราชการ 80 ลำ ในที่สุดการรบระหว่างญวนกับไทย
ที่ยืดเยื้อมาถึง 14 ปี ก็ต้องยุติลงโดยพระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้ยกเลิกการศึกครั้งนี้
และมีการเจรจาสงบศึกใน พ.ศ.2390 เพราะ ทรงพิจารณาเห็นว่ามีแต่จะสิ้นเปลืองทรัพยากรและกำลังคน
เปรียบเหมือนว่ายน้ำท่ามกลางมหาสมุทรไม่เห็นเกาะเห็นฝั่ง
(พันเอก หม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒน์ เกษมศรี, 2531 : 291)

 

 

**************************************************************

 

 

 

                             จูดี้...ปล่อยของแล้ว...

 

 

 

 

 

 

39734.jpg

ภาพ : แนวหน้า

 

ในระหว่างการหาเสียง ที่ โรงเรียนสันติสุขวิทยา แยกวังหิน อยู่นั้น ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ กำลังก้มตัวเพื่อลงมาพูดคุยกับกลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังนั่งอยู่นั้น ได้เกิดอุบัติเหตุเป้ากางเกงขาด แต่ในคราวแรก พล.ต.อ.พงศพัศ ยังคงทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเมื่อลุกขึ้นยืน สื่อมวลชนได้สังเกตเห็นจึงเข้าไปสอบถาม พล.ต.อ.พงศพัศ จึงยอมรับว่าเป้ากางเกงขาด สร้างความครึกครื้นให้กับคณะผู้ติดตามทีมหาเสียง จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ จึงได้นำกางเกงตัวดังกล่าว ไปให้ร้านที่อยู่ใกล้ๆ ซ่อมแซม

 

 

 

มาร์คพลาดอีกแล้ว.. โดนสวนหน้าหงาย..

 
มาร์คไล่บี้นโยบายรถเมล์ฟรีของพงศพัศไม่เลิก.. บอกเอาภาษีคนต่างจังหวัดมาใช้เพื่อให้เฉพาะคนกรุงเทพฯ..

โดนพงศพัศสวน คนต่างจังหวัดมาอยู่อาศัยในกรุงเทพฯก็ 50%แล้ว และคนต่างจังหวัดเข้ามากรุงเทพฯก็ได้มาใช้รถเมล์ฟรี..

เล่นตอบกันแบบนี้ มาร์คคงหน้าหงายล่ะครับ อุตส่าห์หาประเด็นนโยบายเขามาจิก มาโจมตี กลับโดนซะเองอีกแล้ว..

ถ้ามาร์คไม่อยากให้คนต่างจังหวัดเสียเปรียบ ก็ประกาศนโยบายไปเลยซิว่าจะ ไม่ทำอะไรกับกทม.แล้ว เพราะทุ่มอะไรลงไปก็จะเป็นการทำให้เฉพาะคนกรุงเทพฯ..
 
 
เขาไม่เล่นนโยบายครับ เขาเล่นวิธีดิสเครดิตรายวัน ไม่ใช้วิธีเพิ่มศักยภาพตนเอง แต่เน้นทำลายศักยภาพฝ่ายตรงข้าม ด้วยคำพูด ถ้าคนหาข้อมูลอ่านเพิ่มก็จะทำความเข้าใจได้ว่าสิ่งที่คุณอภิสิทธิ์พูดมันก็แค่เรื่องใส่ร้าย แต่ถ้าคนไม่ค่อยติดตามข่าวสารหล่ะ มีคุณอภิสิทธิ์ออกมาพูดรายวัน อาจจะมีคนบางกลุ่มที่ไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มและเชื่อในสิ่งที่คุณอภิสิทธิ์พูด นี่แหล่ะคือเป้าหมายครับ

การเมืองแบบที่สมัยก่อนเรียกว่าการสาดโคลน
 
 
 
 
 
เขาไม่เล่นนโยบายครับ เขาเล่นวิธีดิสเครดิตรายวัน ไม่ใช้วิธีเพิ่มศักยภาพตนเอง แต่เน้นทำลายศักยภาพฝ่ายตรงข้าม ด้วยคำพูด ถ้าคนหาข้อมูลอ่านเพิ่มก็จะทำความเข้าใจได้ว่าสิ่งที่คุณอภิสิทธิ์พูดมันก็แค่เรื่องใส่ร้าย แต่ถ้าคนไม่ค่อยติดตามข่าวสารหล่ะ มีคุณอภิสิทธิ์ออกมาพูดรายวัน อาจจะมีคนบางกลุ่มที่ไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มและเชื่อในสิ่งที่คุณอภิสิทธิ์พูด นี่แหล่ะคือเป้าหมายครับ

การเมืองแบบที่สมัยก่อนเรียกว่าการสาดโคลน
 
 
ถ้าคิดแบบนี้ อุโมงค์ยักษ์, สนามฟุตซอล, ไม่ได้เอาเงินคนต่างจังหวัดมาผลาญเหหรออออออออออ...
 
 
 

 

 

 

 

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 17:37:48 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>