ผัก ผลไม้ 5 สี ดีมีประโยชน์
จากงานวิจัย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่า ชายไทยร้อยละ 80 กินผักผลไม้เพียง 268 กรัม/คน/วัน และหญิงไทยร้อยละ 76 กินผักผลไม้เพียง 276 กรัม/คน/วัน ซึ่งตัวเลขนี้ห่างจากมาตรฐานที่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 400-500 กรัม/คน/วัน พอสมควรทีเดียว และจากจุดนี้นี่เองที่ทำให้เราป่วยเป็นโรคง่าย เพราะได้รับคุณค่าของสารอาหารไม่เพียงพอ และอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว การไม่กินผักทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามมาอย่างมากมาย อาทิ ท้องผูก ระบบทางเดินอาหารมีปัญหา อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งและโรคหัวใจ นกนางแอ่น
ทั้งหมดจึงเป็นสาเหตุที่เราจำเป็นจะต้องหันมากินผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับไฟโตนิวเทรียนท์ที่มากพอ และการที่จะได้รับอย่างมากพอนั้น ก็ไม่ควรกินผัก ผลไม้เพียงแค่ชนิดเดียว ควรกินให้ครบ 5 สี ทั้ง แดง เหลือง เขียว ม่วง ขาว เพราะแต่ละชนิดให้คุณค่าของสารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์ที่แตกต่างกันไป
อย่างใน ผักผลไม้สีแดง ที่เห็นคุณประโยชน์เด่นชัดเลยก็คือ มะเขือเทศ ทับทิม อะเซโรล่าเชอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ หรือแม้กระทั่งลูกแอปเปิ้ลแดงก็ตาม ในผัก ผลไม้สีแดงนี้จะมีสารไลโคปิน กรดเอลลาจิก แอนโธไซยานิน และกรดแกลลิก ที่ช่วยทำให้ระบบการทำงานของต่อมลูกหมากดีขึ้น ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิดอีกด้วย
สำหรับ ผักผลไม้สีเหลืองส้ม จะช่วยในเรื่องของผิว เพราะมีเบต้าแคโรทีนอยู่จำนวนมาก เช่น แครอต ฟักทอง ข้าวโพด ใครที่กินผัก ผลไม้ประเภทนี้มากๆ ผิวจะกลายเป็นสีเหลือง นั่นเป็นเพราะสารเบต้าแคโรทีนไปสะสมอยู่ตรงบริเวณผิวหนัง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าใครมีค่าเบต้าแคโรทีนสูงๆ ก็ยิ่งมีค่าความเสี่ยงลดลง ดังนั้นหากใครกลัวว่าผิวจะเป็นสีเหลืองเพราะกินเบต้าแคโรทีนมากไป คงต้องหันไปกลัวว่าความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังจะเพิ่มมากขึ้นแทนดีกว่า
ผักผลไม้สีเหลืองยังมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล และยังมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นฝ้าด้วยว่าลองกินมะละกอห่ามๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานถึง 2 ปี มีสิทธิ์ทำให้สีผิวหน้าที่เป็นฝ้าลดลงได้ รวมทั้งข้าวโพดเหลืองๆ ที่ช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาของดวงตาได้อีกด้วย